ย้อนชีวิตพิชิตเซียน - ตอนที่ 27 : คนไข้ฉุกเฉิน!
บทที่ 27 : คนไข้ฉุกเฉิน !
ซูอานรับรู้ได้ว่าวันนี้บรรยากาศภายในห้องเรียนแปลกไปมาก ทุกคนในห้องต่างพากันอยู่ให้ห่างจากเขา แม้กระทั่งเจียงเหวินเหวินที่ปกติมักพูดมากจนน่ารำคาญ วันนี้กลับเงียบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หลังจากเหตุการณ์ในร้านซิงยู๋คาราโอเกะในคืนนั้น เจียงเหวินเหวินก็ได้เปลี่ยนไปอย่างมาก และมุมมองที่เคยมีต่อซูอานก็เปลี่ยนไปทันที
เวลานี้ซูอานคือคนที่สามารถเปิดไวน์ Lafite ปี 1982 เพื่อใช้บ้วนปากได้ครั้งละสองขวด และสามารถจัดการกับชายฉกรรจ์ที่แข็งแรงยี่สิบกว่าคนได้ในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตา อีกทั้งยังสามารถทำร้ายซ่งปิงทหารเก่า และเป็นมือขวาของเสือหัวโล้นจนบาดเจ็บได้
ซูอานในวันนี้แตกต่างจากซูอานคนก่อนราวฟ้ากับดิน !
เจียงเหวินเหวินชื่นชอบซูอานที่เรียบง่ายคนก่อน แต่เวลานี้ซูอานไม่เพียงร่ำรวย แต่ยังแข็งแกร่งจนน่ากลัว และที่สำคัญ เวลานี้เขาดูหล่อเหลาขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก ทำให้เจียงเหวินเหวินรู้สึกต่ำต้อยลง ..
ศิลปะการต่อสู้สามารถเปลี่ยนอารมณ์ของมนุษย์ได้ เมื่ออารมณ์เปลี่ยน บุคลิกของคนผู้นั้นก็จะเปลี่ยนไปด้วย ยิ่งแทบไม่ต้องพูดถึงซูอานที่เป็นผู้บ่มเพาะตน
ซูอานรู้สึกมีความสุขอย่างมาก เพราะเวลานี้ไม่มีผู้ใดมารบกวนจิตใจเขาเลยแม้แต่น้อย !
…..
วันนี้หลังจากเลิกเรียนแล้ว ซูอานไม่ได้ตรงกลับบ้านเหมือนเช่นทุกวัน แต่ได้แวะไปที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
ซูอานแวะไปหาหลี่ตัน เพราะครั้งนั้นเธอได้ต่อสู้เพื่อให้เขาได้รับการรักษา แม้จะไม่สำเร็จก็ตาม เขาจึงต้องการจะเชิญเธอไปทานอาหารเย็นด้วยกัน
แม้หลี่ตันจะเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตาสะสวยมาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ซูอานรู้สึกหวั่นไหว เพราะเขามีชีวิตยืนยาวมานานมาก จนเห็นหญิงงามไม่ต่างจากหญิงสาวทั่วไป
อีกทั้งแม้ว่าโจวเทียนห่าวจะไม่ยอมรักษาให้กับเขาในครั้งนั้น แต่ซูอานก็ยังคงต้องชำระค่าใช้จ่ายในเรื่องของรถฉุกเฉินและค่ายาต่างๆ
แม้โรงพยาบาลแห่งนี้จะมีแพทย์ที่ไร้จรรยาบรรณอย่างโจวเทียนห่าว แต่ใช่ว่าหมอในโรงพยาบาลจะชั่วช้าเช่นนั้นทุกคน หลายคนนับว่าเป็นหมอที่ดีมาก
และหากเขาไม่ไปจ่ายเงินให้กับทางโรงพยาบาล ซูอานเกรงว่าหลี่ตันจะต้องกลายเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดแทนเขา
ซูอานไปถึงโรงพยาบาลเจียงโจวซึ่งมีคนไข้หนาตาเป็นปกติ .. และด้วยความคุ้นเคยกับเส้นทาง ซูอานจึงเดินตรงไปยังห้องรักษาคนไข้ทันที เมื่อเขาไปถึงก็พบว่าทั้งหมอและพยาบาลต่างก็กำลังยุ่งจึงไม่มีใครสนใจเขาเลยแม้แต่คนเดียว
ซูอานสำรวจไปรอบห้อง แต่กลับไม่พบแม้แต่เงาของหลี่ตัน เขาถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย จากนั้นจึงได้เดินตรงไปยังห้องดับจิต และก็พบกับหลี่ตันอยู่ที่นั่นจริงๆ
“หลี่ตัน !”
