รถเมล์สาย 18 - ตอนที่ 34 ร้ายแรง
บทที่ 34 ร้ายแรง
ขณะที่หลินเสี่ยวกับฟางเฉินกําลังคุยกันเรื่องคดี คงเหนียนที่จากไปก็กลับมาพร้อมกับจดหมายที่ถือไว้ในมือทั้งสองข้าง
“อาจารย์ลุงหลินเสี่ยว ที่คือสิ่งที่อาจารย์ฝากไว้ให้”คงเหนียนยื่นจดหมายที่ถือมาให้กับหลินเสี่ยว
“ขอบคุณ” หลินเสียวพยักหน้าและหยิบจดหมายจากมือของคงเหนียน
หลินเสี่ยวเปิดจดหมายออกดูอย่างไม่ลังเลแต่พอได้เห็นเนื้อความในจดหมาย สีหน้าของเขาก็มืดมนลง
เมื่อเห็นสีหน้าของหลินเสี่ยว ฟางเฉินก็เข้าใจได้ทันทีว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นมิฉะนั้นหลินเสี่ยวที่สงบอยู่เสมอจะไม่แสดงสีหน้าแบบนั้นออกมา
หลินเสียวไม่ได้พูดอะไรและวางจดหมายลงบนโต๊ะ
ฟางเฉินเหลือบตามองไปที่จดหมายบนโต๊ะ พอเขาได้เห็นเนื้อความในจดหมาย สีหน้าของเขาก็มืดมนลงเช่นกันในใจของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยและความประหลาดใจ
มีคําเพียงสองคําบนกระดาษจดหมายสีขาว
“ร้ายแรง!”
“หลินเกอ นี่มัน!”
หลินเสี่ยวเพิกเฉยต่อความประหลาดใจของฟางเฉินเขาหันไปมองคงเหนียนแล้วถามขึ้นว่า “นอกจากจดหมายนี้อาจารย์ของท่านยังฝากอะไรไว้อีกไหม?”
“อาจารย์ยังฝากประโยคหนึ่งประโยคให้อาตมาบอกกับอาจารย์ลุงด้วยว่าบางอย่างควรทํา บางอย่างไม่ควรทํา” พูดจบคงเหนียนก็พนมมือโค้งคํานับให้หลินเซียวแล้วหันหลังเดินออกไปจากห้อง
“บางอย่างควรทํา บางอย่างไม่ควรทํา?” ฟางเฉินพึมพํานึกถึงความหมายของประโยคนี้ในใจ
หลินเสี่ยวมองไปที่จดหมายบนโต๊ะและครุ่นคิดอยู่สักครู่จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและส่งสัญญาณให้ฟางเฉิน “กลับกันเถอะ”
พอได้ยินคําพูดของหลินเสี่ยวขณะที่ยังคงครุ่นคิดถึงข้อความในจดหมายและประโยคที่คงเจวี่ยฝากไว้ให้หลินเสี่ยว ฟางเฉินก็ถึงกับสะดุ้งจากนั้นเมื่อได้เห็นการแสดงออกที่ชัดเจนบนใบหน้าของหลินเสี่ยวฟางเฉินก็เข้าใจและพยักหน้าแล้วออกจากวัดไปพร้อมกับหลินเสี่ยว
หลังจากออกจากวัด พวกเขาก็ขับรถกลับมายังสถานีตํารวจขณะที่พวกเขากําลังกลับมานั้นเองก็ได้มีคดีใหม่เกิดขึ้น
“หัวหน้าหลิน เมื่อคืนที่โรงเรียนมัธยมปลายหยุนเชียง มีนักเรียนห้าคนมุดช่องกําแพงโรงเรียนออกไปเล่นอินเตอร์เน็ตข้างนอก(ผู้แปล – น่าจะเป็นเด็กหอ)ผลก็คือตอนเที่ยงวันนี้ ในบ้านร้างที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนมัธยมปลายหยุนเซียง ชายเร่ร่อนได้พบศพ 4 ศพหลังจากการตรวจพิสูจน์ทางนิติเวชพบว่า ทั้ง 4 ศพ เป็นนักเรียน 4 ใน 5 คนที่หนีเที่ยวเมื่อคืนนี้” ตํารวจวัยกลางคนส่งรายงานที่เกิดเหตุให้กับหลินเสียว
หลินเสี่ยวรับรายงานมาและเปิดอ่านดูอย่างละเอียดจากนั้นก็ส่งไปให้กับฟางเฉินที่อยู่ข้างๆ
ฟางเฉินอ่านอย่างระมัดระวังเช่นเดียวกับหลินเสี่ยว แล้วสีหน้าของเขาก็แข็งค้างทันที
