ย้อนชีวิตพิชิตเซียน - ตอนที่ 58 : หาคนนําทาง
บทที่ 58 : หาคนนําทาง
ซูอานแบกเป้ใส่หลัง และเรียกรถออกเดินทางไปบ่อโลหิตมังกรทันที..
เมื่อขับเข้าเขตชานเมืองของเมืองตงเฉิง ท้องฟ้าก็เริ่มแจ่มใส่ ซูอานนั่งไปในรถด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น ระหว่างทางที่ขับไปนั้น ถนนหนทางก็เริ่มคดเคี้ยวมากขึ้น จนกระทั่งคนขับไม่ต้องการที่จะไปต่อ ซูอานจึงตัดสินใจที่จะเดินขึ้นเขาแทน
เวลานี้ซูอานจึงไม่ต่างจากนักท่องเที่ยวแบบแบ๊คแพคเกอร์ ที่มีเพียงแค่กระเป๋าเป้บนหลังเพียงใบเดียว..
บ่อโลหิตมังกรนี้อยู่บนภูเขาสูง และต้องข้ามเขาไปอีกหลายลูก
ซูอานไม่ต้องการที่จะเสียเวลาไปกับการเดินทางมากนัก เขาจึงคิดที่หาชาวบ้านซึ่งเป็นคนพื้นที่นําทางขึ้นไปยังบ่อโลหิตมังกรแทน เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาหลายๆอย่างที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างเดินทางได้
ระหว่างทางที่ผ่านหมู่บ้านไปนั้น ซูอานก็เห็นชาวบ้านกําลังวุ่นวายอยู่กับการปลูกข้าว และหว่านเมล็ดพันธุ์พืชกันอยู่
ซูอานเห็นมือไม้ที่แตกระแหงของชาวนาชาวไร่เหล่านี้ เห็นใบหน้าที่เที่ยวย่นดําคล้ําเพราะแสงแดด และเหงื่อเม็ดโตที่ผุดขึ้นอยู่เต็มหน้าผาก ก็ได้แต่จ้องมองด้วยสีหน้าที่เคารพยิ่ง..
ในระหว่างนั้นเด็กคนหนึ่งก็ทําขนมปังในมือร่วงหล่นลงพื้น หญิงที่อยู่ข้างๆทําหน้าเสียดาย และอยากจะตีเด็กน้อยแต่ก็ทําไม่ลง จึงได้แต่ก้มลงหยิบขนมปังที่ตกลงพื้นขึ้นมาปัดฝุ่น แล้วโยนเข้าปากของตนแทน
ซูอานเห็นหญิงสาวผู้นั้นยิ้มออกมา เพราะถึงแม้ขนมปังจะเปื้อนฝุ่นไปบ้าง แต่รสชาติของมันก็ยังคงอร่อยเหมือนเดิมในความรู้สึกของเธอ เพราะใช่ว่าเธอจะสามารถได้ลิ้มรสขนมปังเช่นนี้ได้ง่ายๆ
ซูอานเดินตรงไปจนถึงร้านค้าที่เป็นเพิ่งเล็กๆแห่งหนึ่ง ซึ่งมีชายชราอายุราวหกสิบปีกําลังนั่งเอนกายฟังเพลงจากวิทยุอย่างสบายอารมณ์ ในขณะที่ปากก็คาบบุหรี่ไว้
“ท่านตา.. ข้าพอจะสอบถามอะไรท่านได้บ้างหรือไม่?”
ชายชราชะเง้อขึ้นมามองซูอานเล็กน้อย ก่อนจะเอนกายลงนอนบนเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์เช่นเคย แล้วจึงบอกกับซูอานว่า
“เชิญถามมาได้เลยพ่อหนุ่ม!”
“ท่านพอทราบหรือไม่ว่าจะขึ้นไปยังบ่อโลหิตมังกรได้อย่างไร?”
เมื่อได้ยินคําถามของซูอาน ชายชราถึงกับดวงตาเบิกโพลง และจ้องมองซูอานด้วยความตกตะลึงสงสัย
“เมื่อครู่เธอถามว่าอะไรนะพ่อหนุ่ม?” ชายชราถามย้ําอีกครั้งให้มั่นใจ
“ข้าถามว่า ท่านพอทราบเส้นทางขึ้นไปยังบ่อโลหิตมังกรหรือไม่?”