ทันทีที่หลี่ตันซึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องดับจิตได้ยินเสียงร้องตะโกนเรียกชื่อของตน เธอจึงหันกลับไปมอง แต่เมื่อพบว่าเป็นซูอาน สีหน้าของเธอก็เผยให้เห็นถึงความกระวนกระวายใจขึ้นมาอย่างมาก
“ห๊ะ ?! นี่คุณยังกล้ากลับมาอีกเหรอ ?”
“เหตุใดข้าจึงต้องไม่กล้าด้วยเล่า ?”
“ซูอาน คุณไม่รู้หรือไงว่าครั้งนั้นเกิดเรื่องใหญ่โตมากแค่ไหน ?”
ร่องรอยของการไม่แยแสใส่ใจปรากฏขึ้นในแววตาของซูอานในขณะที่ตอบกลับไปว่า “แล้วอย่างไรรึ ?”
“เฮ้อ .. คุณคงยังไม่รู้อะไรสินะ ? โจวเทียนห่าวมีอิทธิพลมาก เขาอาจจะฟ้องเอาคุณเข้าคุกได้ !”
หลี่ตันบอกซูอานพร้อมกับจ้องมองเขาด้วยแววตาเป็นห่วงเป็นใย และเกรงว่าเขาจะทำอะไรโง่ๆอีก !
“ไม่ต้องห่วง .. ตอนนี้โจวเทียนห่าวหนีไปแล้ว !”
เขาบอกให้หลี่ตันสบายใจ และได้แต่นึกเสียใจที่ปล่อยให้หญิงสาวอ่อนแอต้องมาแบกรับความกดดันมากมายถึงเพียงนี้ !
“หนีไปงั้นเหรอ ? หนีไปไหน ?” หลี่ตันถามด้วยสีหน้างุนงง
“นี่เจ้าไม่รู้งั้นรึ ?”
“ฉันทำแต่งาน .. จะเอาเวลาที่ไหนไปรับรู้เรื่องข้างนอกกันเล่า ?” หลี่ตันบ่นกระปอดกระแปด
“เจ้าอย่าได้กังวลเรื่องของโจวเทียนห่าวอีก เวลานี้ไห่เทียนกรุ๊ปใกล้จะล้มแล้ว !”
หลี่ตันได้ยินถึงกับอ้าปากกว้างด้วยความตกตะลึง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไร ใครคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาหลี่ตันพร้อมกับตำหนิเสียงดัง
“หลี่ตัน .. มัวแต่คุยอยู่ได้ อยากจะตกงานหรือยังไง ?”
และผู้ที่เดินเข้ามาก็คือเกายั่วเต๋อ ประธานของโรงพยาบาลเจียงโจวแห่งนี้ !
หลี่ตันถึงกับตัวสั่นเทาด้วยความตกใจ และไม่รู้ว่าควรทำเช่นใด ?
“ฟังนะ .. ถ้าคุณฝึกงานไม่ผ่าน โรงพยาบาลก็ไม่ต้องการรับคุณไว้ทำงานเหมือนกัน ?”
และนั่นยิ่งทำให้หลี่ตันตกอกตกใจมากยิ่งขึ้น ..
ซูอานจ้องมองเกายั่วเต๋อด้วยสายตาเย็นชาในขณะที่ร้องถามออกไปว่า “เจ้าคงจะเป็นประธานของโรงพยาบาลเจียงโจวสินะ ?”
เกายั่วเต๋อหันไปมองซูอานด้วยสายตาขุ่นเคือง พร้อมกับตอบไปว่า “ใช่ .. แล้วยังไง ?”
พัวะ !
เสียงดังมาจากใบหน้าของเกายั่วเต๋อ เวลานี้ธนบัตรสองปึกใหญ่ถูกซูอานโยนใส่ใบหน้าของเขาอย่างแรง เกายั่วเต๋อได้แต่ยืนงง แล้วธนบัตรก็ปลิวว่อนเต็มพื้น
“ค่ารักษาพยาบาลที่ข้าติดค้าง ข้าชำระให้เจ้าหมดแล้ว !”
ซูอานยืนเอามือล้วงกระเป๋าจ้องมองเกายั่วเต๋อที่มีสีหน้าเปลี่ยนไป ..
“นี่แกทำอะไร ? อยากมีปัญหานักหรือไง ?”
เกายั่วเต๋อจ้องหน้าซูอานด้วยความโมโห เพราะไม่เคยมีใครกล้าโยนเงินใส่หน้าเขาแบบนี้มาก่อน
“หรือเจ้าไม่ต้องการงั้นรึ ?”
“ท่านประธานเกาคะ .. นี่คือซูอาน !”
“อ่อ .. ที่แท้ก็เขาเองเหรอ ?”
