ย้อนชีวิตพิชิตเซียน - ตอนที่ 18 : พนัน
บทที่ 18 : พนัน
ครูจางเจี้ยนเข้ามายืนอยู่ที่โพเดี้ยมหน้าห้อง หลังจากยืนมองนักเรียนในห้องอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ตะโกนออกไปว่า
“ผลการทดสอบประจำเดือนออกมาแล้ว หลายคนทำได้ดี แต่บางคนก็ทำได้แย่มาก !”
ระหว่างที่พูดนั้น จางเจี้ยนก็ปรายตามองไปทางซูอานด้วยสีหน้าเย็นชา
“ซูอาน เธอสอบได้คะแนนต่ำสุดในห้องอีกแล้ว มีอะไรจะอธิบายมั๊ย ?”
ซูอานกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่พอดี และกำลังใช้มันช่วยสำรวจหาดูว่ามีสถานที่ใดบ้างที่น่าจะมีพลังชีวิตอยู่ แต่ก็ยังไม่พบเลย ..
และเสียงตะโกนเรียกของจางเจี้ยนก็ได้ทำให้ซูอานไม่พอใจอย่างมาก จึงตอบกลับไปห้วนๆ
“ต่ำสุดก็คือต่ำสุด !”
ท่าทางของซูอานนั้นนิ่งขรึม ไม่ใส่ใจกับคำพูดของจางเจี้ยนเลยแม้แต่น้อย และนั่นยิ่งทำให้จางเจี้ยนโมโหมากยิ่งขึ้น เขาคิดไม่ถึงว่าซูอานจะกล้าทำท่าทางเฉยเมยใส่ตนผู้เป็นครูเช่นนี้
“ซูอาน ครูขอเตือนเธอไว้ก่อนเลยนะ ! ถ้าขืนเธอยังสอบได้คะแนนต่ำสุดแบบนี้อีก ครูจะทำเรื่องให้ทางโรงเรียนไล่เธอออกซะ !”
และนี่นับเป็นอาวุธที่จางเจี้ยนใช้ข่มขู่นักเรียนมาโดยตลอด และนักเรียนหลายคนก็มักจะกลัวเมื่อเขายกคำพูดเช่นนี้ขึ้นมาขู่
จางเจี้ยนจ้องมองซูอานด้วยสายตาเย็นชา เพราะซูอานทำให้เขามักถูกครูคนอื่นๆกระแนะกระแหน
โจวไห่หวงบริจาคเงินให้กับทางโรงเรียนปีละหลายล้านหยวน ทำให้เหล่าผู้บริหารของโรงเรียนและคุณครูระดับหัวหน้าอิ่มหมีพลีมันกันไม่น้อย แต่ตอนนี้ไห่เทียนกรุ๊ปกลับมาถูกสรรพากรตรวจสอบเช่นนี้ ทำให้รายได้ของทางโรงเรียนลดลงตามไปด้วย
ครูใหญ่และผู้บริหารคนอื่นๆต่างก็โมโหและไม่พอใจอย่างมาก จึงมักระบายอารมณ์ใส่จางเจี้ยน ส่วนจางเจี้ยนก็มาระบายอารมณ์ใส่ซูอานต่อ
เขาได้ทำการแก้คะแนนของซูอานจากเดิมที่เพียงแค่รั้งท้ายห้าอันดับสุดท้าย มาเป็นอันดับสุดท้ายแทน !
แต่นับว่าจางเจี้ยนประเมินซูอานในวันนี้ผิดไป เพราะซูอานในวันนี้ไม่ใช่นักเรียนธรรมดาทั่วไป มีหรือที่เขาจะสนใจกับเรื่องอะไรแบบนี้ ? แต่ถึงกระนั้นเขาเองก็ใช่ว่าอยากจะถูกไล่ออกจากโรงเรียนในตอนนี้
“ไล่ข้าออกจากโรงเรียนงั้นรึ ?”
