รวยชั่วข้ามคืน?! - ตอนที่ 374 หัวหน้าแก๊งผู้ยิ่งใหญ่
บทที่ 374 หัวหน้าแก๊งผู้ยิ่งใหญ่
“โอหังหรือ?” ผู้แก่ยิ้ม กุมมือพูดว่า “ได้ยินว่าบ้านตระกูลจงของเย็นจีน ก็พอมีชื่อเสียงกะเขาอยู่บ้าง ได้เห็นวันนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับกบในกะลา ยิ่งใหญ่ได้แต่ในกาน้ำชา”
“คุณพูดอะไร?” คนของบ้านตระกูลจงผลักโต๊ะออก หยิบอาวุธครบมือ บางคนก็ขึ้นลำปืน รอเพียงคำสั่งของจงจิ่วเจิน จะไม่เกรงใจไอ้นี้แล้ว
กล้ามาลบหลู่บ้านตระกูลจงต่อหน้าจงจิ่วเจิน ยังทนได้หรือ? บ้านตระกูลจงไม่ใช่ตระกูลที่จะให้ใครมาเยอะเย้ยได้ง่ายๆ
บอดี้การ์ดจากด้านนอก ก็ถูกเรียกเข้ามา งานเลี้ยงของบ้านตระกูลจงดีๆ กลับมาถูกทำลายเสียแล้ว
ผู้แก่ไม่ได้มองสีหน้าที่กำลังโมโหของพวกเขา แต่ตนเองกลับหัวเราะเบาๆ “ไม่มีความอดทน ไอ้พวกไม่เอาถ่าน ไม่ต้องถึงกับให้ผมดูถูกบ้านตระกูลจงของพวกคุณหรอก ตระกูลที่ได้รับการติเตียนจากผมนั้น ในโลกนี้มีไม่มากเสียด้วยซ้ำ”
ถึงแม้จงจิ่วเจินจะไม่พอใจ เพราะถึงอย่างไรก็ผ่านอะไรมามาก เขาเองก็ไม่รู้ว่าฝั่งตรงข้ามเป็นมิตรหรือศัตรู และไม่รู้เป็นใครมาจากไหน จากนั้นก็มองคนบ้านตระกูลจงไปรอบๆ แล้วพูดว่า “พวกแกนั่งลงก่อน เมื่อครู่นี้ท่านบอกว่า ลี่ไห่ซาไม่ได้เก่งกาจอะไร เช่นนั้นท่านก็คงจะเก่งกว่าลี่ไห่ซาเป็นร้อยเท่าละสิ?”
“ฮ่าฮ่า” ชายแก่ผมขาว ตอบเบาๆ “ลี่ไห่ซานะหรือ มันเป็นหัวหน้าผู้คุ้มกฎของแก๊งหัวชิง พอมีชื่อในยุทธภพ ตอนนั้นผมเห็นมันฝึกวิชามาไม่หยุดหย่อน มานั่งคุกเข่าข้างประตูสำนักผม 10วัน10คืน ไม่ได้กินข้าวกินน้ำ แล้วสลบไป ผมเห็นใจที่มันมีความตั้งมั่น ก็เลยสั่งสอนไปนิดหน่อย ไม่คิดว่ามันจะพัฒนาฝีมือได้มาก สร้างชื่อให้ตนเองได้”
จงจิ่วเจินก็ตกใจ ในใจคิดว่า ไอ้แก่นี้ดูเหมือนจะไม่ได้โกหก ถ้าเช่นนั้น ฝีมือของชายแก่นี้ ก็คงจะเก่งกว่าลี่ไห่ซาไม่รู้เท่าไร ถึงว่า ถึงได้ดูหมิ่นลี่ไห่ซาอยู่ลึกๆ ว่าไม่ได้เก่งกาจอะไร
คนอื่นๆ ของบ้านตระกูลจง ก็อ้าปากค้าง ลี่ไห่ซาเป็นใคร พวกเขาก็รู้ดี ส่วนบ้านตระกูลจงนั้น แม้แต่ลูกศิษย์ของลี่ไห่ซา ก็ยังรับมือไม่ไหว ยังต้องให้ฉินหลั่งมาออกหน้าแทน
ทุกคนตั้งใจมองชายแก่นี้อย่างละเอียด ยังมีความองอาจ แต่รูปลักษณ์นั้นเป็นคนไม่สูง ไม่ได้มีความแปลกอะไร อย่างมากก็แค่มีสายตาก้าวร้าวก็เท่านั้น
แต่ชายชาวตะวันตกด้านหลังเขานั้น องอาจไม่เบา จ้องจะหาเรื่อง สวมเครื่องแบบศิลปะการต่อสู้ของจีน หน้าตาดูฉลาด พอเห็นก็รู้ว่ามือฝีมือไม่ธรรมดา