เกายั่วเต๋อยังคงโมโหอยู่ไม่น้อย แม้จะเคยได้ยินได้ฟังเรื่องราวระหว่างซูอานกับโจวเทียนห่าวมาแล้วก็ตาม อีกทั้งเขายังไม่นึกตำหนิโจวเทียนห่าวแม้แต่น้อยที่ไม่ทำการรักษาให้กับซูอาน ใครใช้ให้ซูอานไม่มีเงินจ่ายค่ารักษากันเล่า ? อีกทั้งเขากับโจวไห่หวงยังมีมิตรภาพที่ดีต่อกันไม่น้อยทีเดียว !
แต่หากเกายั่วเต๋อได้รู้ความจริงว่า เรื่องหลีกเลี่ยงภาษีจนโดนกรมสรรพาการตรวจสอบนั้นล้วนเป็นเพียงข้ออ้างของโจวไห่หวง และความจริงคือเขาหวาดกลัวซูอานมากแล้วล่ะก็ เกายั่วเต๋อคงต้องยอมตบหน้าตัวเองมากกว่าที่จะพูดกับซูอานเช่นนี้ ..
“คิดว่าตัวเองเก่งมากหรือยังไง ? ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ !”
เกายั่วเต๋อได้แต่ข่มขู่ซูอานแล้วเดินจากไปโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านั้น และไม่สนใจธนบัตรที่ปลิวว่อนอยู่บนพื้น
ทันทีที่เกายั่วเต๋อเดินออกไป หลี่ตันก็รีบตามออกไปทันที !
ความจริงแล้วที่ซูอานมาที่โรงพยาบาลในวันนี้ ก็เพื่อที่จะมาขอบคุณหลี่ตัน และตั้งใจจะพาเธอไปทานอาหารเย็นแทนการขอบคุณ
แต่ระหว่างที่เขาเดินตามหลี่ตันไปจนถึงหน้าประตูโรงพยาบาลนั้น ก็ได้ยินเสียงหวอของรถฉุกเฉินที่จอดอยู่หน้าโรงพยาบาลพอดี และเวลานี้หลายคนก็กำลังมุงดูด้วยความตกใจ !
“อย่ามุงครับ .. อย่างมุง .. หลีกทางหน่อย !”
เสียงร้องตะโกนของเจ้าหน้าที่ดังออกมาจากรถฉุกเฉิน และกำลังไล่ให้ผู้ที่มุงดูอยู่นั้นถอยออกไปให้ห่างจากรถ เพื่อที่จะสามารถเคลื่อนย้ายเปลผู้ป่วยลงได้สะดวก
ภายในเปลผู้ป่วยนั้น มีร่างของหญิงสาวคนหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่ หญิงสาวผู้นี้ดูเหมือนจะมีอายุเพียงแค่สิบเจ็ดหรือสิบแปดปี ใบหน้าของเธอนั้นงดงามจนหญิงสาวหลายคนต้องอิจฉา
เวลานี้หน้าอกของหญิงสาวมีคราบเลือดสีแดงเปื้อนอยู่เต็มไปหมด เห็นได้ชัดว่ากำลังได้รับบาดเจ็บสาหัส !
แต่ถึงแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างมาก หญิงสาวคนนี้กลับไม่ร้องครวญครางออกมาแม้แต่คำเดียว มีเพียงใบหน้าที่ซีดขาวบ่งบอกถึงความอ่อนล้าอย่างมาก
เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลต่างมาช่วยกันเคลียร์พื้นที่ และเข็นร่างของหญิงสาวผู้นี้เข้าไปด้านในของโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
ในขณะนั้นเอง .. หนึ่งในฝูงชนที่พากันมามุงดูนั้น ก็ได้ร้องตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงตกอกตกใจ
“นั่น .. นั่นมั่น .. คุณหนูตระกูลฮั๋วนี่ !”
น้ำเสียงของคนผู้นั้นที่พูดถึงหญิงสาว บ่งบอกถึงความหวาดกลัวและเคารพไปพร้อมๆกัน แม้หลายคนอาจจะไม่รู้จักคุณหนูตระกูลฮั๋ว แต่แทบไม่มีใครไม่รู้จักฮั๋วเว่ยเฟิงพ่อของเธอ !
ฮั๋วเว่ยเฟิงเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นับหน้าถือตาของคนในเจียงโจว เรียกได้ว่าจำนวนประชากรในเจียงโจวนั้นมีหลายล้านคน มากกว่าครึ่งที่รู้จักคนผู้นี้
“ใช่แล้ว ! นั่นมันคุณหนูฮั๋วว่านว่านจริงๆด้วย !” ใครบางคนร้องตะโกนออกมาเช่นกัน
“ฮั๋วว่านว่านงั้นเหรอ ? ถูกทำร้ายมาหรือเปล่า ? ใครกันที่กล้าทำเรื่องแบบนี้ได้ ? ”
เวลานี้ผู้คนที่มุงดูต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ออกมาด้วยความโกรธ ..
