รวยชั่วข้ามคืน?! - ตอนที่ 21 เด็กสาวที่พฤติกรรมแปลกประหลาด
บทที่ 21 เด็กสาวที่พฤติกรรมแปลกประหลาด
เสี้ยฉีงเอามือกุมใบหน้าไว้ พร้อมทั้งทำสีหน้าจ้องมองหยางซือฉีแบบไม่อยากจะเชื่อ ทำไมพี่สาวถึงได้กล้าตบหน้าฉันเพื่อไอ้ขี้แพ้คนนี้นะเหรอ? เมื่อครู่เห็นได้ชัดว่าฉันก็เพิ่งช่วยออกตัวพูดแทนเธอนี่!
คำพูดของน้องสาวเมื่อครู่นี้ เป็นไปได้อย่างมากที่ทำให้เธออาจจะพลาดสมบัติพัสสถานของฉินหลั่ง! ขอแค่ล่อฉินหลั่งให้ติดเบ็ดเท่านั้น ชีวิตของเธอก็จะพลิกเป็นอีกโลกเลยทีเดียว สำหรับหยางซือฉีเรื่องความคิดที่จะแต่งงานเข้าไปอยู่ในตระกูลที่ร่ำรวยมั่งคั่ง เธอไม่สามารถทนรับสภาพนั้นได้!
เสี้ยฉีง ตอนนี้แกกำลังช่วยทำให้เรื่องมันย่ำแย่ไปกว่าเดิม แกรู้ตัวไหม
“แกกำลังพูดมั่วอะไร! ตอนนี้ฉินหลั่งก็เป็นแฟนฉัน เสี้ยฉีง แกให้เกียรติกับเขาหน่อย!” หยางซือฉีพูดไป ก็เดินไปทางฉินหลั่ง แล้วก็พะเน้าพะนอถลาอยู่ในอ้อมกอดของฉินหลั่ง พร้อมทั้งใช้สายตาโกรธแค้นมองมายังเสี้ยฉีง
ฉินหลั่งก็ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าหยางซือฉีจะทำเพื่อตนเอง ถึงขนาดลงมือกับเสี้ยฉีงได้
ถ้าเขายังอยู่ที่นี่ต่อ เกรงว่าสถานการณ์มันจะยิ่งย่ำแย่ไปกว่าเดิม ดังนั้น ฉินหลั่งเลยพูดให้คำแนะนำกับทั้งสองคน เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงจากจุดความรักที่ไม่มีจุดจบแบบนี้
ฉินหลั่งเดินหนีไปแบบนี้ ทำให้อารมณ์ที่กำลังโมโหเดือดดาลของหยางซือฉีค่อยๆ สงบสติอารมณ์ลง ตอนนี้ ความรู้สึกที่เธอมีต่อเสี้ยฉีง มันเกิดเสียความรู้สึกขึ้นมาเล็กน้อย
เพราะไม่รู้ว่าจะไปขอโทษเสี้ยฉีงยังไงดี และทันใดนั้นไม่ทันจะคาดคิดเลยด้วยซ้ำ เสี้ยฉีงก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“น้อง แกไม่เป็นไรใช่ไหม?” เสี้ยฉีงถูกตนเองตบ แถมยังหัวเราะอีก หรือว่าเมื่อครู่นี้มือหนักไปหน่อย เลยกระทบกระเทือนไปถึงเซลล์สมองของเสี้ยฉีงไปด้วย?
“นี่พี่ แกนี่มันรอบคอบมากจริงๆ เมื่อครู่ที่แกตบฉัน ก็แค่อยากให้ฉินหลั่งไอ้ไร้ประโยชน์นั่นมันตายใจกับคำพูดที่แกพูด ใช่ไหม?” เสี้ยฉีงยังคิดว่า นี่คือแผนการอันรอบคอบของหยางซือฉี แถมเธอเองยังนวดหน้าที่ตอนนี้ยังคงแดงก่ำของตนเอง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงขอโทษ “นี่พี่ ถึงแม้ว่าแกจะแสดงละครให้ไอ้บ้านั่นมันเห็น แกตบแรงมาก จนหน้าฉันตอนนี้มันชาและแสบไปหมดแล้ว!”
