ย้อนชีวิตพิชิตเซียน - ตอนที่ 31 : ผู้มีพระคุณ
บทที่ 31 : ผู้มีพระคุณ
กลุ่มคนที่พากันเดินออกจากภัตตาคารมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลนั้น เคลื่อนที่ไปอย่างเชื่องช้า ซูอานค่อยๆเดินทอดน่องไปอย่างสบายใจ จนกระทั่งฮั๋วเว่ยเฟิงที่เดินตามหลังไปอย่างร้อนใจต้องเอ่ยปากว่า
“คุณช่วยเดินให้เร็วกว่านี้หน่อยจะได้มั๊ยครับ ? ชีวิตของลูกผมกำลังอยู่ในอันตราย !”
ฮั๋วเว่ยเฟิงไม่กล้าที่จะพูดไม่ดีกับซูอานอีก เพราะเวลานี้ซูอานเสมือนฟางเส้นสุดท้ายสำหรับเขา ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจะใช้ปืนจ่อหัวซูอาน แต่ตอนนี้กลับยังจะข่มขู่ให้เขาไปช่วยลูกสาวของตนอีกอย่างนั้นหรือ ?
ซูอานตอบกลับเสียงเบา “ไม่ต้องรีบร้อนไปนัก ปล่อยให้เกายั่วเต๋อเต้นเร่าๆต่ออีกสักพัก !”
คำพูดของซูอานบ่งบอกชัดเจนว่า ที่เขาจงใจเดินอย่างเชื่องช้าราวกับหอยทากนั้น แท้ที่จริงแล้วต้องการกลั่นแกล้วเกายั่วเต๋อให้ร้อนอกร้อนใจเล่นอีกสักพัก
เมื่อซูอานและคนอื่นๆไปถึงห้องผ่าตัด เกายั่วเต๋อก็วิ่งออกมาพอดี และทรุดลงไปกับพื้นอย่างท้อแท้สิ้นหวัง
เมื่อเห็นท่าทางของเกายั่วเต๋อ ฮั๋วเว่ยเฟิงก็รู้ทันทีว่าสถานการณ์ในห้องผ่าตัดนั้นต้องไม่ดีแน่ จึงร้องตะโกนออกไปด้วยความโมโห
“เกิดอะไรขึ้น ?! เกิดอะไรกับลูกสาวของฉัน ?”
เกายั่วเต๋อตกใจจนแทบช็อคเมื่อเห็นว่าฮั๋วเว่ยเฟิงกลับมาแล้ว เพราะนั่นย่อมหมายถึงชีวิตของเขาที่จะต้องสั้นลง !
แต่เมื่อเห็นซูอานเดินเคียงข้างฮั๋วเว่ยเฟิงเข้ามาด้วย เขาก็ถึงกับกระโดดลุกขึ้นจากพื้นทันที !
“ซูอาน ! แกมาดูให้เห็นกับตาว่าสิ่งที่แกทำลงไปส่งผลยังไงบ้าง ?”
ซูอานไม่สนใจเกายั่วเต๋อที่ร้องตะโกนออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด เขามองเกายั่วเต๋อไม่ต่างจากอากาศธาตุ
เกายั่วเต๋อไม่ยอมหยุดอยู่เพียงเท่านั้น เขายังร้องตะโกนต่อด้วยเสียงอันดังว่า “ที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้ก็เพราะแก ! ถ้าเมื่อครู่แกไม่ขวางทาง คุณหนูว่านว่านก็คงไม่เป็นแบบนี้ !”
ทันทีที่ซูอานได้ยินคำกล่าวหาของเกายั่วเต๋อ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นขุ่นเคืองทันที และตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ขวางทางงั้นรึ ? เจ้าอย่าได้พูดจาเพ้อเจ้อ ข้าว่าเป็นเจ้าตัดโดนเส้นเลือดใหญ่ของนางต่างหากเล่า นางถึงได้เลือดไหลไม่หยุดเช่นนี้”
เกายั่วเต๋อถึงกับหน้าเปลี่ยนสีทันที และรีบระล่ำระลักตอบกลับไปว่า “แกอย่ามากล่าวหากันอย่างนี้นะ ฉันไม่ได้ตัดโดนเส้นเลือดใหญ่เลยแม้แต่น้อย !”