ซูอานเงยหน้าขึ้นมองจางเจี้ยนพร้อมกับถามออกไปว่า “ข้าจ่ายเงินค่าเล่าเรียน แต่เจ้ากลับจะไล่ข้าออกจากโรงเรียนงั้นรึ ?”
คำพูดธรรมดาๆเพียงแค่นี้ ก็ทำให้ทุกคนในห้องถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก ..
แต่จางเจี้ยนตอบซูอานกลับไปอย่างไม่แยแส “เธอจ่ายเงินค่าเล่าเรียนแล้วยังไง ? เธอลืมกฏระเบียบของโรงเรียนไปแล้วเหรอ นักเรียนคนไหนสอบได้คะแนนไม่ดี ก็มีสิทธิ์ถูกไล่ออกได้ !”
นี่เป็นกฏระเบียบของโรงเรียนยู่หลงแห่งนี้ เว้นแต่จะเป็นห้องพิเศษเท่านั้น หากเป็นห้องธรรมดาทั่วไป หากสอบได้คะแนนต่ำกว่าเกณฑ์ ก็ต้องถูกไล่ออกโดยไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล
แต่แน่นอนว่า หากนักเรียนคนนั้นยินยอมจ่ายเงินค่าธรรมเนียมเพื่ออยู่ต่อ ก็ยังสามารถเรียนที่นี่ต่อไปได้ พูดง่ายๆก็คือทางโรงเรียนหาทางรีดเงินจากผู้ปกครองนั่นเอง
“ไม่มีวิธีอื่นนอกจากไล่ออกเลยงั้นรึ ?”
ซูอานยังคงถามขึ้นด้วยสีหน้านิ่งเรียบ และไม่มีท่าทีตระหนกตกใจปรากฏบนใบหน้าเลยแม้แต่น้อย
“ฉันได้ยินมาว่าลุงของเธอตัดหางปล่อยวัดแล้วไม่ใช่เหรอ ? เธอยังจะมีเงินที่ไหนมาจ่ายค่าธรรมเนียมอีกล่ะ ?”
ความจริงแล้วเรื่องนี้ห้ามนำมาพูดต่อหน้านักเรียน แต่เพราะจางเจี้ยนกำลังโมโหจึงลืมตัวพูดออกไป
“ข้าไม่มีเงินจ่าย !”
เจียงเหวินเหวินที่นั่งข้างซูอานมีสีหน้ากระวนกระวายใจ และได้บอกับซูอานว่าเธอจะช่วยซูอานเอง แต่ซูอานกลับปฏิเสธ
“เท่าที่ข้าจำได้ นี่เป็นการสอบได้คะแนนต่ำสุดครั้งสุดท้ายของข้า แต่หากครั้งหน้าข้าสอบได้ที่หนึ่ง ข้าก็ไม่ต้องถูกไล่ออกสินะครูจาง ?”
เมื่อได้ยินซูอานพูดประโยคนี้ออกมา จางเจี้ยนก็ถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที ราวกับว่ากำลังฟังเรื่องที่ตลกขบขันที่สุดในโลก
“เธอนี่นะจะสอบได้ที่หนึ่ง ซูอาน . อย่าหวังอะไรโง่ๆดีกว่า !”
การที่ซูอานจะสอบให้ไม่ได้คะแนนต่ำสุดก็ยากมากแล้ว แต่นี่จะสอบให้ได้ที่หนึ่งของห้อง ยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้เลย !
“นี่เธอลืมแล้วเหรอว่าคะแนนสอบล่าสุดก็ได้ศูนย์ สองครั้งก่อนหน้านั้นยิ่งแทบไม่ต้องพูดถึง เธอยังกล้าพูดออกมาอีกเรอะ ?”
“ผลสอบที่ผ่านมาช่างมัน ข้าไม่สน !”
เวลานี้เขาไม่ใช่ซูอานคนเดิม ในสัญชาติญาณจึงไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวครูเจียง ..
