รถเมล์สาย 18 - ตอนที่ 35 คดีซ่อนเงื่อน
รถเมล์สาย 18 บทที่ 35 คดีซ่อนเงื่อน
บทที่ 35 คดีซ่อนเงื่อน
ในบ้านร้างเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง และชิ้นส่วนซากศพที่มีแมลงวันบินตอมเสียง “หึ่งหึ่ง” จนฟางเฉินกับหลินเสี่ยวถึงกับสะอึกแทบอยากเดินหนี อย่างไรก็ตามพวกเขาก็รีบสวมหน้ากากและถุงมือสีขาวตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างระมัดระวัง
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา หลังจากตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน หลินเสี่ยวและฟางเฉินก็ออกจากบ้านร้างด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
ทันทีที่เห็นทั้งสองคนเดินออกมาจากบ้านร้าน เกาเฟยก็รีบตรงเข้ามาหาพวกเขา “นักสืบหลินเป็นยังไงบ้าง? พบอะไรบ้างไหม?” เพราะคดีนี้เกี่ยวพันกับชื่อเสียงของโรงเรียน เกาเฟยจึงให้ความสนใจเป็นพิเศษ
“ยังไม่พบเบาะแส” หลินเสี่ยวกล่าวอย่างใจเย็น แต่มีสีหน้าค่อนข้างหนักใจ
“ไม่พบเบาะแส! ?” พอได้ยินคําตอบของหลินเสี่ยว เกาเฟยก็หรี่ตาลงทันที “คุณเป็นนักสืบที่เก่งกาจไม่ใช่เหรอ? ทั้งยังอ้างว่าสืบคดียากๆมาแล้วทุกประเภท ทําไมตอนนี้ถึงไขคดีไม่ได้?” วันนี้เกาเฟยค่อนข้างใจร้อน คดีที่เกิดขึ้นนี้เขาต้องรีบแก้ไขให้ได้โดยเร็วที่สุดแล้ว เพราะหากล่าช้าไปหนึ่งวันก็จะมีผลกระทบที่คุกคามต่อชื่อเสียงของโรงเรียนไปอีกหนึ่งวัน
“อาจารย์ใหญ่เกา อย่าร้อนใจไปเลย ไม่ต้องเป็นห่วง หัวหน้าหลินจะไขคดีให้ได้” ตํารวจวัยกลางคนเห็นท่าทางของเกาเฟย ก็กลัวว่าเขาจะทําให้หลินเสี่ยวโกรธ จึงรีบเข้ามาขวางและปลอบเกาเฟย
“บ้าเอ๊ย พวกแกเป็นตํารวจกินข้าวแห้งกันหรือไง? นี่มันนานขนาดไหนแล้ว! ก็ยังคลี่คลายคดีไม่ได้! เชอะ นักสืบผู้เก่งกาจ ทําเป็นอ้างตัวว่าเป็นเชอร์ล็อกโฮล์มส์! เดี๋ยว ข้าจะไขคดีเองก็ได้! ข้าไม่ต้องการขยะอย่างพวกแกอีกแล้ว!” เกาเฟยเคยคิดว่าตราบใด ที่เขาเชิญหลินเฟยมาทําคดีได้ คดีนี้ก็จะสามารถคลี่คลายได้อย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้พอหลินเสี่ยวบอกว่าไม่พบเบาะแสใดๆ จึงทําให้เกาเฟยเปิดเผยสันดานเดิมออกมาทันที
(ผู้แปล – กินของแห้ง หมายถึง เอาแต่ผลประโยชน์ แต่ไม่ยอมทํางาน)
แม้จะเห็นเกาเฟยเป็นแบบนี้ แต่สีหน้าของหลินเสียวก็ยังสงบ ดูเหมือนเขาจะเห็นเรื่องแบบนี้มามาก “ถ้าคุณสามารถไขคดีได้ด้วยตัวเองล่ะก็ งั้นก็เชิญ” หลินเสี่ยวพูดเรียบๆ พูดจบ เขาก็เดินจากไปทันที
เมื่อเห็นท่าทางดูหมิ่นของหลินเสี่ยว ความโกรธของเกาเฟยก็พุ่งพรวดจนถึงขีดสุด “ไอ้@#$%!” คําพูดชั่วร้ายสกปรกมากมาย ถูกพ่นออกจากปากไม่เหลือคราบอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนที่มีชื่อเสียง แต่กลับเหมือนอันธพาลข้างถนนมากกว่า
