รวยชั่วข้ามคืน?! - ตอนที่ 280 ให้เขาปิดปากตลอดไป
บทที่ 280 ให้เขาปิดปากตลอดไป
“เธอเองหรือ ลูกหลานของตระกูลหวาง”
ซ่งจงผิงหันไปมองหวังเฉิน ในสายตาที่ดูเข้าถึงง่ายนั้นมีความดูถูกปนอยู่ ในสายตาเขาหวังเฉินเป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงที่ไม่รู้อะไร
“ฉันจำได้ว่า 10กว่าปีที่แล้ว ฉันไปเยี่ยมบิดาของเธอที่บ้าน ตอนนั้นเธอยังเป็นเด็กน้อยอยู่เลย ไม่ได้เจอกันหลายปี เธอจำลุงซ่งไม่ได้แล้วหรือเปล่า”
ซ่งจงผิงเหมือนผู้ใหญ่ที่ทักทายกับคนรุ่นหลัง เขาเหมือนไม่ได้โกรธหวังเฉินที่จับลูกชายเขาเลยซักนิด
“สวัสดี เรื่องตอนเด็กๆฉันจำไม่ได้แล้วจริงๆ ฉันรู้แค่ว่า ตอนนี้ลูกชายของคุณเป็นผู้ต้องสงสัย และฉันต้องพาเขาไปสอบปากคำตอนนี้ ขออภัยด้วย”หวังเฉินพูดจบก็เตรียมจะพาซ่งอวี่ไปสอบปากคำ
“เดี๋ยวสิ เดี๋ยว ไม่เห็นต้องรีบร้อนขนาดนั้นเลย……”
ตอนนี้ซ่งจงผิงถึงแสดงความไม่พอใจออกมาหน่อยหนึ่ง หวังเฉินคนนี้เป็นเหมือนที่น้องสาวพูดเมื่อคืนจริงด้วย ซื่อตรง ไม่รู้จักไปมาหาสู่และปรับความคิดเลย
ซ่งจงผิงหันหัวไปเล็กน้อย ชายที่ยืนอยู่หลังเขาเดินมายืนหน้าหวังเฉิน หน้าตาเขาดูเรียบร้อย เป็นทนายที่เก่งที่สุดของซ่งจงผิง
“ตำรวจหวัง ตามที่ผมรู้ ตอนนี้พวกคุณมีเพียงแค่หลักฐานปากเปล่าจากเฉิงเหมิ่ง ไม่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร ทางกฎหมายไม่มีการรับหลักฐานแบบนี้ ถ้าคุณให้เฉิงเหมิ่งพูดออกมาว่าคุณชายของเราจ้างเขาไปฆ่าคนตอนนี้ งั้นก็ถือว่าเป็นได้ละกัน……”ทนายกล่าว
“งั้นฉันโทรหาเพื่อนร่วมงานที่ดูแลเฉิงเหมิ่งเดี๋ยวนี้เลย”หวังเฉินหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเพื่อนร่วมงานที่ดูแลเฉิงเหมิ่ง
“เอาโทรศัพท์ให้เฉิงเหมิ่ง ฉันจะคุยกับเขาเดี๋ยวนี้”หวังเฉินพูด
“หัวหน้าทีม ตอนนี้ยังไม่ได้ เฉิงเหมิ่งเพิ่งผ่าตัดเสร็จเมื่อเช้านี้6โมง ตอนนี้ยาชาเขายังไม่หาย”เสียงของตำรวจส่งออกมาจากโทรศัพท์
พอได้ยินเช่นนี้ หวังเฉินรู้สึกท้อแท้ขึ้นมา จึงหันมองทนายของซ่งจงผิงอย่างไม่พอใจ
“สภาพของเฉิงเหมิ่งเป็นยังไงบ้าง”หวังเฉินถามต่อ
“หมอบอกว่าสภาพไม่เลว 5จุดที่โดนยิงนั้นไม่ใช่จุดสำคัญทั้งหมด ปัจจุบันเอากระสุนออกมาหมดแล้ว หลังจากนี้ไม่กี่วัน สมองของเฉิงเหมิ่งสามารถฟื้นคืนมีสติได้ เราสามารถสอบปากคำเขาที่โรงพยาบาลได้”ตำรวจที่อยู่ในโรงพยาบาลกล่าว
