รวยชั่วข้ามคืน?! - ตอนที่ 263 ความลำบากใจของจงจิ่วเจิน
บทที่ 263 ความลำบากใจของจงจิ่วเจิน
จงยู่และฉินหลั่งลงมาจากรถ มองไปยังบ้านหลังตรงหน้า และคิดว่านี่คือที่ที่แม่ของตนเติบโตมาตั้งแต่เด็กๆ อีกครู่หนึ่งเธอก็จะได้เจอกับ“ฆาตกร”ที่ทำให้แม่ต้องตายแล้ว จงจิ่วเจินตาแท้ๆของเธอ จงยู่ตื่นเต้นมาก ยากที่จะสงบลง
“พวกเราเข้าไปกันเถอะ!”
จงเส่นซานมองจงยู่พลางพูด
พูดจบจงเส่นซานก็เดินนำหน้าไป ก้าวขึ้นบันไดแล้วก้าวข้ามธรณีประตูที่สูงครึ่งเมตรเห็นจะได้ เข้าไปยังบ้านตระกูลจง ฉินหลั่งและจงยู่เดินตามหลังเขา
แต่4สาว“ลม ดอกไม้ หิมะ พระจันทร์”จงเส่นซานสั่งให้คนรับใช้บ้านตระกูลจง พาไปพักผ่อนที่ห้องโถงลานที่1ชั่วคราว
ในจวนจงมีทางเดินที่วกวน มีทั้งภูเขาปลอม หินลาย ต้นไม้ ทุกที่เต็มไปด้วยสวนแบบจีนโบราณที่น่าสนใจ
“สวัสดีค่ะประธานจง”
ป้าวัยกลางคนที่ทำความสะอาดอยู่ในสวน เห็นจงเส่นซานก็รีบละจากงานที่ทำอยู่ แล้วทักทายจงเส่นซานทันที
“อืม”จงเส่นซานพูดๆไป เมื่อเห็นว่าป้าวัยกลางคนคนนั้นกำลังมองสำรวจจงยู่กับฉินหลั่ง จงเส่นซานก็พูดขึ้น:“นี่เป็นนักศึกษาที่เข้ามาทำงานใหม่ในบริษัทผม ผมมีเรื่องต้องคุยกับพวกเขา”
พูดจบจงเส่นซานก็พาจงยู่พวกเขาเดินลึกเข้าไปในบ้าน
จงยู่และฉินหลั่งล้วนเกิดความสงสัยในใจ เห็นๆอยู่ว่าเมื่อว่าจงเส่นซาน ยอมรับแล้วว่าจงยู่เป็นคนของบ้านตระกูลจง ทำไมตอนนี้ถึงโกหกละนี่?อีกฝ่ายเป็นเพียงคนรับใช้ทำความสะอาดก็เท่านั้น ทำไมจงเส่นซานต้องอธิบายกับเธออย่างละเอียดแบบนั้นด้วยเหรอ?
นี่ทำให้ฉินหลั่งคิดได้ เมื่อคืนก่อนออกเดินทาง ว่าจงเส่นซานได้กำชับกับพ่อลูกตระกูลหยูและหลงเถิง ว่าห้ามแพร่งพรายเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานเด็ดขาด หรือมีเรื่องสำคัญอะไรปิดบังไว้?
