ย้อนชีวิตพิชิตเซียน - ตอนที่ 52 : ลวนลาม
ย้อนชีวิตพิชิตเซียน ย้อนชีวิตพิชิตเซียน – บทที่ 52 : ลวนลาม
บทที่ 52 : ลวนลาม
ซูเหวินเจียนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาทันที และรีบกดหาใครบางคนที่เธอเองก็ไม่ได้สนิทสนมด้วยมากนัก
“สวัสดีค่ะพี่เหลียง ฉันซูเหวินเจียนค่ะ!”
“โอ้โห! ในที่สุดซูเหวินเจียนคนสวยก็โทรหาฉันได้ซะที ฉันคอยโทรศัพท์จากเธอมานานมากแล้วรู้มั้ยจ๊ะ?”
น้ำเสียงจากปลายสายนั้นนอกจากจะบ่งบอกถึงความตื่นเต้น ดีใจแล้ว ยังเจือด้วยน้ำเสียงสั่นเครือของความกระสันต์ด้วย
“นี่ซูเหวินเจียนคนสวย ในที่สุดก็คิดได้แล้วเหรอจ๊ะ ฉันบอกแล้วว่ามาเป็นผู้หญิงของฉัน ฉันจะดูแลเธออย่างดีเลยล่ะ!”
“ฉันตกลงเป็นผู้หญิงของพี่ก็ได้ แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนหนึ่งข้อ!”
ทันที่ที่ได้ยินซูเหวินเจียนตอบตกลง ชายหนุ่มปลายสายก็รีบตอบกลับมาทันที “โอ้! อย่าว่าแต่หนึ่งข้อเลย ต่อให้เป็นร้อยข้อฉันก็รับปากเธอ!”
“ได้…ฉันตกลงรับปาก!”
“ว่าแต่เธอมาหาฉันตอนนี้เลยได้มั้ย? ไม่ดีกว่า…เดี๋ยวฉันขับรถไปรับเธอเลย!”
หลังจากกดวางสายไปแล้ว ใบหน้าของซูเหวินเจียนก็ปรากฏรอยยิ้มเย็นชาขึ้น ส่วนแววตานั้นก็ปรากกฏร่องรอยของความโกรธ แค้นปะทุขึ้นมา
ผ่านไปครู่ใหญ่ รถ Bentley Musanne คันหรูก็ขับมาจอดในโรงเรียน และชายสวมแว่นกันแดดสีดําก็ก้าวเท้าออกมาจากรถหน้าตาของเขาไม่ได้หล่อเหลาเลยสักนิด อีกทั้งออกจะน่าเกลียดเล็กน้อยด้วยซ้ำไป
“ซูเหวินเจียนคนสวยรีบขึ้นรถเร็วเข้า!”
ชายหนุ่มสวมแว่นกันแดดหันไปมองซูเหวินเจียนพร้อมกับร้อง บอกทันที ภายใต้แว่นกันแดดสีดํานั้น แววตาของชายหนุ่มบ่งบอกถึงความต้องการที่รุนแรง!
ซูเหวินเจียนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่แล้วก็ตัดสินใจเดินขึ้นรถคันหรูนั้นไป และทันทีที่ชายหนุ่มสวมแว่นกันแดดก้าวขึ้นไปนั่งในรถ เขาก็เหยียบคันเร่งจนเกือบมิด แล้วรถคันหรูนั้นก็แล่นออกไปนอกโรงเรียนอย่างรวดเร็ว!
“พี่เหลียงคะ ฉันมีเรื่องขอให้พี่ช่วยหนึ่งเรื่อง!”
“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา ไว้ค่อยพูดทีหลังก็ได้ ตอนนี้ไปจัดการทําธุระของเราสองคนให้เสร็จก่อน!” ชายหนุ่มปรายตามองซูเหวินเจียนพร้อมตอบกลับไป
“มีคนกล้าทําให้ฉันไม่พอใจ ฉันอยากให้เขาคุกเข่าลงสารภาพผิดต่อหน้าฉัน!” ซูเหวินเจียนไม่ฟัง และรีบร้องบอกข้อเรียกร้องของเธอทันที
“ใครกันบังอาจทําให้ซูเหวินเจียนคนสวยของฉันไม่พอใจ? เอาล่ะ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ฉันจะทําให้มันต้องรู้สึกเสียใจที่สุดในชีวิตแน่!”
