ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 475 ต่างๆ นานา
ชิวซื่ออ้าปากค้างพูดไม่ออก กล่าวขึ้นว่า “ทะ ท่านแม่จะไม่มีเงินได้หรือ ที่ผ่านมานาง พูดจาอะไรล้วนเป็นคําไหนคํานั้นมาโดยตลอด…นางยังบอกว่าจะแบ่งอีกห้าหมื่นเหลี่ยงให้พวก พี่ชายใหญ่ด้วยนี่นา…”
เฉิงเว่ยรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก
เมื่อกล่าวถึงเรื่องมีเกียรติมีหน้ามีตาเขาไม่ดีเท่าพี่ใหญ่ กล่าวถึงผลงานด้านเงินทองเขาก็ สู้น้องเล็กไม่ได้ การรับบ้านหนึ่งหลังและเงินหนึ่งแสนเหลี่ยงมาโดยปราศจากเหตุผลที่ดีนั้น…เขา คิดไม่ตกราวกับมีหลุมกว้างนอนขวางอยู่ในใจ รู้สึกข้ามอย่างไรก็ข้ามไปไม่พ้น
เห็นภรรยาตกใจมากเพียงนั้น เขารู้สึกลังเลขึ้นมาเล็กน้อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จะปิดบังภรรยาเอาไว้หรือว่าจะบอกความจริงกับนางไปดีนะ?
แต่เรื่องราวเกี่ยวข้องกับพรรคเจ็ดดารา ยิ่งคนรู้มาก ความลับนี้ก็จะยิ่งเก็บเอาไว้ได้ยาก ตระกูลเฉิงก็จะยิ่งอันตรายมากขึ้น
ในเมื่อครั้งนี้กล่าวถึงเรื่องแยกบ้านกันแล้ว มิสู้เกลี้ยกล่อมให้มารดาและน้องเล็กยกเลิก พรรคเจ็ดดาราไปเสีย!
พรรคเจ็ดดารานั้นเป็นดั่งดาบคมเล่มหนึ่ง คนที่ถือมันให้มั่นคงได้ย่อมพิชิตได้ทั้งเหนือใต้ ออกตก ขจัดปัดเป่าทุกปัญหาออกไปได้ แต่คนที่ถือมันให้มั่นคงไม่ได้ก็เสมือนกับเด็กน้อยรําดาบ มีแต่จะทําให้ตัวเองบาดเจ็บเท่านั้น นอกจากนี้เงินที่ได้จากพรรคเจ็ดดาราก็ได้มาง่ายดายเกินไป ตั้งแต่โบราณกาลมาแล้วที่ความดีย่อมชนะความชั่วร้าย ครอบครัวได้รับการสนับสนุนจากพรรค เจ็ดดารามามากแล้ว ไม่อาจปล่อยให้บุตรหลานของคนรุ่นหลังละทิ้งถนนกว้างขวางอย่างการ
4416
สอบเข้ารับราชการไปไม่ยอมเดินแต่กลับไปเดินบนทางลัดคดเคี้ยวเส้นนี้ด้วยเหตุเพราะคําว่า ‘ละโมบโลภมาก’ คํานี้ได้!
