รวยชั่วข้ามคืน?! - ตอนที่ 353 ฉินหลั่งฉันรักคุณ
บทที่ 353 ฉินหลั่งฉันรักคุณ
ณ พื้นที่หิมะอันกว้างไกลมืดสลัว
มีเสียงร้องดังเป็นระยะๆ
ที่ปลายขอบฟ้ามีเงาดำๆสองเงา พวกเขากำลังเดินท่ามกลางหิมะหนาอย่างยากลำบาก
เงาดำๆใหญ่ขึ้นอย่างช้าๆ หิมะไม่ถึงเข่าของพวกเขา ครืดๆๆ……
“ผู้พิทักษ์เฟิงเย่ว ออกแรงอีกหน่อย อีกวันเดียวเราก็จะถึงอินเดียแล้ว”ผู้พิทักษ์หลั่งเย่วพูดด้วยความหอบ
“อากาศแบบนี้ ธิดาเทพแห่งพรรคคงไม่เป็นไรหรอกนะ?”ผู้พิทักษ์เฟิงเย่วถือไม้ตะบองอยู่ในมือ เคราปกคลุมไปด้วยหิมะ บนหลังของเขาแบกถุงผ้าใหญ่ๆอยู่หนึ่งใบ ในถุงนั้นคือจงยู่ ธิดาเทพแห่งพรรคของสำนักช้างจันทรา
“ถ้าธิดาเทพแห่งพรรคเป็นไรไป ถึงพวกเรากลับถึงอินเดียแล้ว ก็ตายเหมือนกัน!ฉันมอบธิดาเทพแห่งพรรค ให้กับสำนักช้างจันทราที่มีฝีมือเก่งกล้าที่สุด เพิ่มพลังต้านความหนาวให้เธอ คุณไม่ต้องกังวล ถึงเราจะต้องหนาวตาย ธิดาเทพแห่งพรรคก็ยังปลอดภัย”
“งั้นก็ดี……เรารีบเดินเถอะ”ผู้พิทักษ์เฟิงเย่วเดินพลางไอ เขาและผู้พิทักษ์หลั่งเย่วได้รับบาดเจ็บภายในอย่างหนัก ถ้าไม่ใช่เพราะจงรักภักดีต่อสำนักช้างจันทรา บางอาจล้มตายอยู่ข้างถนนไปนานแล้ว
……
บ้านตระกูลจง
เมื่อจงจิ่วเจินพูดเรื่องที่เขารู้ทั้งหมดจบ ฉินหลั่งจึงรู้ถึงสถานการณ์ของจงยู่ เมืองอมูลอง ดูเหมือนว่าเขาควรไปสักหน่อยแล้วล่ะ
เวลาเร่งรีบ ฉินหลั่งไม่ล่าช้ารีบออกเดินทางไปยังอินเดียทันที และพกป้ายหยกหงส์ไปด้วย
ไม่ได้บอกกล่าวกับใคร เขาปฏิเสธคำแนะนำของจงจิ่วเจิน ที่จะส่งคนไปเพิ่ม การเดินทางครั้งนี้อันตราย ประการแรกคือเวลาไม่พอหากยังเพิ่มคนไปช่วยอีก สำหรับฉินหลั่งแล้วเหมือนเป็นภาระ
ผ่านไปอย่างรวดเร็ว!
……
หลังจากผ่านการเดินทางที่ยากลำบาก ในที่สุดผู้พิทักษ์หลั่งเย่วและผู้พิทักษ์เฟิงเย่วก็ถึงสำนักใหญ่ของสำนักช้างจันทรา หลังจากได้รับรายงานของผู้พิทักษ์ทั้งสองแล้ว ซ่าหมี่เทอไม่พอใจนัก:
“ว่าไงนะ ป้ายหยกหงส์ก็ตกอยู่ในมือบ้านตระกูลจงใช่ไหม?”
