รถเมล์สาย 18 - ตอนที่ 32 “ฆาตกร” ผู้ถูกทอดทิ้ง
รถเมล์สาย 18 บทที่ 32 “ฆาตกร ผู้ถูกทอดทิ้ง
บทที่ 32 “ฆาตกร” ผู้ถูกทอดทิ้ง
ด้วยการประกาศของเมือง X เพื่อรักษาระเบียบของสังคมไม่ให้ถูกรบกวน เยบินและจางหลานได้เดินไปบน “เส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับ” บนเส้นทางนี้ โลกและสังคมได้ต่อต้านและทอดทิ้งพวกเขา โยนพวกเขาจากความรุ่งโรจน์ ที่เคยเป็นเปลี่ยนจากตํารวจที่คนนับหมื่นสนับสนุน มาเป็น “ฆาตกร”ที่คนนับหมื่นไล่ล่า
“พี่…” เย่เหอนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ มองดูแถบข้อความที่น่ารังเกียจล่วงละเมิดเยบินกับจางหลานอย่างเหลือทนด้วยความเศร้าใจ
เช่นเดียวกับเย่เหอ เฉินฮุยกับคนอื่นๆก็นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ มองดูการละเมิดที่น่ารังเกียจบนหน้าจอ ในใจของคนทั้ง 4 เต็มไปด้วยความเศร้าและความโกรธ
“สังคมแบบนี้? รอดแล้วจริงๆหรือ?” เหล่าสวีถอนหายใจและรู้สึกเศร้ามาก วีรบุรุษสองคนที่สละตนเพื่อรักษาระเบียบของสังคม ได้กลายเป็น “ฆาตกร” ผู้ถูกโลกทอดทิ้ง
“แม้ตอนที่เป็นตํารวจ ฉันก็ไม่เคยคิดว่าจะมีสิ่งที่เรียกว่าโร่อยู่บนโลกนี้ แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจดีแล้วว่า ฮีโร่ที่แท้จริงนั้นมักเป็นคนที่โลกมองไม่เห็น” จ้าวเจิ้งกระซิบ เขามีชีวิตอยู่มาเกือบครึ่งชีวิตแล้ว อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยคิดว่าโลกนี้จะมีฮีโร่จริงๆ แต่จู่ๆ เขาก็ตระหนักได้ว่า ฮีโร่ที่แท้จริงนั้น มักเป็นผู้ที่โลกมองไม่เห็น พวกเขาแบกรับในสิ่งที่โลกไม่ยอมรับ รับผิดชอบและปกป้องโลกอย่างเงียบๆ โดยโลกไม่ล่วงรู้
“ฮีโร่งั้นเหรอ? พวกเขาทั้งคู่ เป็นแค่คนโง่สองคนคนโง่สองคนเท่านั้น!” เฉินฮุยกัดฟันพูดด้วยดวงตาที่เปียกชื้น
หนิงหวาจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ในใจก็คิดถึงแม่ที่ตายไปแล้ว “บางทีฮีโร่ในโลกนี้ อาจดูเหมือนคนที่โง่ที่สุด” เช่นเดียวกับเยบินและจางหลาน แม่ของเขาที่ยอมเสียสละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้อง “อนาคต” ของเขา ก็เป็นฮีโร่ของหนิงหวาเช่นกัน อย่างไรก็ตามในสายตาของโลก การกระทําของแม่เขานั้นนับว่าสี่เง่า อย่างยิ่ง
ในสถานีตํารวจ เดี๋ยวมู่หยางมองไปยังประกาศจับของทั้งสองคนบนโต๊ะ และตกอยู่ในห้วงความคิด
หลังจากผ่านไปนาน เดี่ยวมู่หยางก็ถอนหายใจแล้วหยิบปากกาขึ้นมา เซ็นชื่อลงในประกาศจับทั้งสองฉบับ “ฟ้าถล่มมันเป็นเรื่องใหญ่สําหรับผู้คน เฮ้อ..” หลังจากเซ็ นชื่อเสร็จเลี่ยวมู่หยางก็วางปากกาที่ “หนักมาก” ลงบนโต๊ะแล้วมองดูประกาศจับทั้งสองใบจากนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปที่หน้า ต่าง มองออกไปข้างนอกและจมลงสู่ความคิดอีกครั้ง
ประกาศจับตํารวจดีเด่นของสถานีตํารวจ ทําให้มาตราฐานในใจของประชาชนทรุดลงทันที เยบินและจางหลานได้กลายเป็นปีศาจในใจของทุกคนในเมือง X ไปแล้ว ทุกคนต้องการให้จัดการกับคนทั้งคู่อย่างรวดเร็ว
เป็นเพราะการปรากฏขึ้นของ “ฆาตกร” ทําให้ความคิดเรื่อง“ผีร้าย” สลายไปจากใจของผู้คนในเมือง X ทุกครั้งที่ผู้คนในเมือง X นึกถึงการติดเชื้อเรื่อง “ไสยศาสตร์” ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ต้องหัวเราะเยาะตัวเอง
“บัดซบ! ข้ารู้อยู่แล้วว่าโลกนี้เรื่องผีมันแค่ผายลมล้วนแต่เป็นของปลอมทั้งหมด! “ผีร้าย” ฆ่าคนอะไรกันไร้สาระจริงๆ”
“ใครบอกว่าไม่มี! เรื่อง “ผีร้าย” ฆ่าคน ฉันยังเสียเงินไปมากเพื่อซื้อยันต์ป้องกันผีจากหมอผีเหล่านั้นมาด้วย!”
