รถเมล์สาย 18 - ตอนที่ 36 “ฆาตกร ผู้ช่วยเหลือเมือง X
รถเมล์สาย 18 บทที่ 36 “ฆาตกร ผู้ช่วยเหลือเมือง X
บทที่ 36 “ฆาตกร ผู้ช่วยเหลือเมือง X
กลางดึก แสงไฟถนนจางๆ หน้าป้ายรถเมล์ร้างแห่งหนึ่ง เปิดเผยให้เห็นรถเมล์ขึ้นสนิมที่เปื้อนไปด้วยเลือด
ครืด!
ประตูรถเมล์เบิดออกช้าๆ สักพักก็มีเด็กชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ภายใต้แสงไฟถนน ดวงตาของเด็กชายมองประตูรถเมล์ที่เปิดออกอย่างมืดมน เขาก้าวไปข้างหน้าและขึ้นไปบนรถเมล์
ครืด!
เสียงปิดประตูรถดังขึ้น รถเมล์ค่อยๆเคลื่อนออกไป แล้วไฟถนนดวงนั้นก็ค่อยๆดับลง โลกตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
เกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วตั้งแต่เกิดคดีนักเรียนสี่คนของโรงเรียนมัธยมปลายหยุนเซียงถูกฆาตกรรมอย่างทารุณ และอีกหนึ่งคนหายตัวไปอย่างแปลกประหลาด เรื่องนี้ได้กลายเป็นที่รู้จักกันดีในเมือง X
ด้วยเหตุนี้ทําให้โรงเรียนมัธยมปลายหยุนเซียงถูกสั่งปิดชั่วคราว และอาจารย์ใหญ่เกาเฟยก็ถูกสั่งพักงานทั้งโรงเรียนตกอยู่ภายใต้ ความคิดเห็นของผู้คนในสังคม
ในขณะที่โรงเรียนมัธยมปลายหยุนเซียงกลายเป็นจุดสนใจของผู้คนในสังคม หลินเสี่ยวก็กลายเป็นจุดสนใจของความคิดเห็นของประชาชนเช่นกัน ผ่านมาครึ่งเดือนแล้วนับตั้งแต่หลินเสี่ยวมาที่เมือง X แต่คดีของเย่ปินก็ยังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งทําให้ผู้คนในเมือง X เชื่อว่า คนที่ถูกเรียกว่า “เปาชิงเทียน” และ “ตี๋เหรินเจี๋ย” ในเวอร์ชั่นสมัยใหม่ ไม่มีอะไรมากไปกว่าคําคุยโว หลินเสี่ยวดีแต่ชื่อเท่านั้น
“ชื่อเสียงที่ดีถูกทําลายหมดแล้ว มนุษย์ นี่ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวเสียจริงๆ” ฟางเฉินมองดูข่าว ที่มีการตั้งคําถามและการล่วงละเมิดทางวาจาของผู้คน ด้วยความรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย
“สิ่งที่เรียกว่าชื่อเสียง มันเป็นแค่ชื่อ อย่าได้ใส่ใจให้มากนักเลย” หลินเสี่ยวกล่าวอย่างสงบ ราวกับไม่สนใจว่าโลกจะคิดอย่างไรกับเขา
“หลินเกอ คุณไม่เสียใจบ้างหรือไง การสืบสวนคดีคราวนี้ คุณรีบเร่งทํางานทั้งวันทั้งคืน สุดท้ายกลับแลกมาด้วยการตั้งคําถามและวาจาล่วงละเมิด” ฟางเฉินไม่พอใจกับความอยุติธรรมที่หลินเสี่ยวได้รับ ในช่วงสัปดาห์นี้ เพื่อสืบสวนคดีของเย่ปิน และคดีของนักเรียนโรงเรียนหยุนเซียง หลินเสี่ยวทํางานจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนมา 3 วันแล้ว กระทั่งเวลากินยังแทบไม่มี
“มีอะไรต้องเสียใจ จุดประสงค์ในการดํารงอยู่ของเราคือการไขคดี หากเราไม่สามารถไขคดีได้ พวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะตั้งคําถามและกล่าวล่วงเกิน” หลินเสี่ยวมักไม่แยแสต่อความเห็นของสังคมอยู่แล้ว
ฟางเฉินเงียบและมองไปยังหลินเสี่ยวอย่างขมขื่น เขาติดตามหลินเสี่ยวมา 2-3 ปีแล้ว และในช่วง 2-3 ปีนี้ หลินเสี่ยวก็มักได้รับคดีที่ไขได้ยาก เขาจําได้ว่าครั้งหนึ่งตอนที่ไปสืบสวนคดีฆาตกรรม หลินเสี่ยวเข้าถ้ำเสือไปตามลําพัง เพื่อค้นหาฆาตกรตัวจริง ถ้าทีมตํารวจเข้าไปช่วยไม่ทัน ชายที่ชื่อหลินเสี่ยวผู้นี้อาจจะกลายเป็นเศษเสี้ยวของประวัติศาสตร์ไปแล้วก็ได้
“หลินเกอ อันที่จริง ผมก็ไม่เข้าใจว่าการไขคดีมันสําคัญมากขนาดนั้นเลยหรือ?” เสียงของฟางเฉินเบามาก แม้กําลังถามหลินเสี่ยวอยู่ แต่ก็เหมือนกับกําลังพึมพําพูดกับตัวเอง
เมื่อได้ยินคําถามของฟางเฉิน หลินเสี่ยวก็อึ้งไปเล็กน้อย แล้วหันมายิ้มให้ฟางเฉิน ด้วยรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนและใจดี ต่างจากรูปลักษณ์ในเวลาปกติอย่างสิ้นเชิง
“ถ้าวันหนึ่งตํารวจอย่างพวกเรายอมแพ้ แล้วโลกนี้จะหาความจริงได้อย่างไร?”
