รถเมล์สาย 18 - ตอนที่ 38 เทศกาลจงหยวน (วันปล่อยผี)
บทที่ 38 เทศกาลจงหยวน (วันปล่อยผี)
ขึ้น 15 ค่ำเดือน 7 คือเทศกาลจงหยวน (วันปล่อยผี) ตามตำนานบอกว่าวันนี้ประตูนรกจะเปิดออก ภูติผีในยมโลกจะถูกปลดปล่อยออกมา หากภูติผีเหล่านั้นยังมีครอบครัวญาติพี่น้องอยู่ก็จะสามารถกลับไปที่บ้านพบปะกับพวกเขาได้ ในวันนี้เหล่าภูติผีจะสามารถเดินเตร็ดเตร่ท่ามกลางแสงแดดโดยไม่มีข้อจำกัด
“วันนี้เป็นเทศกาลจงหยวน ช่วงนี้ค่อนข้างวุ่นวายนิดหน่อย เลิกงานแล้วก็รีบกลับบ้านกันเถอะ”
“พูดถึงเทศกาลจงหยวนวันนี้ เมื่อเร็วๆนี้ก็มีคดีฆาตกรรมตลอดเลย ผู้คนต่างก็ตื่นตระหนก วันนี้ฉันก็เลยคิดว่าต้องรีบกลับบ้านให้เร็วหน่อย”
“เฮ้อ ดูเหมือนเราต้องไปกินเลี้ยงกันทีหลัง วันนี้เป็นเทศกาลปล่อยผี อย่าเพิ่งไปเที่ยวกันเลย”
“จริงด้วย! งั้นพรุ่งนี้ เราค่อยไปเที่ยวกัน”
ในบริษัทแห่งหนึ่ง พนักงานสามคนวางแผนจะไปกินเลี้ยงกันตอนเย็น แต่พอคิดว่าวันนี้เป็นเทศกาลวันปล่อยผี พวกเขาก็เลยล้มเลิกความคิด
สายลมของฤดูใบไม้ร่วงเยือกเย็น แต่ก็มีกลิ่นอายของความเย็นสบาย แต่เนื่องจากวันนี้เป็นวันเทศกาลจงหยวน จึงทำให้ถนนที่มีเสียงดังในวันปกติเงียบลงมาก ในวันที่พิเศษเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็อยากกลับบ้านเร็วๆ ทั้งนั้น ทุกคนต่างก็กลัวความเดือดร้อนจากสิ่งที่มองไม่เห็น
“เงินกระดาษหมดแล้ว รีบกลับบ้านกันเถอะ นี่ก็ดึกมากแล้ว วันนี้เราไม่ควรอยู่ดึกเกินไป”
“พ่อ พ่อขี้ขลาดเกินไปแล้ว พ่อชอบเชื่อเรื่องไสยศาสตร์พวกนี้ตลอดเลย ตอนนี้พ่ออายุเท่าไหร่แล้ว ยังมัวเชื่อเรื่องพวกนี้อยู่ได้!”
พ่อกับลูกชายที่กำลังเผาเงินกระดาษอยู่บนถนน หลังจากเผาเงินกระดาษหมด คนเป็นพ่อก็ชวนลูกชายให้รีบกลับบ้าน แต่ลูกชายไม่เห็นด้วย และรู้สึกว่าผู้เป็นพ่อเชื่อเรื่องไสยศาสตร์อย่างงมงาย
“ไอ้หนู มัวผายลมอะไรอยู่ได้ รีบกลับบ้านเร็วเข้า! ไปเร็ว!”