“ได้ งั้นแค่นี้ก่อน พวกนายสองคนเฝ้าเฉิงเหมิ่งไว้ให้ดีนะ ถ้ามีอะไรให้รีบรายงานกับฉัน”พูดจบหวังเฉินก็วางสายเลย
“ตำรวจหวัง นี่คือใบประกันตัวของคุณชายเรา ตอนนี้พวกเราจะพาคุณชายออกไปจากที่นี่ คุณยังมีคำถามอะไรอีกไหม”ทนายยิ้มแล้วถาม
ในสายตาหวังเฉิน ทนายกำลังจงใจยั่วยุเธออยู่ หวังเฉินไม่อยากคุยกับเขาจึงหันไปมองซ่งอวี่แล้วพูดว่า “ถ้าคุณเป็นผู้กระทำผิด ฉันจะจับคุณกลับมาด้วยมือของฉันเอง”
“ได้”
ซ่งอวี่ยิ้มแล้วเดินเข้าไปใกล้หวังเฉิน เขาพูดเบาๆว่า“งั้นก็ต้องดูว่าคุณมีปัญญาหรือเปล่า อีกอย่าง ผมของเตือนคุณไว้ก่อน อย่าลืมสิ่งที่ผมเคยบอก ถ้าครั้งนี้คุณใส่ร้ายผม ผมจะให้คุณชดใช้อย่างแน่นอน”
พูดจบ ซ่งอวี่มองหวังเฉินแล้วยิ้มเบาๆอย่างกับผู้ชนะ เหมือนหัวเราะเยาะที่หวังเฉินไร้ความสามารถ
ซ่งจงผิงพาซ่งอวี่เดินออกจากสถานีตำรวจ
แล้วขึ้นรถ toyota land cruiser pradoที่จอดอยู่หน้าประตูสถานีตำรวจเลย ซ่งจงผิงเป็นข้าราชการ ดังนั้นถึงแม้เขาจะรวยมาก แต่ก็ไม่สามารถขับรถหรูหลายล้านได้
ทนายอำลาพ่อลูกนามสกุลซ่งแล้วจากไปเลย
พอขึ้นรถ สีหน้าของซ่งจงผิงก็กลางเป็นสีหน้าที่มืดครึ้มมาก ต่างจากเมื่อสักครู่ที่อยู่ในสถานีตำรวจโดยสิ้นเชิง ทำให้ซ่งอวี่ที่นั่งอยู่ตรงข้างคนขับรู้สึกกระวนกระวายใจมาก จนไม่กล้าอ้าปากคุยกับพ่อ
ตลอดทั้งทางทั้งสองคนไม่ได้พูดคุยกันเลย ซ่งจงผิงขับรถเข้าหมู่บ้านชั้นสูงที่ตั้งอยู่เขตผิงชาน
หมู่บ้านนี้ไม่ถือว่าเป็นหมู่บ้านที่หรูหราในเย็นจีน เป็นเพียงหมูบ้านที่อยู่ในระดับกลางไปสูง เหมาะสำหรับคนที่ทำงานราชการอย่างซ่งจงผิงพอดี ไม่แสดงทรัพย์สินของตน ไม่ถูกคนอื่นกล่าวหา ในขณะเดียวกันก็ไม่แกล้งจนอาศัยอยู่ในหมูบ้านชั้นต่ำอย่างกับข้าราชการคนอื่น
พอเข้าไปในห้อง ซ่งจงผิงถอดชุดจงซานออกแล้วยื่นให้กับแม่บ้านที่ยืนอยู่ตรงประตู ด้านในเขาใส่เสื้อเชิ้ดสีฟ้าไว้ ซึ่งดูไม่เหมาะกับชุดจงซานเลย
“นายตามฉันเข้ามา”ซ่งจงผิงหันไปจ้องซ่งอวี่ แล้วพูดพร้อมกับเดินเข้าห้องทำงานของตน พอซ่งอวี่โดนเรียก เขารู้สึกว่าใจเขาใจหายไปแวบหนึ่ง แล้วเดินตามเข้าไปอย่างเกรงกลัว
ซ่งอวี่เพิ่งปิดประตูเสร็จแล้วหันกลับมา ยังไม่ทันตั้งตัว