ฟางเฉินมองรอยยิ้มอ่อนโยนและใจดีของหลินเสี่ยว ทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจถึงบางอย่าง “ผมเข้าใจแล้ว”
หลินเสี่ยวพยักหน้าและตบไหล่ของฟางเฉินเบาๆ “ไปกันเถอะ ถ้าเราต้องการไขคดีนี้ เราก็ต้องพบและช่วย “ฆาตกร” ผู้ช่วยเหลือเมือง X ให้ได้ก่อน”
“ช่วย “ฆาตกร” ผู้ช่วยเหลือเมือง X?” ฟางเฉินมีสีหน้าสับสนเล็กน้อย เขาไม่ค่อยเข้าใจคําพูดของหลินเสี่ยว
การเดินทางหลบหนีกินเวลาเกือบสองสัปดาห์ ในช่วงสองสัปดาห์นี้เย่กินกับจางหลานรู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิต ไม่เพียงกินไม่อิ่มนอนไม่อุ่น ทั้งคู่ยังต้องซ่อนตัวอยู่ในบ้านที่ทรุดโทรม ทั้งคู่ได้กลายมาเป็นชายเร่ร่อนที่น่าสงสารไปแล้ว
“ว่าไง? พบเบาะแสอะไรบ้างไหม?”
“จากผลการสืบสวนของเฉินฮุยตอนนี้ พิจารณาโดยเบื้องต้นแล้ว คดีของนักเรียนโรงเรียนมัธยมปลายหยุนเซียง ไม่สามารถแยกออกจากรถเมล์ “สาย 18” ได้” เป็นหยิบแผนที่เส้นทางเดินรถฉบับปรับปรุงที่ได้รับการตีพิมพ์ออกมาเปรียบเทียบกับแผนที่เวอร์ชั่นเก่าในโทรศัพท์ และพบว่าในสถานที่ ที่อยู่ห่างจากโรงเรียนหยุนเซียงออกไปสามช่วงตึก มีป้ายรถเมล์ “สาย 18” อยู่
“ถ้าคดีนี้เกี่ยวข้องกับรถเมล์ “สาย 18” จริงๆ งั้นนักเรียนที่หายไป..” เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ จางหลานก็ขมวดคิ้ว
“เกรงว่าจะร้ายมากกว่าดี” เป็นถอนหายใจ ตามเบาะแสที่ได้รับมาถึงตอนนี้ มีเพียงเป็น จางหลานและเฉินฮุยเท่านั้นที่เห็นรถเมล์ “สาย 18” แล้วยังไม่ตาย ส่วนคนอื่นๆที่ได้เห็นรถเมล์ “สาย 18″ ล้วนเสียชีวิตทั้งหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น
ส่วนเหตุผลที่พวกเขาทั้งสามยังรอดปลอดภัยดีอยู่นั้น เป็นคิดว่า น่าเป็นเพราะยันต์ที่ลู่เฉียนนิ่งได้มอบให้พวกเขาไว้เพื่อป้องกันคําสาป ดังนั้นคําสาปของรถเมล์ “สาย 18” จึงยังไม่มีผลกับพวกเขา
“เฉียนฉิงล่ะ? ติดต่อเขาได้หรือยัง?”
