นิยาย ย้อนชีวิตพิชิตเซียน ย้อนชีวิตพิชิตเซียน – บทที่ 75 : ซันกเข้าสู่เส้นทางบ่มเพาะ
บทที่ 75 : ซันกเข้าสู่เส้นทางบ่มเพาะ
ทันทีที่เหลียงควนเดินเข้ามา เขาก็เอ่ยถามประธานหม่าขึ้นทันที “ใครกันที่กล้ามีเรื่องกับน้องชายของฉัน?”
คนแซ่หม่ายกมือขึ้นชี้ไปทางซูอานกับซันกทันที พร้อมตอบกลับด้วยน้ํา เสียงเกรี้ยวกราด “ไอ้สองคนนี้มันกล้าทําร้ายร่างกายของเพื่อนฉันกับลูกของเขา พวกมันไม่เกรงกลัวกฎหมายเลยแม้แต่น้อย!”
เหลี่ยงควนหันไปมองซูอานด้วยสีหน้าดุดัน พร้อมกันตะโกนถามออกไปว่า “พวกแกสองคนใครเป็นคนลงมือก้าวออกมาเดี๋ยวนี้!”
ซูอานตอบกลับด้วยน้ําเสียงที่เบา “พวกเราสองคนไม่ได้ทําร้ายผู้ใดเลย..
“ซูอาน แล้วที่หน้าฉันกับลูกบวมเป็น ซาลาเปาอยู่นี่ไม่ใช่ฝีมือของแกหรือยังไง?”
ซูปิงเซียนร้องตะโกนออกไปเสียงดัง เมื่อเขาเห็นเหลียงควนปรากฏตัว ความหวาดกลัวซูอานก็จางหายไปในทันที
“ข้าตีสุนัขที่มันเห่าไม่เลือกต่างหากล่า ไม่ได้ทําร้ายผู้ใด..”
ซูอานตอบกลับซูปิงเซียนด้วยใบหน้าสงบนิ่ง และแทบไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย..
“นี่แก!”
ซูปิงเซียนกับลูกของเขาได้ฟังคําพูดของซูอานก็โกรธจนแทบกระอักเลือด เพราะซูอานถึงกับเปรียบพวกเขาสองคน พ่อลูกเป็นสุนัขต่อหน้าคนอื่นเช่นนี้
“ท่านอาจารย์เหลียงครับ ได้โปรดสะสางเรื่องนี้ให้พวกเราสองคนพ่อลูกด้วยนะครับ!” ซุปิงเซียนหันอ้อนวอนเหลียงควน
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะสะสางเรื่องนี้ให้พวกเธอเอง!” เหลียงควนตอบกลับด้วยน้ําเสียงที่เย็นชา
และในระหว่างนั้น ลูกน้องของเหลียงควนสองคนก็เดินตรงเข้าไปหาซูอานกับซันกด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตรนัก
ซันกหันไปมองหน้าซูอานเป็นการขอความเห็น..
แต่กลับพบว่าซูอานได้พุ่งเข้าใส่ร่างของชายฉกรรจ์ทั้งสองคน พร้อมกับกําหมัดชกเข้าใส่ร่างของพวกมันจนลงไปนอนกองกับพื้นแล้ว
ทุกคนในที่นั้นต่างก็พากันตกอกตกใจ เพราะคิดไม่ถึงว่าซูอานจะลงมือได้รวดเร็วเช่นนี้ และหมัดของเขาจะหนักถึงเพียงนี้!
ซูเทียนหลุนมีสีหน้าตกใจยิ่งกว่าเดิม เพราะซูอานในเวลานี้ช่างดุดัน และน่ากลัวกว่าซูอานในอดีตอย่างมาก
แต่เหลี่ยงควนกลับไม่มีท่าที่ตกใจเลยแม้แต่น้อย เขาร้องตะโกนออกไปด้วยน้ําเสียงโกรธเกรี้ยว “นี่แกกล้าทําร้ายลูกน้องของฉันเชียวเรอะ? แกช่างรนหาที่ตายแท้ๆ!”