ได้ยินเพียงเสียงดัง“เพี๊ย”เขาหน้ามืดไปแวบหนึ่ง ใบหน้าด้านขวาของเขาโดนตบไปแรงๆทีหนึ่ง ซ่งอวี่โดนตบจนหูอื้อ หน้าร้อนจนเหมือนไฟไหม้
“ไอ้ลูกสารเลว บอกแล้วใช่ไหมว่าทำอะไรก็ให้ระวัง เจ้าอยากให้ชื่อเสียงของข้าเสียหายหมดหรือไง”ซ่งจงผิงมองหน้าซ่งอวี่แล้วด่าด้วยความโมโห
ถึงแม้ตอนที่เขาอยู่ในสถานีตำรวจ ทำตัวดูเหมือนไม่ใจร้อนเลย แต่จริงเขาใจร้อนมากกว่าใครๆ
เขาเป็นข้าราชการระดับสูง ถ้าลูกชายถูกแถลงข่าวว่าผิดกฎหมายร้ายแรงในข้อหาจ้างนักฆ่าฆ่าคน งั้นงานการทั้งหมดที่เขาสร้างขึ้นมาอย่างลำบาก ก็จะถล่มภายในคืนเดียวโดยไม่มีข้อแม้
“พ่อ ขอโทษจริงๆ ครั้งนี้ผมพลาดไปเอง ผมสัญญาว่าจะไม่ผิดซ้ำอีก…”ซ่งอวี่กล่าวขอโทษกับพ่อ
“ถ้าผิดอีกครั้งหนึ่งข้าตีเจ้าจนตายแน่”ซ่งจงผิงพูดอย่างหัวร้อน
เขานั่งอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน ใช้มือจับผม แล้วดึงขึ้นมา ไม่น่าเชื่อเลยว่าผมดำของเขาสามารถดึงขึ้นมาได้
จริงๆแล้ว ซ่งจงผิงมีพันธุกรรมหัวล้านมาแต่เกิด เพียงแค่อายุ30ผมตรงกลางหัวก็ล้านไปหมดแล้ว ซ่งจงผิงจึงตัดสินใจโกนผมออกให้หมดเลยทีเดียว แต่ในเมื่อที่เป็นข้าราชการ ซ่งจงผิงจึงซื้อวิกผมมาอันหนึ่ง เขาเป็นข้าราชการมาหลายปีขนาดนี้ ถึงแม้จะเป็นเพื่อนร่วมงานที่สนิทที่สุด ก็ยังไม่รู้เลยว่าจริงๆแล้วเขาเป็นหัวล้าน
ซ่งจงผิงวางวิกผมไว้บนโต๊ะทำงาน แล้วหยิบตลับเหล็กที่งดงามออกมาจากลิ้นชัก พอเปิดตลับเหล็ก ก็เห็นในตลับเหล็กนั้นมีซิการ์คิวบา6มวนอย่างดีวางเรียงกันอยู่ในนั้น
ซ่งจงผิงหยิบออกมา1มวน จุดแล้วสูบขึ้นมา ขณะนี้ เขาต้องการนิโคติดเพื่อสงบอารมณ์ของเขา
ควันบุหรี่สีฟ้าอ่อนที่ออกจากปากทีละคำ ทำให้สติของเขาผ่อนคลายลงมาหน่อยๆ
“เรื่องนี้ห้ามมีปัญหาเด็ดขาด ตอนนี้นายคิดออกหรือยังว่าจะแก้ไขยังไง”ซ่งจงผิงหันไปมองซ่งอวี่แล้วถาม ตอนนี้อารมณ์เขาไม่ได้ร้อนเหมือนเมื่อสักครู่แล้ว
“พ่อไว้ใจ เรื่องนี้ผมจัดการเองได้”
ซ่งอวี่รู้สึกโล่งใจหน่อยๆ แล้วพูดว่า “ตอนนี้ผู้ที่มีข้อมูลที่ไม่ดีต่อผมคือเฉิงเหมิ่ง แค่ให้เขาปิดปากไปตลอดกาลก็ได้แล้ว”
“ได้ งั้นนายรีบจัดการเลย ห้ามพลาดแม้แต่จุดเดี๋ยว”ซ่งจงผิงเตือน จริงๆเขาก็ไว้ใจซ่งอวี่มาก แต่แค่ครั้งนี้เกิดเหตุอย่างกะทันหันเกินไป เกือบทำเขารับมือไม่ทัน ดังนั้นซ่งจงผิงถึงโมโหใหญ่เลย
“ครับ ผมรู้”ซ่งอวี่ตอบ
