รวยชั่วข้ามคืน?! - ตอนที่ 333 สถานการณ์คับขัน
บทที่ 333 สถานการณ์คับขัน
“ท่านอาจารย์ดูนี่ครับ นี่เป็นจดหมายที่จ้านเทียนหยาหัวหน้าแก๊งแก๊งหัวชิงเป็นคนเขียนมา!” ศิษย์พี่ใหญ่เอาจดหมายที่ตัดลอกไว้แล้ว ยื่นส่งให้จ้าวไห่โย่วดู
“หนึ่งร้อยปีก่อน วงการต่อสู้ของจีนเพื่อความต้องการอยากจะการเป็นตำแหน่งใหญ่ที่สุด…วงการต่อสู้ของจีนจากนี้ต่อไปก็ไม่มีวันสงบสุข จนกว่าจะยอมรับชะตากรรมเอาเลือดมาล้างเลือดให้จู่ซือของฉัน”
จ้าวไห่โย่วอ่านจดหมายนั้นอยู่เงียบๆ จนเกิดความกังวลใจขึ้นมาอย่างเงียบๆ พร้อมทั้งกล่าวบ่นพึมพำ “ดูแล้วว่าการมาของแก๊งหัวชิงในครั้งนี้ได้เตรียมการไว้อย่างเรียบร้อยแล้ว การที่มาประเทศจีนนั้นเพื่อเป็นการฆ่ากันนองเลือด”
“ท่านอาจารย์ ท่านเคยพูดกับพวกเราก่อนแล้ว ร้อยปีก่อน จู่ซือของพวกเราก็เข้าร่วมในการทำลายแก๊งของหูหรูหลี่! สถานการณ์ในเวลานั้นมันเป็นยังไงกัน?” ศิษย์พี่เอ่ยปากถาม
พวกเขาถือว่าการต่อสู้กันของจีนในปีนั้นถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก ยังคอยให้ความสนใจมาโดยตลอด ทว่าท่านอาจารย์ไม่เคยบอกกับพวกเขามาก่อนเลย
“จริงด้วย ท่านอาจารย์ เวลานั้นหูหรูหลี่เป็นผู้อาวุโสที่ได้ความเคารพจากคนในวงการการต่อสู้ แต่ในระยะเวลาอันสั้น กลับถูกใส่ร้ายป้ายสีว่าคดโกง จนทุกคนได้รับโทษไปตามกันล่ะ? วงการต่อสู้ของจีนนั้นคือว่าไต่สวนได้อย่างยุติธรรม คืนนั้นทำไมถึงทำให้ครอบครัวของหูหรูหลี่ถูกฆ่ายกครัวไปได้ล่ะ!” นักพรตเต๋าขู่เสวียนก็ถามกลับเช่นกัน
“ความจริงแล้วเรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้เรื่องสักเท่าไหร่ ฉันก็แค่จำได้ในสิ่งที่อาจารย์ของพวกแกบอกไว้ว่า หูหรูหลี่เป็นคนที่ทรยศขายชาติเพื่อความสุขสบาย การที่ฆ่ายกครัวของเขาก็เพื่อเป็นการช่วยเหลือประเทศของพวกเราเอาไว้”
จ้าวไห่โย่วครุ่นคิดอยู่ก่อนจากนั้นถึงได้เอ่ยขึ้นมา เขาเดินเอามือไพล่หลังแล้วเดินไปทางด้านหน้าหน้าต่าง พลางจ้องมองนกยูงหลายตัวที่กำลังบินลอยไปทั่วท้องฟ้า เลยถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้น “คนเมื่อร้อยปีที่แล้วไม่เหมือนกับคนพวกเราในปัจจุบัน พวกเขาต่างมีปัญหาข้อขัดแย้ง ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น วิธีการเหล่านั้นให้คนในยุคปัจจุบันเองก็ยากที่จะเข้าใจ”
นักพรตเต๋าขู่เสวียนรวมทั้งลูกศิษย์หลายคนต่างพยักหน้าไปด้วย
“จุดประสงค์ที่หูหรูหลี่ก่อตั้งแก๊งหัวชิงขึ้นมา ก็เพื่อจะล้างแค้นให้ครอบครัวของเขา เป้าหมายก็เพื่อจะฆ่าจอมยุทธ์ที่ได้ทำร้ายครอบครัวของเขาในปีนั้น วงการต่อสู้ของจีนก็คอยสนใจเรื่องนี้ของศัตรูมาโดยตลอด ช่วงระยะหลายปีนี้ แก๊งหัวชิงพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด จนกลายเป็นแก๊งเชื้อสายจีนใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา แถมมีชื่อเสียงโด่งดังในระดับนานาชาติอยู่ไม่น้อย ดังนั้นครั้งนี้ที่จ้านเทียนหยาได้เริ่มแหย่วงการต่อสู้ของจีน พวกเราจำเป็นต้องใส่ใจเรื่องนี้ให้มาก!” จ้าวไห่โย่วพูดกำชับ
“ท่านอาจารย์พูดได้อย่างถูกต้อง ตามที่ศิษย์รู้มา แก๊งใหญ่ทุกแก๊ง ในยุทธจักรนั้น ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเรื่องที่จ้านเทียนหยาทำการส่งจดหมายก่อสงครามมา”
ศิษย์พี่ใหญ่กล่าวรายงานกับจ้าวไห่โย่ว พลางเอ่ยถาม “ท่านอาจารย์ การเก็บตัวถือศีลในครั้งนี้ผลลัพธ์เป็นอย่างไรบ้าง?”
