ลูกน้ำ
“พี่เจ น้ำเวียนหัวจังเลยค่ะ” ฉันบอกเจสันที่นั่งคุยกับเพื่อนอยู่ ซึ่งตอนนี้ฉันนั่งอยู่บนตักเขา เขากอดฉันไว้จากด้านหลังส่วนฉันก็เอนหลังพิงกับอกแกร่ง วันนี้เขาเข้ามาที่ผับ แล้วฉันก็ติดสอยห้อยตามมาด้วย ไม่อยากอยู่คนเดียวไงเลยมา แล้วสภาพฉันก็เป็นอย่างที่เห็น คือพอได้กลิ่นเหล้าแล้วปวดหัวเวียนหัวทั้งที่ตัวเองไม่ได้กิน อย่างบอกไม่ถูก
“เป็นอะไรครับ หืม” เจสันก้มหน้าลงมาถามฉันด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ตั้งแต่แต่งงานกันมาเขาเอาใจใส่ดูแลฉันดีมาก ถึงแม้บางครั้งเขาจะงอแงเหมือนเด็กก็เถอะ โดยเฉพาะเรื่องลูกที่เขาอยากจะมีมากเป็นพิเศษ แต่ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรก็เข้าใจเขานะเพราะฉันเองก็อยากจะมีเหมือนกันแต่ทำไงได้ในเมื่อเขายังไม่มาอยู่กับเรา ซึ่งฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่มีน้องซะทีทั้งที่ฉันเองก็ไม่ได้คุมกำเนิดแม้แต่ทางเดียวและร่างกายของเราสองคนก็แข็งแรงดี จนเพื่อนๆ ของเจสันแขวะเขาว่าเขาไม่มีน้ำยาเรื่องนี้ทำให้เขางอลนิดหน่อย
“เวียนหัวแล้วก็ปวดด้วยค่ะ เหม็นเหล้า” ฉันบอกเขาไป ปกติเหล้ามันก็ไม่ได้เหม็นอะไรมากสำหรับฉันเพราะฉันเองก็ดื่มในตอนที่เป็นดีเจอยู่ ทุกวันนี้ก็มีบ้างถ้าอยู่กับเจสันก็มีจิบเล็กน้อย แต่วันนี้รู้สึกว่าเหม็นมากเป็นพิเศษแค่ได้กลิ่นก็ปวดหัว อาการปวดหัวของฉันตอนนี้มัน ตึบๆ อยู่ในหัวเหมือนหัวจะระเบิดออกมาและก็เหมือนจะอ้วกด้วย
“หืม ปวดมากไหม” เขาถาม ฉันก็พยักหน้าตอบ เจสันยกมือขึ้นมาลูบหัวฉันเบาๆ เหมือนกับจะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวให้กับฉัน ฉันซบหน้าลงกับอกเขาแล้วก็หลับตาลง
“กูว่าพาลูกน้ำกลับเถอะ ท่าจะไม่ไหว” พี่มาร์คพูดขึ้นเมื่อเห็นอาการฉัน
“ไปหาหมอไหมครับ” นี่ไม่ใช่เสียงของเจสัน แต่เป็นเสียงของพี่บีมที่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอันอบอุ่น เขายังเป็นพี่ชายที่แสนดีของฉันเสมอ
ฉันส่ายหน้าเป็นคำตอบอยู่ที่หน้าอกของเจสันโดยไม่ลืมตามองทุกคน ฉันคิดว่าได้กลับบ้านอนคงจะดีขึ้น ไม่อยากจะไปหาหมอ ฉันไม่ชอบกลิ่นของโรงพยาบาล
“งั้นเรากลับกันดีกว่า เนอะ” เจสันพูดขึ้นเมื่อเขาเห็นว่าฉันยังไม่ยอมลืมตามองใคร มันปวดมากนะพูดเลย เคยแบบปวดหัวจนไม่อยากจะลุกไปไหนไหม ฉันเป็นแบบนั้นแหละและมีอีกอาการคือตอนยกหัวขึ้นมากลัวว่าตัวเองจะอ้วกด้วย ฉันจึงพยักหน้ารับอยู่ตรงอกแกร่ง
“ไปเถอะกูเดินไปส่ง” พี่มาร์คพูดขึ้น เจสันก็จัดการอุ้มฉันขึ้นแล้วเดินลงมาจากชั้นสอง เดินออกจากผับที่ตอนนี้เปิดเพลงดังกระหึ่ม ฉันลืมตากขึ้นมองดูหน้าเจสัน
