ย้อนชีวิตพิชิตเซียน - ตอนที่ 4 : ข้าไม่กลัว
บทที่ 4 : ข้าไม่กลัว
หลังจากที่ซูอานเดินจากไป ซูปิงเซียนก็มองตามแผ่นหลังของเขาไป ก่อนจะเดินไปนั่งตัวแข็งไม่ขยับเขยื้อนอยู่บนโซฟาหนังราวกับเป็นอัมพาต
“พ่อครับ แล้วพวกเราจะทำยังไงกันดี?”
ซูเทียนหลุนถามพ่อของเขาด้วยสีหน้ากระวนกระวายใจ เขาเองก็รู้จักโจวเทียนห่าวดี และรู้ว่าโจวเทียนห่าวจะไม่ยอมปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปเฉยๆแน่
“ไม่ต้องห่วง พวกเราตัดขาดกับซูอานแบบนี้ โจวไห่หวงคงไม่มารังควานครอบครัวของเราแน่!”
ทันทีที่คำพูดของซูปิงเซียนจบลง ก็เสียงรถก็แล่นเข้ามาจอดอยู่หน้าบ้านทันที เมื่อมองผ่านหน้าต่างภายในบ้านออกไป ก็เห็นชายร่างกำยำมีรอยสักตามตัวกำลังยืนเคาะประตูรั้วเสียงดัง
“นี่! เปิดประตูเดี๋ยวนี้! ถ้าไม่เปิดพวกเราจะพังประตูเข้าไปเดี๋ยวนี้ล่ะ!”
ซูปิงเซียนรีบลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตูให้ทันที พร้อมกับถามขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “นี่พวกแกมากันกี่คน?”
“เปิดประตูก็รู้เองล่ะน่า!”
“แต่ซูอานไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว พวกเราไล่เขาออกจากบ้านไปตั้งนานแล้ว!”
จางกุ้ยเหวินรีบร้องตะโกนย้ำอีกที “จริงๆ เจ้าเด็กนั่นไม่ได้อยู่ที่นี่นานแล้ว พวกเราเองก็ไม่ได้พบเจอมันมานานมากเหมือนกัน!”
ชายที่เป็นหัวหน้าจ้องตาซูปิงเซียนพร้อมกับพูดขึ้นว่า “หึ! ฉันจะเชื่อว่าพวกแกพูดจริงก็ต่อเมื่อให้ฉันกับลูกน้องเข้าไปค้นในบ้านก่อน!”
“นี่! ที่นี่เป็นบ้านคนนะ เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ถ้าพวกแกกล้าบุกเข้ามา ฉันโทรแจ้งตำรวจจริงๆ!” จางกุ้ยเหวินร้องตะโกนออกไป
คนที่เป็นหัวหน้าได้ยินจึงพูดท้าทายว่า “อยากเจอดีก็ลองโทรแจ้งตำรวจดูสิ!”
ซูปิงเซียนรีบห้ามภรรยาไว้ทันที และพยายามพูดคุยกับนักเลงที่มาด้วยความใจเย็น “พวกแกเข้าไปค้นในบ้านก็ได้ แต่ห้ามทำลายข้าวของเสียหาย”
นักเลงทั้งหมดเข้าไปค้นภายในบ้านทันที บ้านหลังนี้มีทั้งหมดสามชั้น พวกมันค้นหาจนทุกซอกทุกมุมไม่ว่าข้างในหรือข้างนอก
“อย่าให้พวกเราจับได้ว่าพวกแกแอบเอามันไปซ่อนไว้ที่ไหนล่ะ ไม่งั้นพวกแกไม่รอดทั้งครอบครัวแน่!”
“ถ้าเขากลับมาที่บ้านอีก พวกเราจะรีบแจ้งทันที!”
หลังจากที่ค้นไม่พบตัวซูอาน เหล่านักเลงชายฉกรรจ์จึงกลับออกไป ทุกคนในบ้านถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“เห้ย.. เพราะไอ้เด็กสารเลวนั่นแท้ๆ ทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนกันไปหมด!”