“กำลังดี การเก็บตัวถือศีลในครั้งนี้ สามารถเอาวิชามวยไท้เก๊ก กระบี่ไท่เก๊กของท่านอาจารย์ที่สืบทอดกันมาฝึกฝนจนเข้าใจละเอียดมากขึ้น ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าก้าวข้ามไปอีกขั้นอย่างแท้จริง ยังมีวิชา เต้าเต๋าจิง เต๋ายี่ เหวินจื่อ วงจื่อ เย่จื่อ ยังรู้สึกเข้าใจอย่างถ่องแท้มากขึ้นกว่าเดิม”
การเก็บตัวถือศีลของจ้าวไห่โย่วในครั้งนี้ถือว่ามีผลลัพธ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“ฉันจะหาเวลา เพื่อเอาเทคนิคสำคัญวิชามวยไทเก๊ก ดาบไทเก๊กถ่ายทอดให้พวกแกทั้งเจ็ดคน อีกอย่างยังต่อมีการพูดเสวนาอีกครั้ง เพื่อจะให้บรรดาลูกศิษย์ทุกคนในนี้ได้อธิบายเสวนาเรื่องจุดสำคัญของลัทธิเต๋า” จ้าวไห่โย่วที่เป็นอาจารย์ ก็เพื่อต้องการนำสิ่งที่ตนเองได้รับความรู้ว่า พร้อมทั้งถ่ายทอดวิชาให้แก่บรรดาลูกศิษย์ลูกหา
“มันยอดเยี่ยมมาก ขอขอบคุณท่านอาจารย์!” นักพรตเต๋าขู่เสวียนและลูกศิษย์ทั้งเจ็ดคนขอบคุณจ้าวไห่โย่ว
“การที่แก๊งหัวชิงมาในครั้งนี้นั้น พวกเขาก็ไม่ได้มีความเกรงกลัวอะไรมากนัก การที่มีอาจารย์นั่งค้ำหัวอยู่ ถึงแม้ว่าจะเป็นจ้านเทียนหยา ที่เป็นหัวหน้าแก๊งมาเอง นั่นก็หมายถึงมารนหาที่ตายเอาเอง แต่ครั้งที่มายังประเทศจีน ก็แค่ลี่ไห่ซาที่เป็นแค่หัวหน้าผู้พิทักษ์ของพวกเขาเอง” ศิษย์พี่ใหญ่เป็นคนพูด
“อย่าดูถูกไป พอแล้ว พวกแกให้ลูกศิษย์คนอื่นๆ ไปทำธุระที่ทำกันอยู่เถอะ…” จ้าวไห่โย่วพูดกำชับ ตอนที่เขากำลังพูดอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานอยู่ด้านนอก
“อร๊าก—”
“ครืน ครืน”
เป็นเสียงต้นไม้หักดังลั่น
จ้าวไห่โย่วกับนักพรตเต๋าขู่เสวียนและศิษย์ทั้งเจ็ดคน เดินออกไปจากโรงเต๋าทันที
พลันเห็นว่ามีลูกศิษย์หลายคนที่ใส่ชุดเต๋าอยู่ลอยไปติดกับด้านข้าวกำแพง ยังมีคนที่มุดเข้าไปด้านในห้อง บางคนก็ชนเข้ากับอิฐกำแพง ตรงนั้นมีศิษย์อยู่สิบกว่าคนที่นอนกองล้มระเนระนาดอยู่บนพื้น
ยังดีที่ว่า บรรดาลูกศิษย์เหล่านั้นแค่บาดเจ็บสาหัส ยังไม่ได้เสียชีวิต
บรรดาลูกศิษย์คนอื่นต่างถอยหลังตั้งหลักก่อนภายใต้จิตสำนึก พร้อมทั้งคอยจ้องมองประตูอยู่ตลอดเวลา
พลันก็เห็นว่ามีคนเจ็ดแปดคนเดินเข้ามาจากทางประตูอย่างช้าๆ คนที่เดินนำหน้ามานั้นเป็นคนชายวัยกลางคนรูปร่างกำยำกล้ามเป็นมัดๆ หัวโล้น หน้าตาดุดัน เขาใส่ชุดลำลองสบายสีดำ พร้อมทั้งก้าวเดินเข้ามาอย่างหนักแน่น