“คุณมาที่นี่ มีเรื่องอะไรหรือ?” จงจิ่วเจินก็เริ่มมีท่าทางที่มีมารยาทมากขึ้น ทางที่ดีก็อย่าได้หาเรื่องคนนี้ จะสร้างศัตรูไปทั่ว ก็ไม่ใช่เรื่องดี ต้องดูก่อนว่าคนที่มาต้องการอะไร
ผู้แก่ไม่ได้ตอบอะไร แต่มองไปรอบๆ พอดีว่าเป็นนอกประตูมีระฆังใหญ่อันหนึ่ง ระฆังอันนั้นวางอยู่ในบ้านตระกูลจงมากหลายปี น่าจะหนักหลายตัน หลายปีก่อนพวกแก๊งใต้ดินของเย็นจีน รวมเงินกันก่อสร้างให้กับบ้านตระกูลจง วางไว้ในบ้านตระกูลจงเป็นกุศโลบายว่า มองทุกอยางในโลกเป็นเรื่องปกติ
ระฆังใหญ่อยู่ในสวนหญ้า สีทองแดงเปล่งประกายออกมา หลายปีแล้ว ระฆังนั้นไม่ได้ถูกแขวน เป็นเพียงสิ่งของบอกฐานะของตระกูลจง
ผู้แก่เดินมาด้านหน้าของระฆัง เอามือตีลงไปที่ระฆังเบาๆ ได้ยินเสียงดังออกมา ดังกังวาน เสียงเพราะมาก ทุกคนก็มองหน้ากัน เดาไม่ออกว่าผู้แก่จะทำอะไร
“เป็นระฆังที่ดีจริงๆ !”
ผู้แก่พยักหน้า ยิ้มพูดว่า “ระฆังนี้ เป็นยอดของระฆังทั้งปวง แต่วางอยู่ที่พื้นตลอดเวลา ต่อให้ของดีแค่ไหน แล้วจะมีประโยชน์อะไร?”
จงจิ่วเจินไม่เข้าใจ ได้แต่มองไปที่ผู้แก่นิ่งๆ ไม่ได้ตอบอะไร
พอเห็นผู้แก่นั่งยองลงไป สองมือจับไปที่ฐานของระฆัง ออกแรงเล็กน้อย ระฆังที่หนักเป็นตันนั้น ก็ถูกเขายกขึ้นมา แล้วเอาสูงเลยหัวไป สีหน้าก็ยังดูเป็นปกติ
“โห……….”
ทุกคนก็ต่างตะลึงงัน สามารถยกระฆังนี้ขึ้นมาได้ อาวุธในมือของคนบ้านตระกูลจงก็ร่วงลงที่พื้น อ้าปากค้าง พูดไม่ออก ตกใจกับกำลังของผู้แก่นั่น
พอมองผู้แก่ไป หน้าไม่แดง ไม่หายใจเร็ว เหมือนกับสิ่งที่กำลังยกอยู่นั้น เป็นเพียงสิ่งของที่ทำจากปุยฝ้าย
ก่อนหน้านี้ ไม่มีใครกล้าที่จะลองยกระฆังนี้ ถ้าเป็นฉินหลั่ง จะมายกระฆังนี้ ก็เกรงว่าจะเป็นไปไม่ได้
ลูกตาของทุกคนแทบจะถลนออกมา ถ้าไม่เห็นกับตา ก็ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งมหัศจรรย์นี้
ระฆังถูกยกลอยในอากาศ ผู้แก่ก็เดินไปยังต้นไม้ใหญ่ในสวน แต่ละก้าวที่เดินไป แผ่นหินก็แตกทีละแผ่นๆ มองไปดีๆ ก็เห็นเป็นรอยเท้าที่ไม่เท่ากัน
แต่สุดท้าย ผู้แก่ก็เอาระฆังแขวนไว้ยังกิ่งของต้นไม้ใหญ่ แต่จะให้ต้นไม้ขนาดคนโอบมารับน้ำหนักของระฆังทองแดง ก็คงไม่ไหว เสียงดังโครม กิ่งไม้หัก
“ฮ่าๆ ต้นไม้เอ๋ย แรงเจ้าไม่เท่าข้าเลยนะ” ผู้แก่ยิ้มๆ แล้วก็เอามือรับระฆังที่ร่วงลงมา แล้วค่อยๆ วางลงที่พื้น
“เป็ง!” เสียงระฆัง
ดินสะเทือนไปทั้งบ้านตระกูลจง แผ่นดินสั่นไปหมด
ไม่มีใครกล้าเข้ามาห้าม เพราะว่าคนคนนี้มีกำลังมากมาย แม้แต่ผู้พิทักษ์ทั้งสี่แห่งของสำนักช้างจันทราก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีแรงเท่าผู้แก่คนนี้
จงจิ่วเจินขมวดคิ้ว คนดีไม่มา คนมาไม่ดี กำลังจะอวดวิชานี่เอง!