หยางซือฉีถอนหายใจอย่างโล่งอก ยังดี น้องสาวยังไม่ได้ถูกตนเองตบจนสมองเบลอ
“โอเค เมื่อครู่ฉันลงมือหนักไปหน่อย นี่แม่น้องสาว แกอยากโกรธฉันเลย รอจนถึงเวลาที่ฉันจัดการเขาอยู่หมัดแล้ว แกก็จะมีความชอบอยู่ไม่น้อย!” หยางซือฉีค่อยๆ ลูบหน้าเสี้ยฉีงอย่างแผ่วเบาพร้อมทั้งเอ่ยปากพูดไปด้วย
“มันแน่อยู่แล้ว ฉันก็รู้ว่า จ้าวเหว่ยเป็นลูกคนรวย พอถึงเวลานั้น พี่จะเอาเงินออกมาสักกี่หมื่นออกมาให้ฉันก็ได้ใช่ไหม?” เสี้ยฉีงกะพริบตามองหยางซือฉี
สิ่งที่เสี้ยฉีงคาดไม่ถึงก็คือ เขาที่หยางซือฉีพูดถึง ไม่ได้หมายถึงจ้าวเหว่ย
“ใช่สิ” หยางซือฉียิ้มไปพูดไป ขอเพียงแค่ฉันได้ร่วมหอลงโรงกับคุณชายฉิน เงินแค่กี่หมื่นเองมันจะนับเป็นเงินได้เหรอ?
สองสาวพี่น้องก็ลืมเรื่องที่ไม่สบอารมณ์ไปเสียสนิท
“ใช่สิ นี่พี่ ก่อนหน้าแกเคยพูดว่า มีคนที่รวยสุดๆ คนหนึ่งไปที่ธนาคารเราไม่ใช่เหรอ หลายวันที่ผ่านมาเขาไปอีกหรือเปล่า? ที่ฉันให้แกไปหาเบอร์โทรศัพท์เขามา ได้มาหรือเปล่า?” ดวงตาเสี้ยฉีงเปล่งประกายออกมา และการรอคอยอย่างคาดหวังอยู่ในใจ
“แกจะเอาเบอร์โทรศัพท์เขาไปทำอะไร?’ หยางซือฉีถามกลับอย่างตักเตือน
“ยังต้องถามอีกเหรอ จะเอาไปตามจีบเขานะสิ คนรวยๆ แบบนี้ไม่ได้ว่าจะพบเห็นกันง่ายๆ นะ! ถ้าฉันมีหนทางติดต่อกับเขา ก็ถือว่าสนิทสนมกันแล้ว ฉันก็มีวิธีของฉันที่จะหาวิธีจีบเขาให้ถึงมาถึงมือเอง” เสี้ยฉีงพูดถึงความคิดของตนเอง
“อ้อ…” เมื่อได้ยินคำพูดของเสี้ยฉีง หยางซือฉีเองก็คิดตาม และก็รู้สึกถึงอันตราย “หลายวันมานี้เขาไม่ได้มา รอจนตอนเขามา ฉันจะเอาเบอร์โทรศัพท์มาให้แก”
“อืม ขอบคุณนะพี่” เสี้ยฉีงยิ้มหวานให้ “ตอนนี้ฉันอยากเจอกับนายหนุ่มรวยคนนั้นแล้วสิ ฉันคิดว่าเขาต้องหล่อมากแน่ๆ ถึงจะไม่หล่อก็ตาม มีเงินก็พอแล้ว เฮ้อ ทำไมคนใกล้ตัวฉันถึงได้ไม่มีเงินขนาดนั้นกันนะ?”
หยางซือฉีแอบคิดดีใจอยู่ในใจ ยังดีที่เสี้ยฉีงไม่ได้รู้สถานะของฉินหลั่ง ในเวลาเดียว เธอเองก็รู้สึกตลกมาก น้องสาวนี่นะ สิ่งที่แกเฝ้าใฝ่ฝันนี่หวังแต่คนรวย ก็ฉินหลั่งไงคนที่แกเรียกลากไปโน่นไปนี่! แกไม่ได้อยากใกล้ชิดสนิทสนมกับคนรวยหรือไง ทุกวันแกยังทำตัวแบบนั้นกับเขาอีก!
