ยัยเฉิ่มแสนเชยมัดใจนายหล่อร้าย - ตอนที่ 46
1 ปีผ่านไป ไวเหมือนโกหก
หลังจากที่ฉันเรียนจบ ทุกอย่างในชีวิตก็เปลี่ยนไป ฉันเริ่มทำงาน ซึ่งฉันได้งานทำในบริษัทแห่งหนึ่งเป็นฝ่ายออกแบบแต่ฉันว่ามันก็ยังไม่ใช่ตัวฉันอยู่ดี ฉันว่าฉันชอบงานอิสระมากกว่า และนั้นจึงทำให้ฉันได้ลาออกจากงานซึ่งทำได้แค่สี่เดือน ตอนนี้ฉันกำลังทำตามความฝันของฉันอยู่ ฉันเคยมีความฝันว่าอยากเป็นนักวาดภาพ วาดรูปคน รูปธรรมชาติ ตอนนี้ฉันตระเวนหาวาดรูปในสถานที่ต่างๆ และส่งให้แกลอรี่แห่งหนึ่ง ฉันเองก็ฝันอยากมีแกลอรี่เป็นของตัวเองและสักวันเป็นก็ต้องเป็นจริงอีกไม่นานหรอก
อัปเดตเรื่องของฉันกับเจสันหน่อย เจสันเขายังคงติดต่อมาหาฉันตลอดแต่ก็มีบ้างบางครั้งที่ฉันไม่ได้รับโทรศัพท์เขาเพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับการวาดรูปเขาก็มีแอบงอนๆ บ้างแต่ฉันก็ง้อได้สำเร็จ นี่ก็ครบสองปีแล้วที่เราจากกัน และมันก็ครบกำหนดวันที่เขาจะกลับมาแล้วฉันตั้งตารอเลยล่ะ แต่เขาก็ยังไม่ได้บอกว่าจะกลับมาวันไหนเขาบอกว่าเรียกจบแล้วแต่มัมกับแด๊ดเขาขอให้อยู่ต่ออีกหน่อย ฉันเลยมานั่งเศร้าอยู่อย่างนี้ไง ทีแรกว่าจะกลับไปรอเขาที่กรุงเทพหลังจากกลับมาจากวาดภาพที่เชียงราย เลยต้องระเห็จตัวเองมาทำหน้าเศร้าอยู่ที่นี่ สัมผัสกับบรรยากาศทะเลให้สดชื่นซะหน่อย ใช่ตอนนี้ฉันอยู่ทะเลซึ่งก็คือที่พัทยา บ้านพักริมทะเลบรรยากาศดีๆ ฉันว่าจะอยู่ที่นี่สักอาทิตย์ วาดรูปท้องฟ้าท้องทะเลซะหน่อย การวาดรูปทำให้ฉันใจเย็นขึ้น ไม่คิดอะไรฟุ้งซ่าน ทำให้เราจดจ่ออยู่แต่กับมัน
ตอนนี้ฉันเตรียมอุปกรณ์สำหรับวาดรูป เตรียมตัวจะออกไปข้างนอก เพราะตอนนี้จะบ่ายคล้อยแล้ว ว่าจะออกไปวาดภาพพระอาทิตย์ตกดินกระทบกับน้ำทะเลซะหน่อย
“คุณ ลูกน้ำรึเปล่าคะ” อยู่ๆ พนักงานก็เรียกฉันไว้เมื่อฉันเดินผ่านหน้าเคาน์เตอร์
“ใช่ค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ” ฉันถามออกไปด้วยความสงสัย
“เปล่าหรอกค่ะ คือทางรีสอร์ตเราอยากจะแจ้งให้ทราบหน่ะค่ะ คือว่าในวันพรุ่งนี้ทางเราได้จัดปาร์ตี้ริมทะเลให้สำหรับลูกค้าค่ะ เลยขอเชิญคุณลูกน้ำมาร่วมงานด้วยค่ะ” อ่อ แต่มันก็แปลกอยู่นะ ทำไมพนักงานที่นี้ถึงรู้จักชื่อเล่นฉัน แต่ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
“อ่อ คะ ถ้ายังไงถ้าว่างจะไปร่วมงานนะคะ” ฉันบอกออกไปเพราะไม่ค่อยชอบงานแบบนี้เท่าไหร่เพราะฉันเองก็มาคนเดียว ไม่รู้จักใครด้วยไปแบบนี้มันคงไม่ค่อยสนุก