“สําหรับฉันมันไม่เป็นไร แค่ใช้เงิน 2-3 ร้อยหยวน ซื้อกระดาษยันต์ผายลมไร้ประโยชน์พวกนี้” ชายร่างอ้วนหยิบกระดาษยันต์ออกมาจากกระเป๋า ปาลงพื้นแล้วเหยียบซ้ํา “น่ารำคาญจริงๆ ทําให้ข้าต้องเสียเงินไปตั้งหลายร้อยหยวน!”
“ไอ้คนที่ชื่อเป็น! มันเป็นฆาตกรโรคจิต ต่อหน้าดูเหมือนตํารวจดี แต่ลับหลังกลับเป็นฆาตกร! ตัวจริง!”
“ถ้าไม่เป็นเพราะไอ้เยบิน ต่อให้ใช้มีดพันเล่มมาบังคับฉันก็ ไม่ยอมซื้อไอ้กระดาษยันต์ผีสางพวกนี้! น่าหงุดหงิดมากถ้าฉันพบมัน ฉันจะฉีกมันเป็นชิ้นๆ”
“อย่างไรก็ตาม ความเร็วในการทําคดีของตํารวจยังค่อนข้างช้า นานแล้วก็ยังจับเจ้าคนร้ายคนนี้ไม่ได้”
“ตอนนี้สถานีตํารวจก็ยุ่งอยู่เหมือนกัน ได้ยินมาว่าเบื้องบนได้ส่งคนพิเศษมาทําคดีนี้โดยเฉพาะ และยังบอกว่าจะจับไอ้ฆาตกรโรคจิตเยบินให้ได้ภายในหนึ่งเดือน”
เนื่องจากเป็นกลายเป็น “ฆาตกร” เลี่ยวมู่หยางจึงถูกลงโทษสําหรับเรื่องนี้เลี่ยวมู่หยางไม่ได้แก้ต่างแต่อย่างไรและยอมรับการลงโทษโดยดุษณี
นอกจากนี้ สําหรับคดีครั้งนี้รัฐบาลกลางได้ส่งบุคคลพิเศษซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “เปาชิงเทียน (เปาบุ้นจิ้น)”กับ“ตี๋เหรินเจีย”ในเวอร์ชั่นสมัยใหม่มาไขคดี หลังจากบุคคลพิเศษผู้นี้มาถึงเมือง X ได้มีการแจ้งสื่อมวลชนให้ทราบ และมีการปฏิสัมพันธ์ระหว่างตํารวจกับพลเรือน ต่อหน้าผู้คนจํานวนมาก และกล่าวคําแถลงการอย่างไร้ความปราณีว่าเป็นกับจางหลานจะถูกจับกุมและนําตัวขึ้นศาลภายในเวลาไม่เกินสองเดือน
สําหรับเย่นกับจางหลาน ***ขโมยผลงานมาจากเว็บThaiNovel***เนื่องจากพวกเขาเป็นที่ต้องการตัว ดังนั้นพวกเขาจึงซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านร้างเขตชานเมืองที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านเฮยสุ่ยนัก
“หลินเสี่ยว” เยบินมองตํารวจที่กําลังแถลงข่าวด้วยสีหน้าที่ค่อยๆทรุดลง
“หลินเสี่ยวคนนี้ไม่ธรรมดา ในเมือง A และเมือง H เขาได้ไขคดีใหญ่จนได้ชื่อว่าเป็น เปาชิงเทียนกับตี๋เหรินเจียในเวอร์ชั่นสมัยใหม่ หากตกเป็นเป้าหมายของเขา เราจะมีปัญหามาก” ทั้งเป็นกับจางหลานรู้จักตํารวจในข่าวดี เขาเป็นที่รู้จักกันดีในวงการตํารวจ แม้ว่าเขาจะมีอายุเพียงสามสิบต้นๆแต่สถานะของเขานั้นอยู่สูงมากจนไกลเกินเอื้อม