“จ้านอู๋หยา ถ้าผมเดาไม่ผิด ก็น่าจะเป็นคุณใช่ไหม?” จงจิ่วเจินยกคิ้วสูงขึ้นถาม ดูเหมือนว่า วันนี้ตระกูลจงจะมีภัยครั้งใหญ่อีกแล้ว
ทุกคนก็ผงะ!
“เขาก็คือจ้านอู๋หยาอย่างนั้นหรือ? ทำไมถึงมาที่ประเทศจีน นี่เป็นบุคคลที่เว็ปไซต์ต่างๆ กล่าวถึงเลยนะเนี่ย”
“หัวหน้าแก๊งแก๊งหัวชิง มาเองเลย”
“เกรงว่า คงจะไม่ได้มาดีแน่ๆ? ไม่เช่นนั้นคงไม่ทำเช่นนี้?”
ทุกคนรู้ดีว่าแก๊งหัวชิง เป็นศัตรูสำคัญของตระกูลจง เป็นที่พึ่งใหญ่ของตระกูลซ่งเมื่อก่อน ครั้งนี้ตระกูลจงคงจะเจอภัยครั้งใหญ่เสียแล้วสิ
“อืม นับว่าคุณยังอ่านหนังสือบ้าง ถึงได้รู้จักจ้านอู๋หยา” ผู้แก่วางระฆังลง แล้วยืนกุมมือ แล้วมองไปยังผู้คนที่กำลังตกใจ
จงจิ่วเจินผ่านอะไรร้ายๆ มาเยอะ ไม่เคยตกใจกับปัญหา แต่ครั้งนี้เขาตกใจเล็กน้อย แล้วก็ยกมือคำนับว่า “หัวหน้าแก๊งแก๊งหัวชิงมาเยือน ผมไม่ได้ต้อนรับให้ดี ท่านมาเพื่อแก้แค้นหรือ?”
จริงๆ เขาก็ตกใจ แต่ในใจได้มองภาพที่เลวร้ายที่สุดไปแล้ว คนไม่กลัวความตาย แล้วจะกลัวตายทำไมกัน? อย่างมากก็ตายกันข้างหนึ่ง
จากสิ่งที่จงจิ่วเจินทำ คนของตระกูลจงทั้งหมด ก็เตรียมรับมือ สีหน้าจริงจัง เพื่อเตรียมตัวสู้กับความเป็นตาย
จ้านอู๋หยาค่อยๆ เดินเข้ามา พูดเบาๆ ว่า “ก็แค่ตระกูลจง ผมมองพวกคุณเป็นเพียงมดตัวเล็ก จงจิ่วเจิน ฉินหลั่งอยู่ที่ไหน?”
จงจิ่วเจินผงะ แล้วพูดว่า “คุณฉินได้จากตระกูลผมไปแล้ว เมื่อครึ่งเดือนก่อน ดูเหมือนท่านจะมาหาผิดที่แล้ว” น้ำเสียงที่มั่นคง และไม่ว่อกแว่ก
“โอ๋? อย่างนั้นหรือ?” สายตาที่เฉียบคมของจ้านอู๋หยา มองไปรอบๆ เหมือนกับความเย็นของฤดูหนาวสาดส่องไปทั่ว ทุกๆ คนต้องตัวสั่นระริกด้วยความกลัว
“ตู้ม!”
จ้านอู๋หยากระโดดลอยไป ระฆังใหญ่นั่นลอยไปตามลม กระแทกไปยังกำแพงบ้านของตระกูลจง จนกำแพงทะลุเป็นช่องใหญ่