ย้อนชีวิตพิชิตเซียน - ตอนที่ 39 : สัญญาที่ไม่เป็นธรรม
บทที่ 39 : สัญญาที่ไม่เป็นธรรม
เว่ยฉีหยวนพยายามที่จะปกปิดความหวาดกลัวภายในใจของตัวเอง และพยายามทำเป็นนิ่งขรึม เพราะรู้ดีว่าหากตนแสดงความหวาดกลัวออกมาให้เห็น อีกฝ่ายจะยิ่งได้ใจและเหิมเกริมมากขึ้น
เวลานี้ฐานะของเขาซึ่งเป็นบุตรชายของเว่ยพังเฉิง ประธานใหญ่แห่งเว่ยฉีกรุ๊ป จึงเสมือนฟางเส้นสุดท้ายที่จะพาให้เขารอดพ้นอันตรายในครั้งนี้ไปได้
และเพียงแค่เอ่ยชื่อของเว่ยพังเฉิงนั้นก็มากพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องอธิบายถึงฐานะของเขาด้วยซ้ำไป เพราะชื่อเสียงของเว่ยพังเฉิงนั้น หากจะเทียบแล้วยังนับว่าเหนือกว่าฉีไคเล่ยมาก !
ฉีไคเล่ยเป็นเพียงนักธุรกิจธรรมดาทั่วไป เพียงแค่ฐานะของเว่ยฉีหยวนก็นับว่าเหนือกว่าฉีไคเล่ยแล้ว
อีกทั้งผู้คนทั่วทั้งเจียงโจวยังให้ฉายาเว่ยพังเฉิงว่า ‘เพชรฆาต’ อีกด้วย !
“เลิกยุ่งกับเจ้า แล้วก็เลิกแล้วต่อกัน ..” ซูอานทำเสียงหยอกเย้าราวกับว่ากำลังพูดคุยอยู่กับเด็กเล็ก
เว่ยฉีหยวนทำหน้าตาท่าทางหยิ่งผยองพร้อมกับถามขึ้นว่า “ตอนนี้รู้จักพ่อของฉันแล้วสินะ ?”
“ข้ารู้ .. เขาคือประธานของบริษัทเว่ยฉีกรุ๊ป”
เว่ยฉีหยวนได้ยินเช่นนั้น จึงรีบบอกกับซูอานต่อทันที “หึ ! พ่อของฉันยังมีฉายาว่าเพชรฆาตอีกด้วย !”
“เพชรฆาตงั้นรึ ?” ซูอานพูดออกมาแล้วนิ่งไปเล็กน้อย
“ใช่แล้ว ! ฉันขอแนะนำให้แกรีบๆออกไปจากที่นี่ซะ ไม่อย่างนั้นแกอาจต้องตายในสภาพศพไม่สวยแน่ !”
เว่ยฉีหยวนสงบลงมาก เพราะคิดว่าซูอานจะต้องเกรงกลัวเมื่อได้ยินชื่อของเว่ยพังเฉิงจนไม่กล้าทำอะไรตนแน่ และเวลานี้เขาก็เชื่อว่าชื่อของพ่อเขานั้นสามารถสะกดซูอานให้หวาดกลัวได้ !
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งก็ได้เดินตรงเข้าไปหาซูอาน พร้อมกับยกมือขึ้นชี้หน้าเขาและพูดข่มขู่ทันที
“ถ้าแกกล้าแตะต้องคุณชายเว่ยแม้แต่เส้นผม รับรองว่าท่านประธานเว่ยต้องฆ่าแกตายแน่ !”
“นั่นสิ !”
“ฮ่า .. ฮ่า ..”
ซูอานได้แต่ยิ้มสมเพชให้กับคนโง่เขลาเหล่านี้ แต่เมื่อทุกคนได้เห็นสีหน้าและรอยยิ้มของซูอาน พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่า ซูอานไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย !
เว่ยฉีเหยวนเห็นเช่นนั้นจึงรีบระล่ำระลักพูดออกมาด้วยความกระวนกระวายใจ “พ่อ .. พ่อของฉันรู้จักกับอาจารย์ที่มีวรยุทธเก่งกาจมากมาย แกอย่าคิดว่าตัวเองมีฝีมือกระจอกๆแค่นี้ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องกลัวใครอีก !”
“เอาล่ะ .. ฉันเองก็ไม่ใช่คนเรื่องมากอะไร แกเองก็ทำร้ายคนของฉันไปตั้งมากมาย ถ้าแกเลิกยุ่งกับฉันตอนนี้ ปัญหาระหว่างเราถือว่าเป็นอันจบ ฉันก็จะไม่ยุ่งกับแกอีก !”
ดูเหมือนว่าเว่ยฉีหยวนจะมั่นใจในชื่อของเว่ยพังเฉิงยิ่งนัก เขาไปเรียนต่างประเทศมานาน และเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน แต่ในระยะเวลาสั้นที่กลับมานั้น เขาก็ได้เรียนรู้ว่าชื่อเสียงของพ่อเขานั้น สามารถทำให้ผู้คนเกรงขามได้มากเพียงใด
“คุณชายเว่ย .. จะปล่อยมันไปง่ายๆแบบนั้นได้ยังไง อย่างน้อยก็ต้องให้มันคุกเข่าขอโทษคุณชายก่อน !” ผูุ้ถือหุ้นอีกคนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก
ปัง !