เหลียงควนหยิบปืนพกข้างเอวออกมา และเล็งไปที่ศรีษะของซูอานทันที!
ซูอานอยู่ในระยะกระชั้นชิดกับปืนพกเช่นนี้ นับว่าเป็นอันตรายอย่างมาก เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะกล้าหยิบปืนออกมาเล็งใส่เขาต่อหน้าคนอื่นเช่นนี้ ซูอานจ้องหน้าหลงเทียนควนด้วยใบหน้าเย็นชา พร้อมกับถามขึ้นว่า
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนที่กล้าใช้ปืนจ่อหัว ข้าเช่นนี้ จะเป็นเช่นใดต่อไป?”
“หึ! ฉันไม่จําเป็นต้องรู้!”
เหลียงควนตอบซูอานกลับอย่างไม่ใส่ใจนัก และเขาก็เห็นแล้วว่าซูอานไม่น่าจะเป็นคนที่เขาจะสามารถจัดการได้ง่ายๆ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่หยิบปืนออกมาข่มขู่เช่นนี้แน่!
คนผู้นี้มีปืน และซูอานเวลานี้ก็ยังไม่สามารถรับมือกับลูกกระสุนปืนได้ มีเพียงหนทางเดียวคือเขาต้องขอความช่วยเหลือจากเหล่าฮัว แต่ยังไม่ทันที่เขาจะ ได้ทําอะไร ซูปิงเซียนก็เดินสายอาดๆเข้าไปหาซูอานพร้อมกับพูดเย้ยหยัน
“ซูอาน ฉันก็อยากจะรู้นักว่า ระหว่างวรยุทธของแกกับลูกปืนอะไรจะแข็งแกร่งกว่ากัน?”
ความจริงแล้วซูปิงเซียนก็นึกหวาดหวั่นอยู่ในใจไม่น้อย เพราะนี่คือปืนไม่ใช่ค้อนหรือมีด แต่นั่นก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะทําให้คนอย่างซูอานหวาดกลัวได้
แต่ซูอานกลับไม่ตอบโต้ เขาเพียงแค่จ้องมองซูปิงเซียนด้วยสายตาแน่นิ่งเท่านั้น และเพียงแค่นั้นก็ทําให้ซูปิงเซียนถึงกับขวัญผวาได้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่วายปากดีเย้ยหยันซูอานต่อ
“แต่ถ้าแกคุกเข่ายอมรับความผิด ฉันก็จะขอให้อาจารย์เหลียงควนปล่อยแกไป!”
ซูอานยิ้มกว้างและตอบกลับไปทันที “หากเจ้ายอมคุกเข่าต่อหน้าข้า ข้าก็จะยอมยกโทษให้เจ้าเช่นกัน!”
ในขณะเดียวกันนั้น ซันกูก็กําลังยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาใครบางคน และทันทีที่ปลายสายตอบรับ ซันถูกแสยะยิ้มและพูดขึ้นว่า
“เหล่าฮั่ว เวลานี้คุณอยู่ที่ใด?”
“ฉันก็อยู่บ้านน่ะสิ! คิดว่าฉันต้องติดตามซูอานไปทุกที่เหมือนกับคุณ หรือยังไง?”
“มาดื่มชาตอนเช้ากันหน่อยสิ!”
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่มีอะไรมากเหล่าฮัว พอดีมีปัญหาเล็กน้อย ก็เลอยากของวามช่วยเหลือ จากคุณ!”
“เกิดเรื่องขึ้นกับซูอานสินะ?”
ผู้เฒ่าวสามารถเข้าใจได้ในทันที เพราะปกติแล้วเขากับซันกไม่เคยมีเรื่องที่ต้องติดต่อกันอยู่แล้ว แต่จู่ๆเขาโทรมาเช่นนี้ ย่อมหมายความว่าซูอานกําลังประสบปัญหาอย่างแน่นอน!
“ความจริงก็แค่มีปากเสียงกันธรรมดาๆ แต่ไม่ใช่เรื่องปกติเลยถ้าจะมีคนเอาปืนจ่อหัวเราแบบนี้!”
