ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่497 วันตรุษจีน
ความรู้สึกของโจวเสาจิ่นที่มีต่อเรื่องของเฉิงฉือนั้นคล้ายๆ กับเป็นสัญชาตญาณประเภท
หนึ่ง
เฉิงฉือมิได้รู้สึกประหลาดใจ แต่กล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้าดูออกแล้วหรือ!”
นํ้าหนักมือที่กําลังบีบนวดไหล่ของเขาเปลี่ยนเป็นแรงขึ้นมา
“ข้ารู้สึกว่าท่านจะทําเช่นนั้นเจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นกระซิบกล่าว “เกรงว่าจะทําให้คนขุ่นเคือง
ใจเป็นจํานวนมากกระมัง”
“ใช่แล้ว!” เฉิงฉือถอนใจ “เพราะฉะนั้นก่อนลงมือทําจึงอยากรู้ว่าทําเช่นนี้เป็นถูกต้องแล้ว
หรือไม่”
“เกรงว่าจะมิใช่เรื่องถูกต้องหรือไม่กระมัง” โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ อย่างทะเล้น “เป็นเพราะ
อยากพักผ่อนสักหน่อยก่อนที่พายุฝนจะมาถึงมากกว่ากระมัง”
ถ้าหากเพียงเพราะกลัวว่าจะทําให้คนไม่พอใจก็เลยไม่ไปทําอย่างเดียวล่ะก็ เขาก็คงจะไม่
ลําบากใจเช่นนี้แล้ว
เฉิงฉือหัวเราะฮ่าดังลั่น จับมือของโจวเสาจิ่นเอาไว้ไม่ได้กล่าวอะไร
ต่อมาเฉิงฉือก็ออกจากบ้านแต่เช้าและกลับมายามดึกดื่น ทว่าวันมหาปีใหม่ในวันที่
สามสิบวันนั้นกลับไม่ออกไปไหน ไปซอยซิ่งหลินกับโจวเสาจิ่นตั้งแต่เช้าตรู่แทน
หยวนซื่อกําลังตรวจนับอาหารที่ใช้สําหรับกราบไหว้บูชาอยู่ และเฉิงเซ่าก็มาถึงตั้งแต่เช้า
แล้ว กําลังนั่งคุยกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวอยู่ในห้องโถง
4623
เฉิงฉือกระซิบกล่าวกับโจวเสาจิ่นยิ้มๆ ว่า “เจ้าไปพบท่านอารองกับข้าสักหน่อย!”
ทว่าโจวเสาจิ่นครุ่นคิดครู่หนึ่ง กล่าวขึ้นว่า “หลังจากไปพบท่านอารองกับท่านแล้วข้าจะ
ไปช่วยพี่สะใภ้ใหญ่ วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีวันที่สามสิบ ข้าเองก็เป็นสะใภ้ผู้หนึ่งเหมือนกัน”
เฉิงฉือพยักหน้าพร้อมกับยิ้มน้อยๆ กล่าวขึ้นว่า “เสาจิ่นของพวกเราโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว!”
โจวเสาจิ่นเหลือบมองเขา พลางกล่าว “พูดราวกับว่าแม้แต่เรื่องแค่นี้ข้าก็ยังไม่เข้าใจ
อย่างไรอย่างนั้น”
เฉิงฉือหัวเราะเบาๆ
สองสามีภรรยาเดินตามกันหน้าผู้หนึ่งหลังผู้หนึ่งเข้าไปในห้องโถงใหญ่
หลังจากคารวะเฉิงเซ่าและฮูหยินผู้เฒ่ากัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว โจวเสาจิ่นก็ไปที่ห้องครัว
เฉิงเซ่ากล่าวยิ้มๆ ว่า “แม้นภรรยาของเจ้าสี่อายุยังน้อย ทว่าก็รู้ความยิ่ง”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยิ้มอย่างพึงพอใจ กล่าวอย่างถ่อมตนว่า “ถือว่าเป็นคนเชื่อฟัง”
