ย้อนชีวิตพิชิตเซียน ย้อนชีวิตพิชิตเซียน – บทที่ 59 : งดงามอย่างมิอาจพรรณนา
หลังจากนั้น ซูอานก็เอนกายลงนั่งบนเก้าอี้พร้อมกับหลับตาอย่างสบายเช่นเคย แต่เขากลับสัมผัสได้ว่ามีสายตาเย็นชากําลังจับจ้องมาทางตนเอง สายตานี้ไม่เพียงเย็นชา แต่ยังแฝงไว้ด้วยรังสีสังหาร ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป แต่เป็นผู้ที่รู้วรยุทธคนหนึ่ง..
ซูอานเปิดเปลือกตาขึ้นทันที และพบว่าชายร่างอ้วนนั้นได้กลับเข้าไปในรถแล้ว จากนั้นคนขับรถก็เหยียบคันเร่งพารถแล่นออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว
ซูอานสังเกตเห็นว่า รถคันนี้ไม่ใช่รถธรรมดาทั่วไป แต่มันคือ Aston Martin Lagonda ที่มีมูลค่ากว่าแปดล้านหยวน ดูเหมือนคนกลุ่มนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่!
และจู่ๆ ซูอานก็รู้สึกมั่นใจอย่างบอกไม่ถูกว่า สายตาเย็นชาที่เขาสัมผัสได้นั้น น่าจะเป็นสายตาของชายชราที่อยู่ในรถคันนั้น
ซูอานรับรู้ได้ทันทีว่าชายชราผู้นี้จะต้องเป็นผู้มีวรยุทธ อีกทั้งยังต้องมีอํานาจอิทธิพลอย่างมากด้วย เพราะแววตาของเขานั้นแตกต่างจากแววตาของชายสูอายุทั่วๆไป..
หากอีกฝ่ายไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขา เขาเองก็ไม่คิดที่จะยุ่งเกี่ยวกับคนกลุ่มนี้เช่นกัน ซูอานได้แต่คิดว่า ต่างคนต่างอยู่ไม่ข้องเกี่ยวกันดังเช่นน้ำบ่อไม่ยุ่งเกี่ยวกับสายธาราจะดีกว่า
เช้าตรู่ของวันถัดมา ซูอานก็เริ่มออกเดินทางพร้อมกับตาหวงทันที ทั้งคู่กําลังมุ่งหน้าไปยังภูเขาลูกหนึ่ง!
เป้สีเหลืองของชายชรานั้นไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าอาหาร และอุปกรณ์สําหรับเดินปาปืนเขา อย่างเช่นมีดพับ เชือก และอุปกรณ์จําเป็นอื่นๆ
หลังจากที่ออกเดินทางไปร่วมชั่วโมง ตาหวงก็ขอหยุดพักเหนื่อย ซูอานไม่มีทางเลือกจึงได้แต่ต้องทําตามความต้องการของตาหวง..
ตาหวงหยิบบุหรี่ออกมาจุด แล้วพ่นควันออกมาอย่างสบายอารมณ์ ซูอานจึงอดที่จะถามออกมาไม่ได้ว่า
“ตาหวง.. ทุกวันนี้มีผู้คนเข้ามาในหมู่บ้านของเจ้าบ่อยมากเพียงใคร?”
ตาหวงดูดควันบุหรี่เข้าไปอีกใหญ่ พร้อมกับตอบซูอานในขณะที่พ่นควันออกมา “ก็มีมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสองเดือนก่อนหน้านี้ มากันเยอะพอควร”
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าคงได้เงินจากการทําหน้าที่เป็นคนนําทางเยอะเลยสินะ?”
ซูอานแสร้งทําเป็นถามติดตลก แต่ความจริงแล้วเขาต้องการค้นหาข้อมูลที่มากกว่านั้น เพราะกลุ่มคนที่พบเจอเมื่อวานนี้ ทําให้เขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะดูคล้ายกับว่าคนกลุ่มนั้นก็กําลังจะเดินทางไปยังบ่อโลหิตมังกรเช่นกัน!
ซูอานจําเป็นต้องอาศัยพลังชีวิตในการพัฒนาขั้นพลังของตนเอง เขาจึงไม่ต้องการที่จะให้คนอื่นไปยังดินแดนพลังชีวิตแห่งนี้ และหากเป็นเช่นนั้น เขาก็อยากจะไปให้ถึงเป็นคนแรก จะได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากดินแดนพลังชีวิตให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทําได้
ด้วยเหตุนี้ ซูอานจึงรู้สึกกระวนกระวายใจยิ่งนัก หากมีผู้คนหลั่งไหลมาเรื่อยๆเช่นนี้ มิใช่ว่ามีคนเข้าไปยังดินแดนพลังชีวิตก่อนเขาแล้วหรือ?