เมื่อคิดเผื่อบุตรหลานแล้ว พรรคเจ็ดดารานี้ก็ไม่อาจเก็บเอาไว้เช่นกัน
นอกจากนี้ใช้โอกาสตอนที่น้องเล็กมีความสามารถควบคุมพรรคเจ็ดดาราได้นี้ยกเลิกมัน ไปเสีย
เขาไตร่ตรองอยู่กว่าครู่ใหญ่ สุดท้ายตัดสินใจว่าควรจะปิดบังภรรยาเอาไว้
อย่างไรเสียเมื่อเขาตัดสินใจได้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเกลี้ยกล่อมให้มารดาและน้องเล็ก ยกเลิกพรรคเจ็ดดาราไปให้ได้ หากว่ามารดาและน้องเล็กไม่เห็นด้วย เช่นนั้นเขาจะไม่ยุ่งเรื่องใน ตระกูลอีก จะปิดประตูบ้านใช้ชีวิตเรียบง่ายของตัวเองไปก็พอ ส่วนเรื่องของพรรคเจ็ดดารานั้น เขาก็จะไม่ช่วยพูดให้บุตรหลานคนรุ่นหลังอีก ทั้งไม่ต้องการเงินจากพรรคเจ็ดดาราและไม่ให้บุตร หลานคนรุ่นหลังของเขาไปรับช่วงต่อพรรคเจ็ดดาราด้วย เช่นนั้นเหตุใดต้องให้ภรรยารู้เรื่องแล้ว เป็นกังวลใจและหวาดกลัวด้วยเรื่องนี้ด้วยเล่า
ชิวซื่อเห็นสามีขมวดคิ้วมุ่นครุ่นคิดกว่าครู่ใหญ่แล้วก็ยังไม่พูดอะไร ในทางกลับกันยิ่งอยู่สี หน้าก็ยิ่งดูเคร่งเครียดมากยิ่งขึ้น นางอดถามสามีเบาๆ ไม่ได้ว่า “เป็นอะไรไปเจ้าคะ เพราะข้าพูด อะไรไม่เหมาะสมไปใช่หรือไม่ ข้าเองก็เพียงพูดไปอย่างนั้นเท่านั้น…”
เฉิงเว่ยส่ายศีรษะ ไม่ลังเลอีก กล่าวเสียงขรึมว่า “เจ้าเองก็รู้จักนิสัยยุติธรรมของท่านแม่ดี เมื่อถึงเวลาต้องแยกบ้านกันก็ยิ่งไม่ยอมให้บุตรชายคนใดต้องลําบาก ไม่อย่างนั้นเจ้าดูบ้านของ เจ้าสี่ก็ได้!”
ชิวซื่อกล่าวขึ้นอย่างแปลกใจว่า “บ้านของน้องสี่เป็นอย่างไรหรือเจ้าคะ ข้าดูแล้วก็งดงาม ดียิ่งนี่นา!”
4417
เฉิงเว่ยกล่าว “บ้านของเจ้าสี่ซื้อมาก่อนที่พวกเราจะแยกตระกูลกับซอยจิ่วหรูใช่หรือไม่ ซื้อบ้านขนาดถนนสามเส้นมาในคราวเดียว ห้องหับต่างๆ ก็สร้างและตกแต่งขึ้นมาใหม่ทั้งหมด เป็นจํานวนเงินมหาศาลยิ่ง แต่เจ้าดูตอนนี้ ด้านของพี่ใหญ่ได้ส่วนแบ่งเป็นเงินเจ็ดหมื่นเหลี่ยง พวกเราทางด้านนี้ได้หนึ่งแสนเหลี่ยง รวมกับที่บอกว่าจะให้รั่งเกอเอ๋อร์อีกสองหมื่นเหลี่ยง ทั้งหมด เป็นเงินหนึ่งแสนเก้าหมื่นเหลี่ยง…และจะซื้อบ้านให้พวกเราอีกหนึ่งหลัง อย่างมากก็ไม่น่ามากไป กว่าหนึ่งหมื่นเหลี่ยงกระมัง เกรงว่าเงินจํานวนนี้ล้วนเป็นเงินที่เตรียมเอาไว้ให้เจ้าใช้ตอนแต่งงาน ตั้งแต่ก่อนที่จะแยกตระกูลแล้ว…”
ตั้งแต่โบรํ่าโบราณมาการออกเงินให้บุตรชายแต่งงานถือเป็นหน้าที่ ส่วนการออกเงินให้ หลานชายแต่งงานถือเป็นนํ้าใจ
เริ่มแรกตอนที่พวกเขาแต่งงานกันนั้น พ่อสามีและแม่สามีก็ไม่เคยอยุติธรรมต่อพวกเขา เลย
ชิวซื่อหัวใจกระตุก โพล่งถามออกมาว่า “หรือว่าเงินที่พวกเราใช้อยู่ตอนนี้จะเป็นเงินของ น้องสี่ทั้งหมด?”