เกิดความสงสัยภายในใจ ฉินหลั่งและจงยู่เข้ามายังหลังที่3แล้ว นี่คือบ้านหลังที่จงจิ่วเจินหัวหน้าตระกูลตระกูลจงอยู่
ขณะเดินจากลานบ้านเข้าไปยังห้องรับแขก ก็ได้กลิ่นอาหารฟุ้งออกมา
จงเส่นซานเปิดประตูใหญ่สีแดงสดของห้องรับแขก เดินนำฉินหลั่งกับจงยู่เข้าไป
ในห้องรับแขกมีโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารเต็มโต๊ะตั้งอยู่ มีชายชราเคราขาวนั่งอยู่ข้างๆโต๊ะ เขาดูน่าเกรงขาม คิ้วเหมือนดาบคม สายตาน่าเกรงขามหันมาเห็นจงยู่เดินเข้ามา สายตาเขาดูอึ้งอย่างเห็นได้ชัด และตัวสั่นเล็กน้อย
เมื่อเห็นจงจิ่วเจิน จงยู่ก็หยุดเดิน เธอรู้สึกใกล้ชิดกับชายชราคนนี้โดยสัญชาตญาณ
จงเส่นซานรีบปิดประตู แล้วพูดกับจงยู่และฉินหลั่ง:“นั่งสิ”
จงยู่และฉินหลั่งข้างโต๊ะอาหาร
จนถึงตอนนี้จงจิ่วเจิน ยังคงรู้สึกไม่สงบ จงยู่คล้ายจงเสวี่ยนเย่นมาก ไม่ว่าจะเป็นอากัปกิริยา รายละเอียดยิบย่อยต่างๆของจงยู่ ทำให้เขารู้สึกราวกับเห็นลูกสาวมาเกิดใหม่อย่างไรอย่างนั้น
“…จงยู่”จงจิ่วเจินลังเลอยู่นาน กว่าจะพูดออกมา
“ทำไมคุณต้องทำให้แม่ฉันตายด้วย!”จงยู่ไม่รู้ทำไมเมื่อจงยู่เห็นจงจิ่วเจิน เธอก็รู้สึกโกรธมากๆ
“จงยู่ เรื่องมันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดนะ ตอนนั้นที่คุณตาทำแบบนั้นเขาก็มีลำบากใจของท่าน เธอคิดว่าคุณตาจะอํามหิตถึงขนาดทำให้จงเสวี่ยนเย่นต้องตายเลยเหรอ?ผิดแล้วล่ะ ไม่มีใครรักจงเสวี่ยนเย่นได้เท่าคุณตาอีกแล้ว!”จงเส่นซานคิดว่าจงยู่เสียมารยาทมากไปแล้ว
จงจิ่วเจินยกมือขึ้นบอกใบ้ ว่าจงเส่นซานไม่ต้องพูดอะไรอีก เขามองจงยู่ พลางพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น:“จงยู่ หลานดูรูปพวกนี้สิ”
จงจิ่วเจินพูดพลางหยิบรูปปึกข้างๆออกมา แล้วส่งให้จงยู่
จงยู่รับมา รูปแรกเป็นคู่สามีภรรยา ผู้ชายก็คือจงจิ่วเจินตอนหนุ่ม และอุ้มเด็กตัวเล็กๆอยู่ในอ้อมแขน เวลาที่แสดงบนรูปคือวันที่24เดือนพฤษภาคม พ.ศ.2517
จงยู่ดูรูปอื่นๆทีละรูปๆ ทั้งหมดล้วนเป็นรูปของจงจิ่วเจินที่ถ่ายกับลูกสาว จงยู่ดูออกแล้วว่าเด็กคนนั้นคือแม่ของตน–จงเสวี่ยนเย่น