“เจ้าเป็นถึงประธานโรงพยาบาลเจียงโจว แต่เพียงแค่เลือดไหลไม่หยุดกลับไม่สามารถแก้ไขได้”
ซูอานทำเสียงเย้นหยันพร้อมกับพูดต่อว่า “จะเป็นไปได้อย่างไรกันที่ข้าพูดคุยไม่ถึงสามนาที กลับทำให้นางเกิดอาการเลือดไหลไม่หยุดได้เชียวหรือ ? เจ้าเป็นหมอประเภทใดกันแน่ถึงได้วินิจฉัยไม่ถูก ?”
เกายั่วเต๋อถึงกับนิ่งอึ้งไปเมื่อได้ยินคำถามของซูอาน และได้แต่คิดว่า จริงดังที่ซูอานพูด เพราะเพียงแค่ล่าช้าสองสามนาที ไม่น่าเป็นเหตุให้เลือดไหลไม่หยุดรุนแรงได้ถึงเพียงนั้น
หรือเป็นเพราะความผิดพลาดของตัวเขาเองอย่างนั้นหรือ ?
ไม่ ! เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน !
เกายั่วเต๋อถึงกับใจสั่นอย่างรุนแรง หน้าผากของเขามีเหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นมาเต็มไปหมด สีหน้าซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด
“นี่แก .. แกอย่ามาใส่ร้ายฉันนะ ! ที่คุณว่านว่านตายก็เพราะแกต่างหากล่ะ !”
ทันทีที่ฮั๋วเว่ยเฟิงได้ยินเกายั่วเต๋อพูดคำว่า ‘ตาย’ เขาก็ตรงเข้าไปเตะเกายั่วเต๋อทันที
“นี่แกพูดบ้าอะไรกัน ? ลูกสาวของฉันตายแล้วงั้นเหรอ ?”
เกายั่วเต๋อรู้ตัวว่าทำผิดพลาดไปจึงรีบเปลี่ยนคำพูดทันที “ท่านประธานฮั๋วครับ ได้โปรดให้อภัยผมด้วย ผมใช้คำพูดผิดไปเพราะโมโหมากไปหน่อย คุณหนูว่านว่านแค่อยู่ในขีดอันตราย แต่ชีพจรยังเต้น และยังหายใจอยู่ครับ !”
เมื่อได้ฟังคำอธิบายของเกายั่วเต๋อ ฮั๋วเว่ยเฟิงก็สงบลงในทันทีพร้อมกับจ้องหน้าเกายั่วเต๋อ และตะโกนใส่หน้าว่า
“แกมันไร้ประโยชน์จริงๆ แต่ถ้าลูกสาวของฉันรอด ฉันจะไว้ชีวิตแก !”
ซูอานไม่สนใจเกายั่วเต๋อ และเดินตรงเข้าไปในห้องผ่าตัดทันที และครั้งนี้เขาตรงเข้าไปอย่างรวดเร็ว ไม่เชื่องช้าเหมือนก่อนหน้าอีก
เขารู้เว่าเวลานี้ฮั๋วว่านว่านกำลังตกอยู่ในอันตราย จึงต้องรีบเข้าช่วยชีวิตของเธอไว้ก่อน ไม่เช่นนั้นคงต้องเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นกับตัวเองเป็นแน่
เวลานี้เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะสามารถเอาชนะลูกกระสุนปืนได้ และเขาคงต้องถูกยิงตายแน่หากฮั๋วว่านว่านเป็นอะไรไป ซูอานจึงต้องรีบช่วยชีวิตของเธอให้เร็วที่สุด !
ทันทีที่ซูอานเข้าไปในห้องผ่าตัด ภาพที่เขาเห็นในเวลานี้ก็คือ ทั้งแพทย์และพยาบาลต่างก็พากันยืนมือสั่นด้วยความตกอกตกใจ เพราะหากฮั๋วว่านว่านเป็นอะไรไป พวกเขาทุกคนในที่นี้จะต้องเดือดร้อนอย่างแน่นอน !
“พวกเจ้าหลีกไป !”
ซูอานร้องตะโกนสั่งกลุ่มแพทย์และพยาบาลให้หลบออกไปทันที น้ำเสียงของเขาคือคำสั่ง ไม่ใช่น้ำเสียงของการสอบถามหรือต่อรอง !
