รถเมล์สาย 18 - ตอนที่ 16 เลือก
บทที่ 16 เลือก
“ พวกคุณกำลังสืบสวนคดีรถเมล์ ‘สาย 18’ ที่กำลังฮิตบนอินเตอร์เน็ตใช่ไหม ?” ลู่เฉียนฉิงไม่ตอบ แต่กับย้อนถามเย่ปินแทน
พอได้ยินคำถามของลู่เฉียนฉิง คนทั้งสามก็ถึงกับตกตะลึง
ก่อนที่คนทั้งสามจะทันได้ตอบ ลู่เฉียนฉิงก็พูดต่อไปว่า “ผมจะให้คำแนะนำบางอย่างกับพวกคุณ…อย่าได้สืบสวนคดีที่เกี่ยวกับรถเมล์ ‘สาย 18’”
“ คุณรู้เรื่องรถเมล์ ‘สาย 18’ ด้วย ? !” เย่ปินตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของลู่เฉียนฉิง และเมื่อพิจารณาจากคำพูดของอีกฝ่าย เขาค่อนข้างแน่ใจได้ว่า ลู่เฉียนฉิงรู้เรื่องรถเมล์ ‘สาย 18’
“ นั่นคือทั้งหมดที่ผมสามารถพูดได้ สรุปก็คือ เรื่องของภูติผีวิญญาณ ไม่ใช่เรื่องที่พวกคุณควรก้าวเข้าไปยุ่งเกี่ยว” การแสดงออกของลู่เฉียนฉิงเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที ต่างจากการแสดงก่อนหน้านี้ ราวกับคนละคน
“ แต่คดีนี้เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นหลายครั้ง ในฐานะตำรวจ เราจำเป็นต้องสืบสวนให้ชัดเจน ไม่ว่าฆาตกรจะเป็นคนหรือผี” เย่ปินกล่าวเสียงเย็น พูดกับลู่เฉียนฉิงตรงๆ
ลู่เฉียนฉิงจ้องมองเย่ปิน แม้จะเห็นความตั้งใจอันมั่นคงจากดวงตาของอีกฝ่าย แต่สิ่งนี้ก็ยังไม่ทำให้ลู่เฉียนฉิงยอมแพ้ต่อการห้ามเย่ปิน
“ หากคุณยังคงสืบสวนต่อไป ก็จะมีผู้คนเสียชีวิตมากยิ่งขึ้น ในฐานะที่เป็นตำรวจ นี่เป็นสิ่งที่คุณควรทำหรือ ?” ลู่เฉียนฉิงตั้งคำถาม
เย่ปินเงียบไปเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี เพราะเขาเข้าใจดีว่า หากการสืบสวนยังคงดำเนินต่อไปก็จะมีคนตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็น เด็กสองคน หัวหน้าเหล่าหวัง หลิวเจียซิ่ง และอีกหนึ่งคนบนรถเมล์ ‘สาย 18’ รวมถึงซุนสี่เทาด้วย รถเมล์ ‘สาย 18’ ทำให้มีคนเสียชีวิตมากเกินไปแล้ว
“ แม้การสืบสวนความจริงของคดีจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่คุณควรรู้ว่ามีผู้บริสุทธิ์กี่คนที่เกี่ยวข้องด้วย หากคุณยังคงดำเนินการสืบสวนต่อไป…อะไรจะเกิดขึ้น” พูดจบลูเฉียนฉิงก็หันหลังเดินจากไป
หลังจากลู่เฉียนฉิงจากไป พวกเย่ปินทั้งสามคนต่างก็ครุ่นคิดในสิ่งที่ลู่เฉียนฉิงพูด
“ ปินจื่อ เราควรสืบสวนต่อไหม ?” เฉินฮุ่ยเอ่ยขึ้นมาเป็นคนแรก หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน แต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้
“ คำถามตอนนี้ก็คือ แม้เราจะทำการสืบสวนต่อไป แต่เราจะค้นหาความจริงได้ไหม ?” จางหลานถอนหายใจ เมื่อรู้ว่าคดีทั้งหมดเกี่ยวข้องกับเรื่องเหนือธรรมชาติ และเขาก็ตระหนักได้ว่า แม้พวกเขาจะยังคงสืบสวนต่อไป ก็อาจหาความจริงออกมาไม่ได้
ตั้งแต่ต้นจนจบ เย่ปินยังไม่ได้เอ่ยปาก หลังจากผ่านไปนาน เย่ปินก็ดูเหมือนจะตัดสินใจได้แล้ว
“ กลับไปที่สถานีกันก่อนเถอะ ไว้ค่อยพูดทีเดียวเลย”
จางหลานกับเฉินฮุ่ยไม่ได้พูดอะไรมาก แล้วพวกเขาก็ตามเย่ปินกลับไปยังสถานีตำรวจ
หลังจากกลับมาถึงสถานี เย่ปินก็เรียกประชุมทุกคนในทีมสืบสวนเป็นครั้งแรก
“ ทุกคน เราพบเบาะแสในคดีการหายตัวไปกับคดีฆาตกรรมของเด็กชายทั้งคู่แล้ว แต่จากการสืบสวน ในที่สุดเราก็พบว่า คดีครั้งนี้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ”
เมื่อทุกคนมาประชุมพร้อมกันแล้ว เย่ปินก็ตรงเข้าประเด็นทันที
“ เหตุการณ์เหนือธรรมชาติ !”
