ยัยเฉิ่มแสนเชยมัดใจนายหล่อร้าย - ตอนที่ 4
“ยัยเฉิ่ม ยัยเด็กแว่นแต่งตัวขี้เหร่เรียนที่มหาลัยของฉัน นั่นใครกันนะ” ฉันว่าแล้วเชียวว่าเขาต้องรู้ว่าเป็นคนคนเดียวกัน อย่าบอกนะว่าเขาจะเอาเรื่องนี้มาขู่ฉัน
“ใคร ฉันไม่เห็นรู้จัก” ฉันยังแถต่อไปเรื่อย ๆ
“เหรอ งั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปไล่ยัยนั่นออก”
“ไล่ออก ไล่ออกทำไมเธอไม่ได้ทำอะไรผิด”
ฉันเผลอพูดออกไปอย่างตกใจแล้วรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองทันที เขาไม่มีเหตุผลเอาซะเลยคิดว่าเป็นเจ้าของมหาลัยแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ
“เธอไม่รู้จักยัยนั่นแล้วเธอรู้ได้ไงว่ายัยเฉิ่มนั่นไม่ได้ทำอะไรผิด ยัยนั่นอาจจะมีความผิดก็ได้ฉันถึงจะไล่ออก”
เขาต้องการอย่างนี้ใช่ไหม ต้องการกดดันฉันให้ฉันยอมรับว่าเป็นยัยเฉิ่มนั่นให้ได้ เขาต้องการให้ฉันตกลงเป็นแฟนกับเขาให้ใช้ไหม ทำแบบนี้เพื่อ
“เออ ฉันนี้แหละคือยัยนั่น นายต้องการแบบนี้ใช่ไหม” ในที่สุดฉันก็ยอมรับออกไป
“หึ” เขาหัวเราะในลำคอแล้วยกยิ้มที่มุมปากนิดๆ หล่อเป็นบ้าเลย โอ๊ยหัวใจฉันจะเต้นแรงไปไหน
“ก็ได้ฉันจะเป็นแฟนกับนาย” ฉันพูดออกไปแค่นั้นเขาก็ยิ้มอย่างพอใจ เจ้าเล่ห์นักนะ
“ดี เริ่มวันนี้เลย” พูดเหมือนเริ่มงานเลยเนาะ
“ฉันมีอะไรจะถาม นายจะให้ฉันเป็นแฟนแบบไหน เป็นแบบหลบๆ ซ้อนๆ ไม่ให้ใครรู้งั้นเหรอ”
ที่ถามเพราะฉันยังนึกไม่ออกเลยว่าถ้าฉันเป็นแฟนกับเขา เขาจะให้ฉันทำตัวยังไงเพราะเขาเป็นถึงเจ้าของมหาลัย เจ้าของผับ
ฉันได้ยินว่าเขาไม่เคยมีแฟนแล้วมาขอฉันเป็นแฟน มันคืออะไร ถ้าฉันไม่คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไปฉันคงคิดว่าเขาอาจจะชอบฉันหรือคิดอีกแง่เขาเพียงแค่อยากจะเล่นสนุกเมื่อเจอของแปลกแบบฉันแค่นั้นเอง
“ก็เป็นแบบที่เธอเป็น” เขาพูดออกมาด้วยท่าทางสบายๆ เหมือนไม่ได้คิดอะไรมาก
“นายจะไม่มีกฎของการเป็นแฟนของเรางั้นเหรอ นายจะบอกว่าให้ฉันทำตัวตามสบาย เป็นยัยเฉิ่มแบบนั้น นายก็ยอมรับได้งั้นเหรอ นายจะบอกว่านายกล้าบอกเรื่องของเราให้คนอื่นรับรู้งั้นเหรอ นายจะไม่ห้ามฉันหน่อยเหรอว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับใคร นายไม่อายเขาเหรอ”
ฉันร่ายออกไปยาวเหยียดเพราะเขาเป็นถึงผู้บริหารแล้วจะมามีแฟนอย่างฉันเขาต้องการอะไรจากฉันกันแน่ ต้องการอยากเอาชนะ ต้องการแกล้ง หรือเห็นเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องสนุกงั้นเหรอ ฉันไม่ใช้ผู้หญิงโลกสวยนะฉันต้องคิดลบไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัยของหัวใจของฉันเอง
และฉันก็คิดว่าเขาแค่อยากนอนกับฉันมีฉันไว้แก้เบื่อแค่นั้น