และแน่นอนว่าเมื่อกลุ่มของแพทย์และพยาบาลได้ยินคำสั่งของซูอาน ทั้งหมดต่างก็จ้องมองเขาด้วยสีหน้าโมโหขุ่นเคือง เพราะซูอานไม่เพียงเป็นแค่เด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง แต่ยังวิ่งเข้ามาในห้องผ่าตัดโดยไม่สวมชุดฆ่าเชื้ออีกด้วย
“ใครให้คุณเข้ามาในห้องนี้ !” แพทย์คนหนึ่งร้องตะโกนถามออกมาด้วยความโมโห
“ฮั๋วเว่ยเฟิงสั่งให้ข้าเข้ามาในห้องนี้ หากพวกเจ้ายังไม่ถอยออกไป ข้าก็ไม่รับปากว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะลูกกระสุนปืนล้วนไม่มีตา !”
คำขู่ของซูอานนั้นนับว่าได้ผล เพราะทำให้กลุ่มแพทย์และพยาบาลค่อยๆ ถอยออกห่างจากเตียงผ่าตัดทีละคนสองคน
ซูอานเหลือบมองเครื่องวัดชีพจร และเมื่อเห็นว่าอยู่ในขั้นวิกฤติ เขาจึงต้องรีบทำการรักษาอย่างเร่งด่วน !
“เจ้าเข้ามาช่วยข้า !”
ทันทีที่ได้ยินคำสั่งของซูอาน หลี่ตันก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว และรู้ว่าเวลานี้ซูอานกำลังต้องการความช่วยเหลือจากตนเอง ต่อให้เธอไม่รู้สึกมีหวังนัก แต่ก็ต้องช่วยซูอานให้ถึงที่สุด !
“ขอเข็ มยาวสำหรับฝังเข็มที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว !”
“ฉันจะไปเอามาให้เดี๋ยวนี้ !”
หลี่ตันรีบวิ่งออกไปจากห้องผ่าตัดทันที จากนั้นไม่นานเธอก็กลับมาพร้อมกับถุงใส่เข็มยาวที่ใช้สำหรับการฝังเข็ม
ซูอานหยิบออกมาหนึ่งเล่มพร้อมกับกำชับหลี่ตันว่า “เดี๋ยวข้าจะทำการฝังเข็มห้ามเลือดให้นาง เจ้าอย่าได้ตกอกตกใจหรือหวาดกลัวเลือดที่ไหลออกมาจำนวนมากนี้ หน้าที่ของเจ้าคือคอยให้เลือดอย่างต่อเนื่องเท่านั้น ..”
“ได้ค่ะ !”
หลี่ตันเองก็เป็นพยาบาล และเคยช่วยในห้องผ่าตัดมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว เธอจึงไม่ได้รู้สึกกลัวเลือดอย่างที่ซูอานคิด
ซูอานพยักหน้า และหันไปมองฮั๋วว่านว่านที่นอนหลับตาแน่นิ่งอยู่บนเตียงผ่าตัด ..
ก่อนหน้านี้ซูอานไม่สามารถรักษากระดูกนิ้วมือที่หักของตนเองได้นั้น เพราะเขายังไม่มีพลังชีวิตแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้แตกต่างจากครั้งนั้น เวลานี้เขามีพลังชีวิตอยู่ในร่างกายแล้ว แม้จะไม่มากมาย แต่ก็เพียงพอที่จะรักษาอาการของฮั๋วว่านว่านได้อย่างง่ายดาย
เขาเป็นถึงจักรพรรดิแห่งเซียน ย่อมต้องมีพรสวรรค์อย่างที่เซียนควรจะมี และนอกเหนือจากพรสวรรค์เหล่านี้แล้ว เขายังเก่งในเรื่องของการฝังเข็มและการแพทย์ด้วย
ซูอานสำรวจบาดแผลของฮั๋วว่านว่านที่ยังคงมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด จากนั้นจึงทำการฝังเข็มเล่มยาวลงไปที่จุดฝังเข็มอย่างแม่นยำ
จากนั้น ซูอานได้ดึงเข็มออกมาอีกห้าเล่ม และจัดการฝังลงไปที่จุดฝังเข็มอีกห้าแห่งพร้อมกันในคราวเดียว
แต่ในเวลานั้น หลังจากที่ร่างกายของฮั๋วว่านว่านมีเข็มยาวปกคลุมตามร่างกายอยู่เต็มไปหมดนั้น กลับมีเลือดไหลออกมามากขึ้นกว่าเดิม และดูเหมือนฮั๋วว่านว่านจะมีอาการทรุดลงกว่าเดิมด้วย
หลี่ตันเห็นเช่นนั้นถึงกับตกใจอย่างมาก และเธอเองก็ไม่เคยเห็นเลือดไหลออกมากขนาดนี้มาก่อนเช่นกัน !