ตาหวงส่ายหน้าไปมาพร้อมกับตอบซูอานไปว่า “ พ่อหนุ่ม ฉันไม่ได้มีอาชีพเป็นคนนําทาง แต่ที่ฉันตกลงรับปากเธอก็เพราะจํานวนเงินที่เธอให้ต่างหากล่ะ!”
“แต่ไม่ว่ายังไง คนที่คิดที่จะขึ้นไปยังบ่อโลหิตมังกร ก็ต้องหาคนนําทางไปสักคนอยู่ดี ไม่อย่างนั้นก็ยากที่จะไปถึง หรืออาจหลงทางไปเลยก็ได้”
“ที่ผ่านมาก็มีชาวบ้านหลายคนที่อาสานําทางคนต่างถิ่นขึ้นไปยังบ่อโลหิตมังกรนี้เหมือนกัน แต่บางส่วนเข้าไปหลายเดือนก็ยังไม่กลับออกมา ทําให้ชาวบ้านที่นี่เริ่มหวาดกลัวไปตามๆกัน และแทบไม่มีใครอยากนําทางขึ้นไปที่นั่นอีกแล้ว…”
“ยังไม่กลับออกมาเป็นเวลาหลายเดือนงั้นรึ?!”
ซูอานพึมพําออกมาด้วยความประหลาดใจ เพราะจากระยะทางที่เขาศึกษามาจากอินเทอร์เน็ตนั้น สถานที่แห่งนี้ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่สามหรือสี่วันก็ถึงแล้ว แต่หากผ่านไปหลายเดือนยังไม่กลับออกมา ย่อมหมายความว่ามีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นกับพวกเขาเหล่านั้น
“ก่อนที่ฉันจะรับปากเป็นคนนําทางให้กับเธอ ฉันเองก็ครุ่นคิดอยู่นานเหมือนกัน อีกอย่าง เธอก็ดูไม่เหมือนคนอื่นๆที่มากัน เธอเดินทางมาที่นี่เพียงลําพัง และหน้าตาท่าทางของเธอก็ดูไม่เหมือนคนชั่วร้าย..”
ซูอานยิ้มออกมาเล็กน้อย หลังจากนั้นทั้งสองคนก็เริ่มออกเดินทางต่อทันที
ถนนลูกรังสิ้นสุดอยู่เพียงแค่นี้ และที่นั่นซูอานก็เห็นรถจอดเรียงรายอยู่ตลอดสองข้างทางเหมือนที่ตาหวงบอก และรถ Aston Martin Lagonda ที่เขาเห็นเมื่อวานก็จอดอยู่ด้วยเช่นกัน แต่เวลานี้ ไม่มีคนอยู่ในรถ ดูเหมือนทุกคนคงจะขึ้นเขาไปหมดแล้ว
“ตาหวง พวกเราเร่งฝีเท้าให้เร็วกว่านี้จะดีหรือไม่? อย่างน้อยก็จะได้หาที่พักเสียก่อนที่ฟ้าจะมืด!”
“ตกลง!”
ทั้งสองคนต่างเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นแข่งกับพระอาทิตย์ที่กําลังตกดิน หากจะเร่งเดินขึ้นเขาภายในตอนนี้เลยก็ไม่ใช่ปัญหาสําหรับซูอาน เพราะเขาไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย เขาสามารถปีนขึ้นเขาได้ภายในเวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง แต่ตาหวงไม่สามารถทําเช่นนั้นได้!
ทั้งสองคนเดินข้ามเนินเขาเตี้ยๆไปได้เพียงแค่สองสามลูกเท่านั้น ท้องฟ้าก็เริ่มมืดครื้มเสียแล้ว ตาหวงบอกให้ตรงไปพักด้านหน้าอีกหน่อยจะมีลานกว้าง ทั้งคู่จึงต้องเร่งความเร็วขึ้นมากเดิม
และในที่สุดทั้งคู่ก็มาถึงลานกว้างในช่วงแสงอาทิตย์สุดท้ายของวันได้ทันเวลา
แต่ลานกว้างแห่งนี้กลับไม่ได้ว่างเปล่าอย่างที่ซูอานคิด เพราะกลุ่มของชายที่แวะซื้อบุหรี่กับเขาก็พักอยู่ที่นี่เช่นกัน และเวลานชายร่างอ้วนก็กําลังทําหน้าที่กางเต็นท์อยู่พอดี
เมื่อชายร่างอ้วนหันมาเห็นซูอานก็ถึงกับโกรธมาก เพราะเมื่อวานที่ซูอานฟาดใส่ข้อมือเขานั้น ทําให้กระดูกข้อมือของเขาเกือบหักเลยทีเดียว
“แกมาทําอะไรที่นี่?” ชายร่างอ้วนจ้องมองซูอานกับตาหวงพร้อมกับร้องตะโกนถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
ซูอานเหลือบมองตาหวง พร้อมกับกระซิบบอกเขาให้นิ่งไว้ไม่ต้องพูดจา จากนั้นตัวเขาเองก็หันไปตอบชายร่างอ้วนด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“ปกับหลานขึ้นเขามาบนเขาแบบนี้ยังจะมาทําอะไรได้อีกเล่า ก็ต้องมาเก็บสมุนไพรน่ะสิ!”