หลังจากที่ได้ฟังคําตอบที่น่าพอใจแล้ว สีหน้าของซูเหวินเจียนก็เปลี่ยนเป็นกระหยิ่มยิ้มย่องด้วยความสุข ความโกรธแค้นภายในใจจึงค่อยจางคลายลงได้บ้าง
ซูเหวินเจียนรู้ดีว่าชายหนุ่มสวมแว่นกันแดดข้างเธอนั้น มาจากตระกูลที่ฝึกฝนวรยุทธ ใครๆในเจียงโจวก็รู้ว่าพ่อของเขานั้นมีวรยุทธเก่งกาจที่สุด และมีชื่อเสียงที่สุด
ส่วนหลิวเหลียงเองนั้นก็มีวรยุทธเก่งกาจมากผู้หนึ่งเช่นกัน ในเจียงโจวไม่มีผู้ใดกล้าที่จะมีเรื่องกับเขาเลยแม้แต่คนเดียว
ซูเหวินเจียนรู้เพียงแค่ว่าซูอานรู้จักศิลปะป้องกันตัวอยู่บ้าง แต่เขาจะสามารถเอาชนะหลิวเหลียง หรือพ่อของเขาได้อย่างนั้นหรือ? ซูเหวินเจียนต้องการสั่งสอนซูอาน และให้เขาคุกเข่ายอมรับผิดต่อหน้าเธอ..
รถหรูได้ขับเข้าไปในพื้นที่ป่ารกร้างลับตาผู้คนแห่งหนึ่ง และในที่สุดก็หยุดลง!
หลิวเหลียงถอดแว่นกันแดดของตนออก ใบหน้าและแววตาชั่วร้ายของเขาจับจ้องอยู่ที่เรือนร่างของซูเหวินเจียนเป็นประกาย และ ฝามือก็เริ่มเคลื่อนสะเปะสะปะไปตามเรือนร่างของเธอทันที
“ซูเหวินเจียนคนสวย…โบราณว่าฤดูใบไม้ผลิมีค่ายิ่งกว่าสิ่งใด พวกเรามาใช้เวลาหาความสุขอยู่ท่ามกลางแมกไม้ที่นี่จะดีกว่า!”
ซูเหวินเจียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ในที่สุดก็พยักหน้า
หลิวเหลียงไม่รอช้า เขาจัดการถอดเสื้อผ้าของซูเหวินเจียน ออกทันที แล้วเขาก็ถึงกับต้องตกตะลึง น้ำลายแทบไหลออกจากสองข้างปาก และเริ่มหายใจรุนแรง
“ซูเหวินเจียนคนสวย ฉันไม่เคยพบเจอใครที่สวยเท่านี้มาก่อนเลย…”
ซูเหวินเจียนได้แต่หลับตาลง พร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง…
หลังจากนั้น รถ Bentley Mulsanne มูลค่ากว่าห้าล้านหยวนสะดุดตาผู้คนนั้น ก็ได้ถูกชาวบ้านระแวกนั้นพบเข้า ชายชราคนหนึ่งคาบบุหรี่อยู่ในปากได้แต่ยืนมองดูในขณะที่หลานชายที่อยู่ ข้างๆเป็นฝ่ายถามขึ้นว่า
“ปู่…ดูอะไรนั่นสิ ทําไมรถมันเขย่าไปมาอย่างนั้นล่ะ?”
ชายชราถึงกับยกเท้าขึ้นเตะหลานชายด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ พร้อมกับดุว่า “รีบๆไปกันดีกว่า! เฮ้อ…สมัยฉันยังหนุ่ม ยังไม่ไวไฟแบบนี้เลย!”
จนกระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ หลิวเหลียงจึงได้หยิบบุหรีขึ้นมาสูบพร้อมกับถามขึ้นว่า “เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าเด็กนั่นอยู่ที่ไหน?”