ในรูปวันที่19 เดือนมกราคม พ.ศ.2520 จงเสวี่ยนเย่นโดนห่อไว้อย่างดี โผล่มาแค่เพียงหน้าเล็กๆสีแดงๆ จงจิ่วเจินกำลังพยุงจงเสวี่ยนเย่นนั่งบนคอของเขา จงเสวี่ยนเย่นยิ้มอย่างมีความสุขมากๆ
รูปวันที่25 เดือนเมษายน พ.ศ.2525จงเสวี่ยนเย่นแต่งหน้าสีชมพูเป็นสาวสวย เธอยืนข้างจงจิ่วเจิน กำลังวัดความสูงกับจงจิ่วเจิน
รูปวันที่24 เดือนมิถุนายน พ.ศ.2533 จงเสวี่ยนเย่นสูงถึงระดับคางของจงจิ่วเจินแล้ว เธอยืนสวมชุดกีฬากลางสนามกีฬาเย็นจีน ในโทรศัพท์ถ้วยรางวัล“แชมป์กระโดดสูง”ยืนอยู่ข้างๆจงจิ่วเจินอย่างภาคภูมิใจ
รูปวันที่9 เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2537 ตอนนี้จงเสวี่ยนเย่นโตเป็นสาวเต็มตัวแล้ว เธอแต่งตัวแฟชั่นมาก ในรูปเธอกอดแขนจงจิ่วเจิน และซบศีรษะไปที่ไหล่ของจงจิ่วเจิน ทั้งคู่ยิ้มได้หวานชื่นมาก
……
จากรูป10กว่ารูปเหล่านี้ เห็นได้ว่าตั้งแต่เล็กจนโตจงเสวี่ยนเย่นสนิทกับจงจิ่วเจินมากๆ
เมื่อเห็นรูปตั้งแต่เล็กจนโตของแม่ จงยู่อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตา เธอเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปยังจงจิ่วเจิน พลางถาม:“ในเมื่อคุณดีกับแม่ขาดนี้ งั้นทำไมคุณถึงทำให้เธอต้องตาย?”
“บนโลกใบนี้มีบางเรื่องที่เราไม่อาจควบคุมได้ ตายอมรับว่าตอนนั้นตาผิด แต่ขอให้หลานเชื่อตา เพราะตารักจงเสวี่ยนเย่น รักจนเกินไป กลัวเธอจะเป็นอันตรายใดๆ จึงบีบบังคับเธอจนเกินไป ตาไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น…”จงจิ่วเจินมองจงยู่พลางพูด
“จงยู่ ตอนนี้หลานไม่ยอมเรียกตาว่า‘คุณตา’อีกเหรอ?”จงจิ่วเจินพูดเสียงสั่นเล็กน้อย เขาไม่รู้จะทำยังไง
“…”จงยู่รู้สึกสับสนไปหมด ถึงแม้ตอนนี้เธอยังไม่รู้ ว่าทำไมจงจิ่วเจินถึงทำให้แม่ต้องตาย แต่เธอก็รู้สึกอย่างหนักแน่น ว่าจงจิ่วเจินรักจงเสวี่ยนเย่น รูปพวกนั้นพิสูจน์ให้เห็นชัดเจนแล้ว
“คุณ…คุณตา!”ในที่สุดจงยู่ก็พูดออกไป คำว่า“คุณตา”คำนี้ใช้พละกำลังของจงยู่ไปไม่น้อยเลย
“จ้ะ!”จงจิ่วเจินขานรับ เขาที่ผ่านอะไรมามากมาย70กว่าปี ตอนนี้ก็ห้ามน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้ว จงจิ่วเจินก้มหน้าเช็ดน้ำตาเบาๆ
“เด็กดี!ตารอคำว่า‘คุณตา’คำนี้ของหลานมาตั้ง20ปี ในที่สุดวันนี้ก็สมปรารถนาแล้ว!”