เย่ปินตอบคําถามของจางหลานด้วยการส่ายหน้า มีความกังวลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา ทั้งคู่หลบหนีมาได้เกือบสองสัปดาห์แล้ว และในสองสัปดาห์นี้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเขาหรือเฉินฮุย แม้พวกเขาทั้งสองฝ่ายต่างพยายามหาวิธีติดต่อกับลู่เฉียนฉิงมาตลอด แต่ก็ไม่มีใครสามารถติดต่อลู่เฉียนฉิงได้เลย
“สองสัปดาห์แล้วเฉียนฉิงก็ยังไม่กลับมา มันต้องเกิดปัญหาขึ้นแน่ๆ เราต้องหาทางตามหาเฉียนนิ่งให้พบ” เยู่ในเป็นห่วงความปลอดภัยของลู่เฉียนฉิงมาก
“อืม เฉียนฉิงออกไปนานเกินไปแล้ว” จางหลานเองก็เป็นห่วงลู่เฉียนฉิงเช่นกัน “ปืนจ๋อ ฉันคิดว่าเสียวเหอน่าจะมีวิธีตามหาเฉียนฉิง” จางหลานคิดถึงเย่เหอ เขาคิดว่าด้วยความสามารถของเย่เหอ ฝ่ายนั้นน่าจะตามหาตัวลู่เฉียนฉิงพบ
“ตําแหน่งสัญญาณโทรศัพท์” พอได้ยินจางหลานเตือน เย่ปินก็นึกขึ้นได้ และรีบกดโทรศัพท์หาเย่เหอทันที
หวัดดี พี่” เย่เหอตื่นเต้นมากที่ได้รับโทรศัพท์จากเยู่ใน “พี่ พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ไม่ต้องห่วง ฉันสบายดี” หัวใจของเย่ปินรู้สึกอบอุ่นเมื่อได้ยินเสียงความห่วงใยของน้องชาย “เสี่ยวเหอ ฉันมีเรื่องบางอย่างให้นายช่วย”
“เรื่องอะไร?”
“เพื่อนของฉันหายตัวไป นายช่วยหาตําแหน่งโทรศัพท์มือถือของเขาให้ที” เย่ปินไม่เยิ่นเย้อ รีบบอกน้องชายให้ช่วยตามหาลู่เฉียนนิ่ง
“ส่งเบอร์มา”
“ได้” หลังจากเยู่ในส่งเบอร์โทรศัพท์ของลู่เฉียนฉิงให้กับเย่เหอแล้ว เขาก็วางสาย ประมาณ 10 นาทีเย่เหอก็โทรกลับมา
“ว่าไง! เสี่ยวเหอ เป็นไงบ้าง? พบไหม?” เย่ในพูดอย่างเป็นกังวล
“พี่ ไม่ต้องห่วง ผมพบตําแหน่งโทรศัพท์ของเพื่อนพี่แล้ว มันอยู่ในหมู่บ้านเขตชานเมือง”
“ชานเมือง?” พอได้ยินเย่ปินก็ถึงกับต้องขมวดคิ้ว พร้อมกับเกิดลางสังหรณ์เลวร้ายในใจ
“อืม โทรศัพท์ของเพื่อนที่อยู่ตรงนั้นไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหนมาประมาณหนึ่งสัปดาห์แล้ว” เย่เหออธิบายให้เป็นฟัง
“หนึ่งสัปดาห์แล้ว! เฉียนฉิงเกิดเรื่องขึ้นจริงๆเหรอเนี่ย?” เป็นพึมพําความกังวลของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว “เสี่ยวเหอ รีบส่งตําแหน่งมา!”
“ได้เลย!”
หลังจากส่งพิกัดให้เป็น เยเหอก็พูดขึ้นด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “พี่ ระวังตัวด้วย ถ้ามีอะไร พี่ต้องรีบโทรหาผมนะ”
“ไม่ต้องห่วง” พูดจบ เป็นก็จะวางสาย แต่ในขณะที่จะวางสายนั้นเอง จู่ๆ เย่ปินก็นึกขึ้นได้ “นี่ เสี่ยวเหอ เรื่องที่ฉันให้นายช่วยตรวจสอบครั้งก่อน ได้ความว่าไงบ้าง?” เป็นเคยขอให้เย่เหอช่วยค้นหาข้อมูลของผู้โพสต์ข้อความ “รถเมล์มรณะ” ก่อนหน้านี้ แต่เขาก็ยังไม่ได้รับคําตอบจากเย่เหอเลย
“ยังเลย ฝ่ายนั้นเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาก” อันที่จริงเย่เหอได้ใช้วิธีสารพัด เพื่อค้นหาผู้โพสต์ข้อความแล้ว แต่ก็ไม่ได้เงื่อนงําอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบ
“อย่ากังวลไปเลย แค่พยายามให้ดีที่สุดก็พอ ฉันมีเรื่องต้องทําอีก ต้องวางสายแล้ว ถ้าพบอะไรก็รีบติดต่อฉันล่ะ”
“โอเค! พี่ก็ระวังตัวด้วยล่ะ”
หลังจากวางสาย เย่ปินก็เปิดดูพิกัดที่เย่เหอส่งมา แต่เมื่อเห็นสถานที่เป็นก็ถึงกับตะลึง
“ที่นี่มัน…”