ซูอานขยับเข้าไปใกล้ชายชรามากขึ้น พร้อมกับเพิ่มน้ําเสียงให้ดังกว่าเดิมเล็กน้อย..
ครั้งนี้ชายชราได้ยินอย่างชัดเจน แต่สีหน้าของเขากลับไม่หลงเหลือความสบายอกสบายใจเหมือนเช่นก่อนหน้านี้ แต่กลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวแทน..
สีหน้าท่าทางของชายชรา ไม่อาจหนีพ้นสายตาอันแหลมคมของซูอานไปได้
“ฉันไม่รู้ ฉันไม่เคยได้ยินชื่อบ่อโลหิตมังกรอะไรนี่มาก่อนเลย!”
ชายชรารีบสงบสติอารมณ์ของตนเอง และแสร้งทําเป็นล้มตัวนอนอย่างสบายอารมณ์ และปากก็ดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่เพียงแค่ก้นบุหรี่เท่านั้น
ซูอานขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น จากสีหน้าและแววตาที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของชายชรานั้น ทําให้เขามั่นใจว่าชายชราต้องรู้จักบ่อโลหิตมังกรอย่างแน่นอน แต่กลับโกหกว่าไม่รู้
ซูอานเห็นเช่นนั้นจึงได้แต่หยิบธนบัตรสีแดงออกมาสองสามใบถือไว้ในมือ พร้อมกับโบกไปมาต่อหน้าชายชรา ก่อนจะวางมันลงไปบนโต๊ะกระจกด้านหน้า
ชายชราเหลือบมองเงินที่วางอยู่บนโต๊ะพร้อมกับแลบลิ้นเลียริมฝีปากตนเอง แต่แล้วก็ตัดใจสะบัดหน้าหนี
ซูอานตัดสินใจหยิบธนบัตรสีแดงออกมาวางเพิ่มอีกสองสามใบพร้อมกับจ้องหน้าชายชราด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ชายชรายังคงถมือไปมา เห็นได้ชัดว่ากําลังครุ่นคิดอย่างหนัก แต่ก็ยังไม่ตัดสินใจ จนท้ายที่สุดซูอานต้องโยนธนบัตรอีกปึกหนึ่งลงบนโต๊ะซึ่งรวมแล้วนับพันหยวน และชายชราก็ไม่อาจทนนิ่งเฉยต่อไปได้อีก
เขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับจ้องมองซูอานด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะถามขึ้นว่า “พ่อหนุ่ม เธอรู้จักบ่อโลหิตมังกรได้ยังไง?”
“ข้าฟังผู้อื่นมา!”
“พ่อหนุ่ม.. ฉันของเตือนให้เธอกลับไปจะดีกว่า สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่เธอ หรือใครๆจะเข้าไปเที่ยวเล่นได้” ชายชราเอ่ยเตือนออกมาในที่สุด
“ท่านตา ข้ามีเหตุผลจําเป็นที่ต้องไปที่นั่นให้ได้! หากท่านรับปากนําข้าไปที่นั่น เงินทั้งหมดบนโต๊ะนี้จะเป็นของท่านทันที!”
ชายชราจ้องมองกองธนบัตรสีแดงบนโต๊ะตาโต เงินจํานวนมากมายขนาดนี้ เขาต้องเก็บเกี่ยวผลผลิตทั้งปีที่เดียวจึงจะได้มา
ชายชราทิ้งก้นบุหรี่ในมือทันที จากนั้นจึงรีบยื่นมือออกไปคว้าธนบัตรทั้งหมดเก็บเข้ากระเป๋า
“ท่านตา นี่ท่านตกลงแล้วรึ?”
“อืมม.. แต่ฉันจะพาเธอไปถึงแค่บริเวณรอบนอกของบ่อโลหิตมังกรเท่านั้นนะ ฉันไม่กล้าที่จะเข้าไปข้างใน!” ชายชราตอบตกลง พร้อมกับยื่นเงื่อนไข
“รอบนอกงั้นรึ?”