จงจิ่วเจินพูด:“กินข้าวสิ ตารู้ว่าที่ผ่านมาหลานตกระกําลําบากอยู่ข้างนอกนั้น บ้านตระกูลจงทำผิดต่อหลานเอง ตอนนี้หลานคงหิวแล้วใช่ไหม ตาไม่รู้ว่าหลานชอบกินอะไร เลยให้ห้องครัวทำอาหารที่จงเสวี่ยนเย่นชอบในตอนนั้น ลองดูสิว่าถูกปากรึเปล่า”
จงจิ่วเจินยืนขึ้น แล้วคีบอาหารใส่ให้ชามจงยู่
จงยู่กินข้าวไปหนึ่งคำ ในใจรู้สึกหวานราวกับน้ำเชื่อม หลายปีมานี้ไม่เคยมีญาติคีบอาหารให้เธอมาก่อน
“คุณตาคะ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกับแม่หนู ท่านมีความลำบากใจอะไรเหรอ?บอกหนูหน่อยสิ”จงยู่ถามขึ้น เธออยากรู้ว่าเพราะอะไร คุณตาถึงทำให้แม่ต้องตาย
จงจิ่วเจินถอนหายใจ ละสายตาจากจงยู่ แล้วมองไปยังฉินหลั่ง
“สวัสดีครับท่านจง ผมชื่อฉินหลั่ง”ฉินหลั่งยืนแนะนำตัวกับจงจิ่วเจิน ในเมื่อจงยู่ยอมรับจงจิ่วเจินคุณตาคนนี้แล้ว ฉินหลั่งก็ต้องเคารพจงจิ่วเจินหน่อย
“คุณชายฉินไม่ต้องมากพิธี อิทธิพลตระกูลฉินเป็นที่รู้กับทั่วโลก ผมเลื่อมใสในความรู้ความสามารถของฉินป๋อสง คุณชายฉินยังหนุ่มยังแน่น เอาชนะนักบวชเต๋าได้ตั้งแต่อายุยังน้อย อาจารย์ฝู้คายมีศิลปะการต่อสู้ชั้นเยี่ยมเช่นนี้ อนาคตไม่แน่ไม่นอน”จงจิ่วเจินไม่ค่อยชมใครบ่อยนัก
เมื่อคืนเขาได้รับสายจากจงเส่นซาน จึงรู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อวาน และเขาก้ยังรู้ข่าวว่าฉินหลั่งโดนไล่ออกจากตระกูลฉินแล้ว
“ท่านจงชมเกินไปแล้ว ที่จริงผมโดนไล่ออกจากตระกูลฉินแล้ว ผมไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลฉินแม้แต่น้อย”ฉินหลั่งพูด“พี่ป๋อสงกล้าไล่หนุ่มฉลาดหน้าตาดี อย่างคุณชายฉินออกจากตระกูล ไม่เข้าใจเลยจริงๆ!”จงจิ่วเจินจงใจพูดอย่างสงสัย เขามองฉินหลั่งพลางถาม:“หลังจากนี้คุณฉินจะทำยังไงต่อ?”
“ผม…”ฉินหลั่งครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วบอกไปตามตรง:“ท่านจง ผมพูดอย่างไม่ปิดบังท่าน ตอนนี้ผมยังไม่มีแผนอะไร เมื่อวานเป็นวันแต่งงานของผมกับจงยู่ ประธานจงบอกว่าหากลูกหลานบ้านตระกูลจงจะแต่งงาน ต้องได้รับการยินยอมจากท่านก่อน ฉินหลั่งไร้ความสามารถ ขอให้ท่านจงอนุญาตให้ผมกับจงยู่แต่งงานกันด้วยครับ!”
ฉินหลั่งสบโอกาสพูดกับจงจิ่วเจิน ถึงแม้ในความรู้สึกของเขา จงยู่จะเป็นครึ่งชีวิตของเขาแล้ว แต่ได้รับอนุญาตจากบ้านตระกูลจงจะดีกว่า
“คือ…”จงจิ่วเจินลังเล จงเส่นซานมองจงจิ่วเจินอย่างตื่นเต้นเล็กน้อย
“คุณตา หนูชอบฉินหลั่งด้วยใจจริง ท่านอนุญาตพวกเราเถอะนะคะ”จงยู่ก็พูดขึ้น
“จงยู่ หลานกลับมาบ้านตระกูลจงจากเวลา20ปี ตาดีใจมาก แม้ตาจะดูออกว่าคุณฉินชอบหลานจากใจจริง แต่ในฐานะผู้นำตระกูล ในระยะเวลาสั้นๆนี้ ตาไม่อาจดูนิสัยใจคอของคุณฉินออก ถ้าหาก…ถ้าหากคุณฉินเกิดเปลี่ยนใจ งั้นคนที่เจ็บปวดก็คือหลานนะจงยู่”จงจิ่วเจินพูดอย่างจริงใจ
ฉินหลั่งและจงยู่มองหน้ากันแวบหนึ่ง สิ่งที่จงจิ่วเจินเป็นกังวล ทั้งคู่ไปไม่เป็นเลย
“ตาว่าอย่างงี้ดีไหม ให้ตาสังเกตการณ์คุณฉินสักระยะ ในเวลา3ปีหากพฤติกรรมของคุณฉิน สอดคล้องกับเงื่อนไขการเป็นหลานเขยของตา ตาจะให้พวกเธอแต่งงานกัน”จงจิ่วเจินเสนอความคิดเห็น
3ปี?ฉินหลั่งและจงยู่คิดว่าระยะเวลานานไปหน่อย
“ตระกูลเราเป็นแบบดั้งเดิม ปฏิบัติตามจารีตประเพณี กตัญญู ทดแทนบุญคุณ การทดสอบล้วนทำในระยะเวลา3ปี หากคุณฉินมีความตั้งใจจริงๆ ก็แค่3ปีเอง ผ่านไปไวเพียงชั่วพริบตา!”