จางกุ้ยเหวินที่เกลียดซูอานเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เวลานี้ซูอานได้นำเรื่องเดือดร้อนใหญ่โตมาให้พวกเขามากมายขนาดนี้ มีหรือจะไม่ยิ่งโกรธเกลียดมากขึ้นไปอีก
“แต่จะว่าไปเกิดเรื่องแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน!”
ซูปิงเซียนยกแก้วน้ำขึ้นจิบพร้อมกับเอนหลังพิงที่โซฟาด้วยท่วงท่าสบาย
“ดีอะไรกัน?” จางกุ้ยเหวินค้านขึ้นทันที
“จะไม่ดีได้ยังไง? คุณคิดดูสิ อีกไม่เท่าไหร่เด็กนั่นก็จะอายุครบสิบแปดปีพอดี หลังจากนั้นพวกเราก็จะไม่ได้รับเงินค่าเลี้ยงดูแล้ว ผมเองก็กำลังคิดอยู่ว่าจะหาวิธีไหนไล่มันออกจากบ้านดี ในเมื่อมันไปสร้างปัญหาใหญ่โตแบบนี้ ก็เท่ากับช่วยให้ผมไม่ต้องเสียเวลาครุ่นคิดยังไงล่ะ!”
ซูปิงเซียนอธิบายให้ภรรยาของเขาฟังด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และเวลานี้เขาก็อารมณ์ดีอย่างมากด้วย
เมื่อจางกุ้ยเหวินได้ฟังสามีอธิบายก็สามารถเข้าใจได้ทันที และเมื่อเริ่มสงบสติอารมณ์ได้ ก็เอ่ยปากชมสามีทันที
“แหม.. คุณก็ยังคงฉลาดเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน!”
….
ซูอานเดินไปตามท้องถนนปะปนกับผู้คนที่เดินสวนไปสวนมา ท่ามกลางผู้คนมากมายแต่เขากลับไม่รู้จักใครสักคน อีกทั้งยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี
ความจริงแล้วเขาสามารถรักษาอาการบาดเจ็บที่มือของตนได้ไม่ยาก เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่มีพลังชีวิตหลงเหลืออยู่เลย อีกทั้งไม่รู้ด้วยว่าในเมืองที่ใหญ่โตเช่นนี้ เขาจะไปเสาะหาพลังชีวิตนี้ได้จากที่ใด?
“เวลานี้สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องเร่งรักษาบาดแผลนี้เสียก่อน!”
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซูอานจึงเริ่มมองหาคลินิกไปตามถนนที่ตนเดินผ่าน เขาไม่กล้าที่จะไปตามโรงพยาบาลใหญ่ๆ เพราะเกรงว่าจะถูกคนของโจวไห่หวงพบเข้า
แต่ตลอดเส้นทางที่เขาเดินไปนั้น กลับไม่มีคลินิกเลยแม้แต่ร้านเดียว เขาพบเพียงแค่ร้านขายยาสองสามร้านเท่านั้น แต่ร้านขายยาเหล่านี้ก็ขายแค่พลาสเตอร์ปิดแผลตามผิวหนังเท่านั้น ไม่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของเขาในตอนนี้ได้
ระหว่างที่ซูอานยังคงเดินไปอย่างไร้จุดหมายนั้น มือของเขาก็เริ่มบวมเปล่ง แล้วจู่ๆเขาก็เหลือบไปเห็นโฆษณาที่ติดไว้ตามตู้โทรศัพท์สาธารณะเข้าโดยบังเอิญ
คลินิคจินเหลารักษาได้ทุกโรค ตั้งแต่ซิฟิลิส บาดแผลถูกยิงมา กระดูกหัก ภาวะมีบุตรยาก… รับรองว่าหายขาด หากไม่หายยินดีคืนเงิน!