“แปดถึงเก้าในสิบส่วนน่าจะเป็นเช่นนั้น” เฉิงเว่ยกล่าว ลุกขึ้นด้วยความกังวลใจ เอามือ ไพล่หลังเดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องสองรอบ
ชิวซื่อเห็นสามีลําบากใจเพียงนี้ อดกล่าวขึ้นอย่างลังเลไม่ได้ว่า “หรือไม่ พวกเราไม่ต้อง รับเงินจํานวนนั้นแล้วดีหรือไม่ ให้ท่านแม่ซื้อบ้านให้พวกเราสักหลังก็พอ บ้านก็ซื้อหลังเล็กหน่อย ขนาดสองทางเข้าก็พอแล้ว…แต่เงินสําหรับงานแต่งของรั่งเกอเอ๋อร์นั้นข้ายังคงจะรับไว้…หนึ่ง เพราะเป็นเงินที่ย่ามอบให้ ให้เขาได้รู้จักดีชั่วสักข้อหนึ่ง สองเพราะเงินสินเจ้าสาวของข้ามีน้อย เมื่อแยกบ้านกันแล้วพวกเราก็ไม่มีเงินแล้วจริงๆ พวกเราอาจจะอยู่อย่างอัตคัดได้ แต่ไม่อาจปล่อย ให้รั่งเกอเอ๋อร์ต้องอยู่อย่างอัตคัดตามพวกเราไปด้วยได้…แต่หากว่าไม่ได้จริงๆ ก็บอกเรื่องนี้ให้รั่ง
4418
เกอเอ๋อร์ได้รับรู้ สุดท้ายจะรับเงินสองหมื่นเหลี่ยงนี้หรือไม่นั้น ก็ให้เขาเป็นคนตัดสินใจเอาเอง…แต่ ว่าอย่าบอกรั่งเกอเอ๋อร์เลยจะดีกว่า ต่อให้ใจเขาอยากรับไว้ แต่ก็พูดออกมาไม่ได้แน่ สุดท้ายจะ เป็นการทําให้เด็กผู้นี้ลําบากใจเปล่าๆ…”
เฉิงเว่ยฟังแล้วก้าวออกมาโอบบ่าของภรรยาเอาไว้ กล่าวเสียงเบาว่า “มีภรรยาเช่นนี้ สามี จะร้องขออะไรอีก พวกเด็กๆ เป็นคนเชื่อฟังขนาดนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นการอุทิศแรงกายแรงใจของ เจ้าทั้งสิ้น!”
สตรีในเรือนชั้นในนั้น สิ่งที่พวกนางต้องการในชีวิตนั้นไม่เกินไปจากนี้แล้ว!
กระบอกตาของชิวซื่อพลันรื้นไปด้วยหยาดนํ้าตา รีบกล่าวขึ้นว่า “สามีท่านชมเกินไปแล้ว นับตั้งแต่ที่ข้าแต่งเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นท่านแม่หรือว่าพี่ชายใหญ่น้องชายเล็กล้วนปฏิบัติต่อข้าเป็น อย่างดียิ่ง โดยเฉพาะท่านแม่ เห็นข้าเป็นเสมือนกับบุตรสาวแท้ๆ คนหนึ่ง หากว่าครอบครัวประสบ กับความยากลําบาก ข้าจะเห็นแก่ตัวเองได้อย่างไร…”
เฉิงเว่ยพยักหน้า ตัดสินใจว่าควรเรียกบุตรชายเข้ามาสอบถามความคิดเห็นของเขา ดูก่อน “เนื่องจากเป็นการแยกบ้าน จึงไม่อาจให้บุตรชายเกลียดชังพวกเราในภายหลังได้”
ชิวซื่อไม่อาจขัดขวางสามี เพียงแต่ลอบรู้สึกเสียใจว่าไม่น่าพูดคําพูดนั้นออกมาเลย
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเฉิงรั่งอายุน้อยยังไม่รู้จักความยากลําบากของชีวิตหรือเพราะชีวิตเต็ม เปี่ยมไปด้วยความฝันและความหวังกันแน่ กล่าวขึ้นอย่างจริงใจว่า “ข้าไม่อยากได้เงินของท่านย่า หากว่าท่านย่าอยากมอบของแทนใจให้ข้า ก็ให้นางส่งต่ออักษรภาพและสมุดคัดอักษรให้ข้าสัก สองภาพดีกว่าขอรับ ต่อไปจะได้ทําเป็นสมบัติตกทอดของตระกูลด้วย”
เฉิงเว่ยพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง ลูบศีรษะของบุตรชายเบาๆ พลางกล่าว “ยอดบุรุษสร้าง รอยเท้าเป็นของตัวเอง บรรพบุรุษของตระกูลเฉิงของพวกเรานั้นก็เป็นคนตัวเปล่าเล่าเปลือย ไม่
4419
ง่ายเลยกว่าจะเดินมาถึงวันนี้ได้ เจ้ามีบิดาเป็นจิ้นซื่อขั้นสองผู้หนึ่ง มีท่านลุงใหญ่เป็นขุนนางใหญ่ คนสําคัญผู้หนึ่ง และมีท่านอาเป็นผู้แตกฉานเรื่องนํ้าผู้หนึ่ง ก็ถือว่าดีกว่าผู้อื่นมากแล้ว ข้าเชื่อว่า เจ้าจะก่อร่างสร้างทรัพย์สมบัติของตระกูลขึ้นมาได้”
บนใบหน้าขี้อายของเฉิงรั่งเผยความมีชีวิตชีวาออกมา
เฉิงเว่ยยิ้มน้อยๆ ตบบ่าของบุตรชายเบาๆ เสมือนกับตอนกระทํากับสหายในวัยเดียวกัน พลางกล่าว “เอาล่ะ พรุ่งนี้รอให้ข้าเลิกงานจากที่ว่าการแล้ว พวกเราก็ไปคารวะท่านแม่ที่ประตู เฉาหยางด้วยกัน!”