เวลานี้ผมเผ้าของซูเหวินเจียนกระเซอะกระเซิง ตามร่างกายมีรอยฟกช้าเต็มไปหมด และมีน้ำตาอาบแก้ม แต่เมื่อได้ยินหลิวเหลียงถามขึ้น เธอจึงรีบตอบกลับไปอย่างไม่ลังเล
“ที่ภัตตาคารหนานเฉิง!”
จากนั้น รถคันหรูก็แล่นออกจากปารกร้างลับตาคน มุ่งหน้าสู่หนานเฉิงทันที!
ซูอานนั่งอยู่ในรถพร้อมกับชื่นชมทิวทัศน์รอบๆหนานเฉิงไปด้วยจิตใจที่สุขสงบ…
ในมณฑลเจียงซูนั้น ผู้คนต่างก็รู้กันดีว่าส่วนกลางเป็นพื้นที่ที่เจริญที่สุด ทางใต้จะมีสภาพแวดล้อมที่งดงามที่สุด ทางเหนือก็จะวุ่นวายที่สุด
ซูอานนั่งอยู่ในรถ Audi A4L ของเจียงเขาซึ่งมีราคาราวสามแสนหยวนเท่านั้น และนับเป็นของขวัญหรูหราที่สุดแล้วที่พ่อแม่ของเขามอบให้
เพื่อนนักเรียนคนอื่นๆที่มีรถนั้น ส่วนใหญ่ก็ราคาอยู่ที่ประมาณสามแสนหยวนทั้งสิ้น ครอบครัวของพวกเขาไม่ได้จัดว่าร่ำรวยอะไรนัก และเทียบไม่ได้กับฐาะของโจวเทียนห่าว และเศรษฐีคนอื่นๆเลย
ระหว่างทางที่ขับรถไปนั้น เจียงเชาก็พร่ําบ่นกับซูอานว่า “ลูกพี่ ซู! พี่เองร่ํารวยไม่ใช่น้อย ทําไมถึงไม่ซื้อรถสักคันล่ะ? เดี๋ยวนี้ใครไม่มีรถก็มันจะถูกคนอื่นดูถูกเอา!”
ซูอานเองก็มีแผนที่จะซื้อรถเช่นกัน และเมื่อเจียงเขาถามขึ้น เขาจึงตอบกลับไปทันที “ข้าก็วางแผนที่จะซื้ออยู่เหมือนกัน แต่ไม่มีเวลา!”
“ลูกพี่ซู พี่ซื้อ Ferrari 488 สิง”
เจียงเขารีบแนะนําให้ซูอานซื้อรถหรูในฝันของตนเองทันที เพราะหากซูอานซื้อเขาก็จะได้มีโอกาสได้นั่งบ้าง
“ราคาเท่าไหร่?”
“ก็ราวสามล้านหยวนขึ้นไป!”
ซูอานเหลือบเจียงเชาพร้อมตอบกลับด้วยสีหน้านิ่งเรียบ “ด้วยฐานะของข้าเวลานี้ จะซื้อก็ได้ หรือไม่ซื้อก็ได้!”
หลังจากนั้นซูอานก็เฝ้าครุ่นคิดว่าถึงเวลาที่เขาต้องหาเงินเองบ้าง แล้ว เพราะโลกใบนี้เป็นโลกแห่งเงินตรา!
ในที่สุด ทุกคนก็มาถึงภัตตาคารหรูหราที่สุดในหนานเฉิง…
ทันทีที่มาถึง พนักงานของทางร้านก็มาช่วยกันขับรถหลายคันลงไปจอดที่ลานจอดรถด้านล่าง ส่วนผู้จัดการภัตตาคารสาวสวยในชุดเครื่องแบบสีดําก็รีบเดินออกมาต้อนรับทันที
“ไม่ทราบว่าจะทานอาหารก่อน หรือว่าจะขึ้นไปสถานบันเทิงเลยดีคะ?”