“ใครกันที่กล้าทําเรื่องวุ่นวายแบบนี้?”
“ดูเหมือนจะเป็นผู้ฝึกยุทธที่มีชื่อเสียงแห่งตงเฉิงที่ชื่อว่า.. เหลียงควน!”
“อะไรนะ?!”
ผู้เฒ่าฮัวร้องตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความโมโห จนเสียงนั้นดังทะลุออกมานอกโทรศัพท์
สําหรับผู้เฒ่าฮั่วแล้ว นอกจากซูอานจะมีน้ําใจกับเขามาก ยังเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือชีวิตหลานสาวสุดที่รักของเขาอีกด้วย
ผู้เฒ่าฮั่วตอบกลับด้วยน้ําเสียงที่โกรธเกรี้ยว “ตอนนี้พวคุณอยู่ที่ไหน ผมจะ รีบไปเดี๋ยวนี้!”
“ร้านน้ําชาจูกวนเต๋อ!”
หลังวางสายจากผู้เฒ่าฮั่ว ซันกก็หันไปพูดกับเหลียงควนว่า “หึ.. เดี๋ยวแกจะยิ้มไม่ออก!”
จากนั้นซันกูก็กลับไปนั่งดื่มน้ําชาที่โต๊ะอย่างสบายใจ ในขณะที่เหลี่ยงควน กลับรู้สึกเกร็ง และไม่มั่นใจว่าซันกวางสายจากผู้เฒ่าฮั่วจริงหรือไม่..
เหลียงควนเริ่มเหงื่อตก และนิ่งรออยู่ครู่ใหญ่ แต่เมื่อยังไม่เห็นผู้ใดปรากฏตัว เขาก็ร้องตะโกนออกไปว่า
“พวกแกอย่ามาแกล้งถ่วงเวลาหน่อยเลย รีบขอโทษคนของฉันเร็วเข้า ไม่อย่างนั้นฉันจะยิ่งพวกแกสองคนจริงๆ!”
แต่ยังไม่ทันที่เหลี่ยงควนจะพูดจบดีด้วยซ้ํา รถหรูคันหนึ่งก็แล่นเข้ามาจอดหน้าร้านพอดี และคนที่เดินลงมาพร้อมกับบอดี้กร์ดสองสามคนนั้น ก็ทําให้เห ลียงควนถึงกับหน้าซีด และแข้งขาสั้นขึ้นมาทันที
ผู้เฒ่าฮัวเดินเข้ามาในร้านจ้องมองเหลียงควนด้วยใหน้บาที่โกรธเกรี้ยว พร้อมกับพูดขึ้นด้วยความโมโห
“เหลียงควน เธอกล้าดีเกินไปแล้ว!”
เหลียงควนถึงกับตกใจอย่างที่สุด เพราะเขาสามารถขึ้นมาเป็นผู้ฝึกยุทธระดับ แนวหน้าของตงเฉิงได้นั้น ก็เพราะมีผู้เฒ่าฮั่วคอยให้การสนับสนุน และไม่คิดว่าวันนี้เขากลับจะต้องเป็นฝ่ายทําให้ผู้เฒ่าฮั่วต้องไม่พอใจถึงเพียงนี้!
“ผู้เฒ่าฮั่ว.. ผม.. ผม..”
“คุณเหลียง.. คุณกล้าดีมากนะที่กล้าข่มเหงผู้มีพระคุณของผม!”
“แต่พวกเขาทั้งสองคนทําร้ายร่างกายคนอื่นก่อน..” เหลียงควนตอบกลับราวกับหมูไม่กลัวน้ําร้อน
“งั้นรึ?!”
ผู้เฒ่าฮัวร้องถามออกมา ในขณะที่ใบหน้าทิ้งตึงนั้นดูเหมือนจะมีแววโล่งใจปรากฏอยู่..
คนแซ่หม่ารีบร้องตะโกนเสียงดังขึ้นมาทันที “จริงครับท่าน พวกมันสองคนทั้ง ทําร้ายร่างกาย แล้วยังขู่จะฆ่าพวกเราด้วย!”