“หึ .. ต่อให้เธอไม่สน แต่การที่เธอจะสอบให้ได้ที่หนึ่งในครั้งหน้า ก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี !”
จะเป็นไปได้อย่างไรกัน ในเมื่อที่ผ่านมาซูอานไม่เคยทำได้เลย แล้วจู่ๆ จะพูดราวกับว่าการสอบได้ที่หนึ่งเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับเขา
“ในเมื่อเจ้าไม่เชื่อ ก็ต้องรอดูให้เห็นกับตา !”
ซูอานตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจนัก จากนั้นจึงพูดต่อว่า “หรือเจ้าอยากจะพนันกับข้าก็ได้ หากการสอบกลางภาคครั้งต่อไปข้าไม่ได้ที่หนึ่งอย่างที่พูด ข้าจะไปจากโรงเรียนนี้ทันที แต่ถ้าข้าสอบได้ที่หนึ่ง เจ้าต้องลาออกจากการเป็นครูที่นี่ !”
หลังจากพูดจบ ซูอานก็จ้องมองหน้าของจางเจี้ยนด้วยแววตาเป็นประกายอย่างท้าทาย ทำให้ใบหน้าของเขาดูมีเสน่ห์มากขึ้น
จางเจี้ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ว่าคิดอย่างไรก็ไม่มีทางเป็นไปได้ที่ซูอานจะสอบได้ที่หนึ่ง ในที่สุดเขาจึงตกปากรับคำท้า
“ได้สิ ! ถ้าเธอสอบได้ที่หนึ่งจริง ครูจะยอมลาออกจากที่นี่ !”
นักเรียนทั้งห้องต่างพากันแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของซูอาน เขาไม่เพียงไม่หวาดกลัวครูจาง แต่ยังกล้าท้าพนันกับครูจางเช่นนี้ ใครเห็นก็ต้องประหลาดใจอย่างแน่นอน !
แต่ถึงกระนั้นทุกคนต่างก็ไม่เชื่อว่าซูอานจะทำได้จริง และคิดว่าซูอานคงต้องการดึงเวลาให้ได้เรียนที่นี่ไปอีกหนึ่งเดือนเท่านั้น
ทุกคนเชื่อว่าซูอานไม่มีเงินที่จะมาจ่ายเพื่อให้ตัวเองได้เรียนต่อแน่ และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะสอบได้ที่หนึ่งของห้อง ..
หลังจากที่หมดคาบเรียนแล้ว จางเจี้ยนก็เดินออกจากห้อง และไม่ลืมที่จะเหลือบมองไปทางซูอานด้วยแววตาเย้ยหยัน สายตาของเขานั้นบ่งบอกว่าซูอานไม่มีทางรอดแน่คราวนี้ !
หลังจากที่จางเจี้ยนเดินออกไปจากห้อง ภายในห้องเรียนก็เปลี่ยนเป็นวุ่นวายราวกับตลาดสด ทุกคนต่างก็พากันซุบซิบกันเรื่องไห่เทียนกรุ๊ปกับเรื่องของซูอานต่อ
แต่เพราะได้เห็นท่าทางที่น่ากลัวของซูอานก่อนหน้านี้ ทำให้เวลานี้ืทุกคนไม่กล้าพูดกันอย่างเปิดเผยนัก และได้แต่ทำเสียงกระซิบกระซาบกันเบาๆ
ซูอานเองก็ไม่ได้สนใจคนพวกนี้นัก เขามาโรงเรียนเพื่อฆ่าเวลา และเรียนรู้การใช้ชีวิตของคนบนโลกนี้ เพราะในฐานะคนที่เป็นจักรพรรดิอย่างเขา การใช้ชีวิตเยี่ยงสามัญชนจึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย
ส่วนเรื่องความรู้ที่เล่าเรียนบนโลกใบนี้นั้น ซูอานรู้สึกว่ามันไม่ได้ยากเย็นอะไรเลยแม้แต่น้อย
เวลานี้ฉีเจียนและคนอื่นๆที่เข้ามาท้าตีท้าต่อยกับเขาเมื่อครู่นั้น กลับไม่กล้าพูดอะไรกับเขาอีกเลยแม้แต่คำเดียว กระทั่งพูดลับหลังพวกมันยังไม่กล้า
ดูเหมือนฉีเจียนจะตระหนกตกใจมากจริงๆหลังจากที่ได้เห็นสายตาดุดัน และเอาจริงของซูอานเข้า ส่วนนักเรียนคนอื่นๆ แม้จะไม่ได้เห็นสายตาเช่นนั้นของซูอาน ทุกคนก็ดูเหมือนจะไม่อยากยั่วโมโหซูอานอีก
ซือเหวินเจียนเดินเข้าไปหาซูอานพร้อมกับพูดขึ้นว่า “คิดจะมาแย่งที่หนึ่งของฉันเหรอ ?”