เฉิงเซ่าพยักหน้ายิ้มๆ เอ่ยถึงเรื่องของหยางโซ่วซานกับเฉิงฉือขึ้นมา “…ได้ยินว่าที่บ้าน
ยากจนข้นแค้นยิ่งนัก หากช่วยเหลืออะไรได้ ก็ช่วยเหลือสักหน่อยเถิด อย่างไรเสียก็เป็นสหาย
ร่วมงานกัน”
เฉิงฉือขานรับคํายิ้มๆ หันไปส่งสายตาให้เฉิงเซ่าครั้งหนึ่ง
เฉิงเซ่าเข้าใจความหมาย กระทั่งนั่งได้ครู่ใหญ่แล้ว เขาหาข้ออ้างไปดูที่ห้องหนังสือสัก
หน่อย ให้เฉิงฉือออกจากห้องโถงไปเป็นเพื่อนเขา
ทั้งสองคนค่อยๆ เดินอยู่บนเฉลียงทางเดิน พลางพูดคุยไปด้วย
4624
ทว่าเบื้องหน้ากลับพบกับเฉิงเวิ่นและเฉิงนั่วสองสามีภรรยาเดินเข้ามา
เฉิงเซ่าตะลึงงัน
เฉิงฉือคาดเดาเอาไว้แล้ว จึงกล่าวยิ้มๆ ว่า “เกรงว่าพี่ใหญ่และพี่สะใภ้คงเชิญครอบครัว
ของพี่ชายเวิ่นมาฉลองปีใหม่ด้วยกันขอรับ”
เฉลิมฉลองปีใหม่นั้นต้องครึกครื้นสักหน่อย เนื่องจากเฉิงจิงและเฉิงเวิ่นเป็นญาติผู้พี่ผู้
น้องกัน ตอนนี้เฉิงเวิ่นพาบุตรชายและบุตรสะใภ้มาอยู่ที่เมืองหลวง ตามหลักและเหตุผลแล้ว
อย่างไรก็ควรจะเชิญพวกเขามาร่วมฉลองปีใหม่ด้วย
เฉิงเซ่าพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจนัก
ส่วนเฉิงเวิ่นนั้นรีบสาวเท้าก้าวเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
“พี่ใหญ่และพี่สะใภ้เห็นพวกข้าโดดเดี่ยว จึงเรียกพวกข้ามาฉลองปีใหม่ด้วยกัน” เขายิ้ม
ร่าขณะคารวะทําความเคารพทั้งสองคน กล่าวว่า “ท่านอารองสบายดีหรือไม่ ข้าไม่ได้เจอท่านมา
ระยะหนึ่งแล้ว” กล่าวอีกว่า “จื่อชวน ขอบใจเจ้ามากที่แนะนําร้านค้ารายใหญ่สองสามเจ้านั้นให้
ข้า ไม่เพียงมีราคาเป็นธรรม ยังเป็นคนดีมากอีกด้วย ข้าเร่งนําสินค้าเข้าร้านก่อนปีใหม่ เพียงวัน
แรกก็เริ่มค้าขายดีแล้ว ทําเงินได้สิบกว่าเหลี่ยงเชียว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป การค้านี้ของข้าต้อง
เจริญรุ่งเรืองเป็นแน่! ไม่แปลกที่ตระกูลขุนนางใหญ่ก็คิดจะทําการค้าดีๆ สักสองอย่างด้วย!”
นี่เพิ่งจะเริ่มต้น ทุกคนไปสนับสนุนเพื่อเป็นการให้เกียรติ ต่อไปเมื่อเวลาผ่านไปนานวัน
เข้าก็พูดยากแล้ว ต้องพึ่งพาความสามารถในการบริหารจัดการของตัวเอง!
เฉิงเซ่าและเฉิงฉือแลกเปลี่ยนสายตากันครั้งหนึ่ง เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “ครอบครัว
เดียวกันไม่กล่าวคําพูดเป็นอื่น แต่ขอให้การค้าของท่านประสบความสําเร็จเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้น
ไป ท่านแม่ยังไม่ทราบกระมังว่าพวกท่านมากันแล้ว ข้าและท่านอารองจะไปเดินเล่นข้างนอกสัก
4625
หน่อย พี่ชายเวิ่นรีบไปทักทายท่านแม่สักครั้งหนึ่งก่อนเถิด เกรงว่าท่านแม่คงกําลังรอพวกท่าน
อยู่!”