ชิวซื่อและเฉิงรั่งพยักหน้ารับยิ้มๆ
โจวเสาจิ่นและเฉิงฉือกําลังเก็บข้าวของกันอยู่
พรุ่งนี้พวกเขาจะต้องออกเดินทางไปเมืองเป่าติ้งตั้งแต่เช้าตรู่ นอกจากของขวัญที่จะมอบ ให้โจวเจิ้น หลี่ซื่อ และโจวโยวจิ่นแล้ว ก็ต้องเตรียมของฝากท้องถิ่นไปให้เพื่อนร่วมงานของโจวเจิ้น และสหายเก่าแก่ของตระกูลเฉิงด้วย ผู้อื่นจะได้ไม่เอาไปพูดกันว่าพวกเขาไร้มารยาท
เฉิงฉือเห็นใจและสงสารที่โจวเสาจิ่นไม่ค่อยสบายตัวนัก จึงให้นางขึ้นเตียงไปพักผ่อนเสีย แต่หัวคํ่า “ของพวกนี้มีฝานหลิวซื่อช่วยจัดเก็บให้ ยังมีฝานฉีเป็นลูกมือช่วยอยู่ข้างๆ ด้วยอีกผู้หนึ่ง เจ้าจึงไม่ต้องสนใจแล้ว หากขาดเหลือสิ่งใด ถึงเวลาพวกเราค่อยซื้อของจําพวกใบชาของที่นั่นเติม เข้าไปก็ได้แล้ว”
ก็เพียงเสียเงินเพิ่มเล็กน้อยเท่านั้น แต่คําพูดนี้เขากลับไม่อาจพูดต่อหน้าโจวเสาจิ่นได้
4420
เมื่อครู่เด็กน้อยเพิ่งตัดสินใจว่าจะตั้งใจทําหน้าที่ภรรยาให้ดี หากเขาพูดเช่นนี้ออกไป นาง ต้องคิดว่าเขารู้สึกว่านางใช้ไม่ได้เป็นแน่
อีกอย่าง โจวเสาจิ่นก็ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงสักเท่าไรจริงๆ
สองวันมานี้ถึงแม้นางจะปรนนิบัติเฉิงฉือไม่ได้ แต่เฉิงฉือก็อยู่ไม่สุขเลย ประเดี๋ยวก็บีบ นางตรงนี้ ประเดี๋ยวก็ลูบนางตรงนั้น ทําเอานางไม่ได้หลับดีๆ เลยสักครั้ง เหนื่อยยิ่งกว่าตอน ปรนนิบัติเขาเสียอีก…
นางอ้าปากหาวออกมาครั้งหนึ่งอย่างห้ามไม่อยู่ ดึงแขนเสื้อของเฉิงฉือเบาๆ ด้วยใบหน้า แดงกํ่า กล่าวเสียงเบาว่า “เช่นนั้นวันนี้ท่านก็อย่าซุกซนอีก ให้ข้าได้หลับดีๆ สักตื่นหนึ่งดีหรือไม่”
เฉิงฉือประหลาดใจ กล่าวขึ้นว่า “เจ้าหลับไม่สนิทหรือ ทุกคืนข้าเห็นเจ้านอนไม่ขยับตัว เลยนี่นา…”
นั่นก็เพราะเหนื่อยมากอย่างไรเล่า
โจวเสาจิ่นถลึงตาใส่เฉิงฉือครั้งหนึ่ง
เฉิงฉือหัวเราะร่า กล่าวขึ้นว่า “ข้ารู้แล้วๆ”
โจวเสาจิ่นวางใจลงมาได้
แต่ใครจะรู้ว่าพอขึ้นเตียงเขาก็จับนางถอดจนเหลือแค่กางเกงตัวเดียว ดูดกลืนความเต็ม ล้นของนางไม่ปล่อย ทําเอาร่างกายของนางร้อนวูบวาบไม่หยุดไม่หย่อน สุดท้ายกระซิบอ้อนวอน เขาถึงได้ยอมปล่อยนาง…แต่มือกลับยังคงวางอยู่ที่หน้าอกของนางไม่ปล่อย ปัดป่ ายเล่นอยู่ตรง นั้น…นางไร้เรี่ยวแรงจะต่อกรกับเขาแล้วจริงๆ ท้ายที่สุดไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไร รู้เพียงว่าเมื่อ ตนตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นนั้นแววตาสุกใส ริมฝีปากแดงเปล่งปลั่ง ดูคล้ายกับดอกโบตั๋นที่ได้รับ