“ครับ หัวหน้าสำนัก ตอนนั้นสถานการณ์คับขัน ผู้พิทักษ์ฉานเย่วกับผู้พิทักษ์เห้าเย่วบาดเจ็บสาหัสจนสลบไป โดนชายหนุ่มชื่อฉินหลั่งจับเป็น ส่วนพวกเราก็พาธิดาเทพแห่งพรรคกลับมาอย่างสุดชีวิต”
ในสถานการณ์ตอนนั้น ผู้พิทักษ์หลั่งเย่วและผู้พิทักษ์เฟิงเย่วสามารถพาจงยู่กลับอินเดียมาได้ ถือว่าโชคดีมากแล้ว หากช้าไปแค่ก้าวเดียว ไม่ใช่โดนคนบ้านตระกูลจงซ้อมตายนะ แต่เป็นถูกตำรวจรวบตัวไปต่างหาก
แต่ซ่าหมี่เทอไม่พอใจแม้แต่น้อย เขาลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง คิ้วกระตุกไปมา:
“เรื่องเล็กๆแค่นี้ก็จัดการไม่ได้ เห็นอยู่ว่าเจอป้ายหยกแล้ว แต่กลับหนีออกมา ฉันสำนักช้างจันทราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?พวกแกไปสารภาพบาปกับท่านเทพเองเถอะ”
สีหน้าผู้พิทักษ์หลั่งเย่วและผู้พิทักษ์เฟิงเย่วดูไม่ได้เลย แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดแก้ตัวอะไร ลุกจากพื้นและถอยหลังช้าๆออกไป หลังจากออกไปได้ไม่ถึง1นาที ก็มีเสียงดังออกมาจากด้านนอก และมีศพ2ศพนอนอยู่นอกประตู
ผู้พิทักษ์หลั่งเย่วและผู้พิทักษ์เฟิงเย่วฆ่าตัวตาย……
ในพจนานุกรมของสำนักช้างจันทรา สารภาพบาปหมายถึงการตาย คำสั่งของซ่าหมี่เทอไม่อาจแปรเปลี่ยนได้ ดังนั้นผู้พิทักษ์หลั่งเย่วและผู้พิทักษ์เฟิงเย่วจึงต้องตายอย่างเลี่ยงไม่ได้
ซ่าหมี่เทอโบกมืออย่างรังเกียจ จากนั้นคนรับใช้ก็นำศพของผู้พิทักษ์ทั้งสองออกไป ตอนนี้เป็นตอนกลางคืนพอดี ดวงจันทร์ที่อยู่บนท้องฟ้า ประดับไปด้วยดวงดาว เป็นภาพที่หาดูได้ยากจริงๆ
บนแท่นบูชาอันลึกลับ มีคบเพลิงลุกโชนอยู่ แม่มดอินเดียที่สวมเสื้อผ้าแปลกๆ ตีกลองชนิดหนึ่งปากพลางร่ายคาถา และเต้นรำล่างแท่นบูชา
ด้านล่างแท่นบูชามีเสาหินขนาดใหญ่ เสาหินอันตรงกลางล่ามโซ่หญิงสาวอยู่คนหนึ่ง ภายใต้เปลวไฟผิวของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นน้ำตาลเข้ม เธอฟื้นแล้ว สายตาเต็มไปด้วยความงุนงงและความเจ็บปวด ร่างกายที่สวยงามสั่นไหวไปตามแรงลม
“ธิดาเทพแห่งพรรคที่แท้จริง กับผู้หญิงคนอื่นๆนั้นไม่เหมือนกัน บุคลิกแบบนี้ท่านเทพต้องชอบแน่ๆ”
ซ่าหมี่เทอยืนอย่างเคารพอยู่ข้างๆ พลางพูดชื่นชม
“ท่านเทพรอมานานแล้ว และเพื่อการบูชายัญในครั้งนี่ พวกลูกศิษย์ก็รอมานานแล้วเช่นกัน เมื่อการบูชายัญในค่ำคืนนี้สำเร็จ ท่านเทพจะคุ้มครองลูกศิษย์ทุกๆสำนัก สำนักช้างจันทราจะถูกเผยแพร่ไปทั่วทุกแห่ง”
ตอนนี้เสียงตีกล่องดังรัวขึ้น แม่มดส่ายไปมาอยู่ด้านบนอย่างบ้าคลั่ง พลางร่ายคาถาเร็วขึ้นอีกเช่นกัน
“อีกไม่นาน ก็จะถึงช่วงฤกษ์งามยามดีของการบูชายัญ”ซ่าหมี่เทอพูด
คนรับใช้สองคนวิ่งไปยังสองด้านของแท่นเสา พวกเขาสวมชุดสีดำสุดเคร่งขรึมของสำนักช้างจันทรา ในมือถือคบเพลิงขนาดใหญ่สองอัน ยืนประกบข้างจงยู่
จู่ๆจงยู่ก็นึกอะไรขึ้นได้ ดวงตาคู่สวยของเธอหลังน้ำตาออกมา เธอดิ้นจากโซ่บนตัวสุดกำลัง แน่นอนว่าเสียแรงเปล่า เธอรู้ว่าตนใกล้ตายแล้ว คนสำนักช้างจันทราเอาเธอเป็นเครื่องบูชายัญเทพเจ้า ส่วนแม่ของเธอก็อยู่อินเดียเหมือนกัน เป็นคำโกหกที่ไร้ยางอายที่สุดในโลก!