ด้านข้างของชายวัยกลางคนเป็นเด็กหนุ่ม หน้าตาหล่อเหลา ตัวสูงกว่าชายวัยกลางคนหนึ่งฝ่ามือ ช่างคล้ายคลึงกับนักร้องคนหนึ่ง
ด้านหลังของพวกเขานั้นมีวัยรุ่นเดินตามหลังมาอีกหกคน ทั้งหกคนที่เดินตามหลังชายวัยกลางคน ยิ่งเมื่อดูท่าทีและการแต่งกายต้องเป็นลูกน้องเขาแน่
ลี่ไห่ซากับซ่งอวี่นั่นเอง
“พวกแกเป็นใคร! กล้าดียังไงถึงมาก่อกวนโรงเต๋าไทเก็ก!” คนคนนี้เข้ามา ก็ทำร้ายบรรดาศิษย์ในแก๊ง นี่เป็นพฤติกรรมการหาเรื่องชัดๆ จนศิษย์พี่ใหญ่ถึงกับถามด้วยความกราดเกรี้ยว
“ลี่–ไห่– ซา”
ลี่ไห่ซาพูดเน้นชื่อตัวเองทีละคำ
จ้าวไห่โย่วกับนักพรตเต๋าขู่เสวียนพร้อมทั้งลูกศิษย์ลูกหาทั้งเจ็ดคน ต่างตกใจไปตามๆ กัน
“ลี่ไห่ซา! ก็แค่ผู้พิทักษ์ของแก๊งชิงหัวแค่นั้นเอง แกคิดว่าแกเป็นบุคคลสำคัญงั้นสิ งั้นดีฉันนักพรตเต๋าขู่เสวียนจะสั่งสอนแกเอง!” นักพรตเต๋าขู่เสวียนต้องการเอาชื่อเสียงโรงเต๋าไทเก็กเรียกกลับคืนมา พร้อมทั้งทำท่ากวักมือเรียก มาทางลี่ไห่ซาอีกด้วย
“ห๊า!” ตอนนี้วิทยายุทธ์ของนักพรตเต๋าขู่เสวียนในเวลานี้ฟื้นตัวมาเก้าในสิบหลังจากที่บาดเจ็บหนักไปก่อนหน้านี้แล้ว การลงมือของเขาในเวลานี้ เขาใช้วิชา “ฝ่ามือต่อเนื่องไท้เก๊ก” ที่เป็นวิชาที่เขาเชี่ยวชาญ
เท้าแยกออกจากกันไปทั้งแปดทิศ แกว่งเท้าไปตามที่ใจนึก มือทั้งสองข้างทำท่าเฉกเช่นปีกนก ท่าทางเสือมีอำนาจดุดัน
การกระทำของเขาเชื่องช้าแต่ว่ารวดเร็วมาก แค่พริบตาเดียว เขาก็พุ่งมาทางด้านหน้าของลี่ไห่ซาแล้ว
นักพรตเต๋าขู่เสวียนก็ใช้กำปั้นต่อยไปทางท้องน้อยของลี่ไห่ซา มุมปากของลี่ไห่ซากระกดรอยยิ้มอันเย็นชาออกมา พลางส่งเสียง “ชิ” เท้าทั้งสองข้างของเขาไม่ขยับเขยื้อนแต่อย่างใด ร่างกายของเขาก็เซไปด้านหลังประมาณยี่สิบเซนติเมตร เพื่อหลบหลีกกำปั้นของนักพรตเต๋าขู่เสวียนที่ต่อยเข้ามา
นักพรตเต๋าขู่เสวียนตกใจเล็กน้อย ลี่ไห่ซาเป็นถึงหัวหน้าผู้พิทักษ์แค่กระบวนท่าเดียว เขาก็รู้แจ้งว่าวิทยายุทธ์ของลี่ไห่ซานั้นไม่ธรรมดาเทียบเท่าอายุเลย
กระบวนท่า “ฝ่ามือต่อเนื่องไท้เก๊ก” ของนักพรตเต๋าขู่เสวียน ก็เหมือนเป็นน้ำที่มาไม่ขาดสาย วิชาวิทยายุทธ์เช่นนี้ข้อดีที่สำคัญที่สุดคือ สามารถต่อสู้มาได้อย่างไม่ขาดสายตลอดเวลา!