หลินเสี่ยวที่ได้ยินคําพูดดูถูกเหยียดหยามของเกาเฟยมีท่าทางที่สงบมาก และไม่ได้มีผลกระทบใดๆต่อคําสบถ่าของเกาเฟยเลย
อย่างไรก็ตาม แม้หลินเสี่ยวจะสงบ แต่ในขณะนี้ฟางเฉินได้หันกลับไปจ้องหน้าเกาเฟยตาเขม็ง
เมื่อเห็นท่าทางของฟางเฉิน คําพูดของเกาเฟยก็รุนแรงมากยิ่งขึ้น จู่ๆ ฟางเฉินก็เดินตรงเข้าไปหาเกาเฟย แล้วพูดว่า “เกาเฟย ตําแหน่งอาจารย์ใหญ่ของคุณ ปีนขึ้นได้อย่างไรนั้น คิดว่าคุณคงรู้ดี ผมยินดีอย่างยิ่งที่จะตรวจสอบเรื่องนี้ ก่อนที่จะสืบสวนคดี” ฟางเฉินพูดอย่างเย็นชา จนทําให้เกาเฟยถึงกับตะลึงงัน หยุดการสบถด่าลงทันที
ด้วยสถานะของหลินเสี่ยวและฟางเฉิน เพียงประโยคเดียวของพวกเขา อดีตของเกาเฟยก็จะถูกขุดออกมาตรวจสอบอย่างไม่เหลือซาก เกาเฟยที่ใช้วิธีการที่ไม่เหมาะสมขึ้นมาเป็นอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนมัธยมปลายหยุนเชียง พอได้ยินคําขู่ของฟางเฉินก็ไม่กล้าหยิ่งผยองอีกต่อไป
เกาเฟยกัดฟันกรอด มองดูหลินเสียวกับฟางเฉินเดินจากไป “บัดซบ! ไอ้ขยะ กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักสืบ”
ตํารวจวัยกลางคนพอเห็นท่าทางของเกาเฟย ก็ก้าวเข้าไปหมายจะพูดเกลี้ยกล่อม แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูด เขาก็ถูกเกาเฟยด่า
“บัดซบ! ดูพวกมันสิ! นี่นะหรือนักสืบที่แกพูดถึง? ! ไอ้พวกเวรนี่ มันต่างจากพวกขยะตรงไหน!”
แม้จะถูกเกาเฟยด่าจนแทบจะอดใจไปตบหน้าเกาเฟยไว้ไม่อยู่ แต่เพื่อประโยชน์ของลูกๆ ตํารวจวัยกลางคนก็เลือกที่จะอดทน “ใช่ ใช่ พวกขยะไร้ประโยชน์! ไม่ต้องห่วงอาจารย์ใหญ่เกา! คดีนี้ผมจะรีบคลี่คลายให้ได้โดยเร็วที่สุด จะไม่ให้ชื่อเสียงของโรงเรียนได้รับความกระทบกระเทือน”
หลังจากหลินเสี่ยวกับฟางเฉินออกจากที่เกิดเหตุ พวกเขาก็ขับรถไปตามถนนอย่างเงียบๆ เป็นเวลานานก่อนที่หลินเสี่ยวจะพูดขึ้นว่า
“คุณคิดยังไงกับคดีนี้?”
เมื่อได้ยินคําถามของหลินเสี่ยว ฟางเฉินไม่ได้ตอบในทันที แต่หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน เขาก็ค่อยๆพูดขึ้นอย่างช้าๆ “ผมรู้สึกว่าคดีนี้มันค่อนข้างแปลก”
ในบ้านร้างหลินเสียวกับฟางเฉินได้ทําการตรวจสอบอย่างระมัด ระวัง อย่างไรก็ตามก็ยังไม่พบเบาะแสใดๆ แต่หลังจากทั้งคู่พยายามตรวจสอบให้ละเอียดถี่ถ้วนมากยิ่งขึ้นอีกหลายครั้ง ก็พบว่าผลของการตรวจสอบได้ชี้ไปยังข้อเท็จจริงที่ไม่น่าเชื่อ
แม้ว่าศพทั้ง 4 ในบ้านร้างจะดูเหมือนถูกบางสิ่งกัดแทะ แต่หลังจากตรวจสอบภายในบ้านและบริเวณรอบนอกบ้านอย่างละเอียดแล้ว ทั้งหลินเสี่ยวกับฟางเฉินก็ไม่มีใครพบร่องรอยของใครหรือสิ่งใดอยู่เลย อีกทั้งบนพื้นภายในบ้านก็มีฝุ่นหนาปกคลุมอยู่เต็มไปหมด และมันก็ไม่มีร่องรอยของใครหรือสิ่งใดอยู่บนนั้น และสิ่งที่ทําให้ทั้งคู่รู้สึกงุนงงมากที่สุดก็คือ ทั้งสี่ศพที่พบคาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาอย่างน้อยก็ไม่ต่ํากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว
“ศพทั้งสี่น่าจะตายไปแล้วไม่ต่ํากว่าหนึ่งสัปดาห์ แต่ตามข้อมูลของเกาเฟย พวกนักเรียนได้มุดรั้วออกมาเที่ยวข้างนอกเมื่อคืนนี้ จะเป็นไปได้ไหมที่เกาเฟยจะโกหก? เพื่อจงใจปกปิดอะไรบางอย่าง” ฟางเฉินพุ่งเป้าไปที่เกาเฟย
หลินเสี่ยวส่ายหน้าให้กับความคิดของฟางเฉิน “ผมให้คนไปสอบปากคําบางคนที่โรงเรียนมาแล้ว นักเรียนเหล่านั้นเป็นนักเรียนที่หนีออกมาเที่ยวเล่นเมื่อคืนนี้จริงๆ เรื่องนี้เกาเฟยไม่ได้โกหกเรา” ก่อนจะไปถึงที่เกิดเหตุ หลินเสี่ยวได้ส่งคนไปสอบสวนคดีที่โรงเรียนมัธยมปลายหยุนเซียงมาแล้ว
“ หลังจากตรวจพิสูจน์ทางนิติเวชแล้ว ศพทั้งสี่ เป็นนักเรียนที่หายตัวไป 4 ใน 5 คนเมื่อคืนนี้จริงๆ แต่ผลชันสูตรกับบอกว่า ทั้ง 4 ศพตายมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ เรื่องนี้จะอธิบายยังไง?” ฟางเฉินขมวดคิ้วครุ่นคิด
หลินเสี่ยวนิ่งเงียบ จ้องไปข้างหน้าอย่างเรียบเฉย
เมื่อเห็นท่าทางของหลินเสี่ยว ฟางเฉินก็ไม่พูดต่อ เขารู้ว่าหลินเสี่ยวกําลังครุ่นคิดอยู่เช่นกัน
ประมาณ 10 นาทีต่อมา ดวงตาของหลินเสี่ยวก็ควบแน่นขึ้นมาอย่างฉับพลัน เมื่อเห็นฉากนี้ ฟางเฉินก็รู้ได้ทันทีว่า หลินเสี่ยวน่าจะนึกถึงหรือคิดอะไรบางอย่างออกแล้ว
“หลินเกอ เป็นไงบ้าง?” ฟางเฉินกล่าวอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก
“ขับรถกลับไปที่สถานี ผมต้องการตรวจสอบบางอย่าง” หลินเสี่ยวกล่าวอย่างเคร่งขรึม
ฟางเฉินพยักหน้า แล้วขับรถหรูกลับไปยังสถานีตํารวจอย่างไม่ลังเล
หลังจากมาถึงสถานีตํารวจ ทันทีที่รถหยุดนิ่ง หลินเสี่ยวรีบเปิดประตู ออกวิ่งเหยาะๆเข้าไปในสถานีอย่างรีบร้อน
หลังจากเข้าไปด้านใน หลินเสียวก็ไปพบเจ้าหน้าที่ตํารวจซึ่งมีหน้าที่จัดการข้อมูลคดี หลังจากพูดสองสามคํา เจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องคดี ก็ช่วยหลินเสียวค้นหาบางอย่าง
หลินเสี่ยวกับฟางเฉินยืนอยู่ข้างๆเจ้าหน้าที่คนนั้นมองดูจอคอมพิวเตอร์อย่างตั้งใจ เพราะกลัวว่าจะพลาดอะไรไป ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา เจ้าหน้าที่คนนั้นก็หันมามองหลินเสี่ยว
“หัวหน้าหลิน ทั้งหมดมีแค่นี้ เพราะหลังจากนี้หัวหน้าเย่ก็ลาออกไปแล้ว”
“ขอบคุณสําหรับความช่วยเหลือ!” หลินเสี่ยวตบไหล่เจ้าหน้าที่คนนั้นเบาๆ หลังจากกล่าวคําอําลา เขาก็รีบจากไปพร้อมกับฟางเฉิน
“จนถึงตอนนี้ รวมถึงคดีนักเรียน 4 คนที่ถูกฆ่า ดูเหมือนไม่มีคดีไหนที่ไม่เกี่ยวข้องกับรถเมล์สาย 18 เลย” หลินเสี่ยวกล่าว ขณะเปิดเอกสารที่รวบรวมไว้ในมือถือออกมายื่นให้ฟางเฉินอ่าน
“รถเมล์ สาย 18” เมื่อได้อ่านข้อมูลที่ถูกรวบรวมไว้ในโทรศัพท์ สีหน้าของฟางเฉินก็ดูมืดมนยิ่งขึ้น “ถ้างั้นคดีเหล่านี้ ทุกคดี…”