“ หมายความว่ายังไง ? ทั้งสองคดีไม่ใช่ฝีมือมนุษย์จริงๆเหรอ ?”
“มี ผีหลอกวิญญาณหลอนจริงๆเหรอเนี่ย ?”
“ ผีเหรอ ไม่เอาน๊า”
คำพูดของเย่ปินทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ ตำรวจทั้งหมดเริ่มถกเถียงกัน บางคนก็เชื่อว่าคดีนี้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ บางคนก็ไม่เชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง แต่สุดท้ายตำรวจทุกคนก็เลือกเชื่อในคำพูดของเย่ปิน แม้จะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับเรื่องเหนือธรรมชาติก็ตาม
“ หัวหน้าเย่ งั้นเราจะทำอย่างไรถ้าคดีนี้มันเกี่ยวข้องกับเรื่องเหนือธรรมชาติ ?”
“ ใช่ ! ถ้ามันมีผีมาเกี่ยวข้องด้วยจริงๆ เราจะสืบสวนคดีนี้ได้ยังไง !”
“ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ถ้ามันจะหลอนแบบนี้ แม้ว่าจะดำเนินการสืบสวนต่อไปได้ แต่เราจะอธิบายให้ผู้บังคับบัญชาฟังได้ยังไง !”
ต่างคนก็ต่างวิตกกังวลไปคนละทิศคนละทาง บางคนก็เป็นกังวลเรื่องผีจนไม่อยากสืบคดีต่อ ขณะที่บางคนก็กังวลว่า ถ้ารู้ความจริงของคดีแล้วจะเป็นยังไง ? มันเป็นไปไม่ได้ที่จะชี้แจงกับสาธารณะชนว่าคดีนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องเหนือธรรมชาติ
“ ช่วงนี้จางหลานกับเฉินฮุ่ยได้ทำการสืบสวนคดีนี้และพบว่าเบาะแสของคดีมุ่งไปยังรถเมล์ ‘สาย 18’ อย่างไรก็ตาม ขณะที่เราสืบสวนเกี่ยวกับรถเมล์ ‘สาย 18’ เราก็พบเหตุการณ์เหนือธรรมชาติมากมาย มีสามคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ที่ต้องเสียชีวิต แม้แต่ผมก็ยังตกอยู่ในอันตรายระหว่างการสืบสวนครั้งก่อน”
เมื่อเย่ปินพูดจบ สีหน้าของทุกคนก็ดิ่งลง
“ ตอนนี้เรามีทางเลือกสองทาง ทางแรกคือสืบสวนคดีนี้ต่อไป แต่ถ้าเลือกทางนี้ก็จะหมายความว่า ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนจะตกอยู่ในอันตราย ส่วนอีกทางคือ ยุติการสืบสวน ในกรณีนี้มีแนวโน้มว่าเราจะถูกลงโทษ แต่ก็จะไม่ตกอยู่ในอันตรายใดๆ ตอนนี้ก็ถึงคราวที่ทุกคนต้องเลือก ว่าจะเลือกทางไหน”
พูดจบเย่ปินก็หยิบกระดาษออกมาปึกหนึ่ง จากนั้นก็ขอให้จางหลานกับเฉินฮุ่ยช่วยกันแจกกระดาษให้กับทุกคน คนละแผ่น
“ ไม่ว่าผลสุดท้ายจะเป็นยังไงก็ตาม ผมหวังว่าทุกคนจะเลือกโดยไม่ขัดต่อความตั้งใจเดิมของตัวเอง 1 คือสืบสวนต่อ และ 2 คือยุติ” พูดจบพวกเย่ปินทั้งสามคนก็เดินจากไป ปล่อยให้ทุกคนในทีมสืบสวน ใช้สิทธิ์ในการเลือกของตนเอง
หลังจากรับกระดาษ ทุกคนก็ตกอยู่ในห้วงความคิด ไม่มีใครเลือกได้ในทันที เพราะนี่คือการสืบสวนที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย
“ เสี่ยวหลิว เลือกแล้วเหรอ ?”