เฉิงเวิ่นยิ้มร่า พาเฉิงนั่วและอู๋เป่าจางไปที่ห้องโถงหลัก
ส่วนเฉิงฉือและเฉิงเซ่าไปที่ห้องหนังสือ
อู๋เป่ าจางเองก็เป็นสะใภ้ เนื่องจากมารับประทานอาหารส่งท้ายปี จึงไม่อาจนั่งคุยอยู่ใน
ห้องโถงหลักเป็นเพื่อนเฉิงเวิ่นและฮูหยินผู้เฒ่ากัว นั่งได้ครู่หนึ่ง นางก็หาโอกาสไปช่วยที่ห้องครัว
สาวใช้เด็กของตระกูลเฉิงเดินนําทางอยู่ด้านหน้า
พอก้าวเข้ามาในห้องครัวนางก็เห็นโจวเสาจิ่นนั่งอยู่บนเก้าอี้เล็กๆ ข้างประตูกําลังกินขนม
ปีใหม่หลายหลากที่เพิ่งออกมาจากเตาใหม่ๆ สาวใช้ของนางเองสองสามคนนั่งล้อมนางเอาไว้
ประหนึ่งดวงดารารายล้อมจันทรา ยังมีสาวใช้เด็กผู้หนึ่งยืนถือชามนํ้าแกงอยู่ข้างๆ ป้ารับใช้อีกผู้
หนึ่งกล่าวประจบประแจงอยู่ข้างๆ ว่า “…ได้ยินมานานแล้วว่าแม่ครัวที่ประตูเฉาหยางเชิญมานั้น
เป็นซือฝูจากเจียงหนาน ไม่รู้ว่าขนมเหล่านี้จะถูกปากท่านหรือไม่ ท่านลองชิมดูเจ้าค่ะ! มีอะไรที่
ทําได้ไม่ครบถ้วน ท่านบอกข้าตามตรงได้เลย พวกข้าจะไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้ ฮูหยินผู้เฒ่ายังต้องพัก
อยู่ที่นี่กับพวกข้าอีกหนึ่งเดือนกว่า! แม้นที่ผ่านมานางจะไม่เคยเลือกว่าขนมไหนดีเลว แต่พวกข้า
ที่เป็นคนทํางานอยู่ในห้องครัวเหล่านี้ หากของที่ทําออกมาแล้วบรรดาเจ้านายไม่โปรดปราน พวก
ข้าเองก็จะไร้เกียรติไปด้วย” แล้วก็รับชามนํ้าแกงจากมือของสาวใช้ยกไปตรงหน้าโจวเสาจิ่น
กล่าวขึ้นว่า “เป็นขนมถั่วแดงต้มพุทราจีนและดอกกุ้ยฮวาเจ้าค่ะ เป็นพุทราจีนแท้จากซานตง
หวานทว่าไม่เลี่ยน ฮูหยินสี่ช่วยชิมให้พวกข้าด้วยเถิดเจ้าค่ะ ดูว่าต้องเพิ่มนํ้าตาลอีกสักหน่อย
หรือไม่”
โจวเสาจิ่นวางตะเกียบลงข้างๆ กล่าวยิ้มๆ ว่า “ขนมปีใหม่นี้ทําได้รสชาติดียิ่ง เพียงแต่ว่า
ใส่องุ่นมากไป จึงมีรสเปรี้ยวเล็กน้อย ฮูหยินผู้เฒ่าอายุมากแล้ว ฟันกินของเปรี้ยวไม่ค่อยได้แล้ว”
4626
จากนั้นยกขนมหวานขึ้นมาชิมคําหนึ่ง กล่าวขึ้นว่า “ใส่พุทราจีนมากไปเล็กน้อย ทําให้สากปาก ใส่
น้อยลงอีกสักหน่อยก็พอดีแล้ว”
ป้ารับใช้ประจําครัวผู้นั้นพยักหน้าและโค้งให้น้อยๆ พร้อมกับขานรับ “เจ้าค่ะ”
อู๋เป่าจางมองแล้วก็แสยะยิ้มเย็นอยู่ในใจ
โจวเสาจิ่นช่างเลินเล่อไม่รู้จักที่ตายจริงๆ ถึงกับวิจารณ์ฝีมือของป้ารับใช้ประจําครัวของ
ตระกูลเฉิง
นางกวาดตามองไปรอบๆ ไม่เห็นทั้งหยวนซื่อแล้วก็ไม่เห็นทั้งชิวซื่อ
อู๋เป่าจางครุ่นคิด ยังคงก้าวออกไปทําความเคารพโจวเสาจิ่น
พอเห็นแล้วโจวเสาจิ่นก็รู้ได้ทันทีว่าหยวนซื่อเชิญพวกเฉิงเวิ่นมาฉลองปีใหม่ด้วย นางมิได้
