รวยชั่วข้ามคืน?! - ตอนที่ 391 ถูกเหยียดหยาม
บทที่ 391 ถูกเหยียดหยาม
“คุณอึ้งย้งช่างเปิดโลกทัศน์จริง ๆ ท่วงท่ากวัดแกว่งดาบอ่อนอันห้าวหาญเมื่อครู่ เกินจะลืมเลือน ที่แท้คือฮีโร่หญิงนี่เอง แต่ฉันเองก็ทำได้นะ ฮ่าฮ่า ที่กัดหูคนร้ายเมื่อกี้นี้น่ะ”
“คุณอึ้ง ที่ฉันทำเมื่อกี้ก็พอใช้ได้นะ เตะโดนตั้งหลายทีแหนะ”
“ฉันก็เหมือนกัน ฉันเพิ่งตีไอ้ผมทองนั่นไปตั้งสองครั้ง ตีจนเขาด่าพ่อล่อแม่เลย”
พวกนักเรียนชายรวมตัวกันหน้าอึ้งย้ง บรรยากาศคึกคักมาก เห็นได้ชัดว่ากำลังโปรโมทตัวเองให้กับอึ้งย้ง โชว์ความกล้าหาญของตัวเองมาอย่างชัดเจน
ความจริงแล้วการได้ร่วมสู้กับเทพธิดาก็เป็นเรื่องที่มีความสุข กำลังของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นมาอย่างชัดเจนโดยไม่รู้ตัว
……
อึ้งย้งยิ้มบาง ๆ แล้วไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่พยักหน้าให้ทุกคน “พวกนายกล้าหาญมาก สุดยอดมาก ฉันได้เห็นแล้วล่ะ……”
ทันทีที่คำพูดนั้นเอ่ยออกมา เหล่านักเรียนต่างตื่นเต้นดีอกดีใจกันถ้วนหน้า ได้รับการชมเชยจากเทพธิดา ช่างเป็นเกียรติจริง ๆ คุณอึ้งนี่อ่อนโยนเข้ากับบุคคลได้ทุกชั้นจริง ๆ
นักเรียนคนหนึ่งกุมแผลที่แขนแล้วอ้าปากยิ้ม ถึงจะได้รับบาดเจ็บแต่ก็คุ้มค่าแล้ว
“แต่ว่า เมื่อกี้ตอนที่พวกเราเข้าร่วมต่อสู้กับกองกำลังชั่วร้าย มีเพียงสายตาเย็นชาของชายคนหนึ่งยืนดูอยู่ข้าง ๆ มาเฝ้าดูความตื่นเต้น จิ๊จิ๊…..” บางคนในฝูงชนกล่าวอย่างไม่พอใจ
“ใช่แล้ว ฉันรู้ว่าเป็นใคร…..” อึ้งย้งหยิบประเด็นนี้ขึ้นมาพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก
ทุกคนเบนสายมองไปด้วยการยุยงของอึ้งย้ง สายตาของผู้คนพลันจดจ้องไปยังฉินหลั่งทันที ในแววตานั้นมีทั้งความสงสัยและเหยียดหยาม
แม้แต่จงยู่เอง ท่าทีที่ทุกคนมองเธอก็ล้วนนิ่งสนิท โลกนี้ยังมีสาวสวยแบบนี้อยู่อีก แถมดูเหมือนว่า ความสัมพันธ์กับชายคนนี้จะไม่ธรรมดา
ริษยา และเหยียดหยาม……
“ชายที่ไม่ไยดีจะช่วยแม้คนใกล้ตายจะยังถือเป็นลูกผู้ชายอีกเหรอ? จิ๊จิ๊ น่าอับอาย….”
“ฉันเดาว่านายกลัวจะฉี่ราดใช่มั้ยล่ะ ถึงยังไงนี่ก็เป็นฉากที่มีให้เห็นแค่ในหนังเท่านั้นนี่นา”
“ขี้ขลาด ขี้ขลาดสุดด ๆ ถ้าฉันขี้ขลาดนี้คงฆ่าตัวตายไปแล้ว….”
“มัวแต่มองอยู่ข้าง ๆ อยู่ได้ จริงๆ เลย…..”