สีหน้าของซูอานเปลี่ยนเป็นเย็นชามากขึ้นกว่าเดิม เขาทุบกำปั้นลงบนโต๊ะประชุมเสียงดัง และทุกคนในห้องต่างก็ตกใจจนแทบช็อค !
ซูอานจ้องมองผู้ถือหุ้นที่พูดขึ้นมาเมื่อครู่ จากนั้นจึงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก “เจ้าต้องการให้ข้าจับโยนออกจากห้องประชุมหรือไม่ ?”
ผู้ถือหุ้นรายนั้นถึงกับหน้าเจื่อน ใบหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจกลัว พร้อมกับโบกมือไปมาและระล่ำระลักตอบไปว่า
“มะ .. มะ .. ไม่ .. ไม่ ..”
ซูอานยกขาข้างหนึ่งขึ้นยันเข้ากับกำแพง พร้อมกับประกาศกร้าวว่า “หากพวกเจ้าในที่นี้มีผู้ใดไม่พอใจ ก็พูดออกมา ข้าจะจัดการแก้ปัญหาให้ทันที !”
ทั่วทั้งห้องประชุมเงียบกริบ ไม่มีเสียงพูดเล็ดลอดออกมาแม้แต่คำเดียว บางคนถึงกับกลั้นหายใจ บางคนถึงกับไม่กล้าไอออกมา เวลานี้ไม่มีใครในห้องกล้าทำเสียงดังออกมาเลยแม้แต่คนเดียว แม้แต่เว่ยฉีหยวนยังได้แต่นิ่งเงียบไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาเช่นกัน !
ซูอานหันไปมองเว่ยฉีหยวนพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ .. เลิกพูดเรื่องของพ่อเจ้าให้ข้าฟังได้แล้ว เพราะเรื่องนี้ป็นเรื่องระหว่างข้ากับเจ้าเท่านั้น !”
เว่ยฉีหยวนพยักหน้าหงึกๆ เขาไม่กล้าแสดงความจองหองอีกเลย เพราะต่อให้พ่อของเขาเป็นเซียน ก็คงจะไม่สามารถโผล่มาช่วยเขาไว้ได้ทันแน่ ! เว่ยฉีหยวนจึงได้แต่ทำตัวสงบเสงี่ยมไม่กล้าทำให้ซูอานโมโหอีก
ซูอานหันไปทางฉีเสี่ยวจือ จากนั้นจึงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้ารู้สึกดีขึ้นแล้วหรือไม่ ?”
ฉีเสี่ยวจือไม่ตอบ ได้แต่พยักหน้าแดงก่ำของตนแทน
เวลานี้ฉีเสี่ยวจือรู้สึกงุนงงสับสนอย่างมาก เพราะเธอไม่รู้จักซูอานเป็นการส่วนตัว และไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดซูอานจึงได้เข้ามาช่วยเธอเช่นนี้ ?
อีกทั้งการที่ซูอานจัดการกับลูกน้องทั้งเก้าคนของเว่ยฉีหยวนเมื่อครู่นั้น ทำให้เธอรู้สึกทึ่งและตกตะลึงยิ่งนัก และได้แต่คิดว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเธอนั้นเหตุใดจึงได้เก่งกาจถึงเพียงนี้ ?
“ในเมื่อเจ้าดีขึ้นแล้ว .. ตอนนี้ข้าก็จะช่วยเจ้าจัดการกับปัญหาเรื่องบริษัทให้ และจากนี้ไปข้าจะเป็นตัวแทนของเจ้า !”
ฉีเสี่ยวจือถึงกับชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าซูอานจะช่วยเธอจัดการกับปัญหาภายในบริษัท !
ซูอานไม่สนใจท่าทีงุนงง และตกตะลึงของฉีเสี่ยวจือ เขาเหมาเอาว่าท่าทางของเธอนั้นหมายถึงการยอมรับ จึงหันกลับไปประกาศต่อหน้าทุกคนว่า
“พวกเจ้าทุกคนฟังให้ดี ! เวลานี้ข้าคือตัวแทนของท่านประธานฉีแล้ว ฉะนั้น .. ข้ามีอำนาจเต็มที่ในการจัดการแก้ปัญหา และข้อถกเถียงระหว่างผู้ถือหุ้น รวมถึงปัญหาระหว่างเว่ยฉีกรุ๊ปกับยู๋ไห่กรุ๊ปด้วย !”
สีหน้าของผู้ถือหุ้นที่อยู่ภายในห้องถึงกับเปลี่ยนไปทันที แม้เขาจะไม่รู้ว่าซูอานกำลังคิดที่จะทำอะไรกันแน่ แต่ด้วยสัญชาติญาณ .. พวกเขารู้ได้ทันทีว่าต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
ซูอานหันไปมองบรรดาผู้ถือหุ้นด้วยสีหน้าเย็นชา ก่อนจะตำหนิทุกคนเสียงดัง “พวกเจ้าทั้งหมดเป็นถึงกรรมการของบริษัท แต่กลับเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว จนยอมตกเป็นทาสรับใช้ของผู้อื่น !”