เนื่องจากภัตตาคารแห่งนี้เป็นภัตตาคารที่หรูหราที่สุด นอกจากห้องรับประทานอาหารแล้ว ก็ยังแยกออกไปเป็นสถานบันเทิงในอาคารเดียวกันด้วย
“ทานอาหารก่อน!”
ผู้จัดการสาวสวยเดินนําซูอานและเพื่อนๆรวมยี่สิบกว่าคน เข้าไปที่ห้องส่วนตัวชั้นสามด้วยตัวเอง ภายในห้องมีสองโต๊ะ หลังจากที่ทุกคแยกย้ายกันนั่งแล้ว ซูอานจึงร้องบอกทุกคนว่า
“ทุกคนสั่งอาหารตามที่ต้องการได้เลย!”
จากนั้นทุกคนต่างก็สั่งอาหารที่ตนเองชื่นชอบโดยไม่สนใจราคาส่วนซูอานก็หันไปสั่งผู้จัดการสาวคนสวย “เจ้าช่วยนําไวน์ Lafte 1982 มาให้ข้าห้าขวด!”
ผู้จัดการสาวสวยถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย และรีบถามย้ำอีกครั้งให้ แน่ใจ “คุณลูกค้าหมายถึงห้าขวดใช่มั้ยคะ?”
“ถูกต้อง แล้วก็นําค็อกเทลมาเสริฟด้วย!”
“ได้ค่ะ กรุณารอสักครู่นะคะ!”
ผู้จัดการสาวสวยถึงกับยิ้มกว้างออกมา เพราะนั่นหมายถึงเงินจํานวนมาก..
หลังจากที่พนักงานเสริฟนอาหาร และไวน์ขึ้นมาเสริฟแล้ว เพื่อนๆของเขาต่างก็พากันชูแก้วไวน์ในมือขึ้น แล้วใครบางคนก็พูดขึ้นว่า
“ขอบคุณพี่ซูสําหรับอาหารเย็นมื้อนี้!”
“เชียร์!!”
ซูอานกระดกคอกเทลหนึ่งแก้วลงลําคอไป ในขณะที่เจียงเขาก็เริ่มพูดเอาใจซูอาน “ลูกพี่ซู พี่เป็นไอดอลของฉันเลยนะ!”
ระหว่างที่ฟังเจียงเชาสรรเสริญเยินยอตนเองไปนั้น ซูอานก็กระดกแก้วค็อกเทลเข้าปากไปเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้ก็เกือบยี่สิบแก้วแล้ว
“ลูกพี่ซู พี่ดื่มเก่งมากเลย ตั้งเกือบยี่สิบแก้วหน้ายังไม่แดงเลย!”
ทุกคนต่างก็กินกันไป ดื่มกันไป และคุยกันไปอย่างสนุกสนานจนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปกว่าสามชั่วโมง แต่ความสุขก็เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น เพราะที่นี่ไม่ได้มีแต่ร้านอาหาร แต่ยังมีแหล่งบันเทิงอีกมากมาย
“ลูกพี่ซู! พวกเราไปหาสาวๆดูแลต่อดีกว่า!”
เพื่อนนักเรียนหญิงคนอื่นๆได้ยินเจียงเขาพูดขึ้นก็ถึงกับหน้าแดง แต่ซูอานกลับตอบไปว่า “ทุกคนจะไปร้องเพลงก็ได้ นวดก็ได้ หรือจะไปทําอะไรก็ได้ เว้นแต่เรื่องอย่างว่า…พวกเจ้ายังเป็นแค่เด็กนักเรียน ควรมีขีดจํากัดบ้าง..”
เจียงเชายกมือขึ้นเกาศรีกษะพร้อมกับตอบไปด้วยสีหน้าเก้อเขิน “ลูกพี่ซู ฉันก็พูดสนุกๆไปอย่างนั้นเอง ต่อให้พี่ชวนฉันไป ฉันก็ไม่ไป หรอก ผู้หญิงพรรณนั้นสกปรกจะตายไป!”