4421
การประสาทพร อับอายจนนางก่นด่าเฉิงฉืออยู่ในใจจนพอใจไปคํารบหนึ่ง ถึงได้ลุกขึ้นออกไปจาก ห้องชั้นใน แล้วไปกล่าวอําลาฮูหยินผู้เฒ่ากัวพร้อมกับเฉิงฉือ
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกําชับพวกเขาอย่างละเอียดไปมากมาย ให้พวกเขากล่าวทักทายโจวเจิ้น แทนนาง ให้เชิญหลี่ซื่อมาเที่ยวจิงเฉิงยามมีเวลาว่างแทนนาง…กระทั่งฉินจื่อจี๋เข้ามาแจ้งว่าได้ เวลาออกเดินทางแล้ว เฉิงฉือถึงได้ประคองโจวเสาจิ่นขึ้นรถม้า รถม้าเคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปเมืองเป่า ติ้งท่ามกลางสายตาของฮูหยินผู้เฒ่ากัว
กระทั่งรถม้าจากไปไกลจนมองไม่เห็นแล้ว หลี่ว์มามาถึงได้ก้าวออกไปประคองฮูหยินผู้ เฒ่ากัว กล่าวยิ้มๆ ว่า “นายท่านสี่และฮูหยินสี่จะต้องเดินทางอย่างปลอดภัยแน่นอนเจ้าค่ะ หลาย วันมานี้ท่านเองก็ยุ่งจนเหน็ดเหนื่อยแย่แล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถิด!”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวรับคําแนะนํานั้น ตามหลี่ว์มามากลับเข้าไปในเรือน ไปสนทนาพูดคุยกับ บรรดาสตรีที่ยังรั้งอยู่เพื่อรอร่วมงานแต่งของเฉิงสวี่ รับประทานอาหารและชมการแสดงงิ้ว เพียง ไม่นานพระอาทิตย์ก็เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกแล้ว
เฉิงเว่ยมากันทั้งครอบครัว
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวให้คนจัดเตรียมอาหารเย็นให้พวกเขา ส่วนตัวเองเรียกหลี่ว์มามาเข้ามา ถามว่า “ข่าวคราวส่งไปถึงซอยซิ่งหลินหรือยัง”
หลี่ว์มามากล่าวยิ้มๆ ว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าวางใจเถิด ให้คนนําสารไปส่งให้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เจ้าค่ะ เพียงแต่ว่าเมื่อวานทางด้านของฮูหยินหยวนให้การรับรองครอบครัวของป้าและลุงของ คุณหนูใหญ่หมิ่น กล่าวกันว่าลุงเขยของคุณหนูใหญ่หมิ่นได้รับแต่งตั้งให้เป็นข้าหลวงฝ่ ายตรวจ ตราของซานซี ส่วนลุงของคุณหนูใหญ่หมิ่นได้เลื่อนขั้นเป็นเจ้าพนักงานกรมพิธีการ เกรงว่ายังไม่มี เวลาว่างมาฟังพวกสาวใช้ข้างกายคุยกันเจ้าค่ะ”
4422