กลุ่มผู้ถือหุ้นทั้งหมดต่างก็อยากจะตอบโต้ และปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นกำปั้นของซูอานที่กำอยู่บนโต๊ะ ทุกคนต่างก็เลือกที่จะเงียบแทน และไม่มีใครกล้าพูดอะไร
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราจึงได้ตกลงและเห็นพ้องต้องกันว่า ให้พวกเจ้าทั้งหมดคืนหุ้นในมือทั้งหมดให้กับประธานฉีโดยคิดมูลค่า !”
ผู้ถือหุ้นทั้งหมดภายในห้องต่างก็จ้องมองซูอานด้วยความตกใจ แต่ถึงแม้ว่าจะหวาดกลัวซูอานมากเพียงใด พวกเขาก็ไม่อาจทนนิ่งเฉยต่อไปได้อีก
“ฉันไม่ยอม !”
“ฉันก็ไม่ยอมเหมือนกัน !”
“ใช่ ! ถ้าไม่ยอมแล้วแกจะฆ่าพวกเราหรือยังไง ?”
ซูอานจ้องมองท่าทีต่อต้านของเหล่าผู้ถือหุ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นจึงเดินเข้าไปคว้าคอเสื้อของผู้ถือหุ้นคนหนึ่งไว้พร้อมกับกดร่างของเขาลงบนโต๊ะประชุม แล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เจ้าไม่เห็นด้วยกับข้าใช่หรือไม่ ?”
ผู้ถือหุ้นคนนั้นถึงกับสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง แต่ก็ยังคงไม่ยอมอ่อนข้อให้กับซูอาน “ถ้าแกกล้าทำร้ายร่างกายฉัน ฉันจะฟ้องแกข้อหาทำร้ายร่างกาย !”
“จะฟ้องข้างั้นรึ ? เช่นนั้นเจ้าก็ลิ้มรสหมัดของข้าดู !”
ซูอานชกหมัดของตนลงไปบนโต๊ะไม้เฉียดศรีษะของผู้ถือหุ้นคนนี้ไปเล็กน้อย แล้วโต๊ะบริเวณใกล้กับศรีษะของเขาก็กลายเป็นรูขนาดเท่ากำปั้นในทันที !
ผู้ถือหุ้นรายนั้นถึงกับแขนขาอ่อนแรงในทันที และริมฝีปากที่ซีดเซียวนั้นก็รีบขยับตอบซูอานทันที
“ฉันยอมแล้ว !”
“แต่ฉัน .. ฉันไม่ยอม !”
และหมัดของซูอานก็ทำให้โต๊ะประชุมไม้กลายเป็นรูใหญ่อีกครั้ง คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันในระหว่างที่ถามออกไปว่า
“เจ้าจะยินยอมหรือไม่ ?”
“ฉัน…”
ผู้ถือหุ้นรายนี้แทบจะร้องไห้ออกมา และเวลานี้เขาก็หวาดกลัวจนปัสสาวะราด พร้อมกับครุ่นคิดว่าหากเขายังไม่ยอมตกลง ครั้งนี้หมัดของซูอานจะต้องทุบเข้ากับศรีษะของตนเองแน่ จึงได้แต่ตอบกลับไปว่า
“ตก .. ตกลง !”
ซูอานยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ .. จากนั้นจึงหันไปมองผู้ถือหุ้นคนอื่นๆที่เหลือ สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจและหวาดกลัว บ่งบอกว่าไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว ..
ซูอานก้มลงมองไปที่พื้น พร้อมกับตะโกนถามผู้ถือหุ้นอีกหนึ่งคนที่กำลังคลานหนีออกจากห้อง “เจ้าจะไปไหน ?”
“หากข้าไม่อนุญาต ห้ามผู้ใดออกจากห้องทั้งนั้น !”
จากนั้นซูอานก็หันไปทางเจียงเจิ้งไล๋ และสั่งให้เขาไปร่างสัญญาโอนหุ้นมาให้กรรมการทั้งหมดเซ็นต์ หลังจากที่ได้สัญญามาแล้ว ซูอานก็ให้เลขาสาวนำไปให้มอบให้กับกรรมการทุกคนภายในห้อง แต่ละคนรับสัญญามาด้วยมือที่สั่นเทา
เวลานี้ผู้ถือหุ้นที่ไร้ยางอายพวกนี้ ไม่เพียงไม่ได้รับผลประโยชน์ที่ตนเองคาดหวังไว้ แต่กลับต้องมาเสียหุ้นที่ตนเคยถือครองให้กับฉีเสี่ยวจืออีกด้วย
ทุกคนได้แต่จำใจลงนามในสัญญาที่ไม่เป็นธรรมของซูอาน แม้จะไม่เต็มใจ แต่ก็ต้องเซ็นต์อยู่ดี