“พ่อ อย่างมงายนักเลย นี่มันยุคใหม่ พ่อต้องเชื่อเรื่องวิทยาศาสตร์บ้าง ภูติผีปีศาจพวกนั้น มันไม่ใช่เรื่องจริง!” ลูกชายสอนผู้เป็นพ่อ และรู้สึกว่าพ่อของตนช่างงมงายเหลือเกิน
“ไอ้หนู หุบปากซะ ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ กลับบ้านเร็วเข้า!” ผู้เป็นพ่อไม่สนใจคว้าแขนลูกชาย บังคับให้เดินกลับบ้าน
“คนรุ่นพ่อนี่! งมงายเหลือเกิน อายุปาเข้าไปตั้งเท่าไหร่แล้วยังเชื่อเรื่องภูติผี ปีศาจ สัตว์ประหลาดพวกนั้นอยู่ได้” ลูกชายถูกพ่อลากกลับบ้าน แต่ปากก็ยังไม่ยอมหยุดพูด
“ผีเหรอ? ผมไม่เชื่อหรอก โลกนี้มีผีจริงๆซะที่ไหนกัน!” ลูกชายเดินไปพลาง บ่นไปพลาง
สายลมฤดูใบไม้ร่วงพัดมา เงินกระดาษที่ถูกเผาอยู่บนถนนที่เงียบสนิทถูกพัดปลิวไปตามสายลม
พ่อกับลูกที่เดินไปตามถนนต่างสั่นสะท้าน เมื่อสัมผัสกับสายลมของฤดูใบไม้ร่วง
ผู้เป็นพ่อ พอเห็นเงินกระดาษปลิวไปตามสายลม สีหน้าของเขาก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันที และบอกลูกชายให้รีบเดินกลับบ้านเร็วขึ้น “รีบเดินเร็วเข้า!”
“เฮ้อ พ่อ กลัวอะไรนักหนาเนี่ย ลมตอนกลางคืน มันก็ค่อนข้างเย็นแบบนี้แหล่ะ ไม่มีอะไรผิดปกติหรอก” ลูกชายยังพูดดูหมิ่นและพูดสนับสนุนความเชื่อเรื่องวิทยาศาสตร์ของตัวเอง ในใจของเขาไม่เชื่อในเรื่องภูตผีปีศาจ หรือเทพเซียนอะไรเลย
ฮู! ฮู!
สิ้นเสียงพูดของลูกชาย สายลมของฤดูใบไม้ร่วงก็พัดมาอีกครั้งสายลมคราวนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวสั่น แม้แต่ลูกชายที่ดูหมิ่นเรื่องนี้ก็ยังผงะ “อะไรกัน? ผมรู้สึกเหมือนมีคนมาจ้องมองผมอยู่” ลูกชายหันหน้าไปมองโดยไม่รู้ตัว แต่ก็ถูกผู้เป็นพ่อห้ามไว้
“ไอ้หนู อย่าหันไปมอง รีบไปเร็วเข้า!” ผู้เป็นพ่อเร่งอีกครั้ง
คราวนี้ ลูกชายพยักหน้าและไม่พูดอะไรอีก ตั้งใจเดินตามพ่ออย่างจริงจัง
“พ่อ ดูนั่น มีรถเมล์อยู่ตรงนั้น” จู่ๆ ลูกชายก็พูดขึ้น และชี้ไปยังถนนที่อยู่ไม่ห่างจากพวกเขานัก
พอผู้เป็นพ่อได้ยินสิ่งที่ลูกชายพูด เขาก็เหลือบมองไปโดยไม่รู้ตัวแต่พอได้เห็นรถเมล์คันนั้น ผู้เป็นพ่อก็ถึงกับตกตะลึง “อย่ามองนะรีบไปเร็ว!” หลังจากได้สติผู้เป็นพ่อก็รีบคว้าแขนลูกชายวิ่งตะบึงออกไป
“อะไรกัน! พ่อ!”
“ไอ้หนู! ไม่ต้องถาม รีบไปเร็วเข้า!” ผู้เป็นพ่อไม่ได้ให้คำอธิบายใดๆ กับลูกชาย ได้แต่ดึงลูกชายกลับบ้านด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
ครืด!
เสียงรถเมล์เปิดประตูดังขึ้น เงาดำบนรถเมล์ที่จอดอยู่ข้างถนนค่อยๆเดินออกมาจากประตู
เช้าตรู่ วันรุ่งขึ้น
พนักงานสุขาภิบาลหลายคนตื่นแต่เช้าเพื่อทำความสะอาดเมืองบนถนนโล่ง พนักงานสุขาภิบาลคนหนึ่งได้พบกับคนที่นอนอยู่ข้างถนน
“อีกคน? เจอคนเมาอีกคนแล้ว?” มีบาร์อยู่ข้างถนนที่พนักงานสุขาภิบาลกำลังทำความสะอาด และบริเวณใกล้เคียงก็มักจะมีคนที่ดื่มมากเกินไปจนเมาหลับอยู่ข้างถนน พนักงานสุขาภิบาลจึงไม่แปลกใจที่พบคนนอนอยู่ข้างถนน
พนักงานสุขาภิบาลก้าวเข้าไปหา เมื่อพบว่าเป็นเด็กหนุ่มเขาก็คิดว่าต้องเมามากจนมาหลับอยู่ข้างถนน “นี่ หนุ่มๆ ตื่นเร็ว! ช่างไม่ห่วงตัวเองบ้างเลย มานอนอะไรข้างถนน ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจะทำยังไง!” พนักงานสุขาภิบาลส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจ ขณะที่เขย่าตัวปลุกเด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนพื้น
“หนุ่มน้อย! ตื่นได้แล้ว! ตื่นได้แล้ว! เป็นอะไรมากไหมเนี่ย!”