ผู้เฒ่าฮั่วหันไปมองซูอานพร้อมกับถามขึ้นว่า “เป็นเรื่องจริงงั้นรึ?”
“เหล่าฮั่ว.. อย่าได้ไปฟังคําพูดของพวกมัน! ข้ากับซันกูนั่งดื่มชากันอยู่ แต่สุนัขบางตัวก็เข้ามาหาเรื่องรบกวนเวลาดื่มชาที่แสนสุขของข้า ข้าโมโหก็เลยที่สุนัขตัวนั้นไปก็เท่านั้น แต่มิได้ข่มขู่จะเอาชีวิตของพวกมันเลยแม้แต่น้อย” ซูอานตอบกลับด้วยน้ําเสียงเรียบเฉย
“อาเหลียง.. คุณทําให้ผมผิดหวังมากจริงๆ ตําแหน่งที่คุณเป็นอยู่ในตอนนี้ ผมคงต้องยกให้กับคนที่ไว้ใจได้มากกว่าคุณแล้ว!”
เหลียงควนถึงกับหน้าซีดจนพูดอะไรไม่ออก ในขณะที่ซูอานกับซันกเดินตามผู้เฒ่าฮัวออกไปนั่งดื่มชา และคุยกันต่อด้านนอก พร้อมกับหัวเราะกันอย่างมีความสุข
“รบกวนเหล่าฮัวแล้ว!” ซูอานเป็นฝ่ายเอ่ยออกมา
“เรื่องเล็กน้อยน่า.. วันหน้าหากมีเวลาก็ไปเยี่ยมเยียนบ้าง!”
“ข้าต้องไปแน่!”
ทางด้านซูปิงเซียนที่อยู่ในร้านได้แต่ ยืนนิ่งเอามือกุมแก้มที่บวมเปล่งด้วย ความตกตะลึง เวลานี้เขาไม่กล้าพูดอะไรออกมาเลยแม้แต่คําเดียว และขาทั้งสองข้างก็สั่นไปหมด
หลังจากที่นั่งดื่มชากันต่ออีกครู่ใหญ่ ซูอานกับซันกูก็กลับไปถึงบ้านด้วยความ รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเล็กน้อย.
ซูอานกลับเข้าไปนั่งขัดสมาธิบนเตียง นอนฝึกฝนวิชาตามคัมภีร์เก้าสวรรค์อยู่ครู่หนึ่ง และนั่นทําให้เขารู้สึกสบายนมาก
เวลานี้บุหงาห้าสีที่อยู่ข้างกายเขา และถูกห่อหุ้มไว้ด้วยพลังชีวิตนั้น เติบโตอย่างรวดเร็วมาก และเวลานี้ดอกไม้สี่ดอกก็ได้เบ่งบานเต็มที่แล้ว
“ยังเหลืออีกหนึ่งดอก..”
ซูอานพึมพําเบาๆ ก่อนจะหย่อนบุหงา ห้าสีกลับลงไปในกระเป๋าเสื้อดังเดิม แล้วเดินออกจากห้องไปอย่างมีความสุข
ซันกูกําลังฝึกฝนวิชาอยู่ในห้องรับแขก และเวลานี้ก็มีหมอกขาวปกคลุมทั่วทั้งร่างของเขา บ่งบอกว่าเวลานี้ซันกูกําลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สําคัญยิ่ง ซูอานเห็นเช่นนั้นจึงช่วยชี้แนะ เนื่องจากวันนี้ซันกแก้ไขสถานการณ์ได้ดี เขาจึงต้องการที่จะให้รางวัล..
“กลั้นลมหายใจ ทําจิตใจของเจ้าให้เป็ นสมาธิ ให้จิตใจสงบนิ่งดั่งน้ําที่ไร้คลื่น..”
และซันกูก็ทําตามคําแนะนําของซูอานอย่างว่าง่าย ในที่สุดก็ค่อยๆเข้าสู่ความสงบอย่างช้าๆ
“สวรรค์กับมนุษย์รวมเป็นหนึ่งหยิน และหยางหมุนเวียน ก่อนจะหลอมรวมเป็นปราณหนึ่งเดียว..”