เรื่องในอดีตค่อยๆฉายขึ้นมาทีละฉากๆ จงยู่เหมือนจะเห็นใบหน้าอาบน้ำตาของแม่ คุณตาที่น่ารักของตน แล้วก็ฉินหลั่ง การฝึกบำเพ็ญเพียร500ปีก่อน แลกกับการมองย้อนกลับไปในชาตินี้ เธอรับรู้ได้ถึงความรักอันแรงกล้า !
“ฉินหลั่ง!ฉันรักคุณ! ชาติหน้าพวกเราอยู่ด้วยกันอีกดีไหม?”จู่ๆจงยู่ก็ตะโกนออกมา ในน้ำเสียงไม่มีความเศร้า ความหวาดกลัว แต่เป็นเสียงที่อ่อนหวาน
“คุณดูสิ คุณเห็นไหม?ดาวที่ส่องสว่างที่สุดดวงนั้น!คือฉันเอง!ฉันจะมองดูคุณ ให้กำลังแก่คุณจากบนฟ้าเสมอ!”
จงยู่ตะโกนพลางมองไปที่ดวงดาว เธอคิดว่าต้องตายวันนี้ก็ไม่แย่อะไร ในที่สุดเธอก็หาดวงดาวที่ส่องสว่างที่สุดดวงนั้นเจอแล้ว!
“ฉินหลั่ง คุณได้ยินรึยัง คุณได้ยินที่ยู่เอ๋อของคุณพูดไหม?”จงยู่ตะโกนสุดเสียง จู่ๆเธอก็หลับตาและร้องไห้ออกมา เธอไม่อยากจากฉินหลั่งไปมากๆ
“เห้อ ร้องไห้อีกแล้ว?ฉันจะบอกให้นะยู่เอ๋อ ไม่ว่าคุณจะอยู่ไกลแค่ไหน เพียงคุณร้องเรียกชื่อของผม ผมก็จะปรากฏตัว……”
จู่ๆก็มีเสียงของชายคนหนึ่งดังจากข้างเสาหิน เสียงนั่นมีพลังมากๆ ทำให้จงยู่ตกตะลึง และมองไปรอบๆ เธอคิดว่าตัวเองหลอนไปเอง เพราะผู้ชายที่รักเธอเหนือสิ่งอื่นใดนั้น ร่วงลงมาจากฟ้า
จงยู่โดนหยิกจมูกไปทีหนึ่ง เธอมองฉินหลั่งด้วยความประหลาดใจ ไม่รู้เขามาจากทางไหน ตาเปียกชื้นเล็กน้อย ยิ้มพลางมองเขา
“ฉินหลั่ง!”ความรู้สึกของจงยู่ระเบิดออกมาแล้ว น้ำตาไหลพราก แต่รอยยิ้มของเธอนั้นยิ้มได้อย่างมีความสุขมากๆ เพราะในที่สุดผู้ชายของเธอก็ปรากฏตัวแล้ว
“คุณมาได้ทันเวลาพอดี บางที่นี่อาจเป็นการเจอกันครั้งสุดท้ายของเรา”จงยู่พูดออดอ้อน
“เด็กโง่ ไม่หรอก เรายังต้องมีลูกอีก5-8-10 คน ไหนจะเที่ยวรอบโลกอีก”ฉินหลั่งพูด
“งั้นเหรอ ฉันดีใจจัง ฉินหลั่ง ขอบคุณนะ ขอบคุณความรักที่คุณมอบให้ฉัน……”จงยู่ร้องไห้โฮออกมาอีกรอบ
ทั้งคู่ไม่ได้สนใจสำนักช้างจันทรา แม่มดหยุดทำพิธีและมองไปยังคู่รักคู่นั้นที่กำลังพูดความในใจกันอยู่
“บังอาจ!”ซ่าหมี่เทอพูดเสียงเคร่งขรึม นี่เป็นการดูหมิ่นธิดาเทพแห่งพรรค และล่วงเกินสำนักช้างจันทรา เขาในฐานะหัวหน้าสำนัก ไม่อาจให้ใครมารบกวนการบูชายัญอันศักดิ์สิทธิ์ของสำนักช้างจันทราได้เป็นอันขาด!
รู้สึกได้ถึงแรงลม ซ่าหมี่เทอมือสั่น เหาะตัวขึ้น แล้วพุ่งไปยังฉินหลั่งราวกับขีปนาวุธ!