“กลับก่อนนะไอ้บีม” เจสันให้ไปบอกพี่บีม
“ดูแลน้ำดีๆ ด้วย” พี่บีม บอกเจสัน
“กูผัวครับ ไม่ดูแลเมียจะดูแลใคร” เจสันก็พูดขึ้นส่งท้าย ยังจะแขวะกันอีกนะ
“พี่เจให้น้ำเดินเองดีกว่าค่ะ น้ำเดินไหว” ฉันบอกเจสัน เมื่อเดินออกจากผับมาได้ รู้สึกหายใจคล่องขึ้น เลยอยากจะเดินเอง
“ไม่เอาครับ ใกล้ถึงรถแล้ว” เขาบอก พร้อมกับเดินตรงไปยังรถ ฉันเลยไม่พูดอะไร พอมาถึงที่รถพี่มาร์คก็เปิดประตูรถให้
“ขอบคุณนะคะพี่มาร์ค” ฉันขอบคุณพี่มาร์ค
“ครับ พี่ว่าทางที่ดีน้ำควรให้ไอ้เจพาไปหาหมอนะ” พี่มาร์คพูด เมื่อเจสันวางฉันลงบนเบาะรถเรียบร้อย ตัวเขาเองก็เดินไปด้านคนขับ
“น้ำไม่เป็นไรมากหรอกค่ะ แค่รู้สึกว่าตัวเองเหม็นกลิ่นแอลกอฮอล์แค่นั้นเอง พอออกมาข้างนอกแบบนี้ก็หายใจโล่งขึ้น เดี๋ยวคงหาย” ฉันบอกพี่มาร์คออกไป ฉันเหมือนเด็กดื้อที่ไม่อยากไปหาหมอเลยตอนนี้
“โอเคครับ ดื้อจริงนะเรา” พี่มาร์คคงจะยอมในความดื้อของฉัน เขาเอามือมาลูบหัวฉันเบาๆ ฉันเลยยิ้มเจื่อนๆ ให้กับเขา พี่มาร์คกับพี่บีมทั้งสองคนนี้จะคอยเป็นห่วงฉันเสมอ ถึงฉันแต่งงานกับเจสันแต่ทั้งสองคนก็ยังไม่เลิกห่วง เขาสองคนตามใจฉันมาก ฉันลืมไปแล้วว่าตัวเองเริ่มสนิทกับพวกพี่เขาสองคนตอนไหน คงจะเป็นตอนที่เจสันไม่อยู่ฉันก็มีพี่มาร์คกับพี่บีมคอยดูแลและมันก็เป็นอย่างนั้นเรื่อยมาจนถึงตอนนี้
“พอล่ะ ไอ้มาร์คมึงจะโอ๋เมียกูเกินไปแล้ว เหลือให้น้ำมาอ้อนกูบ้าง” นั่งไง เจสันเขาก็มักจะเป็นแบบนี้เมื่อเพื่อนตัวเองสนใจฉันมากๆ เหมือนน้อยใจรึเปล่าก็ไม่รู้
“เออๆ แค่นี้ก็หวงเหรอ ขับรถกลับดีๆ ถ้าเป็นมากกว่านี้ก็พาน้ำไปหาหมอนะมึง” พี่มาร์คบอกส่งท้ายของจะปิดประตูรถให้ แล้วเดินจากไป
“นี่มันเป็นเพื่อนหรือเป็นพ่อ” เจสันบ่นเบาๆ ให้กับเพื่อนตัวเอง
“พี่เจก็” ฉันเลยพูดเอ็ดเขาเบาๆ
“ก็จริงนิครับ น้ำก็อย่าอ้อนพวกมันเกินไป อ้อนพี่คนเดียวก็พอ ไหนบอกพี่สิปวดมากไหม ไปหาหมอดีกว่านะ” เจสันพูดด้วยท่าทางแอบงอลเล็กน้อย ฉันก็ไม่อ้อนใครอะไรมากนะ แต่พวกเขามาเอาใจฉันเองต่างหาก
“ดีขึ้นแล้วค่ะ ได้นอนพักน่าจะหาย กลับบ้านกันดีกว่าเนอะ” ฉันพูดกับเขาด้วยท่าทางอ้อนๆ นิดหน่อยเพราะไม่อยากไปหาหมอ
“ก็ได้ครับต่อถ้าเป็นหนักกว่านี้ห้ามดื้อกับพี่นะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ฉันก็พยักหน้าตอบรับพร้อมกับยิ้มน้อยๆ ให้กับเขา เขาก็หันไปขับรถตรงกลับบ้านทันที
“อือ” ปวดหัวเวียนหัวจัง ฉันเป็นอะไรเนี่ย ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เมื่อคืนพอกลับมาจากผับเจสันก็ให้ฉันกินยาแล้วก็เข้านอน มันก็ดีขึ้น ที่จริงฉันดีขึ้นตั้งแต่ออกมาจากผับแล้วล่ะ พอไม่มีกลิ่นเหล้าอาการปวดหัวก็เริ่มจะหายไปแต่ยังเวียนๆ อยู่นิดหน่อย พอตื่นมาตอนเช้าก็รู้สึกเวียนหัว