ลุกขึ้น ยังคงนั่งกินขนมปีใหม่และขนมหวานของนางอยู่ตรงนั้นต่อไป โดยหันไปพยักหน้าให้อู่เป่ า
จางเล็กน้อย
อู๋เป่ าจางขุ่นเคืองอยู่ในใจ อดกลั้นเอาไว้พลางกล่าวยิ้มๆ ว่า “เหตุใดถึงไม่เห็นท่านป้า
สะใภ้จิงและท่านป้าสะใภ้เว่ยเลยเล่า”
โจวเสาจิ่นกล่าว “พี่สะใภ้รองกําลังทําความสะอาดหอบรรพชนอยู่ พี่สะใภ้ใหญ่จึงไปดู”
ทั้งไม่ถามว่านางมาถึงตั้งแต่เมื่อใดและไม่เชิญนางนั่งลงมาดื่มชาสักจอกด้วย
อู๋เป่าจางได้แต่อดทนอดกลั้นต่อไป กล่าวกับป้ารับใช้ประจําครัวผู้นั้นยิ้มๆ ว่า “นี่คือขนม
หวานอะไรหรือ ได้กลิ่นแล้วทั้งหอมและหวานยิ่ง!”
ป้ารับใช้ประจําครัวผู้นั้นกล่าวยิ้มๆ ว่า “ขนมถั่วแดงต้มพุทราจีนและดอกกุ้ยฮวาเจ้าค่ะ”
รีบบอกให้คนในครัวยกมาให้อีกหนึ่งชาม
4627
โจวเสาจิ่นเองก็มิได้สนใจนาง รับประทานขนมหวานอย่างสุภาพเรียบร้อย
ป้ารับใช้ผู้นั้นถือชามกระเบื้องเคลือบสีสันสดใสที่บรรจุน่องไก่หนึ่งน่องมาให้อีกอย่างเอา
อกเอาใจ กล่าวกับโจวเสาจิ่นเสียงเบาว่า “ฮูหยินสี่ พวกข้าทําไก่ขอทานด้วยอีกหนึ่งอย่าง ท่าน
ลองชิมดูว่าอร่อยหรือไม่”
โจวเสาจิ่นมองแล้วกล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้าเอาน่องไก่นี้มาให้ข้าแล้ว ประเดี๋ยวตอนขึ้นโต๊ะไก่
ขอทานนั่นจะไม่ขาดน่องไก่ไปน่องหนึ่งหรือ”
ป้ารับใช้กล่าวยิ้มๆ ว่า “ดูท่านพูดเข้า ไก่ขอทานนี้พวกข้ามิได้ทําบ่อยๆ ก็มิใช่เพราะกลัว
ว่าหากทําพลาดแล้วเวลาขึ้นโต๊ะแล้วจะไม่น่าดูหรอกหรือ อีกทั้งกลัวว่าในบ้านจะมีแขกมาอย่าง
กะทันหันแล้วจะไม่มีกับข้าว จึงทําเพิ่มมากขึ้นสองสามตัว ท่านรับประทานเถิดเจ้าค่ะ หากรู้สึกว่า
อร่อย ข้าจะฉีกน่องไก่มาให้ท่านอีกน่องหนึ่ง”
ตอนรับมื้อเช้าที่บ้านเฉิงฉือก็บังคับให้นางกินเปาทังเพิ่มอีกสองลูก กลัวว่าเมื่อมาที่นี่แล้ว
อาหารเที่ยงจะล่าช้าจนทําให้รู้สึกหิวได้ ชิมขนมปีใหม่ไปครึ่งชิ้น และกินขนมหวานหนึ่งถ้วยเล็กยัง
พอไหว หากกินน่องไก่อีกน่องหนึ่งคงเป็นการฝืนตัวเองเล็กน้อยแล้ว แต่ป้ารับใช้ผู้นั้นขยับเข้ามา
ใกล้ด้วยดวงหน้าขี้เล่น คนเต็มห้องครัวต่างมองอยู่ นางไม่อาจไม่ไว้หน้าป้ารับใช้ผู้นั้นได้ จึงรับ
ชามมายิ้มๆ ฉีกเนื้อมาชิมสองชิ้น รสชาติไม่เลวจริงๆ นางจึงกล่าวชมยิ้มๆ ว่า “ไม่แปลกที่เจ้าได้
ดูแลห้องครัว ไม่พูดถึงอย่างอื่น แค่ฝีมือทําไก่ขอทานนี้ก็รับผิดชอบทั้งหมดได้แล้ว”
ป้ารับใช้ผู้นั้นได้ยินแล้วก็ดีใจจนปิดไว้ไม่มิด ไปฉีกน่องไก่มาให้โจวเสาจิ่นอีกน่องหนึ่ง
โจวเสาจิ่นหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ กล่าวขึ้นว่า “นี่เจ้าคิดจะไม่ให้ข้ากินมื้อเที่ยง
แล้วใช่หรือไม่!”