ซือเหวินเจียนสอบได้ที่หนึ่งของห้องมาโดยตลอด เธอชายตามองซูอานพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราวจะบอกว่า หากไม่เกิดอุบัติเหตุจนเธอไม่สามารถมาสอบได้ ซูอานก็อย่าได้หวังว่าจะสอบได้ที่หนึ่งเลย !
นักเรียนชายคนหนึ่งได้ยินเช่นนั้นจึงพูดออกไปขำๆว่า “ซือเหวินเจียนคนสวย เธอจะไปใส่ใจทำไมกัน ? ไม่ต้องที่หนึ่งของห้องหรอก เอาแค่ให้ได้หนึ่งในสิบอันดับแรกของห้อง ก็เรียกว่าปาฏิหารย์แล้วล่ะ !”
นักเรียนชายคนนั้นชื่อว่าจือกงถู แต่จือกงถูกก็พูดไม่ผิดนัก เพราะหากเป็นซูอานคนเดิม การจะสอบให้ได้คะแนนติดหนึ่งในสิบระดับต้นของห้องนั้น ก็เรียกว่าไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว หรือขุดหลุมฝังได้เลย
ในขณะที่เจียงเหวินเหวินซึ่งนั่งข้างๆซูอานก็ได้แต่บ่มพึมพำ “ซูอาน นี่นายไปเอาความมั่นใจแบบนี้มาจากไหน ? ฉันให้เงินนายไปจ่ายค่าธรรมเนียมก็ได้ หรือนายยืมฉันก่อนก็ได้ มีเมื่อไหร่ค่อยเอามาคืน ไม่เห็นต้องไปพนันบ้าๆอะไรแบบนั้นเลย !”
“สอบได้ที่หนึ่งบ้าบออะไรกัน ? ฉันว่านายต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ !”
เจียงเหวินเหวินยกมือขึ้นกุมขมับแน่น ในขณะที่จ้องมองซูอานด้วยความโมโห แต่แล้วจู่ๆ เจียงเหวินเหวินก็อ้าปากกว้างก่อนจะร้องออกมาว่า
“ซูอาน ฉันว่านายดูหล่อขึ้นมากเลย !”
“อืมม ..”
“นี่นายรู้ตัวมั๊ยว่าตัวเองเปลี่ยนไปมากเลย ?”
“อืมม ..”
“เมื่อก่อนนะ .. เวลาที่นายเจอฉีเจียนกับเพื่อนของเขา นายก็จะเดินก้มหน้าก้มตาตัวสั่น แต่ดูตอนนี้สิ ! กลับเป็นพวกเขาที่หวาดกลัวนาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่นายกล้าทำร้ายโจวเทียนห่าว นายยิ่งแมนมากเลย !”
“นี่ .. เจ้าช่วยเช็ดน้ำลายก่อนได้หรือไม่ ? มันจะหยดลงบนตักของข้าอยู่แล้ว !”