“ ยัง ฉัน… เฮ้อ…”
“ ผมอายุยังน้อย ผมรับความเสี่ยงนี้ไม่ได้” ในที่สุดตำรวจคนหนึ่งก็ตัดสินใจเขียน ‘ 2’ ลงบนกระดาษ จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเดินจากไป
“ ไม่เห็นจำเป็นต้องให้เลือกเลย เห็นๆอยู่ว่าคดีนี้สืบสวนต่อไม่ได้ !” มีอีกคนที่เลือกเขียน ‘ 2’ ลงบนกระดาษ
“ ฉันอยู่ที่สถานีนี้มาหลายปีแล้ว ยังไม่เคยทำคดีใหญ่ๆเลยสักครั้ง คราวนี้อาจเป็นโอกาส !” ตำรวจวัย 30 ต้นๆ ยิ้มและเขียน ‘ 1’ ลงบนกระดาษ
เมื่อรวมเย่ปิน จางหลานและเฉินฮุ่ยแล้ว ตำรวจในทีมสืบสวนก็มีทั้งหมด 25 คน เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง ในที่สุดคนสุดท้ายก็ตัดสินใจเลือก
เมื่อคนสุดท้ายเลือกเสร็จ พวกเย่ปินทั้งสามคนก็กลับเข้ามาในห้องประชุม ขณะนี้คนทั้งหมดที่เลือกทางที่ ‘ 2’ ได้ออกจากห้องประชุมไปแล้ว ยกเว้นพวกเย่ปินทั้งสามคนแล้ว ก็มีแค่ 3 คนเท่านั้นที่เลือก ‘ 1’
“ เฮ้อ…” เมื่อเห็นในห้องประชุมเหลือแค่สามคน ตำรวจกลางคน วัยสี่สิบก็ส่ายหน้าและถอนหายใจ
“ เหล่าสวี ทำไมแกถึงอยู่ต่อล่ะ ?” ตำรวจกลางคนที่มีอายุงานเท่ากันถาม
“ ฉันเป็นตำรวจมาตลอดชีวิต ฉันไม่สามารถละทิ้งหน้าที่ได้” ตำรวจที่ชื่อ เหล่าสวี ยักไหล่และยิ้มจางๆ
“ ฮ่าฮ่า ! รู้สึกแปลกๆที่ได้ยินแกพูดแบบนี้” ตำรวจชื่อจ้าวเจิ้งที่มีอายุใกล้เคียงกับเหล่าสวีหัวเราะ
“ นายล่ะ ? ทำไมถึงอยู่ต่อ ?” เหล่าสวีกับจ้าวเจิ้งหันไปถามตำรวจวัยสามสิบต้นๆ
ตำรวจคนนี้มีชื่อว่า หนิงหวา เป็นคนไม่ชอบพูด แต่ทำงานอย่างซื่อสัตย์ขยันขันแข็ง ไม่สนใจเรื่องอื่น ไม่มีใครคิดว่าเขาเลือกที่จะอยู่ต่อ
“ ผมต้องการทำคดีใหญ่” หนิงหวากล่าวอย่างเรียบง่าย