“อีกอย่าง ฝ่ายแก๊งหัวชิงที่อเมริกาเมื่อวันได้ส่งข่าวที่ชัดเจนมาแล้ว พวกเขาตกลงสิ่งที่ฉันขอไป ถ้าเรามีเรื่องกับบ้านตระกูลจงพวกเขาจะส่งผู้เชี่ยวชาญมาช่วยพวกเราเอาชนะบ้านตระกูลจงในทีเดียว”ซ่งจงผิงคิดแล้วกล่าวสิ่งที่คุยกับจ้านเทียนหยาหัวหน้าแก๊งหัวชิงในโทรศัพท์เมื่อวัน
ซ่งจงผิงวางแผนมาตลอด จะแย่งเย็นจีนจนกระทั่งสังคมอิทธิพลมืดของภาคเหนือจากบ้านตระกูลจงมาให้หมด เขาเป็นคนที่ทำแต่สิ่งที่เขามั่นใจเท่านั้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมา อำนาจสังคมอิทธิพลมืดที่ตระกูลซ่งควบคุม พัฒนาอย่างลับๆมาตลอด จนถึงสองปีนี้ ซ่งจงผิงรู้สึกว่าโอกาสที่จะแทนที่บ้านตระกูลจงมาถึงแล้ว
ตั้งแต่หลายเดือนที่แล้ว ซ่งจงผิงก็เริ่มสื่อสารกับแก๊งหัวชิงที่อเมริกาที่ติดต่อกันมาตลอด ขอให้พวกเขาช่วยสิ่งที่เขากำลังจะลงมือทำ ก่อนหน้านี้แก๊งหัวชิงยังไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน ซ่งจงผิงรู้ว่าแก๊งหัวชิงต้องการประเมินความสามารถของตระกูลซ่งก่อน
เมื่อวันที่เขาโทรหาจ้านเทียนหยาที่เป็นหัวหน้าของแก๊งหัวชิงอีกครั้งหนึ่ง สุดท้ายเขาก็ได้คำตอบที่เขาต้องการจนได้ จ้านเทียนหยาให้คำตอบอย่างชัดเจน ว่าเขาสนับสนุนตระกูลซ่งแย่งชิงเย็นจีนและสังคมอิทธิพลมืดของภาคเหนือ ถ้าตระกูลซ่งจะต่อสู้กับบ้านตระกูลจง แก๊งหัวชิงจะส่งผู้ที่มีความสามารถที่สุดมาช่วย
“แก๊งหัวชิงตกลงแล้ว เยี่ยมสุดๆ”ซ่งอวี่ตะโกนอย่างดีใจออกมา เขารู้ว่าพ่อเขาคอยติดต่อและสื่อสารกับแก๊งหัวชิงอยู่เสมอ
“นายจัดการเรื่องของนายก่อน แล้วรีบไปบ้านตระกูลจง ไปเจรจาต่อรองกับจงจิ่วเจินพูดกับเขาตามที่พ่อพูดกับนายก็ได้แล้ว”ซ่งจงผิงสูบซิการ์ แล้วจินตนาการภาพขณะที่ซ่งอวี่ไปเจรจาต่อรองกับจงจิ่วเจินในสมอง
“พ่อ รีบร้อนไปหน่อยหรือเปล่า”ซ่งอวี่ถามอย่างไม่ไว้ใจ
“รีบ”
ซ่งจงผิงรู้สึกไม่พอใจที่ซ่งอวี่สงสัยในตัวเอง จึงหันไปมองแล้วพูดว่า “ฉันสอนนายมาตลอด โอกาสเป็นสิ่งที่เดี๋ยวก็หายไป ปัจุจบันสำหรับตระกูลซ่งของเราแล้ว ความสามารถก็มี แล้วมีความช่วยเหลือจากแก๊งหัวชิงอีก นี่ก็คือโอกาสที่ดีที่สุด ถ้าพลาดโอกาสนี้ไป ไม่รู้จะมีอีกเมื่อไหร่ เป็นลูกผู้ชายต้องรู้จักจับโอกาสแล้วรีบตัดสินใจ เข้าใจไหม”
“ครับ พ่อพูดถูก ผมลังเลเกินไปเอง หลังจัดการเฉิงเหมิ่งเสร็จ ผมจะรีบไปหาจงจิ่วเจินทันที”ซ่งอวี่ก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วตอบ