“มาเก็บสมุนไพรบ้าบออะไรกัน?! หอบเครื่องไม้เครื่องมือมาพร้อมขนาดนั้น ยังจะกล้าโกหกว่ามาเก็บสมุนไพรอีกเหรอ?”
คําตอบของชายร่างอ้วนนั้นบ่งบอกว่าเขาไม่เชื่อคําพูดของซูอานเลยแม้แต่น้อย มิหนําซ้ำยังพูดจาประชดประชันเขากลับไปด้วย
“นี่มันยุคใดกันแล้ว เครื่องไม้เครื่องมือเหล่านี้ผู้ใดก็มีทั้งนั้น มีดสองสามอันนี้ก็เอาไว้ตัดกิ่งตัดใบของสมุนไพร ส่วนเชือกนี่ก็มีไว้ในขึ้นเขา แล้วก็อาหารที่จําเป็น…”
“เอาล่ะ.. พวกแกจะมาทําอะไรก็ช่าง! แต่ห้ามค้างคืนที่นี่ รีบออกไปจากที่นี่ซะ!”
ชายร่างอ้วนชูมีดที่มีประกายคมกริบในมือขึ้น พร้อมกับจ้องมองซูอานกับตาหวงด้วยสายตาเอาเรื่อง
ตาหวงเห็นเช่นนั้นก็ถึงกับตกใจอย่างมาก และเวลานี้ร่างของเขาก็สั่นเทาจนไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คําเดียว..
ในขณะที่ซูอานตอบกลับไปด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “ยามนี้ท้องฟ้ามืดครื้มไร้แสงอาทิตย์แล้ว จะให้พวกเราไปที่ใดได้อีก ข้าอยู่ค้างที่นี่เพียงแค่คืนเดียวเท่านั้น พรุ่งนี้ก็จะรีบออกเดินทางแต่เช้าตรู่!”
ชายร่างอ้วนทําท่าจะปฏิเสธ แต่ชายชราที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นได้ยกมือขึ้นโบกห้าม พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ให้พวกเขาค้างคืนที่นี่ด้วย!”
ชายร่างอ้วนถึงกับนิ่งเงียบทันที เห็นได้ชัดว่าชายชราผู้นี้ต้องเป็นคนสําคัญมากคนหนึ่ง
ซูอานกับตาหวงช่วยกันกางเต็นท์ของตัวเอง จากนั้นจึงทําการจุดเตาต้มน้ำร้อนลวกบะหมี่กึ่งสําเร็จรูปกินแทนอาหารเย็น
ดูเหมือนว่าอีกกลุ่มของชายชราจะไม่ได้เตรียมอาหารมาด้วย พวกเขาจึงมีท่าทีกระอักกระอ่วนเมื่อได้กลิ่นหอมของบะหมี่กึ่งสําเร็จรูปที่โชยเข้าจมูก
ชายร่างอ้วนเดินตรงเข้าไปหาซูอานพร้อมกับยื่นเงินให้ “เอาบะหมี่มาให้ฉันสักสามถ้วย พวกเราไม่ได้นําอาหารติดตัวมาด้วยเลย!”
ซูอานรู้สึกไม่ถูกชะตากับชายร่างอ้วนผู้นี้อย่างมาก เขาแทบอยากจะฆ่ามันทิ้งเสียด้วยซ้ำ แต่เขาไม่รู้ว่าคนกลุ่มนี้เป็นใคร และแข็งแกร่งมากเพียงใด จึงได้แต่ทนอดกลั้นเอาไว้เสียก่อน และส่งบะหมี่ให้กับชายร่างอ้วนไป
แต่สิ่งที่ซูอานเห็นเวลานี้ นอกจากภาพที่ทุกคนกําลังถือถ้วยบะหมี่กินอยู่นั้น เขากลับรู้สึกแปลกใจที่ตั้งแต่มาถึงเขายังไม่เห็นหญิงสาวที่อยู่ในรถคนนั้นเลย แม้เขาจะพยายามสอดส่ายสายตาหาก็ตาม..