“ทำไมฉันต้องทำอย่างนั้น ฉันมีแฟนฉันก็ต้องอยากทำอะไรกับแฟนบ้าง ถ้ามัวแต่กลัวในสิ่งที่เธอว่าฉันจะมีแฟนไปทำไม” เขาพูดออกมาแล้วมองฉันด้วยสายตาแพรวพราวแล้วมือของเขาก็รูปแขนฉันไปมาด้วย อ๊ายย…อย่ามาทำสายตาหื่นแบบนั้นใส่ฉันนะตาบ้า
“ก… ก็ ฉันเห็นผู้ชายบางคนมีแฟนขี้เหร่แล้วไม่กล้าบอกใคร”
ฉันเริ่มพูดติดขัดเพราะลมหายใจของเขาเป่ารดอยู่ที่ต้นคอ ซึ่งตอนนี้ฉันนั่งอยู่บนตักของเขาโดยที่แผ่นหลังของฉันแนบอยู่ที่หน้าอกของเขาแล้วหน้าเขาก็อยู่แถวๆ ซอกคอของฉันมันทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ หวิวๆ ชอบกล ขนลุกไปหมดทั้งตัวแล้วด้วย
“ใครบอกว่ากันเธอขี้เหร่ หืม” เขาพูดพร้อมกับมือที่ลวนลามฉันมากขึ้น มือเรียวยาวของเขาลูบไล้ขาฉันขึ้นมาเรื่อยๆ ฉันต้องทำอะไรสักอย่างไม่อย่างนั้นฉันไม่รอดแน่
“เอ่อ อ..โอเคฉันยอมเป็นแฟนนายก็ได้ งั้นฉันกลับเลยนะ”
ฉันพูดพร้อมกับใช้ทีเผลอตอนที่เขาสนใจกับต้นคอของฉันอยู่ ลุกขึ้นจากตักเขาทันทีที่ได้โอกาส ฉันได้ยินเสียงสบถออกจากปากเขาด้วยล่ะ มองซ้ายมองขวารีบเดินตรงไปยังประตู
“หยุด ไม่ต้องนอนนี่แหละ ตอนนี้มันดึกมากแล้วไม่ต้องกลับไปหรอก อย่าๆ มองฉันแบบนั้น ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเธอถ้าเธอไม่เต็มใจ”
เขารีบพูดออกมาอย่างเร็วที่ฉันมองเขาด้วยสายตาที่ไม่น่าไว้ใจ เขาจะให้ฉันนอนนี่ให้ได้ใช่ไหม แล้วไอ้คำสัญญาของเขามันจะเชื่อได้แค่ไหนในเมื่อเมื่อกี้เขายังจะทำกับฉันอย่างนั้นอยู่เลย
“ฉันเชื่อนายได้แค่ไหน” ฉันคิดว่าดื้อด้านไปก็เปล่าประโยชน์กับคนเอาแต่ใจแบบนี้ สู้ยอมๆ ไปแล้วหาทางป้องกันเอาดีกว่า ฉันจะไม่มีวันเสร็จเขาตั้งแต่วันแรกที่เป็นแฟนกันแน่ (วันอื่นไม่แน่ใช่มั้ย ฮ่าๆ ๆ)
“สัญญาด้วยเกียรติของลูกเสือสามัญ” เขายกมือขึ้นมาแล้วทำท่าลูกเสือแบบสมัยที่เราเคยเรียนกัน แล้วยังยิ้มอีกด้วยถึงจะไม่มากก็เถอะแต่เขาดูดีมากอ่ะ โอ๊ย..หล่อ นี้เหรอผู้บริหารมาดขรึมปัญญาอ่อนชะมัด
“บ้า ปัญญาอ่อน ก็ได้ฉันจะเชื่อนายสักครั้ง แต่ถ้านายผิดสัญญาการเป็นแฟนกันของเราถือว่ายกเลิก” ฉันจะลองเชื่อใจเขาดู
“งั้นไปอาบน้ำไป เสื้อผ้าก็ใส่เสื้อฉันไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะให้คนไปหาชุดนักศึกษามาให้”
“ไม่เป็นไรหรอกพรุ่งนี้ฉันกลับไปเปลี่ยนชุดที่หอก็ได้” ทำไมเขาต้องทำให้มันยุ่งยากด้วยนะ
“อืมๆ แล้วแต่เธอแล้วกัน”
“เค ไปล่ะฉันง่วงมาก” ฉันพูดจบก็เดินเข้าไปในห้องนอนของเขาทันทีแล้วจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าภายในเวลาอันรวดเร็ว พอฉันอาบน้ำเสร็จเดินออกมาฉันก็เห็นเขานอนอยู่บนเตียงแล้ว อย่าบอกนะว่าเขาจะนอนกับฉัน