ในวงการตํารวจ หลินเสี่ยวมีผู้ชื่นชมเป็นจํานวนมากและแม้แต่เยบินกับจางหลานก็ต่างนับถือหลินเสียว
“ไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม เราไม่สามารถถูกจับได้ มิฉะนั้นทุกอย่างที่ทําไปจะสูญเปล่า” แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับบุคคลพิเศษของวงการตํารวจ แต่เป็นก็ไม่มีความกลัวอยู่เลย
“ติดต่อเฉียนฉิงได้หรือยัง?” จางหลานหยุดพูดถึงหลินเสี่ยวแต่หันมาให้ความสนใจกับลู่เฉียนนิ่งแทน เนื่องจากลู่เฉียนฉิงออกไปตั้งแต่เดือนที่แล้ว แต่ทุกคนในทีมของเยู่ในก็ยังไม่มีใครติดต่อลู่เฉียงฉิงได้เลย
เยบินส่ายหน้าและกล่าวด้วยความเป็นห่วงว่า “ฉันพยายามติดต่อเฉียนฉิงอยู่ทุกวัน แต่เขาปิดมือถือตลอดเลย”
“หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา” จางหลานขมวดคิ้วในใจเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี
“หวังว่าคงไม่เกิดอะไรขึ้น” เป็นถอนหายใจและก้มศีรษะลงลู่เฉียนฉิงเป็นคนที่เขาไปเชิญตัวมาด้วยตัวเองหากเกิดอุบัติเหตุบางอย่างกับลู่เฉียนฉิง เป็นคงต้องโทษตัวเองไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อเห็นการท่าทางของเยบิน จางหลานก็รู้ตัวว่าได้พูดบางอย่างผิดไป เขาจึงก้าวเข้าไปตบไหล่เยู่ในเบาๆ “ไม่ต้องห่วงเด็กคนนั้นฉลาดมาก ฉันค่อนข้างแน่ใจได้ว่า จะไม่เกิดเหตุผิดพลาด”
เป็นเงยหน้าขึ้นมองจางหลานแล้วพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร
ในช่วงเวลาที่อยู่ระหว่างการซ่อนตัว ทั้งคู่ก็ยังไม่หายุดสืบสวนคดี พวกเขาไปที่หมู่บ้านเฮยสู่ยหลายครั้งเพื่อตรวจสอบและสํารวจสถานีปลายทางของรถเมล์ สาย 18 ด้วยเหตุผลบางอย่างนอกเหนือจากครั้งนั้นแล้ว พวกเขาทั้งคู่ก็ไม่ได้พบรถเมล์ฝีคันนั้นอีกเลย
แม้ว่ารถเมล์ผีจะไม่ปรากฏตัว แต่ก็ยังมีคดีการเสียชีวิตเกิดขึ้นในเมือง X เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีรถบรรทุกขนาดใหญ่พลิกคว่ําไปทับรถคันเล็ก ในรถมีเด็กผู้หญิงรอดชีวิตเพียงคนเดียวเท่านั้น
คดีนี้ทางตํารวจจัดให้เป็นอุบัติเหตุทางการจราจรครั้งใหญ่แต่หลังจากการสืบสวนของทีมเฉินฮุยพบว่าคดีนี้เกิดขึ้นบนถนนไม่ไกลจากรถเมล์สาย 18” ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่ามันเป็นคดีที่มีความสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออกกับรถเมล์สาย18