ทันทีที่เห็นคำว่าบาดแผลจากการถูกยิงและกระดูกหัก ซูอานก็รีบฉีกเอาที่อยู่ของคลินิกแห่งนั้นออกมาทันที
แม้ว่าเขาจะรู้ได้จากความทรงจำของเด็กหนุ่มผู้นี้ว่า โฆษณาที่เกินจริงนี้ล้วนเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งเพ แต่เขาก็หมดหนทางและไม่มีที่ไปแล้ว จึงจำต้องทดลองดู
หลังจากที่เดินไปตามถนนซอมซ่อและตรอกซอยเล็กๆแล้ว ในที่สุดซูอานก็มาถึงคลินิกที่ชื่อจินเหลา
คลินิกแห่งนี้เป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆที่สร้างจากไม้ และมีประตูเก่าแทบจะพังมิพังแหล่ที่ปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง ภายในมีสภาพไม่ต่างจากหลุมขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอับ คล้ายกับไม่เคยถูกแสงอาทิตย์มานาน
ซูอานยืนสงบนิ่งอยู่ด้านนอกครู่หนึ่ง จากนั้นจึงยกมือขึ้นเคาะประตู แล้วเสียงร้องตะโกนก็ดังขึ้นมาจากด้านใน
“เชิญเข้ามาได้เลย”
ซูอานผลักประตูเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่ประตูที่ผุพังทรุดโทรมมากนั้นก็หลุดติดมือเขาออกมาทันที ซูอานถึงกับทำหน้าไม่ถูก
“ไม่เป็นไร.. ไม่เป็นไร.. เดี๋ยวฉันจัดการซ่อมเอง”
เมื่อซูอานเข้าไปด้านใน เขาก็ยิ่งได้กลิ่นเหม็นอับรุนแรงขึ้น แม้แต่เขาที่มีสมาธิค่อนข้างดีกว่าคนทั่วไป ยังแทบไม่สามารถทนกลิ่นเหม็นนี้ได้
“ว่ายังไงล่ะพ่อหนุ่ม! จะมารักษาซิฟิลิสหรือกามโรค?”
ชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งเอนกายอยู่บนเก้าอี้ ร้องถามซูอานโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยซ้ำไป สายตาของชายผู้นั้นยังคงจับจ้องอยู่ที่โทรศัพท์มือถือในมือ และทำเสียงครางแปลกๆเป็นครั้งคราว
“กระดูนิ้วข้าหัก!”
ซูอานได้แต่แอบคิดอยู่ในใจว่า ‘หมอจินผู้นี้ช่างคล้ายคลึงกับจินซุ่มซ่ามนัก’
ชายผู้นั้นเหลือบมองซูอานเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า “เดินออกไป เลี้ยวขวา ห้องที่สาม!”
ซูอานพยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วรีบเดินไปตามทางที่ชายผู้นี้บอกทันที เขารู้สึกว่าที่นี่ดูดีกว่าร้านเมื่อครู่มาก แม้จะเก่าทรุดโทรม แต่ก็ให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
ที่หน้าประตูมีบอนไซต้นเล็กๆตั้งอยู่ และตามทางเดินแคบๆนั้นก็มีชายชรากำลังรำไท่เก๊กอยู่ด้วย
ซูอานจ้องมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น และเหตุผลที่เขาต้องหยุดยืนดูนั้น ก็เพราะท่วงท่าการเคลื่อนไหวของชายชราผู้นี้ช่างคล้ายคลึงกับสหายเก่าของเขายิ่งนัก
สหายของเขาผู้นี้ก็คือทายาทแห่งจอมเทพโอสถผู้สามารถปรุงยาอายุวัฒนะได้!
ยังไม่ทันที่ซูอานจะได้พูดอะไร ชายชราก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วสายตาของทั้คู่พลันสบกันเข้าพอดี
“จะมารักษาแผลถูกยิง หรือว่ากระดูกหักล่ะ?”
“กระดูกหัก!”
“อ่อ.. ถ้างั้นก็ตามฉันมา!”
ชายชราเปิดประตูบ้านเข้าไป เขาหยิบเสื้อคลุมสีขาวขึ้นมาสวม แล้วภาพของชายชราธรรมดาก็เปลี่ยนเป็นหมอผู้สูงอายุทันที
“กระดูกหักตรงไหนล่ะ?”