เมื่อได้ยินเสียงเรียก เด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนพื้นก็ค่อยๆลืมตาขึ้นและพูดว่า “ผม…อยู่ ที่ไหน!” เด็กหนุ่มยันตัวลุกขึ้นนั่งด้วยมือข้างหนึ่งส่วนอีกข้างก็จับไปที่ศีรษะที่รู้สึกเจ็บปวด
“หนุ่มน้อย! ดื่มมากไปแล้ว มานอนข้างถนนแบบนี้ ไม่กลัวถูกรถทับหรือไง ลุกขึ้น กลับบ้านไปนอนซะ!” พนักงานสุขาภิบาลดุด้วยความเป็นห่วง
“ผม…” เด็กหนุ่มเอามือกุมหัว รู้สึกว่างเปล่า “ผมมาทำอะไรอยู่ที่นี่!” จู่ๆ เด็กหนุ่มก็จำอะไรไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงได้มาผล็อยหลับอยู่ข้างถนน
หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก เด็กหนุ่มก็นึกถึงบางอย่างได้ เขาตัวสั่นและหันไปมองป้ายรถเมล์ร้างที่อยู่ด้านหลังไม่ไกลนัก
“พ่อ! พ่อผมล่ะ!” เด็กหนุ่มมองไปรอบๆอย่างกังวล แต่ก็ไม่พบใครนอกจากพนักงานสุขาภิบาล
“หนุ่มน้อย! เป็นอะไร?” พนักงานสุขาภิบาลเกาหัวด้วยความสงสัย
“ลุง! ลุงเห็นพ่อผมไหม?” เด็กหนุ่มถามพนักงานสุขาภิบาลอย่างเร่งร้อน
“ พ่อของเธอ? หนุ่มน้อย มีแต่เธอที่เมาหลับอยู่ตรงนี้ ฉันมาทำความสะอาดตั้งแต่เช้า บนถนนแถวนี้ นอกจากเธอแล้ว ฉันก็ไม่เห็นใครเลย!”
“รถเมล์! รถเมล์คันนั้น! ลุง! ลุงเห็นรถเมล์ สาย 18 ” ไหม?” เด็กหนุ่มถามพนักงานสุขาภิบาลอย่างตื่นตระหนก
“รถเมล์ สาย 18” งั้นเหรอ?” พนักงานสุขาภิบาลขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้จัก รถเมล์ สาย 18” ที่เด็กหนุ่มพูด
“ป้ายรถเมล์นั่น! เมื่อคืนมีรถเมล์มาจอดที่ป้ายนั่น แล้วพ่อของผมก็ขึ้นไปบนรถ!” ความทรงจำสุดท้ายของเด็กหนุ่ม คือพ่อของเขาขึ้นไปบนรถเมล์ สาย 18
“โอ้! ป้ายรถเมล์ที่เธอพูดถึง! มันถูกทิ้งร้างมานานแล้วนะฉันก็ทำความสะอาดถนนสายนี้มาหลายปี ฉันเดาว่ามันถูกทิ้งร้างมา 3-5 ปีแล้ว” พนักงานสุขาภิบาลกล่าว
“สาม..สามถึงห้าปี! เป็นไปไม่ได้! เมื่อคืน! เมื่อคืนมีรถเมล์มาจ อดที่ป้ายนั่นด้วย!”
“หนุ่มน้อย! ฉันคิดว่าเธอคงเมามากจนประสาทหลอน กลับบ้านเถอะ! ตั้งสติไว้เดี๋ยวก็สร่างเมา!” พนักงานสุขาภิบาลยังคงคิดว่าเด็กหนุ่มเมามากเกินไปอยู่ดี
เด็กหนุ่มยังคงนั่งเหงื่อแตกพลั่กอยู่ตรงนั้น “ไม่…ไม่นะ! ไม่นะ!” เด็กหนุ่มพึมพำพร้อมความคิดน่ากลัวที่ผุดขึ้นในหัว