“ใช่แล้ว! รอบนอกคือบริเวณที่ห่างจากบ่อโลหิตมังกรไปราวสามกิโลเมตร!”
“ตกลง! ท่านพาข้าไปถึงรอบนอก แล้วค่อยบอกทางเข้าให้กับข้าอีกที!”
จากนั้นชายชราก็เดินกลับเข้าไปในบ้านพร้อมเงินในกระเป๋า
ซูอานนั่งรอด้วยความอดทนอยู่นาน ในที่สุดชายชราก็เดินออกมาพร้อมกับเอ่ยแนะนําตนเอง
“ฉันชื่อหวงกังเปียว แต่ชาวบ้านแถวนี้ต่างก็เรียกฉันว่าตาหวง!”
“ตาหวง.. ท่านเรียกข้าว่าเสี่ยวซูก็แล้วกัน!” ซูอานแนะนําตนเองกลับไปเช่นกัน
“วันนี้เธอค้างคืนที่นี่สักคืนก่อน พรุ่งนี้พวกเราค่อยออกเดินทาง!”
ซูอานได้ฟังเช่นนั้นก็รู้สึกกระวนกระวายใจอย่างมาก จนต้องถามกลับไปทันที “เหตุใดไม่ไปตอนนี้เลยเล่า?”
“จะเดินทางทั้งที่ไม่ต้องเตรียมความพร้อมก่อนหรือยังไงกันพ่อหนุ่ม? แล้วไม่ต้องเตรียมอาหารไปกินระหว่างทาง ไม่ต้องเตรียมของไหว้เจ้าเลยรึยังไง?”
ซูอานถึงกับนิ่งไป ชายชราพูดไม่ผิด เขารีบร้อนจนลืมเตรียมอาหารติดตัวมาด้วย และดูเหมือนเขาคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องค้างที่นี่สักคืน!
ซูอานจึงทิ้งกระเป๋าเป้ของตนไว้ที่เพิ่งเล็กๆของตาหวง แล้วจึงออกไปเดินเล่นรอบๆหมู่บ้าน หลังจากเดินเล่นจนเบื่อแล้ว ซูอานจึงได้กลับมาที่บ้านของตาหวง
ตาหวงได้จัดการฆ่าเป็ดฆ่าไก่เพื่อเลี้ยงอาหารดีๆซูอาน เพราะ เงินที่เขาได้รับมานั้นมีจํานวนไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนหญิงชราก็กําลังวุ่นวายอยู่หน้าเตา ซูอานจึงออกไปนั่งอยู่ที่สวนด้านหน้าด้วยความเบื่อหน่าย
แต่ในระหว่างที่นั่งเล่นอยู่นานนั้น ซูอานก็สัมผัสได้ถึงร่องรอยของพลังบางอย่าง
มันคือพลังชีวิตที่ดูเหมือนจะกระจายออกมาจากภูเขาสูงลึกแห่งหนึ่ง แต่นั่นก็ได้สร้างความดีอกดีใจให้กับซูอานไม่น้อย แน่แล้วว่า บ่อโลหิตมังกรแห่งนี้จะต้องเป็นดินแดนพลังชีวิต ครั้งนี้เขาไม่ได้มาเสียเที่ยวแน่!
หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงแล้ว ตาหวงก็ได้ออกไปจัดเตรียมอุปกรณ์สําหรับปีนเขา ส่วนซูอานก็ทําหน้าที่เฝ้าหน้าร้านให้กับตาหวง
ซูอานเอนกายลงบนเก้าอี้พร้อมกับหลับตานิ่งอย่างสบายอกสบายใจ และได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจว่า ชีวิตของตาหวงช่างสบายยิ่งนัก แต่ในระหว่างนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“เถ้าแก่ มีบุหรี่ต้าชงจิ่วขายมั้ย?”
เป็นเสียงของชายร่างอ้วนสวมแว่นกันแดดสีดําคนหนึ่ง ที่กําลังยืนอยู่หน้าร้านพร้อมกับหันไปมองรอบๆ
ซูอานเงยหน้าขึ้นมองไปทางตู้บุหรี่ แต่ก็ไม่พบบุหรี่ที่ชายร่างอ้วนต้องการ จึงตอบกลับไปว่า “ไม่มี!”