ผู้คนติดตามสายตาของอึ้งย้งและเริ่มเหยียดหยามด้วยคำพูดน่าเกลียดคำแล้วคำเล่า
จงยู่ย่นหน้า ดึงชายเสื้อของฉินหลั่งเบา ๆ “พวกเราไปเถอะ ตอนนี้เธอไม่เป็นไรแล้ว”
เธอกลัวว่าพอฉินหลั่งโกรธแล้วจะตบคนพวกนั้นลอยขึ้นฟ้าไปเลย แต่ด้วยนิสัยของฉินหลั่งที่สงบนิ่งกว่าคนทั่วไปถึงสิบเท่า คำพูดของคนพวกนั้นก็เป็นได้แค่ลมที่พัดผ่านหูของเขาเท่านั้นเอง
ฉินหลั่งยิ้มฟันขาวมุมปากเหยียดตึง ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนขี้ขลาด ตรงกันข้าม กับหล่อเหลาชวนให้หลงใหล
ในตอนนั้นเองก็มีนักเรียนหญิงคนหนึ่ง ออกมาพูดแก้ต่างให้กับฉินหลั่ง
“พวกนายมีสิทธิ์อะไรไปว่าคนอื่น ถ้าตอนที่พวกเราเองถูกหักขา จะกล้ำกลืนฝืนทนอย่างนั้นเหรอ? ตอนนี้เห็นเพื่อนอยู่แท้ ๆ …..เห็นเพื่อน…..เฮ้อ ช่างเถอะ ไม่พูดแล้ว….”นักเรียนหญิงกลืนคำหลังกลับลงไป ละอายที่จะพูด
“นั่นน่ะ คนอื่นเขาไม่ได้ขี้ขลาดแบบพวกนายนะ เขาอาจจะมีเหตุผลอื่น…..”
“ไม่สิ คนเขาจะทะเลาะกับพวกนายมั้ยแล้วมันเกี่ยวกันตรงไหน ใครเป็นคนกำหนดกันว่าจะต้องสู้กับพวกนาย….”
นักเรียนหญิงหลายคนที่คุยกันจ๊อกแจ๊กจอแจนั้นกลับพูดกับฉินหลั่ง ทำให้กลุ่มคนเหล่านั้นฟังอย่างตะลึง
ใช่แล้ว ฉินหลั่งจะสู้ไม่สู้ก็ไม่ใช่เรื่องของใคร มีสิทธิ์อะไรไปวิจารณ์คนอื่น แน่นอนว่าพวกเขาก็เข้าใจเหตุผลนี้ด้วย
อึ้งย้งกลับส่งเสียงฮึออกมา สีหน้าหน้าไม่พอใจอย่างยิ่ง เหตุผลหลักนั้นคือฉินหลั่งไร้คุณธรรม ดาบจ่อคอเธออยู่แล้ว เขากลับยืนไม่ส่งเสียงอะไรซักคำ ไม่ใช่ลูกผู้ชายแล้วจริง ๆ
เฮ้อ หลังจากดูผลรายงานบนทีวีแล้ว อึ้งย้งก็รออยู่ที่นั่นกว่าสิบชั่วโมง เข้าร่วมกับกองกำลังชั่วร้ายโดยไม่เสียดาย ก็เพื่อที่จะคุยกับฉินหลั่งไม่กี่ประโยค และพัฒนาความรู้สึก แต่ที่ฉินหลั่งทำกับเธอมันแย่เกินไปแล้วจริง ๆ
เลวสิ้นดี!
ตอนนี้เธอผิดกับฉินหลั่งอย่างบอกไม่ถูก ยอดฝีมืออะไร ไม่แน่ว่าเจ้าตุ้งติ้งที่ถูกยกยอปอปั้นนั่น จะแสร้งแสดงท่าทีเป็นเย็นชา เหมือนเป็นยอดฝีมือที่ใครไม่อาจเทียบ เดี๋ยวนี้ผู้ชายที่แอบอ้างหลอกลวงแบบนี้ยังมีอีกเหรอเนี่ย?