“อึก อุบ” ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองจะอ้วกออกมาเลยรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ แต่พออ้วกออกมากลับไม่มีอะไร มีแต่น้ำเหลืองๆ เป็นเพราะยังไม่กินอะไรด้วยแหละ การอ้วกเป็นความทรมานอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ มันทำให้เราหมดแรงได้เลยล่ะ ซึ่งตอนนี้ฉันก็ได้นั่งลงกอดชักโครกอยู่ด้วยความหมดแรง
“น้ำเป็นอะไรครับ” เจสันวิ่งเข้ามาหาฉันในห้องน้ำ สงสัยจะได้ยินเสียงฉันอ้วก
“อ้วกค่ะ เวียนหัวด้วย” ฉันพูดกับเจสันด้วยสภาพที่ไม่ดีเท่าไหร่
“พี่ว่าไปหาหมอดีกว่า พี่เป็นห่วงนะครับ” เจสันเดินเข้ามาหาฉันแล้วก็ประคองฉันลุกขึ้น แล้วเขาก็อุ้มฉันมาวางตรงอ่างล้างหน้า
“พี่อาบน้ำให้นะ และห้ามขัดด้วยยังไงก็ต้องไปหาหมอ” ฉันกำลังจะอ้าปากแย้ง เรื่องอาบน้ำ เผลอไม่ได้ฉวยโอกาสตลอด แต่ต้องรีบงับปากไว้เมื่อเจอสายตาดุๆ ของเขา และฉันคงต้องไปหาหมอจริงๆ จะได้รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร
เจสันก็ทำอย่างที่เขาพูดอาบน้ำแต่งตัวให้ฉันจนเสร็จแล้วตัวเองก็เข้าไปอาบบ้าง ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นห่วงฉันมาก ฉันได้แต่ยิ้มกับการกระทำของเขาสามีฉันน่ารักจริงๆ
“เป็นไงบ้างดีขึ้นรึยัง เดินไหวไหมหรือจะให้พี่อุ้ม” พอเขาแต่งตัวเสร็จก็เดินมาหาฉันที่นั่งรออยู่ที่เตียง ตอนนี้ก็ดีขึ้นมาแล้ว ไม่เวียนหัวหรืออยากจะอ้วกเท่าไหร่
“ดีขึ้นแล้วค่ะ และก็เดินเองได้” ฉันบอกเขาว่าเดินเองได้แต่เขาก็ยังเข้ามาประคองฉันอยู่ดี เราสองคนเดินทางมาที่โรงพยาบาลแล้วก็เข้าห้องตรวจ ฉันก็พูดอาการให้หมอฟัง หมอก็เข้ามาตรวจๆ แล้วก็เอาฉี่ฉันไปตรวจ ตอนนี้เราก็นั่งรอผลตรวจอยู่
“คุณปัทมา เชิญทางนี้ค่ะ” ไม่นานนางพยาบาลก็เข้ามาเรียกเพื่อจะไปฟังผล เจสันเขาก็เดินตามฉันมาติดๆ
“หมอ ภรรยาผมเป็นอะไรครับ” เจสันเมื่อนั่งลงยังไม่ทันที่หมอจะได้อ้าปากพูดเขาก็ชิงถามขึ้นซะก่อน
“ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ” คุณหมอพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ ท่านเป็นหมอผู้ชายที่มีอายุแล้วนิดหนึ่งแต่ยังคงดูดีตามแบบฉบับหมอ
“แล้วทำไมเธอถึงมีอาการแบบนี้หล่ะครับ” นี่ก็จะใจร้อนไปไหน หมอกำลังจะพูดต่อแต่เจสันก็ถามขึ้นซะก่อน
“พี่เจ คุณหมอกำลังจะพูดค่ะอย่าขัดสิคะ” ฉันเอ็ดเขาเบาๆ กับความใจร้อนของคนตัวโต