ชายร่างอ้วนได้แต่บ่นพึมพําออกมาอย่างไม่พอใจนัก “ทําไมไม่รู้จักหาของดีๆมาขายบ้าง?”
“ข้าไม่รู้”
ชายร่างอ้วนเริ่มหงุดหงิด แล้วจึงถามต่อด้วยน้ําเสียงที่ไม่พอใจนัก “แล้วที่นี่ขายบุหรี่อะไรบ้าง?”
“เจ้าดูที่ตู้เอาเอง!”
ซูอานรู้สึกไม่ถูกชะตากับชายร่างอ้วนผู้นี้นัก แต่ในเมื่อตาหวงไว้วางใจให้เขาเฝ้าร้านให้ เขาก็ได้แต่ต้องสงบนิ่ง ในขณะที่ชายร่างอ้วนเองก็ไม่พอใจคําตอบของซูอานมากเช่นกัน และต้องการที่จะหาเรื่องแต่แล้วก็เปลี่ยนใจ
“ถ้างั้นก็เอาเจี่ยวซื่อมาหนึ่งซอง” ชายร่างอ้วนร้องบอกซูอาน พร้อมกับโยนเงินหนึ่งร้อยหยวนให้
ซูอานเหลือบมองธนบัตรบนตู้ พลันสายตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา เพราะมันคือธนบัตรปลอม!
ซูอานเงยหน้าขึ้นบอกกับชายร่างอ้วนด้วยน้ําเสียงที่ไม่พอใจ “นี่เจ้ากล้าเอาเงินปลอมมาให้ข้ารึ?”
ถึงแม้ซูอานจะไม่ใช่คนที่สนใจเงินทองมากนัก แต่เขาเกลียดการโกหกหลอกลวงเป็นที่สุด และไม่ชอบให้ผู้อื่นมาหลอกตนเช่นนี้
ชายสวมแว่นเอื้อมมือออกไปคว้าคอเสื้อซูอานไว้พร้อมกับตอบไปว่า “นี่แกกล้าว่าฉันใช้เงินปลอมรึ?”
ซูอานใช้หลังมือของตนฟาดเข้าที่มือของชายร่างอ้วนอย่างแรง และสีหน้าของเขาก็ถึงกับเปลี่ยนไป และรีบปล่อยมือจากคอเสื้อของซูอานทันที
ทางด้านเบาะหลังของรถคันนั้นมีชายชราคนหนึ่งจ้องมองออกมาด้วยสายตาดุดัน พร้อมกับพูดขึ้นเสียงเบา
“อาเปียว ห้ามสร้างปัญหา!”
เมื่อได้ยินคําสั่งของชายชราที่อยู่ในรถ อาเปียวก็รีบทําตามคําสั่งอย่างเชื่อฟัง และรีบหยิบธนบัตรจริงให้กับซูอานทันที
ซูอานจึงเอื้อมมือไปหยิบธนบัตรใบใหม่มา พร้อมกับหันมองไปทางรถคันนั้น เขาเห็นด้านข้างของชายชรามีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างๆ แต่เขามองเห็นหน้าเธอไม่ชัดเพราะเธอสวมแว่นตาดําปิดบังใบหน้าไว้
แต่ดูคร่าวๆแล้ว ซูอานมั่นใจว่าหญิงสาวคนนี้ต้องงดงามไม่น้อย อย่างน้อยรูปร่างก็ต้องสมส่วนหาที่ติไม่ได้
แต่สิ่งหนึ่งที่ทําให้ซูอานรู้สึกประหลาดใจก็คือ ดูเหมือนหลังมือของทุกคนจะมีการสักรูปหัวกะโหลกไว้ และเวลานี้เขามาที่นี่เพื่อค้นหาบ่อโลหิตมังกร หากคนเหล่านี้ไม่หาเรื่องเขาก่อน เขาก็ไม่คิดที่จะมีเรื่องกับผู้ใดเช่นกัน!