ตอนที่สองสาวพี่น้องกำลังครุ่นคิดเพ้อรำพึงเรื่องที่อยู่ในใจนั้น ฉินหลั่งก็กลับมาถึงมหาวิทยาลัยแล้ว
ตอนนั้น เวลาหกโมงเย็น ฉินหลั่งรู้สึกหิวเล็กน้อย เลยไปกินข้าวในโรงอาหาร “Food moment” ในมหาวิทยาลัย
“Food moment” เป็นโรงอาหารแห่งเดียวที่คนนอกเป็นคนเข้ามาจัดการ ค่าใช้จ่ายย่อมแพงกว่าโรงอาหารในมหาวิทยาลัยหลายเท่า
ตอนที่เดินเข้ามาในโรงอาหารนั้น นักศึกษาก็น้อยอยู่แล้ว ฉินหลั่งเดินไปทางหน้าเคาน์เตอร์ จากนั้นก็เข้าแถวต่อคิว
ทันใดนั้น ด้านหลังของฉินหลั่งก็มีเสียงแสบแก้วหูดังขึ้นมา
“โห นี่นังมากินข้าวที่นี่เลยเหรอ? ‘มีเงิน’ ด้วย!”
“ดูที่นางแต่งตัวสิ ขาดวิ่นไปทั้งตัว คนพรรค์นี้คิดอะไรอยู่นะ ไม่กลัวว่าจะเสียหน้าบ้างเลยเหรอไง?”
“มากินข้าวมื้อเดียวที่ Food moment นั่นถือว่าเป็นเงินค่าจ่ายของนังนี่ตั้งหลายวันเลยนะ นังนี่โง่ได้ขนาดนี้ทำไมถึงกล้าจ่ายเงินออกมาได้นะ? พวกแกลองเดาสิ เงินที่นังนี่ถือมานังเก็บมาได้ หรือว่าขโมยมากันแน่?”
ไอ้บ้าพวกนี้ ก็แค่พาตัวเองมาที่กินข้าวที่ร้านFood moment ไม่ใช่เหรอ ผีเจาะปากที่ไหนเนี่ย ถึงได้ปากจัดขนาดมาพูดแดกดันตนเองได้ซะขนาดนี้?
ในใจฉินหลั่ง โมโหปรี๊ดขึ้นมาทันที
ตอนที่เขาหันหลังกลับไป ก็เห็นนักศึกษาสาวอยู่สามคน แต่งตัวทันสมัย จนเหมือนกับเด็กสาวฮิปฮอปที่เดินตามถนนต่างๆ
แต่สามคนนี้ ฉินหลั่งไม่รู้จักเลยนี่! ไม่รู้จักมักจี่ ทำไมพวกเธอถึงมาด่าทอตัวเองได้นะ?
ตอนที่ในใจยังคงสงสัยอยู่นั้น นักศึกษาสาวทั้งสามคนแทบไม่ได้จ้องมองมาทางเขาเลย แล้วเดินผ่านไปเฉยๆ
ไม่ได้ว่าฉันหรอ? เวลานั้นเอง ฉินหลั่งถึงกลับตกตะลึง
แต่ก็เห็นว่านักศึกษาสาวทั้งสามคนเดินไปด้านหน้าสุด แล้วยืนอยู่ตรงด้านหน้าของเด็กสาวคนหนึ่ง นักศึกษาสาวสามคนยืนกอดอก ปากก็เคี้ยวหมากฝรั่ง สายตามองนักศึกษาสาวคนนั้นจากศีรษะจรดเท้าอย่างดูถูกดูแคลน
ฉินหลั่งจ้องมองนักศึกษาสาวคนนั้นอย่างมีนัยน์ เพราะว่าเธอใส่เสื้อคอกลมสีขาว เนื้อผ้าเกรดค่อนข้างต่ำมาก ท่อนล่างสวมใส่กางเกงยีน ดูจากแบบแล้วน่าจะ 7-8 ปีที่แล้วได้ ส่วนรองเท้าก็ใส่รองเท้า Converse ที่ซักซะซีด
“ทุกคนมาดูนังเด็กนี่ เธอชื่อว่าจงยู่ เป็นคนที่จนที่สุดในห้องของพวกเรา ทุนการศึกษา เงินอุดหนุนทุกปี เป็นของเธอทั้งหมด มาดูที่นังนี่ทำสิ! ถ่อมากินข้าวในร้านอาหารที่แพงที่สุดในมหาวิทยาลัย หน้าไม่อายจริงๆ!”