“ไม่เป็นไรครับ คุณสามีคงจะเป็นห่วงภรรยามา อาการของคุณปัทมาไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ มันเป็นแค่อาการของคนแพ้ท้องครับ” คุณหมอพูดออกมาด้วยน้ำ
เสียงทุ้มลึก ฉันได้แต่อ้าปากค้างเมื่อฟังจบ ท้องเหรอ เมื่อได้สติก็หันไปหาคนที่นั่งข้างๆ ที่อ้าปากค้างเหมือนกันเมื่อรู้ผล ไม่รู้ว่าช็อกหรือดีใจ แต่ฉันรู้ว่าเขาดีใจมากแค่ไหนเพราะเขาอยากจะมีลูกมาก
“พี่เจ พี่เจคะ” ฉันเรียกคนที่ยังช็อกไม่หาย
“ครับๆ คุณหมอว่าอะไรนะครับ บอกให้ผมฟังชัดๆ อีกทีได้ไหมครับ” เจสันเมื่อฉันเรียกเขาก็ได้สติกลับมา แล้วรีบถามหมอแบบรัวๆ
“ภรรยาของคุณตั้งครรภ์ได้ หกสัปดาห์แล้วครับ” คุณหมอพูดให้คุณพ่อป้ายแดงฟังอีกครั้งอย่างช้าๆ ชัดๆ เจสันก็อ้าปากค้างตาโตอีกที แล้วเขาก็
“ไชโยๆ ๆ ท้องแล้ว ขอบคุณนะครับ ขอบคุณ” เจสันร้องออกมาด้วยความดีใจ แล้วก็กระโดดเหมือนเด็กๆ ดีใจที่ได้ของเล่น แล้วเขาก็เข้ามากอดฉันพูดขอบคุณฉันยกใหญ่
“พี่เจ พอแล้วค่ะหายใจไม่ออก” เขากอดฉันแน่นจนรู้สึกหายใจไม่ออก เขาจึงค่อยๆ คลายอ้อมกอดออก
“อึกๆ” แล้วอยู่ๆ ฉันก็ได้ยินเสียงสะอื้นๆ ของข้างๆ หู
“พี่เจร้องไห้เหรอคะ” ฉันถามออกไปด้วยความที่ไม่มั่นใจ
“ก็ ดีใจอ่ะ” เขาตอบพร้อมกับน้ำเสียงง่องแง่ง แล้วดันตัวออกมามองหน้าฉันตรงๆ แล้วฉันก็เห็นว่าเขาร้องไห้จริงๆ เขากลายเป็นผู้ชายขี้แยไปแล้วเหรอเนี่ย
“ดีใจเหมือนกันคะ” ฉันบอกเขาพร้อมกับเช็ดน้ำตาให้ เขาก็คว้าฉันไปกอดอีกครั้ง ต่อไปเราคงมีครอบครัวที่พร้อมหน้าพร้อมตากันซะที
“เอ่อ หมอขอขัดจังหวะ แป๊บนะครับคุณพ่อคุณแม่” คุณหมอที่เห็นเรากอดกันอยู่ก็พูดขึ้น ฉันกับเจสันเลยยิ้มให้คุณหมอไปด้วยท่าทางแหย่ๆ ดีใจจนลืมหมอไปเลย
“ครับคุณหมอ แล้วผมต้องทำยังไงบ้างครับ” เจสันถามคุณหมอ การเป็นพ่อเป็นแม่มือใหม่มันไม่ใช่เรื่องง่ายข้อนี้ฉันรู้ดี
“ช่วงนี้ก็ต้องระวังเกี่ยวกับตัวคุณแม่ ครับเพราะว่าอยู่ในช่วงสามเดือนแรก ต้องอย่าให้ได้รับการกระทบกระเทือนอะไร นอกนั้นก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเพราะคุณแม่
แข็งแรงดี เดี๋ยวทางเราจะมีการให้คำแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่ ถ้าสนใจบอกทางพยาบาลได้เลยครับ”
“ขอบคุณครับ” คุณหมอพูดขึ้น เจสันและฉันก็ตั้งใจฟังอย่างดี และหลังจากนั้นเราก็คนตกลงกันว่าจะมาเข้าคอร์สคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ จากนั้นเจสันก็พาฉันกลับบ้าน เขาแทบจะอุ้มฉันเดินเลยทีเดียว ถ้าฉันไม่ห้ามไว้ก่อน
“โทรบอกมัมกับแด๊ดดีกว่าเนอะ” เจสันเหมือนพูดอยู่คนเดียว พูดจบเขาก็โทรหามัมกับแด๊ดของตัวเอง พูดนั้นพูดนี่ ดีใจเวอร์วังมาก แม่แพรไหมดีใจมากถึงขนาดจะบินมาหาฉันเลยทีเดียว แต่ท่านก็ยังมาไม่ได้เพราะติดงาน