4628
ป้ารับใช้ผู้นั้นหัวเราะฮ่า พลางกล่าว “ตอนเช้ากว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะรับมื้อเช้าก็ต้นยามซื่อ27 9
1
แล้ว ในครัวก็วุ่นอยู่กับการทําอาหารสําหรับกราบไหว้บูชา เกรงว่ากว่าจะจัดอาหารเที่ยงก็น่าจะ
ต้นยามเว่ย280
2 ท่านรองท้องเอาไว้ก่อน ประเดี๋ยวจะได้ไม่หิวเจ้าค่ะ!” กล่าวถึงตรงนี้ ถึงนึกขึ้นได้ว่าอู๋
เป่ าจางก็อยู่ด้วย ครุ่นคิดแล้วก็สั่งการสาวใช้เด็กในครัวว่า “ไป ไปตัดเนื้ออกไก่ของไก่ตัวนั้นมา
ให้นั่วไหน่ไนสักหน่อย!”
อู๋เป่าจางโกรธจนตัวสั่นไม่หยุด
นางมิใช่คนจากครอบครัวยากจนที่ไม่เคยกินเนื้อไก่มาก่อน ถึงกับให้คนเอาเนื้อไก่มาให้
นางกินเลยหรือ ยังเป็นของที่โจวเสาจิ่นกินเหลืออีก…
“ไม่ต้องหรอก!” นางกล่าวด้วยสีหน้าไม่ดี “ข้ามิใช่เด็กเล็กๆ มาถึงในครัวแล้วจะมาขอของ
กินนี่นา ไม่ต้องหรอก!”
โจวเสาจิ่นไม่ได้คิดจะสนใจนางอยู่แล้ว ยื่นชามกระเบื้องสีสันสดใสส่งให้ชุนหว่าน “ไก่
ขอทานนี้รสชาติดียิ่ง พวกเจ้าก็ลองชิมดูสักหน่อยเถิด”
ชุนหว่านรับมายิ้มๆ
ป้ารับใช้ผู้นั้นเหลือบมองอู๋เป่าจางครั้งหนึ่ง ยิ้มเห็นฟันทว่าไม่ถึงดวงตาพลางกล่าวกับชุน
หว่านว่า “ยังมีอีกๆ! หากแม่นางรู้สึกว่าอร่อย ข้าจะไปตัดมาให้อีกจานหนึ่ง จะให้พวกแม่นางต้อง
ลําบากได้อย่างไร!”
ชุนหว่านและคนอื่นๆ ยิ้มร่าพลางกล่าวขอบคุณ แต่อย่างไรก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสม ชิมไป
คนละหนึ่งคําก็วางตะเกียบแล้ว
1 ยามซื่อ 9-11 นาฬิ
กาโดยประมาณ
2 ยามเว่ย 13-15 นาฬิ
กาโดยประมาณ
4629
ทุกคนกําลังครึกครื้นกันอยู่ หยวนซื่อก็เข้ามา
โจวเสาจิ่นขานเรียก “พี่สะใภ้ใหญ่” เสียงหนึ่ง อู๋เป่าจางรีบก้าวออกไปทําความเคารพ
วันนี้มีธุระมากมาย หยวนซื่อเองก็มิได้สังเกตเห็นเรื่องในครัว หันไปพยักหน้าให้อู๋เป่ าจาง
ครั้งหนึ่ง เอ่ยประโยคหนึ่งว่า “หลานสะใภ้นั่วมาแล้วหรือ” จากนั้นก็กล่าวกับโจวเสาจิ่นว่า
“น้องสะใภ้ น้องสะใภ้รองทางด้านโน้นกําลังยุ่งๆ กันอยู่ เจ้าไปช่วยสักหน่อยเถิด!”