“ค่ะ แต่ทางเราอยากให้มานะคะ เพราะมีการแสดงสวยๆ เยอะแยะเลยค่ะ เอ่อ มันเป็นการตอบแทนลูกค้าค่ะ นานๆ ที่จะจัดครั้งหนึ่ง” พนักงานคนนั้นยังพูดต่อ เพื่อที่จะให้ฉันไปร่วมงาน
“อ่อค่ะ แล้วงานเริ่มกี่โมงคะ” ฉันถามออกไป ไปก็ได้ถือว่าไปผ่อนคลายในตัวด้วย เขาอยากจะให้ไปซะขนาดนี้
“หกโมงเย็นค่ะ”
“โอเคค่ะ งั้นฉันไปเดินเล่นก่อนนะคะ” ฉันพยักหน้าเข้าใจ แล้วขอตัวออกไปเดินเล่นข้างนอก พนักงานคนนั้นก็ยิ้มให้ฉันแล้ว
“เชิญค่ะ” เมื่อพูดแบบนั้นฉันก็เดินออกมาจากตรงนั้นทันที
ฉันจัดการเตรียมอุปกรณ์สำหรับวาดภาพและลงมือเริ่มวาด จดจ่อกับสิ่งตรงหน้า จนพระอาทิตย์เริ่มจะตกดิน บรรยากาศตอนเย็นของที่นี่สวยมากเลย แสงสีทองที่กระทบกับน้ำทะเลสะท้อนให้ภาพนั้นดูสวยงามมากเลยทีเดียว ภาพที่ฉันวาดก็สื่อถึงอารมณ์ได้อยู่ไม่น้อย ท้องทะเลอันกว้างใหญ่ น้ำทะเลสีน้ำเงินที่ไม่รู้ว่าจุดสิ้นสุดของมันอยู่ตรงไหน พระอาทิตย์ดวงใหญ่เหมือนกับว่าจะถูกท้องทะเลกลืนกินมันลงไป แสงสีทองสะท้อนเหมือนกับว่ามีดวงอาทิตย์สองดวง นกน้อยโบยบินอยู่บนท้องฟ้าแสนกว้างใหญ่เปรียบเสมือนชีวิตที่มีอิสระอยากจะโบยบินไปที่ไหนก็ได้ที่อยากไป คลื่นทะเลที่สาดซัดกระทบฝั่งระลอกเล็กระลอกใหญ่ตามความแรงของลมที่พัดพามันไป เม็ดทรายแสนละเอียดที่ให้เราเหยียบย่ำ เปลือกหอยที่ลอยมากระทบฝั่งตามผืนทรายให้เราได้เห็นความสวยงามของมัน ปูเสฉวนวิ่งเล่นโต้คลื่นทะเล ต้นมะพร้าวเรียงรายสายลมพัดพลิ้วไหว ทำให้ท้องทะเลเป็นสิ่งที่สวยงามสำหรับทุกคนที่มาเที่ยวชม และชื่อชอบที่จะมาพักผ่อนหย่อนใจเวลาเครียดๆ หรือมาเที่ยวกับเพื่อนๆ เพื่อเป็นความทรงจำที่แสนสวยงาม ทุกอย่างที่ฉันรังสรรค์และถ่ายทอดสิ่งต่างๆ ลงในภาพวาด มันเป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้เห็นในสิ่งที่ตัวเองชอบและทำมันออกมาได้ดีมันก็ทำให้ฉันยิ้มกว้างได้ทันที
ตั้งแต่วันที่ฉันกลับมาจากเชียงรายนี่ก็สามวันแล้วที่ไม่ได้คุยกับเจสัน วันที่เขาบอกว่ายังไม่มีกำหนดกลับที่แน่นอน ฉันเลยต้องมาวาดรูปเพื่อคลายเครียด และการวาดรูปวันแรกของฉันก็สิ้นสุดลง ฉันก็ออกไปหาอะไรกินและกลับมานอนเล่นอยู่ที่ห้อง มองดูโทรศัพท์ที่เงียบหายไปหลายวัน
“เฮ้อ พี่เจทำอะไรอยู่นะ” ฉันพึมพำอยู่คนเดียว อยากจะโทรหานะแต่ไม่เอาดีกว่าฉันกลัวว่าเขาจะหาว่าฉันจู้จี้เกินไป นอนดีกว่า
“เอ๋ ใสชุดไหนดีนะ” ตอนนี้ฉันกำลังเลือกชุดที่จะใส่ไปงานปาร์ตี้อยู่นี้ก็ใกล้จะได้เวลาแล้วด้วย ฉันเอามาแค่ชุดธรรมดาไม่คิดว่าจะไปปาร์ตี้ที่ไหน