ซูอานจำต้องร้องบอกไปอย่างเสียไม่ได้ เขารู้สึกปวดหัวทุกครั้งที่ต้องอยู่ใกล้กับเจียงเหวิน
แม้เขาจะเป็นชายหนุ่มและยังมีความชื่นชอบในอิสตรี แต่กลับไม่รู้สึกหวั่นไหวกับเจียงเหวินเหวินที่เข้ามาใกล้ อาจเป็นเพราะเขาไม่ใช่เด็กหนุ่ม แต่เป็นผู้ที่มีชีวิตอยู่มานานหลายล้านปี หัวใจของเขาจึงไม่ได้มีอารมณ์ความรู้สึกดังเช่นเด็กหนุ่มทั่วไป
เขารู้สึกว่าบนโลกใบนี้ ไม่ได้มีสิ่งใดให้เขารู้สึกหลงใหลเลยด้วยซ้ำไป ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้เขารู้สึกจิตใจหวั่นไหวได้ !
สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือรีบฝึกบ่มเพาะให้สำเร็จ เพื่อที่จะได้กลับไปยังเทวโลกที่จากมา !
…..
ซูอานกลับไปที่บ้านเช่าของตน และรีบเข้าไปในห้องนอนนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง และเริ่มฝึกวิชาตามคัมภีร์เก้าสวรรค์ทันที
คัมภีร์เก้าสวรรค์นี้เป็นวิชาของเต๋าโบราณ หลังจากฝึกฝนผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง ซูอานก็เริ่มสัมผัสได้ว่าบริเวณจุดตันเถียนของตนนั้นร้อนขึ้น ก่อนจะมีหมอกพวยพุ่งออกมาปกคลุมร่างของเขาไว้ ทำให้ดูราวกับว่าเวลานี้เขากำลังอยู่ในแดนสวรรค์
จนกระทั่งผ่านไปสองชั่วโมง ซูอานจึงเปิดเปลือกตาขึ้น สูดลมหายใจลึก สีหน้าแววตาเจือด้วยความรู้สึกผิดหวัง
“เฮ้อ .. ไม่ได้ผลอยู่ดี ! ข้าต้องการจะเข้าสู่ระดับกลางของขั้นสร้างรากฐานปราณ แต่พลังชีวิตกลับมีไม่เพียงพอ !”
“ไม่ได้แล้ว .. ข้าต้องหาดินแดนที่มีพลังชีวิตเพียงพอให้ได้ !”
แววตาของซูอานบ่งบอกว่าได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว เขาตัดสินใจที่จะไปพบเหล่าฮั๋วสอบถามเรื่องเหล่านี้ เพื่อที่เขาจะได้สามารถพัฒนาขั้นได้เสียที
แต่จากที่ซูอานค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตนั้น เขาพบเจอสถานที่สองแห่งที่เชื่อว่าน่าจะมีพลังชีวิตอยู่หนาแน่น ซึ่งก็คืออุทยานป่าไม้แห่งชาติเสินหนงเจี๋ย และเขาคุนหลุน
แต่ยิ่งสถานที่ใดมีพลังชีวิตหนาแน่น ก็ยิ่งจะเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตราย อีกทั้งตอนนี้ตัวเขาเองก็เพิ่งจะเริ่มต้นสร้างรากฐานปราณเท่านั้น หากพบเจออันตรายก็คงยากจะเอาชีวิตรอดได้ จึงยังไม่กล้าเสี่ยงไปในตอนนี้
ซูอานลุกขึ้นมาอาบน้ำอุ่น แล้วจึงเข้านอน ..
แต่นอนหลับไปได้เพียงไม่นาน เขาก็ต้องลุกขึ้นมานั่งสมาธิต่ออีกราวสองสามชั่วโมง เพราะความทรงจำของซูอานคนเดิมได้รบกวนจิตวิญญาณที่สงบของเขา !