โจวเสาจิ่นขานรับคํายิ้มๆ ว่า “เจ้าค่ะ” ลุกขึ้นมุ่งหน้าไปที่หอบรรพชน
อู๋เป่าจางรีบกล่าว “ป้าสะใภ้ใหญ่ ให้ข้าไปช่วยด้วยดีหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่ต้องหรอก!” หยวนซื่อกล่าว “ของเหล่านั้นล้วนเป็นของใช้สําหรับกราบไหว้บูชา เสา
จิ่นไปก็พอแล้ว ทางด้านห้องครัวนี้ก็ยุ่งเหยิง หากเจ้าไม่มีธุระอะไรก็ไปอยู่คุยเป็นเพื่อนฮูหยินผู้
เฒ่าเถิด!”
อู๋เป่าจางขานรับคํายิ้มๆ ว่า “เจ้าค่ะ” สีหน้าดูเก้อกระดากเล็กน้อย
แยกตระกูลแล้ว ก็มิใช่ครอบครัวเดียวกันแล้ว
โจวเสาจิ่นเป็นสะใภ้ของจวนหลัก เพราะฉะนั้นจึงไปช่วยเก็บกวาดหอบรรพชนได้ นาง
เป็นแขก ทําได้แค่อยู่พูดคุยเป็นเพื่อนฮูหยินผู้เฒ่าเท่านั้น
นางไปที่ห้องโถงหลัก
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกําลังทดสอบการเรียนของเฉิงนั่วอยู่
เฉิงนั่วถูกถามจนเหงื่อท่วมศีรษะ
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวถอนใจกล่าวว่า “นั่วเกอเอ๋อร์ แม้นพ่อของเจ้าตั้งใจจะทําการค้า แต่การทํา
การค้าก็แบ่งเป็นหลายระดับหลายชนชั้น เจ้าได้เรียนหนังสือกับไม่ได้เรียนหนังสือมีความแตกต่าง
4630
ใหญ่หลวงนัก ต่อไปเจ้าต้องเอาใจใส่ต่อการเรียนการบ้านต่างๆ สักหน่อย หากไม่ชอบจริงๆ ต่อไป
ก็ต้องจําเอาไว้ว่าต้องกําชับให้บุตรชายหญิงเรียนหนังสือ คนทุกรุ่นของตระกูลเฉิงของพวกเรา
ล้วนมีคนเรียนหนังสือกันทั้งสิ้น”
เฉิงนั่วเช็ดเหงื่อ ได้แต่ขานรับคําเท่านั้น
อู๋เป่าจางหน้าร้อนผะผ่าว รู้สึกว่าเสียหน้าจนถึงจิงเฉิงแล้ว
นางหมุนกายเดินออกไปด้านนอก
เดินมาได้ระยะหนึ่งถึงได้ค้นพบว่าตัวเองเดินมาถึงเรือนฝั่งตะวันออกแล้ว
บานประตูหอบรรพชนของตระกูลเฉิงเปิดกว้าง โจวเสาจิ่นจัดโต๊ะบูชาไปด้วย พลาง
พูดคุยกับชิวซื่อไปด้วย
ชิวซื่อนั่งเช็ดถ้วยชามที่จะใช้สําหรับกราบไหว้บูชาอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็ก ยิ้มร่าพลางขาน
ตอบโจวเสาจิ่นไปด้วย
อู๋เป่าจางรู้สึกว่ามีลมมาจุกอยู่ที่หน้าอก
มิใช่ว่าโจวเสาจิ่นเป็นบุตรสะใภ้ที่เพิ่งแต่งเข้ามาใหม่หรอกหรือ
ควรจะให้นางเป็นคนเช็ดถ้วยชามสําหรับกราบไหว้บูชาและชิวซื่อเป็นคนจัดวางบนโต๊ะ
มิใช่หรือ
เหตุใดพอถึงคราวของโจวเสาจิ่นแล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด?
นางอดกลอกตาครั้งหนึ่งไม่ได้
เฉิงสวี่ไปไหนเสียแล้ว
4631
ของใช้สําหรับกราบไว้บูชานั้นไม่อาจผ่านมือของคนนอกได้ เฉิงสวี่เป็นหลานชายคนโต
ของจวนหลัก เขาก็ควรจะมาเช็ดถ้วยชามสําหรับกราบไหว้บูชาด้วยถึงจะถูก…