จากนั้นกลุ่มของซูอานก็เลือกที่จะขึ้นไปร้องคาราโอเกะที่ชั้นหก และห้องคาราโอเกะที่นี่ก็หรูหรากว่าที่ซิง KTV มาก
เมื่อเข้าไปในห้อง เพื่อนๆของซูอานต่างก็แข่งกันโชว์พลังเสียงที่ไม่ต่างจากเสียงหมูถูกเชือดนัก…
ส่วนซูอานก็นั่งเอนกายพิงโซฟาด้วยสีหน้าสงบนิ่งเช่นเคย…
“ลูกพี่ซู พี่เอาแต่นั่งนิ่งๆไม่ร้องเพลง แล้วจะมาคาราโอเกะทําไมกัน?”
จากนั้นเพื่อนๆในห้องต่างก็พากันคะยั้นคะยอให้ซูอานร้องเพลง จนเขาเองก็ไม่อาจที่จะเลี่ยงได้อีก จึงได้แต่ตอบตกลง
“ก็ได้ แต่ต้องอย่าปิดเสียงต้นฉบับของนักร้องล่ะ!”
และเมื่อเสียงเพลงดังขึ้น ซูอานก็เริ่มร้องตามนักร้อง ที่เป็นต้นฉบับ น้ำเสียงของซูอานนั้นไม่เลวนัก เกือบจะคล้ายคลึง กับนักร้องต้นฉบับเลยทีเดียว สําหรับซูอานแล้วการเลียนเสียงผู้อื่นเป็นเรื่องที่ไม่ยากเย็นอะไรนัก!
เพื่อนๆในห้องได้แต่พากันตกตะลึง!
“โอ้โหลูกพี่ซู พี่ทําได้ยังไงเนี่ย?”
“ทั้งเก่ง ทั้งรวย ทั้งร้องเพลงเพราะ เทพบุตรชัดๆ!”
“เทพบุตร! เทพบุตร!”
เพื่อนนักเรียนหญิงต่างพากันกรีดร้องออกมา ในขณะที่เจียงเขา ก็ขยันหาเพลงให้ซูอานร้องไปเรื่อยๆ และไม่ว่าเป็นนักร้องคนไหน เขาก็สามารถร้องตามได้หมด จนเจียงเขาได้แต่จ้องมองด้วยความอิจฉา
“ลูกพี่ซู ฉันขอคาราวะให้พี่ด้วยใจจริง!”
หลังจากร้องไปหลายเพลงแล้ว ซูอานจึงหันไปบอกกับทุกว่า “พวกเจ้าร้องเพลงไปก่อน ข้าจะไปห้องน้ำ”
ซูอานเดินออกจากห้องคาราโอเกะไปถึงห้องน้ำ เขาล้างหน้าและส่องกระจกมองตัวเองด้วยความพึงพอใจ
แต่แล้วร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในกระจก…
“เจ้ามาที่นี้ได้อย่างไร?”
“นายมาที่นี่ได้ แล้วฉันมาไม่ได้หรือยังไง?”
ซูเหวินเจียนจ้องมองซูอานด้วยสายตาเย็นชา และแววตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้น!
“ข้าไม่ได้หมายถึงว่าเจ้ามาที่ภัตตาคารแห่งนี้ได้อย่างไร? แต่ข้าหมายถึงว่าเจ้าเข้ามาในห้องนี้ได้อย่างไรต่างหาก ที่นี่เป็นห้องน้ำ ชายเจ้าไม่รู้หรอก”
“ฉันก็ต้องรู้อยู่แล้ว แต่ฉันมาที่นี่เพราะต้องมารอดูนายคุกเข่าขอร้องฉันยังไงล่ะ!”
ใบหน้าของซูอานเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที เขาเดินไปเป่ามือให้แห้ง และคร้านที่จะใส่ใจกับหญิงสาวเช่นนี้!
“คิดจะออกไปจากห้องนี้ง่ายๆงั้นเรอะ?”
ซือเหวินเจียนจัดการถอดเสื้อคลุมของตัวเองออก จากนั้นก็จัดการฉีกกางเกงชั้นในของตนเองขาด พร้อมกับวิ่งเข้าไปกอดซูอานในขณะที่ปากก็ร้องตะโกนออกไปว่า
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! มีคนลวนลามฉัน!”