ก๊อกๆ ๆ ๆ อยู่ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ใครนะ ฉันเดินไปเปิดประตูก็เห็นกับพนักงานผู้หญิงคนนั้นที่คุยกับฉันเมื่อวาน
“มีอะไรรึเปล่าค่ะ” ฉันถามออกไป
“คือ ว่าดิฉันเอาชุดที่จะใส่ไปงานคืนนี้มาให้ค่ะ” ฉันทำหน้างงเล็กน้อยที่เธอพูดจบ เอาชุดมาให้ เอามาให้ทำไมอ่ะ
“เอ่อ ฉันไม่ได้สั่งนะคะ”
“รับไปเถอะค่ะ ฉันรู้ว่าคุณยังไม่มีชุด” เธอยัดชุดใส่มือฉันแล้วรีบเดินออกไป อะไร อย่างนี้ก็ได้เหรอ ทำตัวแปลกแฮะ ฉันยังงงๆอยู่แต่ก็ดีจะได้มีชุดใส่
ฉันเดินกลับเข้ามาในห้อง และกางชุดออกมาดู สวยดีนะ ไม่โป๊ด้วยลองดูหน่อยดีกว่า ฉันลองใส่ชุดดูและมาส่องกระจก ชุดสีขาวแขนสั้นเป็นตาข่ายดอกไม่อยู่ตรงแขนคอวีที่คว้านลงมาแต่ก็ไม่ลึกมาจนน่าเกลียด กระโปรงยาวคุมถึงข้อเท้า สวยจังใครเลือกชุดนี้นะ ฉันชอบนะเรียบๆ ดีเหมาะกับฉัน ว่าแล้วฉันก็ลงมือแต่งหน้าพอบางๆ เสร็จก็เริ่มทำผม โดยไม่ได้ทำอะไรมากแค่ดัดเป็นลอนๆ ให้มันเป็นวอลลุ่มเพื่อความสวยงาม พอฉันทำทุกอย่างเสร็จก็หกโมงตกเป๊ะ ตรวจสอบความเรียบร้อยอีกนิดหน่อย ก็เดินออกมาจากห้อง รองเท้าที่ใส่ก็ไม่อะไรมากใส่แค่รองเท้าแตะรัดส้นเท้าธรรมดา
พอเดินมาถึงริมหาดตามที่พนักงานบอกไว้ว่าเป็นตรงที่จัดงาน ฉันก็เจอกับบรรยากาศของงานที่เต็มไปด้วยดอกไม้สีสวยตกแต่งอยู่รอบงาน ผู้คนเริ่มทยอยเข้ามามีทั้งชาวต่างชาติและคนไทย มีโต๊ะให้นั่งแค่ไม่กี่โต๊ะ ส่วนมากจะยืนกันมากกว่า และก็มีเวทีเหมือนกับว่ามีการเล่นดนตรีสดด้วย น่าสนุกดีนะถ้าได้มากับเพื่อนแต่ฉันไม่มีใครนี่สิ ฉันเดินเล่นรอบๆ งานและหาของกินนิดหน่อย นี่ก็จะมืดแล้วฉันเห็นมีชิงช้าตรงมุมหนึ่งงานเลยถือแก้วไวท์เพื่อจะไปนั่งตรงนั้น ตอนนี้เสียงเพลงเริ่มดังขึ้น ฉันแกว่งชิงช้าไปมาเบาๆ เพื่อผ่อนคลายพร้อมกับหลับตาฟังเพลงไปด้วย งานแบบนี้ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด ฉันหลับตาเพื่อรับกับบรรยากาศลมทะเลที่มากระทบใบหน้าทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที
อยู่ๆ เสียงเพลงก็เงียบลงไฟในงานก็ดับ ไฟดับเหรอ ฉันมองไปรอบๆ งานเหมือนผู้คนจะแตกตื่นนิดหน่อยแต่ก็ไม่มาก
แล้วสักพักเสียงดนตรีเบาๆ ก็ดังขึ้น แต่ไฟในงานก็ยังดับอยู่ ตามด้วยเสียงเพลง
ฉันหันหาคนร้องเมื่อได้ยินเสียง แต่ก็ไม่เห็น เสียงคนร้องเหมือนกับเสียงของเจสันที่ฉันได้ฟังเมื่อปีที่แล้วตอนงานรับปริญญาของฉัน ไม่มีผิด
ฉันไม่เคยยอมให้ใครทั้งนั้น
ฉันไม่เคยทำอะไรให้ใคร
มาแพ้ให้เธอทั้งหัวใจ
*เหตุผลมันคืออะไร