“นี่นายออกไปนะฉันจะนอนแล้ว ง่วงมาก”
“นอนสิฉันจะไปอาบน้ำ” เขาพูดจบแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป ฉันล้มตัวลงนอนซุกตัวเข้ากับผ้าห่มนอนคิดเรื่องของวันนี้ไปมาสักพักก็เผลอหลับไป
“อือ…”
ฉันงัวเงียตื่นขึ้นมาในตอนเช้ารู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆ มาพาดที่เอวแล้วก็ขา และพอปรับสายตาได้ฉันก็รู้ได้ทันทีว่าอะไรที่มันหนักๆ มันก็คือแขนและขาของเจสัน ไอ้บ้านี้คงไม่ได้ทำอะไรฉันหรอกนะ
ฉันค่อยๆ ยกแขนและขาของเจสันออกแล้วสำรวจร่างกายตัวเอง ไม่เจ็บตรงนั้นแสดงว่าเจสันไม่ได้ทำอะไรฉัน โล่งอกไปทีที่เขารักษาสัญญา ดังนั้นตอนนี้ฉันต้องรีบไปอาบน้ำและรีบไปเปลี่ยนชุดที่หอเพราะฉันมีเรียนเช้า
“จะไปแล้วเหรอ”
พอฉันเดินออกจากห้องน้ำแต่งตัวเรียบร้อยดีแล้วฉันก็เห็นเขานั่งพิงหัวเตียงอยู่ หัวฟู่ๆ อยู่บนเตียงเซ็กซี่ชะมัด ฉันสะบัดหัวไปมาแรงๆ สองสามที
“เฮ้ เป็นไรสะบัดหัวทำไม” เขาถามฉันทันทีที่เห็นฉันทำท่าทีแปลกๆ
“เปล่า ฉันไปแล้วนะ” ฉันพูดเสร็จแล้วกำลังจะเดินไปหยิบกระเป๋าเตรียมตัวจะเดินออกจากห้องเขาก็พูดดักขึ้นซะก่อน
“เดี๋ยว ใครบอกจะให้เธอไปคนเดียว รอฉันห้านาทีฉันไปอาบน้ำก่อน ถ้าฉันออกมาไม่เจอเธอเจอดีแน่”
“เฮ้..นายจะไปกับฉันทำไม” เขาจะไปกับฉันงั้นเหรอ แล้วดูสิฉันพูดด้วยเขาก็ไม่ฟังเดินไปหยิบผ้าแล้วเดินเข้าห้องน้ำเฉยเลย แล้วฉันควรจะอยู่รอไหม
“ป่ะ นี่..จะไปไหม ฉันรู้ว่าฉันหล่อไม่ต้องจ้องขนาดนั้นก็ได้” สุดท้ายฉันก็รอเขาจนได้ ไม่ได้กลัวคำขู่เหรอหรอกนะแต่แค่ไม่อยากมีปัญหา
พอเขาออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับแต่งตัวเสร็จเขาก็เดินออกมา เขาใส่เสื้อนักศึกษาแขนยาวสีขาวกับกางเกงยีนขาเดฟยี่ห้อดัง เขาดูดีมาก หล่อมาก ไม่น่าล่ะสาวๆ ถึงพูดถึงเขาตามกรี๊ดเขาเอาเป็นเอาตาย แต่ที่ว่าไอ้นิสัยเงียบขรึมเย็นชาเนี่ยฉันขอเถียงเลยนะไม่จริงเลยสักนิด
“เออ ไปสินายอ่ะชักช้า” ฉันเผลอมองเขานานไปหน่อยเขาเลยมาสะกิดฉัน
ฉันและเขาเดินออกมาจากคอนโดมาขึ้นรถแรมโบกินีสีแดงสุดหรูคันที่ขับเฉี่ยวฉันวันนั้น เขาพาฉันกลับมาเปลี่ยนชุดที่ห้องพอเปลี่ยนชุดเสร็จ เราก็เดินทางมามหาลัยตอนนี้นั่งอยู่ในรถต่างคนต่างคนไม่พูดอะไรฉันหันหน้าออกไปนอนหน้าต่างมองรอบๆ
จากนี้ชีวิตอันสงบสุขของฉันคงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ฉันคงได้แต่ยอมรับมัน ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ
“เธอเลิกเรียนกี่โมง” อยู่ๆเขาก็ถามขึ้นทำลายความเงียบ
“บ่ายโมง ถามทำไม”