“ที่มือ”
ใบหน้าของซูอานเต็มไปด้วยความระแวดระวัง เพราะเขาสัมผัสได้ว่าลมหายใจของชายชรานั้นคล้ายมีพลังชีวิตปะปนอยู่ด้วย ทำให้เขาเริ่มระมัดระวังตัว
“ทำตัวให้ผ่อนคล้าย ไม่ต้องเกร็ง แล้วก็ไม่ต้องกลัว”
หมอสูงอายุผู้นี้มีใบหน้าที่อ่อนโยน เขาจ้องมองใบหน้าของซูอานด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แต่ระหว่างที่ตรวจอาการให้กับซูอานนั้น สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นนิ่งขรึมทันที
“เธอได้รับบาดเจ็บขนาดนี้ได้ยังไง?”
“ข้าไปชกผู้อื่นมา”
ลูกนัยน์ตาของชายชราถึงกับสั่นระริก พร้อมกับถามขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ “เธอชกเข้าที่ใหนของเขาล่ะ?”
“ใบหน้า”
สีหน้าของหมอชราย่นลองคล้ายรู้สึกเจ็บปวดไปด้วยอย่างไร้เหตุผล เพราะขนาดมือของเด็กหนุ่มผู้นี้ยังยับเยินถึงขนาดนี้ ใบหน้าของคนผู้นั้นจะเละเทะขนาดไหนกัน?
“อาการบาดเจ็บของเธอก็ไม่ได้หนักหนาอะไรนัก แต่ที่คลินิกมีเครื่องไม้เครื่องมือค่อนข้างจำกัด ฉันคงรักษาได้แค่ตามอาการเท่านั้น”
“มีวิธีใดที่จะรักษาให้หายโดยเร็วที่สุดหรือไม่? ข้าต้องการหายโดยเร็วที่สุด!”
ซูอานจ้องลึกลงไปในดวงตาของหมอชราด้วยความหวังเต็มเปี่ยม แต่ดูเหมือนจะเป็นสายตาบีบบังคับเสียมากกว่า
หมอชราเอนกายพิงพนักเก้าอี้ เขามีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้มานานหลายสิบปี แต่ไม่เคยพบเห็นใครแม้กระทั่งระดับชนชั้นนำของเมืองนี้ ที่มีแววตาสง่างามอาจหาญเหมือนเช่นซูอานมาก่อนเลย
แววตาของซูอานนั้นไม่ได้ดุดันดังเช่นปีศาจ แต่มันล้ำลึกราวกับท้องนภาที่มีดวงดาวทอแสงระยิบระยับเกลื่อนกลาด คล้ายกับอสูรที่อาศัยอยู่ในโลกนี้มานานแสนนาน
“วิธีที่จะทำให้หายเร็วที่สุดน่ะมี แต่ฉันเกรงว่าเธอจะไม่กล้าน่ะสิ!”
“ข้าไม่เคยกลัวสิ่งใด!”
“มันลำบากมากเชียวนะ!”
สีหน้าของหมอชราเปลี่ยนเป็นขึงขังจริงจังขึ้นมาทันที คล้ายกำลังจะบอกว่าเขาไม่ได้พูดเล่น
“ข้าบอกว่าข้าไม่เคยกลัวสิ่งใด!”
น้ำเสียงของซูอานเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที เขาเองก็ไม่ได้ล้อเล่นเช่นกัน จากการมีชีวิตที่ยืนยาวนั้น ทำให้เขาเคยผ่านความเจ็บปวดมานับครั้งไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการถูกบดจนกระดูกแตกละเอียด หรือการถูกเผาด้วยเปลวเพลิง สิ่งเหล่านั้นยังไม่สามารถทำให้เขาหวาดกลัวแม้เพียงกระพริบตา
*****
[ฝากนิยายแปลอีกเรื่องของทีมงานนะคะ: จักรพรรดิ์เทพมังกร ]
จักรพรรดิเทพมังกร
(Dragon Emperor – Martial God)
ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด
จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..
******