เมื่อวานไม่รู้ เช่นนั้นวันนี้ก็ต้องรู้แล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ากัวถามขึ้นว่า “นายท่านใหญ่เลิกงานจากที่ว่าการตรงตามเวลาหรือว่าเลิก ก่อนเวลา” หลี่ว์มามารู้ดีว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวจะต้องถามเช่นนี้ จึงให้คนไปสืบความมาแล้ว ด้วยเหตุนี้ จึงกล่าวยิ้มๆ ว่า “เลิกก่อนเวลาปกติครึ่งชั่วยามเจ้าค่ะ” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยิ้มเย็น
หยวนซื่อนั้นกระทืบเท้าอย่างเดือดดาล กล่าวกับเฉิงจิงว่า “ท่านแม่หมายความว่าอย่างไร กันแน่ ไม่ต้องพูดถึงน้องสะใภ้ แม้แต่โจวเสาจิ่นก็ยังเรียกไปหารือด้วย แต่กลับขังข้าไว้ในกลองมิ ให้ล่วงรู้! ข้าต่างหากที่เป็นสะใภ้ใหญ่ ข้าต่างหากที่เป็นภรรยาเอกของตระกูลนี้! ท่านแม่ทําเช่นนี้ จะให้ข้าเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ครั้งนี้ท่านแม่ทําเกินไปแล้ว!”
ดวงหน้าของเฉิงจิงเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า กล่าวขึ้นว่า “เจ้าเองก็เพียงได้ยินพวกบ่าว รับใช้ซุบซิบกันเท่านั้น จะโมโหใหญ่โตขนาดนี้ไปทําไม ท่านแม่มิใช่คนที่ชอบนินทาลับหลังผู้อื่น ประเภทนั้น หากต้องการแยกบ้านจริงๆ นางย่อมต้องเรียกพวกเราไปหารือด้วยอยู่แล้ว เจ้าอย่า เอาแต่ฟังลมเป็นฝน เรื่องดีๆ เมื่อมาถึงเบื้องหน้าเจ้าก็กลายเป็นเรื่องร้ายไปเสียแล้ว หากเจ้ามี เวลาว่างขนาดนี้ มิสู้แวะไปที่ประตูเฉาหยางบ่อยๆ ไปแสดงความกตัญ�ูต่อหน้าท่านแม่บ้าง ย่อมดีกว่าการที่เจ้าจะมาสงสัยและริษยาจากที่ที่ห่างกันไม่กี่ถนนเช่นนี้”
ดวงหน้าของหยวนซื่อประเดี๋ยวก็เขียวครึ้มประเดี๋ยวก็ขาวซีด
นางย่อมไม่อาจบอกว่าตนวางคนเอาไว้ที่ประตูเฉาหยาง ข่าวคราวที่ได้รับมานี้เชื่อถือได้ แน่นอน
4423
เฉิงจิงเพียงคิดว่านํ้าเสียงพูดของตนแข็งกระด้างเกินไป จึงรีบกล่าวขึ้นว่า “ข้าเองก็มิได้ กล่าวโทษเจ้า เพียงแต่ต่อไปให้เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้แล้ว ต่อให้แยกบ้าน สิ่งที่แบ่งกันก็เป็น สมบัติส่วนตัวของท่านแม่ นางอยากทําอย่างไรก็ให้นางทําอย่างนั้น พวกเราไปยุ่งไม่ได้อยู่แล้ว หากเจ้าอยากให้นางแบ่งให้เจ้ามากสักหน่อย เจ้าก็ต้องไปขอความโปรดปรานจากนางบ่อยๆ… หลักการข้อนี้ข้าไม่พูดเจ้าก็น่าจะเข้าใจดีถึงจะถูก”
แน่นอนว่าหยวนซื่อย่อมเข้าใจดี แต่เหตุใดทุกครั้งที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวมองนางสายตาต้องเย็นชาเป็นนํ้าแข็งด้วย นางรู้สึกยอมไม่ได้จริงๆ!