รายงานระบุว่า การเสียชีวิตของนักเรียนทั้งสี่น่าอนาถอย่างยิ่งศพของพวกเขาราวกับถูกสุนัขปาฉีกทิ้งกัดกิน ร่างทั้งสี่ถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไม่มีศพไหนที่ครบสมบูรณ์ เจ้าหน้าที่สืบสวนที่ไปถึงสถานที่เกิดเหตุพอได้เห็นภาพเหล่านั้นก็ถึงกับอาเจียนออกมา รุนแรง และภาพเหล่านั้นก็ได้ทิ้งเงาที่ลบไม่ออกไว้ในจิตใจของพวกเขาแม้แต่ตํารวจวัยกลางคนที่มาส่งรายงานให้กับหลินเสี่ยวก็อาเจียนออกมาเป็นเวลานานเมื่อได้เห็นภาพเหล่านั้นเช่นกัน
“ตรวจสอบศพแล้วหรือยัง?”คําพูดของหลินเสี่ยวสงบมากจนดูเหมือนรายงานของคดีไม่มีอะไรแปลกสําหรับเขา
“ยังครับ เนื่องจากที่เกิดเหตุมีบางอย่างที่แปลกประหลาดจึงไม่อยากทําลายที่เกิดเหตุ”
“แปลกประหลาด?”
ตํารวจวัยกลางคนพยักหน้า “หลังจากตรวจสอบบริเวณใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุอย่างละเอียดแล้ว เราไม่พบร่องรอยของสุนัขปาใดๆอยู่เลยและหลังจากตรวจสอบเฝ้าระวังบริเวณใกล้เคียงอย่างถี่ถ้วนเราไม่พบใครเลยนอกจากคนจรจัด”
“ไป เราไปที่เกิดเหตุกันเถอะ”
“ครับ”
โรงเรียนมัธยมปลายหยุนเซียง เป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมากในเมือง X ทุกปีมีนักเรียนที่มีผลการเรียนสูงจํานวนมากจบจากที่นี่ อย่างไรก็ตาม แม้แต่ในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงแบบนี้ก็ยังมีนักเรียนบางคนที่ได้เกรดไม่ดีและเอาแต่เที่ยวเล่น เมื่อไรก็ตามที่เหล่าอาจารย์เผลอพวกเขาก็มักจะมุดช่องกําแพงหลบหนีออกไปยังร้านอินเต อร์เน็ตในบริเวณใกล้เคียงอยู่เป็นประจํา
เกี่ยวกับโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับนักเรียนของโรงเรียนมัธยมปลายหยุนเซียงทางโรงเรียนได้ปิดกั้นข่าวสารได้ทันทีที่ได้ทราบข่าวแม้แต่บรรดาผู้ปกครองนักเรียนก็ยังไม่ได้รับการแจ้งให้ทราบขณะที่อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนได้ใช้เครือข่ายความสัมพันธ์ทั้งหมดที่มีปิดกั้นข่าวเพื่อรักษาชื่อเสียงของโรงเรียนเอาไว้ไม่ให้ได้รับผลกระ ทบอยู่นั้นเขาก็พบว่าหลินเสี่ยวกําลังสืบสวนคดีของเยบินอยู่
เมื่อพวกหลินเสี่ยวมาถึงที่เกิดเหตุตํารวจได้ล้อมบ้านร้างที่เกิดเหตุไว้อย่างหนาแน่นเรียบร้อยแล้วยกเว้นเจ้าหน้าที่ระดับ สูงของโรงเรียนมัธยมปลายหยุนเชียง กับเจ้าหน้าที่ตํารวจที่รับผิดชอบในการตรวจสอบบ้านร้างสองสามคน ตํารวจคนอื่นๆที่ล้อมที่ เกิดเหตุอยู่ไม่มีใครรู้เรื่องที่เกิดขึ้นภายในบ้านร้างอย่างแน่ชัดพวกเขาเพียงมองเห็นได้รางๆว่าที่ด้านนอกประตูของบ้านร้างดูเหมือนจะมีเลือดไหลซึมออกมา
“ดูเหมือนจะมีเลือดไหลออกมานอกบ้าน ข้างในนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“บางที่อาจมีการตายเกิดขึ้นแล้วเลือดก็ออกมากจนไหลซึมออก
มา”
“ทีมสืบสวนเพิ่งเข้าไปไม่ใช่เหรอ? แล้วทําไมพวกเขาถึงไม่เห็นล่ะ?”