เมื่อวานเขาเห็นว่าในรถมีคนอยู่ทั้งหมดห้าคน แต่เหตุใดตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่สี่คนเท่านั้น มันดูเป็นเรื่องที่ไม่ปกตินัก!
แต่ในระหว่างที่ซูอานกําลังงุนงงสงสัยอยู่นั้น หญิงสาวรูปร่างงดงามไร้ที่ติก็ได้เดินออกมาจากพุ่มไม้ และตรงเข้าไปหาชายในกลุ่มคนหนึ่งด้วยท่าทีตื่นตระหนก
ชายผู้นั้นโยนบะหมี่กึ่งสําเร็จรูปให้หญิงสาวหนึ่งถ้วย เธอรีบคว้าถ้วยบะหมี่ขึ้นมาเปิดออก และกินทั้งที่แห้งๆนั้นทันที
ซูอานเห็นเช่นนั้นจึงได้แต่ถือกาน้ำร้อนเดินเข้าไปหาหญิงสาวพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ใส่น้ำร้อนเสียก่อน ไม่เช่นนั้นรสชาติของมันจะแย่มาก!”
หญิงสาวผู้นั้นจ้องมองซูอานพร้อมกับส่ายหน้าไปมา..
แล้วซูอานก็ถึงกับต้องตกตะลึงเมื่อได้เห็นใบหน้าของหญิงสาวอย่างชัดเจน!
หญิงสาวผู้นี้มีใบหน้าที่งดงามยิ่งนัก แต่ดวงตาของเธอกลับมีน้ำตาเอ่อล้นและใบหน้าก็มีรอยฟกช้ำ เห็นได้ชัดว่าเธอถูกคนข่มเหงรังแกมา..
แต่นั่นยังไม่ใช่สิ่งที่น่าตกตะลึง.. เพราะสิ่งที่ทําให้ซูอานตกตะลึงอยู่เวลานี้คือใบหน้าที่งดงามอย่างไม่สามารถพรรณนาออกมาเป็นคําพูดได้ เธอเป็นหญิงสาวที่งดงามยิ่งนัก ใบหน้าของเธอสวยงามกว่าฮั๋วว่านว่านอย่างไม่อาจจะเทียบกันได้!
นี่คือความงดงามในแบบที่สามารถปลุกเร้าความปรารถนาของบุรุษที่พบเห็นได้ในทันที เป็นความงดงามที่มาพร้อมกับความบริสุทธิ์อย่างที่โคลนตมก็ไม่อาจแปดเปื้อนได้
แต่สิ่งที่สําคัญกว่านั้นก็คือ.. หญิงสาวผู้นี้ทําให้ซูอานรู้สึกคุ้นเคยยิ่งนัก เขารู้สึกคุ้นเคยกับสตรีนางนี้อย่างบอกไม่ถูก ราวกับว่านางสตรีในชีวิตของเขาก็ไม่ปาน!
“นี่! ถ้าแกยังไม่เลิกมอง ฉันจะควักลูกตาของแกออกมา!”
ชายร่างอ้วนตรงเข้ามาผลักร่างของซูอาน พร้อมกับร้องตะโกนใส่หน้าเสียงดัง แต่ร่างของซูอานกลับนิ่งดั่งหิน ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย ทําให้ร่างของชายผู้นั้นเป็นฝ่ายกระเด็นถอยออกไปจนเกือบจะล้มลงกับพื้นในทันที
ซูอานละสายตาจากหญิงสาวผู้นั้น และเดินถือกาน้ำร้อนกลับไปที่เต็นท์ของตนเอง แต่ภายในจิตใจของเขาเวลานี้กลับรุ่มร้อนอย่างบอกไม่ถูก!
หญิงสาวผู้นี้ช่างคล้ายคลึงกับเทพธิดาจ๋อเจียว ซึ่งเป็นคนรักของเขาเมื่อครั้งที่เขากลับมาเกิดในภพที่สองนั่นเอง เหมือนกันราวกับแกะออกมาจากพิมพ์เดียวกันเลยทีเดียว!
สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างเทพธิดาจ๋อเจียวกับหญิงสาวผู้นี้มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือ หญิงผู้นี้เป็นเพียงแค่คนธรรมดา หาใช่เทพธิดาเท่านั้นเอง
MANGA DISCUSSION