“จงยู่ แกไม่อายบ้างเหรอ? แกจนขนาดนี้ ทำตัวดีๆ หน่อย ตอนนี้แกถ่อมากินข้าวที่นี่ แถมใช้เงินของมหาวิทยาลัยที่ให้แก แกไม่รู้สึกละอายใจบ้างเธอหรือไง?”
“หน้าด้านจริงๆ งั้นดี ฉันจะทำให้ทุกคนเห็น ว่าคนจนไม่มีจะแดกอย่างแกหน้าตาเป็นแบบไหนกันแน่!”
พูดไป นักศึกษาสาวสามคนก็ลงมือทันที มีสองคนดึงมือจงยู่ไว้แน่น ส่วนอีกคน ก็ถลกเส้นผมของจงยู่ แล้วฉุดกระชากลากถูไปทางด้านหลัง
จงยู่ไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของพวกเธอทั้งสามคนนั้น เธอพยายามขัดขืนตลอดเวลา แต่ไม่สามารถหลุดออกมาได้ จนเกือบจะเซล้มลง
ฉินหลั่งที่กำลังมองใบหน้าของจงยู่เต็มตาในเวลานี้ เขาเห็นว่าเธอใบหน้าขาว ไม่ได้แต่งหน้า จนใบหน้าเกลี้ยงเกลา ในเวลานั้นเอง ริมฝีปากของเธอเม้มไว้แน่น พร้อมทั้งหลับตาลง และยอมให้ทั้งสามคนนั้นทรมานเธอได้ตามใจ เธอไม่ปริปากพูดออกมาสักคำ
ในที่สุด จงยู่ก็ถูกสามคนนั้นผลักจนล้มกองกับพื้น
“สมน้ำหน้านักอีคนจน!” นักศึกษาสาวสามคนจ้องมองจงยู่ที่กองอยู่กับพื้นอย่างหยิ่งผยอง
ในเวลานั้นเอง เป็นจังหวะที่ประจวบเหมาะถึงคิวที่จงยู่สั่งอาหาร พนักงานก็เอ่ยปากถามจงยู่อย่างระมัดระวัง ว่ายังต้องการที่จะสั่งอาหารหรือเปล่า
จงยู่รีบลุกจากพื้น แล้วพูดกับพนักงาน “ฉันขอข้าวผัดทะเลรวมมิตรสองกล่อง แล้วก็Evian สองขวด ฉันเอากลับบ้าน”
ข้าวผัดทะเลรวมมิตร 1 จาน 58 หยวน น้ำแร่ Evian ขวดละ 39 หยวน สำหรับในร้านอาหาร Food momentนั้น เป็นสิ่งที่แพงที่สุดแล้ว!
คนอื่นๆ ที่ได้ยินว่าจงยู่สั่งของแพงมากินนั้น ยิ่งรู้สึกไม่พอใจกับเธอเป็นอย่างมาก
“สมน้ำหน้าที่ถูกคนอื่นทำร้าย เอาเงินทุนมาใช้สุรุ่ยสุร่ายแบบนี้เอง!”
“ขนาดฉันยังไม่มีปัญญาสั่ง Evian มาดื่มเลย ไม่คิดเลยว่าคนที่ได้ทุนการศึกษาคนจนจะสั่งมาดื่มได้ ฉันจะไปแจ้งกับทางมหาวิทยาลัย เพื่อให้เธอดังระเบิดในเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย!”
“มื้อเดียวแต่สั่งสองกล่อง นี่แกหิวจนผีเข้าแล้วเหรอ?”
เมื่อได้ยินสิ่งที่คนอื่นกำลังถากถางตนเองอยู่นั้น จงยู่ทำท่าราวกับไม่ใส่ใจใดๆ สาวตาเธอจับจ้องมองผ่านหน้าต่างที่พ่อครัวกำลังทำกับข้าวอยู่ด้านใน
ไม่นานนักข้าวผัดทะเลรวมมิตรก็ได้แล้ว จงยู่จ่ายเงิน พร้อมทั้งถือข้าวผัดทะเลรวมมิตรกับน้ำแร่ Evian เดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เขามองด้านหลังของนักศึกษาสาวที่เดินออกไป ในใจของฉินหลั่งคิดว่า เด็กสาวคนนี้หน้าตาสวยมาก แต่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายมากๆ ฐานะทางบ้านของเธอเองก็เป็นแบบนั้น แถมยังเอาเงินทุนการศึกษาของนักศึกษาที่จน มาซื้อของที่แสนแพง เห็นแบบนี้ใครล่ะจะไม่โกรธ?