จงเส่นซานมองจงยู่กับฉินหลั่งพลางพูด:“อีกทั้งตอนนี้พวกเธออายุยังน้อย ยังสามารถเรียนต่อได้ รอเรียนมหาลัยจบแล้วค่อยแต่งยิ่งดี”
จงเส่นซานพูดเช่นนี้ ฉินหลั่งและจงยู่ก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย
“ครับ ผมตกลง!”ฉินหลั่งและจงยู่สบตากัน จากนั้นพยักหน้าให้จงจิ่วเจิน
“คุณฉินตรงไปตรงมาจริงๆ ผมอยากเห็นบ้านตระกูลจงในอนาคต มีหลานเขยอย่างคุณนะ!”จงจิ่วเจินมีสีหน้าปิติ และใจอ่อนลงมาบ้าง
“คุณตา ตายังไม่บอกหนูเลย ว่าปีนั้นทำไมตาถึงบีบบังคับแม่หนูจนเกินไป”จงยู่ถามอีกครั้ง
สายตาจงจิ่วเจินเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขาส่ายหน้าเบาๆพลางพูด:“ยู่เอ๋อ ตอนนี้ตายังบอกหลานไม่ได้ หวังว่าหลานจะเข้าใจ”
“ไม่ บอกหนูมา!ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง หนูก็รับได้ทั้งนั้น”จงยู่พูดอย่างฮึกเหิมเล็กน้อย เธอกำหมัดแน่น
“ยู่เอ๋อ!”จงเส่นซานกระซิบพูด:“บ้านตระกูลจงไม่ทำร้ายเธอหรอกนะ ที่คุณตาทำไปทั้งหมดก็เพื่อปกป้องเธอ เธออย่าถามอีกเลยหากยังถามต่อไป เธออาจเป็นอันตรายได้ และอาจทำให้คนทั้งบ้านตระกูลจงเดือดร้อนไปด้วย!”
ทำให้คนทั้งบ้านตระกูลจงเดือดร้อนไปด้วย!
จงยู่และฉินหลั่งประหลาดใจ รู้สึกสงสัยและระแวดระวัง เกี่ยวกับความลำบากใจของจงจิ่วเจินมากเข้าไปอีก
จงยู่เหม่อไปครู่หนึ่ง ไม่ถามอะไรต่อ
“ยู่เอ๋อ ขอบใจนะที่เข้าใจความลำบากใจของตา”จงจิ่วเจินพูดสีหน้าจริงจัง เงียบไปครู่หนึ่งก็พูดขึ้นมาอีก:“หลังจากนี้ไปยังคงต้องลำบากหลานหน่อยนะ ไม่ว่าจะสังคมภายนอก หรือแม้แต่ต่อหน้าคนของบ้านตระกูลจง หลานก็ไม่อาจเผยแพร่สถานะลูกหลานบ้านตระกูลจงของตนได้”