“รอฉันหน้าตึกจะมารับ” จะมารับฉันทำไม แค่ไปมหาลัยพร้อมกันฉันยังกลัวเลยว่าแฟนคลับเขาจะถล่มเอา ถึงเขาจะสามารถปกป้องฉันได้ก็เถอะแต่มันก็แค่ตอนอยู่กับเขาเท่านั้น ลับหลังเขาใครจะมารังแกฉันบ้างฉันยังคิดกลัวอยู่เลยว่าชีวิตอันสงบของฉันจะเป็นยังไง คิดแล้วเซ็ง
เออฉันลืมบอกไปตอนนี้ฉันกลับมาเป็นยัยเฉิ่มอีกครั้งตอนกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้อง เขาก็ไม่ว่าอะไรออกจะชอบด้วยซ้ำ
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันกลับเองได้”
“ฉันบอกจะมารับก็คือมารับสิ อย่ามาดื้อ” เขาบอกก่อนจะยื่นมือมายีหัวฉัน นี่หัวฉันยุ่งหมด ฉันปัดมือเขาออกแล้วทำหน้ามุ่ยใส่เขา
“ก็ได้ ดูสิหัวฉันยุ่งหมดเลย นี่นายฉันขอถามอะไรหน่อยสิ นายแน่ใจแล้วเหรอว่าจะให้คนอื่นรู้ว่าเราเป็นแฟนกัน นายไม่อายเหรอที่มีแฟนแบบฉัน" ฉันถามเขาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ทำไมต้องอาย แต่จะว่าไปฉันก็อายอยู่นะที่คนหล่อๆ อย่างฉันมีแฟนเฉิ่มๆ แบบเธอ แต่ไม่เป็นไรเพราะพอเธอลอกคราบออกเธอเซ็กซี่สุดๆ พอให้อภัย”
เขาว่าพลางทำน้ำเสียงเซ็กซี่หน้าตาหื่นๆ ใส่ฉันอีกต่างหาก นี่เขาใช่เจ้าของมหาลัยแสนเงียบขรึมเย็นชาที่เขาว่าแน่เหรอทำไมกะล่อนแบบนี้ โอ๊ย…หัวใจฉันก็อย่าเต้นแรงนักสิ
“เออ แล้วแต่นายแล้วกันเตรียมรับมือกับเรื่องวุ่นๆ ได้เลย”
ที่ฉันบอกแบบนั้นเพราะเชื่อว่ามันจะต้องมีเรื่องตามมาแน่ๆ คุยกันไปคุยกันมาเขาก็ขับรถมาถึงมหาลัย เขามาส่งฉันที่หน้าตึกคณะพอดีเป๊ะ ฉันกำลังจะเปิดประตูลงจากรถแต่โดนเขาเรียกไว้ซะก่อน
“เดี๋ยว…ต่อไปเธอต้องเรียกฉันว่าพี่แล้วแทนตัวเองด้วยชื่อของเธอ เพราะฉันอายุมากว่าเธอ” เขาเรียกฉันไว้เพราะเรื่องแค่นี้อ่ะนะ
“ทำไมฉันต้องทำอย่างนั้น ไม่เอาอ่ะมันไม่ชิน”
“ไม่ชินก็ต้องทำให้ชิน ถ้าฉันได้ยินเธอเรียกฉันนายๆ อีกเมื่อไหร่ฉันจะจับเธอจูบตรงนั้น”
“เออ ก็ได้ ฉัน น้ำก็มีขอแม้เหมือนกัน ถ้าพี่เจอยากให้น้ำเรียกแบบนี้พี่ต้องแทนตัวเองว่าพี่เหมือนกันถ้าพี่ทำไม่ได้ฉันก็ไม่ทำ”
ฉันต่อรองกับเขาและฉันถือวิสาสะเรียกแค่ชื่อเขาว่าเจเพราะมันง่ายและสั้นดีไม่เหมือนใครด้วยเพราะคนอื่นเรียกเขาแบบเต็มยศว่าเจสัน แต่ฉันจะเรียกเขาว่าเจ อิอิ จะได้ไม่เหมือนใครและเขาต้องเรียกแทนตัวเองว่าพี่ด้วยดูสิว่าเขาจะกล้ารึเปล่าเพราะถ้าคนอื่นได้ยินคงดูแปลกพิลึก หลุดมาดนายเย็นชาแน่ แค่คิดก็สนุกแล้ว
“ได้สิ น้ำเรียกพี่ว่าเจก็ดีนะ ชื่อนี้มีแค่คนในครอบครัวเท่านั้นที่ใช้เรียกพี่” เขาพูดจบก็ยกยิ้มตรงมุมปากนิดๆ
คนในครอบครัวเรียกเขาว่าเจเหรอ เขาคงไม่ได้ให้ฉันเป็นคนในครอบครัวเขาหรอกนะ ใครจะไปรู้ล่ะไม่งั้นฉันไม่ถือวิสาสะเรียกหรอกนะ
“เหรอ งั้นฉันไม่เรียกนายว่าเจแล้วก็ได้ฉันจะเรียกนายว่าเจสันเหมือนเดิ….”