หลายปีมานี้ ฮั๋วเว่ยเฟิงได้บริจาคเงินให้กับคนในเจียงโจวมากมาย อีกทั้งยังสร้างโรงเรียนหลายแห่ง แล้วก็ระบบสาธารณสุขต่างๆให้กับชาวเมืองอีกด้วย
ทุกคนต่างก็ชื่นชม ศรัทธา และนับถือฮั๋วเว่ยเฟิงที่เป็นคนใจบุญสุนทาน ไม่เคยมีข่าวในแง่ลบเกี่ยวกับเขาเกิดขึ้นเลยสักครั้ง และคนผู้นี้ก็ไม่เคยโอ้อวดความดีของตนเลยแม้แต่น้อย
แต่เวลานี้ดูเหมือนลูกสาวของฮั๋วเว่ยเฟิงจะถูกคนทำร้ายมา ใครกันนะช่างกล้าทำเรื่องเช่นนี้ได้ ?
หลายคนหันหลังวิ่งตามเข้าไปในโรงพยาบาล เพราะต้องการรู้ว่าเกิดอะไรกับฮั๋วว่านว่านกันแน่ ?
และในเวลาเดียวกันนั้นเอง รถ Maybach หรูหราคันหนึ่งก็พุ่งมาจอดที่หน้าประตูโรงพยาบาลด้วยความรวดเร็ว จากนั้นชายวัยกลางคนสวมเสื้อสูทรองเท้าหนังอย่างดีผู้หนึ่งก็เปิดประตูรถ และเดินลงมาทันที !
“ลูกสาวของผมอยู่ที่ไหน ?”
ทันทีที่ชายวัยกลางคนผู้นี้เข้ามาในโรงพยาบาล เขาก็พุ่งตรงเข้าไปหาหมอที่สวมเสื้อกาวน์สีขาวพร้อมกับร้องตะโกนถามเสียงดัง
หมอคนนั้นถึงกับตกใจและตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก “ยะ .. อยู่ในห้องฉุกเฉินแล้วครับ !”
“พาผมไปที่นั่นเดี๋ยวนี้ !”
พูดยังไม่ทันขาดคำ ชายวัยกลางคนก็วิ่งขึ้นบันไดของโรงพยาบาลไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับลากหมอคนนั้นไปด้วย ..
ทุกคนที่อยู่ภายในล็อบบี้ของโรงพยาบาลต่างก็พากันซุบซิบ ..
“นั่น .. นั่นมันคุณฮั๋วเว่ยเฟิงนี่ !”
“ห๊ะ ? ฮั๋วเว่ยเฟิงเหรอ ?”
“ฮั๋วเว่ยเฟิงที่เป็นนักธุรกิจใหญ่ของเจียงโจวน่ะเหรอ ?”
ทุกคนในที่นั้นต่างก็มีสีหน้าตกอกตกใจ ..
และหากจะเทียบความยิ่งใหญ่ของไห่เทียนกรุ๊ปกับธุรกิจของฮั๋วเว่ยเฟิงแล้วล่ะก็ ธุรกิจของไห่เทียนกรุ๊ปนั้นเป็นเพียงแค่หนึ่งในสิบของธุรกิจในมือฮั๋วเว่ยเฟิงเท่านั้น !
และหากเทียบกับธุรกิจที่ฮั๋วเว่ยเฟิงครอบครองทั้งหมด ไห่เทียนกรุ๊ปจึงเป็นเพียงแค่กลุ่มบริษัทเล็กๆกลุ่มหนึ่งของฮั๋วเว่ยเฟิงเช่นกัน ธุรกิจของฮั๋วเว่ยเฟิงนั้นเสมือนไข่มุกที่เปล่งประกายของเจียงโจวทีเดียว !
ฮั๋วเว่ยเฟิงเป็นนักธุรกิจที่เริ่มสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาด้วยสองมือและสองขาของตนเอง โดยไม่มีผู้ใดอยู่เบื้องหลัง หรือให้การสนับสนุนเลยแม้แต่น้อย เรียกได้ว่าเขาไต่เต้าจากจุดที่เป็นศูนย์จริงๆ !
และนี่คืออีกหนึ่งเหตุผลที่ผู้คนในเจียงโจวต่างให้ความเคารพนับถือฮั๋วเว่ยเฟิง !
เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเวลานี้อยู่ในการรับรู้ของซูอานทั้งหมด แต่เขาไม่ได้สนใจคนใหญ่คนโตของเจียงโจวเลยแม้แต่น้อย อีกอย่างเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเขาด้วย ..
แต่จู่ๆความรู้สึกสงสารก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของซูอาน ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าเหตุใดจึงรู้สึกเช่นนั้น ทำให้เขาอดที่จะหยุดดูเหตุการณ์ไม่ได้ ..