“เต๋ให้กําเนิดหนึ่ง หนึ่งให้กําเนิดสอง สองให้กําเนิดสามสามให้สรรพสิ่ง
หนึ่งแยกเป็นสามและสามรวมเป็นหนึ่ง แม้จะมีสามแต่ก็มิอาจแยกจากกัน…”
ซันกนั่งฟังซูอานที่พูดไปเรื่อยๆด้วยจิตใจที่สงบนิ่งราวกับน้ําที่ไร้คลื่น ผ่านๆไปครู่หนึ่งเขาจึงสัมผัสได้ถึงความร้อนบริเวณท้องน้อยของตนเอง..
และไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด หนึ่งหรือสองวัน.. ในที่สุดซันกูก็ลืมตาขึ้นมา สีหน้าของเขาสงบนิ่งอย่างที่สุด
“คุณชายซู ผม..”
ซูอานยิ้มเล็กน้อยพร้อมกลับถามขึ้นทันที “เจ้ารู้สึกแปลกประหลาดบริเวณท้องน้อยใช่หรือไม่?”
“ใช่แล้ว.. ผมรู้สึกว่าที่บริเวณท้องน้อยคล้ายกับมีลูกบอลเล็กๆอยู่ด้านใน!”
ซูอานมองหน้าซันกนิ่งพร้อมกับอธิบายให้เขาฟัง “สิ่งนั้นเรียกว่าจุดตันเถียน ใช้สําหรับกักเก็บพลังชีวิต!”
“เวลานี้เจ้าเข้าสู่เส้นทางการบ่มเพาะพลังอย่างแท้จริงแล้ว ข้าจึงจําเป็นต้องบอกกล่าวบางสิ่งบางอย่างแก่เจ้า!”
“เส้นทางของผู้บ่มเพาะพลังนั้น เริ่มต้นจากขั้นก่อสร้างรากฐาน ไปสู่ขั้นโฮ่วเทียน ขั้นเซวียนหมิง จุดมุ่งหมายก็เพื่อให้บรรลุสู่ความเป็นเซียนนั่นเอง!”
“คุณชายซู คุณกําลังจะบอกผมว่าคุณ สามารถฝึกฝนตนเองจนกระทั่งกลายเป็นเซียนได้จริงๆเหรอครับ?” ซันกูเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าตกตะลึงอย่างที่สุด
“ใช่สิ! หากเจ้าฝึกบ่มเพาะจนเข้าสู่ ความเป็นเซียนได้ เจ้าย่อมสามารถเคลื่อนย้ายภูเขา เหาะเหินไปบนอากาศ ไปดวงอาทิตย์ ไปดวงจันทร์ และยังมีอีกมากมายหลายสิ่งหลายอย่างที่เจ้าไม่คิดว่าจะทําได้เลยล่ะ!”
“ขอบคุณท่านอาจารย์ ขอบคุณที่พาข้าเข้าสู่เส้นทางบ่มเพาะนี้!” ซันกูคุกเข่า คํานับซูอาน และฝากตัวเป็นศิษย์ของเขาทันที
“เจ้ายังไม่คู่ควรเป็นศิษย์ของข้า จนกว่าเจ้าจะสามารถฝึกฝนจนเข้าสู่ขั้นเซวียนหมิงให้ได้เสีก่อน.. ซึ่งก็น่าจะอีกราวสิบปี เวลานี้เจ้าเป็นได้เพียงแค่บ่าวคนสนิทของข้าเท่านั้น!”
“ขอรับ.. ขอรับ..”
“และเจ้ายังคงต้องเรียกข้าว่าคุณชายซูต่อไป ป้องกันปัญหาที่ไม่จําเป็นซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้..”
“ข้าน้อยน้อมรับคําสั่งคุณชายซู!”
“ขอบคุณท่านอาจารย์.. ไม่ใช่ๆ ขอบคุณคุณชายซูที่ช่วยถ่ายทอดวิชาให้กับบ่าว!”
MANGA DISCUSSION