“โอ้โห ยังมีอีกคนนี่ ทุกคนมาดูเร็ว เขากับคนเมื่อกี้ เหมือนเป็นคู่กันเลยว่าไหม! ดูที่เขาแต่งตัว มันช่างเหมาะสมกับจงยู่มาก”
ฉินหลั่งหันหลังกลับไป นักศึกษาสาวทั้งสามคนเริ่มใส่ร้ายมาที่ตนเองแล้ว
นักศึกษาสาวสามคนช่างป่าเถื่อน เมื่อครู่ฉินหลั่งก็รู้ตื้นลึกหนาบางแล้ว เขาเองก็ไม่อยากไปเสวนาต่อล้อต่อเถียงกับนักศึกษาสาวสามคนนั้น เลยไม่กินข้าวดีกว่า แล้วก็เดินออกไปจากร้านอาหารอย่างรวดเร็ว
พอเดินออกมา ฉินหลั่งก็ยังเห็นหลังของจงยู่อยู่แวบๆ เด็กคนนี้ทำไมซื้อข้าวสองกล่อง ในใจฉินหลั่งเกินความสงสัย เลยเดินตามหลังจงยู่ไปช้าๆ
ฉินหลั่งเดินตามหลังจงยู่ไป ก็เดินมาถึงด้านข้างของทะเลสาบยุ่นซีที่อยู่ในมหาวิทยาลัย
ในเวลานี้ทะเลสาบยุ่นซีไม่มีคนเลยสักคน แสงลับขอบฟ้ายามโพล้เพล้ทอแสงลงบนทะเลสาบ จนทอประกายแสงระยิบระยิบเป็นคลื่น สวยงามมาก
ฉินหลั่งแอบหลบด้านหลังต้นไม้ เพื่อที่จะแอบดูจงยู่
และเห็นว่าจงยู่วางข้าวผัดทะเลรวมมิตรแล้วก็ดื่มน้ำแร่ อยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่ จากนั้นเธอก็นั่งคุกเข่าอยู่ด้านข้างก้อนหินนั่น พร้อมทั้งใช้ตะเกียบค่อยๆ กินข้าวผัด
กินไปเรื่อยๆ น้ำตาเธอก็ไหลลงมาเป็นทาง ฉินหลั่งได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นของเธอ
ไม่น่ากินข้าวที่แพงขนาดนี้ วันนี้ถึงกับร้องไห้ออกมาเลยเหรอ?
การที่เอาข้าวมานั่งกินริมทะเลสาบนี้ก็ไม่มีใครเห็นนี่หน่า
ฉินหลั่งรู้สึกว่าจงยู่ทำตัวแปลกๆ พอดูไปอีกสักพัก ฉินหลั่งก็เตรียมตัวหันหลังกลับ
ในเวลานั้นเอง จงยู่ก็วางตะเกียบลง
จากนั้นเธอก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน
ไม่นะ กินเสร็จแล้วนี่เจ้าหล่อนยังไม่ยอมเก็บขยะไปทิ้งอีก? นักศึกษาคนนี้นี่ช่างนิสัยแย่มาก ฉินหลั่งคิดอยู่ในใจ
แต่จงยู่ไม่ได้ไปไหน แต่นั่งคุกเข่าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จากนั้นก็ทำท่าโขกหัวคำนับสามครั้ง
นี่มันเกิดเรื่องอะไรกันแน่ กินข้าวแล้วยังต้องคำนับอีกเหรอ?
จงยู่ลุกขึ้นยืน จากนั่นก็เดินตรงดิ่งไปทางทะเลสาบ
เด็กคนนี้จะฆ่าตัวตายใช่ไหมเนี่ย มีความคิดแบบนี้แวบเข้ามาในหัวของฉินหลั่ง
จงยู่ก็ใช้ความจริงตอบคำถามเขาทันที เธอเดินไปข้างทะเลสาบ จากนั้นก็ย่อตัวลง เสียงกระโดดน้ำดัง “โครม”