“เค งั้นนายออกไปเถอะ ไปคิดเรื่องของตนเองให้ดีล่ะ”ซ่งจงผิงโบกมือให้ซ่งอวี่ออกไป เขาจึงเดินออกจากห้องทำงานของพ่อเขา
6โมงเช้าของวันที่สอง โรงพยาบาลอีเคอต้าสาขาที่สามเฉิงเหมิ่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลนี้
หน้าห้องผู้ป่วยของเฉิงเหมิ่ง มีตำรวจสองคนนั่งอยู่บนเก้าอี้แถว เขาสองคนนั่งหันหลังชนกันแล้วปิดตา การมาเฝ้าเฉิงเหมิ่งที่โรงพยาบาล ไม่สามารถนอนบนเตียงได้ ทำให้พวกเขารู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน ถ้าขณะนี้ให้หมอนพวกเขาคนละใบ พวกเขาคงจะกรนขึ้นมาโดยทันที
“ครืดๆ……”รถเข็นเล็กๆคันหนึ่งกำลังเดินเข้ามาอย่างช้าๆ
“หยุด”ขณะที่รถเข็นเล็กๆผ่านหน้าตำรวจสองคนนั้น ทั้งคนสองคนสะดุ้งตื่นขึ้นมาโดยทันที แล้วหันไปมองคนที่อยู่หลังรถเข็นเล็กๆนั้น
รถเข็นนี้ทำมาจากสเตนเลส สูงประมาณเมตรสาม บนนั้นมีถังขยะสีฟ้าใบหนึ่ง ถังน้ำสีเขียวเล็กๆใบหนึ่ง ไม้กวาดและไม้ถู นี่คือรถสำหรับทำความสะอาด ผู้ที่เข็นรถเข็นอยู่นั้นคือยายแก่ที่บนใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยและหลังค่อม
พอได้ยินตำรวจสองคนตะโกนด้วยเสียงเบา ยายแก่ตกใจจนสะดุ้ง แล้วใช้มือจับอกตนเองไว้ ดูเหมือนตกใจหนัก
“คุณตำรวจ ฉันเป็นคนทำความสะอาดโรงพยาบาล ฉันมาทำความสะอาดทุกเช้าเลย ถ้าก่อน7โมงฉันยังทำความสะอาดชั้นนี้ไม่เสร็จ โรงพยาบาลก็จะเลิกจ้างฉัน”
คุณยายรีบอธิบายกับตำรวจสองคน แล้วหันไปมองห้องพักผู้ป่วยของเฉิงเหมิ่งและพูดว่า “ฉันได้ข่าวว่าในนี้กักอาชญากรคนหนึ่งไว้ ฉันก็กลัวมากเหมือนกัน ถ้าคุณบอกว่าห้องนี้ไม่ต้องทำความสะอาด งั้นฉันดีใจมากเลย แต่ต้องรบกวนพวกคุณไปบอกหัวหน้าแผนกบริหารของโรงพยาบาลให้หน่อย อย่าหักเงินเดือนฉันก็พอ”
“หา” ตำรวจสองคนต่างมองหน้ากัน ถ้าไปแผนกบริหารต้องออกจากแผนกผู้ป่วยในก่อน แล้วเดินวนไกลมากๆถึงจะถึงที่นั้น พวกเขาไม่อยากไปทั้งสอง
“อย่างงี้ละกัน คุณยายเข้าไปทำความสะอาดเลย คุณยายไว้ใจ คนนั้นยังสลบอยู่ แล้วมือเขาก็ถูกล็อกด้วยกุญแจมืออีกด้วย ทำร้ายยายไม่ได้หรอก รีบไปทำความสะอาดเถอะ” ตำรวจกล่าว
“งั้นก็ได้ เฮ้ย”คุณยายถอนหายใจแล้วเข็นรถทำความสะอาดเข้าไปในห้องเฉิงเหมิ่งอย่างช้าๆ ตำรวจสองคนนั่งปิดตาบนเก้าอี้อีกแล้ว