“พอแล้ว พวกนายอย่างไปรังแกผู้ชายอ่อนแอแบบนั้นสิ ไม่แน่ว่าที่เขาไม่อยากช่วย ก็แค่เพราะมีความกล้าน้อยเกินไปเท่านั้นเอง พวกเราไม่ควรหยาบคายเกินไปนะ….”อึ้งย้งถอนหายใจพลางพูด คำพูดของเธอใจดำมาก มีเพียงความผิดหวัง เรื่องอื่น ๆ ในใจนั้นก็ไม่สนใจอีก ความชื่นชมต่อชายคนนี้ดับวูบและสิ้นสุดลงนับแต่นั้น
ฉินหลั่งสีหน้าสงบดุจน้ำนิ่ง เพียงแค่มดปลวกเท่านั้น วันนี้ตัวเองจะใจกว้างสักครั้ง ปล่อยไปสักครั้งก็แล้วกัน จะให้ลงมือก็ออกจะเสียศักดิ์ศรี
ผู้คนต่างคิดว่าอึ้งย้งไม่ต้องกลั่นแกล้งฉินหลั่งแล้ว บวกกับนักเรียนหญิงหลายคนที่เอนเอียงไปทางฉินหลั่ง ถึงได้หยุดพูดลง
แต่สายตาที่มองไปยังฉินหลั่ง ยังคงเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยัน
“คนสวย พวกเราทุกคนไปเล่นสเก็ตน้ำแข็งด้วยกันดีกว่า ว่ายังไงล่ะ?”
นักเรียนคนหนึ่งเอ่ยเชิญชวนอึ้งย้งอย่างอดใจไม่ไหว ซึ่งเป็นเสียงในใจของคนส่วนใหญ่ด้วย
ขณะที่อึ้งย้งกำลังจะตอบกลับ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักดังมาแต่ไกล ฟังดูแล้วเหมือนจะรีบร้อนมาก
“ที่หญ้านั่น ดูสิ คนของแก๊งม้าคงจะมาแล้ว!”
ในตอนนั้นทุกคนถึงตระหนักได้ว่า ที่เบียดเสียดแย่งกันคุยกับอึ้งย้งเมื่อครู่ จนพลันลืมไปแล้วว่าคนของแก๊งม้าจะกลับมาอีกครั้งและตอบโต้พวกเขา นี่คืออาณาเขตของกองกำลังชั่วร้ายนะ
ครืน!
ทันใดนั้นทุกคนในที่นั้นต่างพากันหันมองไปยังที่ไกลออกไปนั้น เห็นเพียงเงาทะมึนสีดำที่พุ่งออกมากว้างทุ่งหญ้า รับรู้ได้ถึงจิตสังหารอันรุนแรง!
ยิ่งกว่านั้น ในมือของพวกเขายังถือดาบยาววาววับ ดูราวกับจะพุ่งดิ่งเข้ามาฆ่าอย่างนั้น!
“นี่….มันสถานการณ์อะไรกัน?….”ผู้คนต่างตะลึงลาน บางคนถึงกับแข้งขาอ่อน
เมื่อครู่เป็นเพียงความขุ่นเคืองต่อสิ่งที่ไม่เป็นธรรมเพียงชั่วขณะ ในตอนนี้ส่วนใหญ่นั้นสงบลงแล้ว แน่นอนว่าต้องสัมผัสถึงภัยคุกคามที่กำลังจะมาถึง!
เพียงชั่วพริบตา ชายชุดดำร่างใหญ่บ้าเลือดเหล่านั้นก็วิ่งเข้าใส่กลุ่มคน ด้านหลังนั้นมีเบนซ์สีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ผมทองลงมาจากรถ โดยมีผ้าพันแผลสีขาวพันหนาอยู่รอบขา เขาพิงไม้ค้ำอะลูมิเนียม แล้วคำราม
“ไอ้แก๊งเวรนี่แหละ!”
เพียงชั่วขณะชายชุดดำก็โอบล้อมกลุ่มคนนั้นไว้ได้ คาดว่าจะมีถึงสี่ห้าร้อยคน มากมายยิ่งใหญ่จนพาให้สั่นสะท้าน
คนทั้งหมดต่างตะลึงลาน สีหน้าซีดยิ่งกว่าซีด หัวใจเต้นโครมคราม ในสมองสูญเสียการควบคุมโดยสิ้นเชิง เปลี่ยนกลายเป็นว่างเปล่า!
ท่าท่างเหมือนจิงโจ้ของผมทองดูน่าตลกขบขัน แต่ฝูงชนทั้งหลายไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ยิ้มออก!
“พวกมันทำร้ายคนของเรา หนี้230,000หยวนก็ไม่คืน!”ผมทองตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ใบหน้าที่ยู่ยับจนน่าเกลียดเต็มไปด้วยความแค้น!
ถึงไม่รู้ว่าเขากำลังพูดกับใคร แต่มันก็ยังน่าหวาดผวามาก!