“ใครจะไปรู้ หลังจากทีมสืบสวนเข้าไปสักพักทุกคนก็ปิดปากวิ่งออกมาอ้วก
“ข้างในมีก๊าซพิษงั้นเหรอ?”
“ถ้ามีก๊าซพิษจริง พวกเขาก็ต้องใส่หน้ากากกันแก๊สสิ!” ตํารวจที่ล้อมสถานที่เกิดเหตุพูดคุยกัน แต่เพราะไม่มีใครเคยเข้าไปในบ้านร้างจึงไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นภายในนั้น
หลินเสี่ยวกับฟางเฉินเดินตามตํารวจวัยกลางคนเข้าไปภายในวงล้อมกันที่เกิดเหตุ และเดินไปยังสถานที่ๆอยู่ไม่ไกลจากบ้านร้างนักชายวัยกลางคนอ้วนฉุหัวอ้วนหีใหญ่ใบหน้ามันเยิ้มวิ่งมาหาหลินเสี่ยวอย่างเร่งรีบในขณะที่ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อไปด้วย
“โอ้ คุณคงเป็นนักสืบหลินผู้มีชื่อเสียงคนนั้น! ยินดีที่ได้รู้จักผมคืออาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนมัธยมปลายหยุนเซียง-เกาเฟย”เกาเฟยยิ้มและยื่นมือขวาออกไปยังหลินเสี่ยว
หลินเสี่ยวยื่นมือออกไปจับมือกับเกาเฟย * * *ขโมยผลงานมาจากเว็บ ThaiNovel*** พร้อมกับพยักหน้าโดยไม่ได้พูดอะไร แต่สายตายังมองไปยังบ้านร้างที่อยู่ไม่ไกล
“อาจารย์ใหญ่เกาโปรดให้หัวหน้าหลินตรวจสอบที่เกิดเหตุก่อน” ตํารวจวัยกลางคนยิ้มให้เกาเฟยเนื่องจากลูกๆของตํารว จวัยกลางคนๆนี้ กําลังจะขึ้นชั้นมัธยมปลาย เพื่อให้ลูกๆของเขาได้เข้าโรงเรียนมัธยมปลายที่ดีที่สุดในเมือง X ตํารวจวัยกลางคนจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้เกาเฟยพอใจ
“ได้ ได้ นักสืบหลินโปรดไปสืบสวนก่อน ผมจะรอพวกคุณอยู่ ตรงนี้!”เกาเฟยพูดด้วยรอยยิ้มไม่ตั้งใจจะเข้าไปในสถานที่เกิดเหตุอีกเขาเคยเข้าไปเห็นภาพในสถานที่เกิดเหตุมาแล้วและภาพนั้นก็ได้ทิ้งเงามืดทางจิตใจไว้ให้กับเกาเฟยอย่างไม่มีวันลืม
สําหรับเกาเฟย หลินเสี่ยวไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีให้เลยแม้แต่น้อยเขาจึงไม่ได้พูดอะไรอีก และเดินไปยังที่เกิดเหตุพร้อมกับฟางเฉิน
“หัวหน้าหลิน ผมขอไม่เข้าไปนะ” ก่อนจะถึงประตูบ้านร้างจู่ๆตํารวจวัยกลางคนก็พูดขึ้น ด้วยเงามืดในจิตใจ ทําให้เขาไม่อยากเข้าไปสัมผัสกับมันอีกเลยตลอดชีวิตนี้
หลินเสี่ยวพยักหน้าโดยไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็ไปเปิดประตูบ้านร้างแล้วหลินเสี่ยวกับฟางเฉินก็เข้าไปข้างใน
ในบ้านร้าง เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง บนพื้นที่แตกหักทรุดโทรมเต็มไปด้วยเลือดที่แข็งตัวแล้วตรงกลางห้องมีศพ4ศพทั้ง4ศพดูเหมือนจะถูกบางอย่างฉีกเป็นชิ้นๆ จนแทบไม่เหลือสภาพมนุษย์
แม้แต่หลินเสี่ยวที่เคยประสบกับคดีมานับไม่ถ้วน ในเวลานี้ยังต้องก้มหน้าลงด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมมาก
ฟางเฉินที่อยู่ข้างๆหลินเสี่ยว แม้ว่าเขาจะเคยมีประสบการณ์มานับไม่ถ้วนเช่นเดียวกับหลินเสี่ยว แต่ในขณะที่มองเห็นโศกนาฏกรรมที่อยู่ตรงหน้าในใจของเขาก็รู้สึกหดหูและรู้สึกหายใจไม่ออก