เขาใช้กระบวนท่าไปตั้งสิบกระบวนท่าแล้ว แต่ยังไม่มีได้เฉียดผิวของลี่ไห่ซาแม้แต่นิดเดียว
“วิทยายุทธ์ของนักพรตเต๋าขู่เสวียนแค่นี้เองหรือ!” ลี่ไห่ซาแสยะยิ้มให้อย่างเย็นชา พูดไปด้วย ก็ปล่อยหมัดมาทางนักพรตเต๋าขู่เสวียนในทันที
ถึงแม้ว่านักพรตเต๋าขู่เสวียนจะหลบหลีกได้แล้ว แต่ว่าความเร็วและหนักหน่วงของหมัดของลี่ไห่ซา มันมากกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้มาก จนท้ายที่สุดแล้วก็ต่อยเข้าบริเวณหัวไหล่ของเขา
“ผลัก”
นักพรตเต๋าขู่เสวียนเซถอยไปด้านหลังหลายเมตร จนกระทบกับอิฐดินที่อยู่ที่พื้นจนเป็นรอบแตกเป็นสองเสี่ยง
“ศิษย์พี่ศิษย์น้อง พวกเรามาช่วยแกแล้ว!” ศิษย์อีกหกคนมองเห็นว่าแม้กระทั่งนักพรตเต๋าขู่เสวียนยังไม่สามารถปะมือกับลี่ไห่ซาได้ เลยพุ่งออกไปจากทางด้านข้างของนักพรตเต๋าขู่เสวียน
“ตั้งค่ายกล!”
ศิษย์พี่ใหญ่ตะโกนดังลั่น พวกเขาทั้งเจ็ดคนลงมือต่อสู้ลี่ไห่ซาพร้อมๆ กัน ถ้าจัดการไม่สำเร็จ มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา สู้ตั้งค่ายกลเลยทันทีดีกว่า จะได้เอาวิทยายุทธ์ทั้งเจ็ดคนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ดีที่สุด
เมื่อได้ยินศิษย์พี่ใหญ่ออกคำสั่งแล้ว คนอื่นๆ อีกหกคนก็เตรียมตั้งท่ามายังตำแหน่งของตนเองทันที!
ทุกคนต่างรวดเร็ว จนสามารถยืนล้อมรอบตัวลี่ไห่ซาเอาไว้ได้
พวกนักพรตเต๋าขู่เสวียนทำการตั้งค่ายกลเช่นนี้ขึ้นมา มีชื่อเรียกว่า “ค่ายไท่อิม” ไทชิมาสเตอร์จางซันเฟิงลูกศิษย์ของชิงฉวนเจินหรินเป็นคนคิดขึ้นมา ค่ายนี้สร้างสถานการณ์ให้โดดเด่น เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามนั้นลงมือได้ยาก
นักพรตเต๋าขู่เสวียนและศิษย์อีกเจ็ดคน ตั้งแต่เข้าประตูมาแล้ว ก็เริ่มฝึกวิชานี้ หลังจากผ่านการฝึกฝนมายี่สิบสามสิบปี วันนี้ได้เอามาใช้ตามความปรารถนา โดยสามารถทำได้อย่างรอบคอบไม่มีผิดเพี้ยนใดๆ
“หึ ที่แท้แก๊งโรงเต๋าไทเก็กที่ประกาศก่อตั้งขึ้นมากับมือ ก็ใช้วิธีการอาศัยคนเยอะรังแกผู้น้อยนี่เอง ช่างทำให้ฉันได้เห็นภาพจริงๆ! ฮ่าๆ” ลี่ไห่ซาจงใจพูดถากถาง