ฉันพูดยังไม่ทันจะจบเขาก็ยืนหน้าเขามาจูบฉันทันทีโดยที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว ทีแรกแค่ประกบเฉยๆ แต่ต่อมาเขาก็ค่อยๆ ขยับริมฝีปากดูดปากล่างของฉันอย่างแผ่วเบาเขาพยายามให้ฉันเปิดปากให้ ซึ่งฉันกำลังฉันอ้าปากบอกให้เขาหยุด มันจึงเป็นโอกาสให้เขาได้แทรกลิ้นร้อนๆ ของเขาเข้ามาในโพรงปากฉัน
เขาค่อยๆใช้ลิ้นของเขาหยอกล้อลิ้นของฉันไปมามันทำให้สมองฉันพร่าเบลอไปหมด ฉันได้แต่กำเสื้อนักศึกษาตรงแขนของเขาไว้เพราะไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
เขาจูบฉันอยู่นานจนฉันรู้สึกว่ากำลังจะขาดอากาศหายใจจึงทุบที่ต้นแขนเขาเบาๆ เขาก็ค่อยๆ ละปากออกจากริมฝีปากของฉันช้าๆ
“หวานชะมัด” ฉันได้ยินเสียงเขาพูดอะไรสักอย่างแต่ไม่ชัดเพราะสมองยังไม่กลับมาทำงาน ฉันตกใจมากกับสิ่งที่เขาทำ นี้ขนาดเป็นแฟนกันยังไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงเขาก็ขโมยจูบแรกของฉันไปซะแล้ว แล้วแบบนี้เวอจิ้นของฉันจะเหลือรอดไปได้สักกี่วัน พอฉันได้สติฉันก็โวยวายขึ้นทันที
“นี่นายทำบ้าอะไรของนาย”
“นี่ เรียกแบบนี้อยากโดนอีกใช่ไหม” พอเขาพูดแบบนั้นฉันก็ยกมือปิดปากตัวเองทันที เขาจูบฉันเพราะแบบนี้เองเหรอ ชิ อิตาบ้า
“เอ่อ พี่เจสันก็บอกกันดีๆ ก็ได้นิค่ะ”
“พี่บอกแล้วไงว่าถ้าได้ยินที่ไหนจะลงโทษ และอีกอย่างเรียกพี่ว่าเจเหมือนเดิมแหละดีแล้ว ชอบ” เขาพูดจบก็ยิ้มกรุ้มกริ่มให้ฉัน ทำให้ฉันตาค้างเลยล่ะ เขาดูดีมากอ่ะ เขายิ้มแบบนี้กับฉันเป็นครั้งแรก เขาน่าจะยิ้มบ่อยๆ นะ โอ๊ย…หัวใจฉันจะรอดไหมเนี่ยยัยเฉิ่ม
“ก็ได้ค่ะ งั้นน้ำไปแล้วนะสายแล้ว”
“ไปสิ” พอพูดจบฉันก็เดินลงสายรถทันที
และเป็นไปตามคาดสายตาทุกคู่ที่อยู่บริเวณนั้นมองมาที่ฉันเป็นจุดเดียว ใครจะจำไม่ได้ล่ะว่ารถคันที่ฉันพึ่งจะก้าวลงมานั้นเป็นรถเจ้าของมหาลัย และยังเป็นหนุ่มฮอตที่สาวๆ ใฝ่ฝันอีกต่างหาก ฉันจึงรีบเดินเข้าไปในตึกคณะทันที แล้วลัมโบร์กินีสีแดงก็ขับออกไป เขาคงไปที่ตึกของผู้บริหารหรือไม่ก็ตึกเรียนของเขานั่นแหละ ฉันเตรียมรับมือกับความวุ่นวายต่อจากนี้ดีกว่า
สู้ๆ