“ซูอาน ?!”
หลี่ตันร้องเรียกชื่อซูอานออกมาด้วยความตกใจกลัว แต่ซูอานกลับกำชับเสียเย็น “ทำหน้าที่ของเจ้าให้ดี !”
ทันทีที่ได้ยินเสียงเตือนของซูอาน หลี่ตันจึงรีบกลับไปทำหน้าที่ให้เลือดของตนเองต่อทันที เธอทำการเติมเลือดลงไปในถุงอย่างต่อเนื่องไม่ให้ขาด
….
ในระหว่างนั้นเกายั่วเต๋อที่อยู่ข้างนอกก็ยังคงพูดเตือนฮั๋วเว่ยเฟิงไม่หยุด
“ท่านประธานฮั๋ว .. คุณให้เด็กคนนั้นเข้าไปได้ยังไงกัน ?”
“คุณฮั๋วครับ .. นั่นจะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงนะครับ !”
“เด็กนั่นไม่ใช่หมอ ! คุณฮั๋วครับ คุณกล้าเชื่อใจเด็กคนนั้นได้ยังไงกัน ?”
ไม่เพียงแค่เกายั่วเต๋อเท่านั้นที่พูดกับฮั๋วเว่ยเฟิงเช่นนั้น แต่หมอและพยาบาลคนอื่นต่างก็พากันพูดเป็นเสียงเดียวกัน
ฮั๋วเว่ยเฟิงยังคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไร เวลานี้เขาไม่ต้องการพูดอะไรทั้งนั้น เขากำลังรอฟังผลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะนี่คือการเดิมพัน และเป็นทางเลือกเดียวของเขาในเวลานี้ !
หากเขาไม่ยอมให้ซูอานเข้าไป หมอที่กำลังพูดไม่หยุดอยู่พวกนี้จะสามารถช่วยชีวิตลูกสาวของเขาได้อย่างนั้นหรือ ? คำตอบคือ .. ไม่มีทาง !
และในเวลานี้ .. ขณะที่ไฟห้องผ่าตัดยังคงเป็นสีแดง เหล่าแพทย์และพยาบาลต่างก็พากันเดินออกมาจากห้องกันหมด
เวลานี้ฮั๋วเว่ยเฟิงแทบจะยืนไม่อยู่ ขาของเขาอ่อนปลวกเปียก ในขณะที่ดวงตาจับจ้องอยู่ที่ห้องผ่าตัดโดยไม่ยอมละสายตาไปไหนเลยแม้แต่วินาทีเดียว
เขาจ้องมองด้วยความหวังว่าลูกสาวของเขาจะสามารถกลับออกมาจากห้องนั้นได้อย่างปลอดภัย !
ไม่นานนัก .. หลี่ตันก็เดินเข็นเปลผู้ป่วยออกมาด้านนอกโดยมีซูอานเดินตามหลังออกมา บนหน้าผากของเขามีเหงื่อเม็ดโตผุดอยู่เต็มไปหมด
“ลูกสาวของผมเป็นยังไงบ้าง ?”
ฮั๋วเว่ยเฟิงร้องตะโกนถามออกไปเสียงสั่น แววตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความหวัง ..
“คุณหนูฮั๋วว่านว่านปลอดภัยแล้วค่ะ !”
หลี่ตันร้องตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดขีด ใบหน้าที่ซีดขาวไร้สีเลือดก่อนหน้านี้ได้เปลี่ยนเป็นสีแดงสุกปลั่ง และหินที่หนักอึ้งบนบ่าเมื่อครู่ก็ได้ถูกวางลงที่พื้นไปแล้ว
ฮั๋วเว่ยเฟิงคุกเข่าลงกับพื้นทันที เขาจ้องมองซูอานพร้อมกับพูดขึ้นด้วยความรู้สึกผิด และอับอาย “ผมขอโทษ ! ผู้มีพระคุณ ..”