“น้ำอยู่ไหนอ่ะ” สงสัยคุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว ฉันปลีกตัวออกมาก่อนที่เขาจะคุยเสร็จเพื่อจะไปอาบน้ำ พอช่วงสายมาอาการเวียนหัวของฉันก็หายไป คุณหมอบอกว่าจะเป็นแค่ช่วงเช้าเท่านั้น
“อยู่นี่คะพี่เจ” ฉันที่พึ่งอาบน้ำเสร็จตะโกนร้องบอกเขา ไม่นานเขาก็เดินเข้ามาในห้อง
“อาบน้ำเหรอ ทำไมไม่รอพี่” เขาเดินเข้ามาหาฉันด้วยใบหน้าที่ง้ำงอ คือไรมางอนฉันเรื่องอะไร
“อะไรคะพี่เจ ทำไมงอแงจัง หืม” ฉันเดินไปกอดเขา เขาก็กอดตอบ ฉันเลยยกมือลูบหัวเขาเบาๆ ฉันจะมีลูกสองคนพร้อมกันรึเปล่าเนี่ย
“ไม่รู้เหมือนกัน ดีใจไหมที่เราจะมีลูกแล้ว” เจสันถามฉัน พร้อมกับดึงฉันมานั่งที่เตียง พร้อมกับที่เขากอดฉันจากด้านหลัง
“ดีใจสิคะ” ฉันพูดพร้อมกับมือที่ลูบหน้าท้องตัวเอง เจสันก็เอามือมาวางทับมือฉันไว้
“พี่ก็ดีใจครับ พี่จะเป็นพ่อที่ดี ดูแลลูกกับน้ำนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ น้ำก็จะเป็นแม่ที่ดี เราสองคนมาสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ไปด้วยกันนะคะ” ฉันบอกเขาออกไป พร้อมกับจับมือของเขาที่อยู่ท้องฉันลูบไปมา ฉันรู้สึก
อบอุ่นมากขึ้นเมื่อมีอีกหนึ่งชีวิตเข้ามาอยู่ในนี้
“ครับเราจะสร้างมันไปด้วยกัน” เจสันพูดพร้อมกับกอดฉันแน่นขึ้น
“ค่ะ”
“พี่ว่าเราซื้อบ้านกันดีกว่าเนอะ ลูกออกมาจะได้มีที่วิ่งเล่น” เจสันเสนอฉัน
“ก็ดีนะคะ” ซึ่งฉันก็เห็นด้วย เพราะคอนโดคงไม่เหมาะถ้าเราจะเลี้ยงเด็ก
“โอเค เดียวพี่บอกลูกน้องจัดการให้ เอาแบบไหน ต้นไม่เยอะๆ ใช่ไหม แบบที่น้ำชอบ” เขาถามฉันอย่างเอาใจ ใช่ฉันเคยฝันว่าอยากมีบ้านที่ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ ซึ่งมันจะช่วยให้อากาศสดชื่น
“ก็ดีคะ แล้วแต่พี่เจเลย” แต่ฉันก็ไม่อยากพูดอะไรมากเพราะมันเป็นเงินเขา ตอนนี้ฉันก็ยังวาดภาพอยู่นะ แต่นานๆ วาดที เจสันไม่ยอมให้ฉันทำงานเขาอยากให้ฉันเป็นแม่บ้านอยู่เฉยๆ ฉันก็ขัดเขาไม่ได้ พ่อคนเอาแต่ใจ
“พี่ส่งข้อความไปบอกพวกนั้นแล้วนะ พวกมันดีใจยกใหญ่เลย เห็นไหมพี่ไม่ได้ไร้น้ำยาซะหน่อย” เจสันพูดอยู่ตรงซอกคอของฉัน รำพึงรำพัน อะไรของเขาไปเรื่อย
ฉันมัวแต่คิดอะไรเพลินโดยไม่สนใจคนที่กอดฉันอยู่ ตอนนี้รู้สึกว่ามือไม้ของเขาจะไม่อยู่นิ่ง
“พี่เจหยุดเลยค่ะ น้ำท้องอยู่นะ” ฉันตีมือเขาเบาๆ เมื่อรับรู้ว่ามันมาเกาะอยู่ที่หน้าอกฉัน ซึ่งตอนนี้ฉันก็ยังไม่ได้แต่งตัวให้เรียบร้อยด้วย มีแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว
MANGA DISCUSSION