ยัยเฉิ่มแสนเชยมัดใจนายหล่อร้าย - ตอนที่ 39
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นทุกอย่างก็เข้าสู่ภาวะปกติ ยัยป้าแนนก็ถูกส่งตัวไปรักษา ฉันกับเจสันตกลงกันว่าจะไม่เอาเรื่องเธอ เพราะแค่นี้เธอก็รับกรรมมาก
พอแล้ว ช่วงนี้ดูเหมือนเจสันจะดูยุ่งๆ ทั้งที่ผับและที่มหาลัย เราสองคนเลยไม่ค่อยได้มีเวลาคุยกัน ส่วนฉันก็เรียกหนัก อีกแค่ปีเดียวฉันก็จะจบแล้วเหนื่อยเหมือนกันแฮะ อนาคตจะเป็นยังไงยังไม่รู้เลย ฉันอยู่กับเจสันแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ หรือว่ามันจะเป็นยังไง เพราะเขายังไม่เคยพูดถึงมัน แต่ฉันก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรนะ
“น้ำทำอะไรอยู่ครับ” เสียงเจสันดังขึ้น เขากลับมาตั้งแต่ตอนไหนนะทำไมไม่ได้ยินเสียง ช่วงนี้เขาไม่มีเวลาให้ฉันเลย ฉันรู้ว่าเขาเหนื่อยเลยไม่อยากงี่เง่ากับเขา
“เปล่าค่ะ พี่เจกลับมาเหนื่อยๆ หิวไหม น้ำทำอะไรให้กินดีไหมคะ” ฉันถามออกไปเพราะเขาดูเหนื่อยๆ ต้องดูผับและมหาลัยไปพร้อมๆ กัน กลับมาก็ตีสองตีสามยังต้องตื่นไปมหาลัยแต่เช้าอีก บางวันฉันก็ไปที่ผับด้วยแต่ช่วงหลังๆ นี่ไม่ได้ไปเพราะฉันต้องอ่านหนังสือสอบ ที่ผับก็ไม่มีคนดูแลพี่เจนนี่ลาพักร้อนฉันก็ไม่รู้ว่าไปไหนเจสันบอกว่าพี่เจนี่ไปทำธุระแค่นั้น ส่วนพี่บีมก็ไม่ค่อยได้เข้ามาไม่รู้หายไปไหน ก็มีแต่พี่มาร์คพี่เข้ามาดูแลเปลี่ยนกัน
“ก็ดี หิวเหมือนกัน” เจสันพูดพร้อมกับนั่งลงบนโซฟาฉันเลยไปเอาน้ำมาให้เขาแล้วเดินกลับเข้าไปในครัวเพื่อทำกับข้าวให้เขากิน
“พี่เจเสร็จแล้วค่ะ มากินข้าวเร็ว” ฉันเรียกเขาเมื่อทำกับข้าวเสร็จ
“อร่อยจัง” เขาก็กินมันอย่างอร่อย
“เหนื่อยไม่ค่ะ” ฉันถามออกไปเพราะเห็นท่าทางเหนื่อยๆ ของเขา
“นิดหน่อย แต่ต่อไปก็ไม่เท่าไหร่แล้วเจนนี่กลับมาแล้ว” เขาอธิบายให้ฉันฟัง
“อ่อ ดีจัง” ฉันบอกออกไปด้วยท่าทางดีใจ เขาจะได้มีเวลาให้ฉันมากขึ้น
“ยิ้มอะไร หืม” เจสันพูดพร้อมกับกินน้ำและเดินเอาจานไปล้าง แล้วเขาก็เดินกลับมาหาฉัน
“เปล่าสักหน่อย” ฉันบอกออกไปใครจะบอกละว่าที่ยิ้มเพราะดีใจที่เขาจะมีเวลาให้ฉันมากขึ้น คิดถึงจะแย่เพราะช่วงนี้ไม่ได้นอนกอดกันเลย ฉันนอนไวเขานอนดึกตื่นมาเขาก็ออกไปก่อนแล้ว มันรู้สึกเหงาๆ ยังไงไม่รู้
“มานี่มาพี่มีเรื่องจะบอก” เจสันเดินจับมือฉันมานั่งตรงโซฟาแล้วเขาก็จับฉันนั่งบนตัก ฉันก็ไม่ขัดขืนเอนตัวพิงอกอุ่นๆ ของเขา
“เรื่องอะไรคะ” ฉันถามออกไปด้วยความสงสัย
“พี่ต้องบินกลับเมกา” เขาพูดออกมาแค่นั้นฉันก็รู้สึกตัวชาไปหมด เขาจะกลับบ้านเขาเหรอ มันคงจะถึงเวลาของฉันแล้ว ใช่รึเปล่า ฉันไม่ตอบอะไรได้แต่เงียบอยู่อย่างนั้น
“พอดีมัมเรียกตัวกลับหน่ะ” เขาพูดต่อ
“ค่ะ” ฉันพูดออกไปแค่นั้นไม่ได้พูดอะไรมาก ไม่รู้จะพูดอะไร ไม่ถามต่อด้วย ทั้งที่ในใจอยากรู้แทบแย่ว่าเขาจะกลับมาอีกรึเปล่า
“เป็นอะไร ร้องไห้เหรอ” พอเขาพูดแบบนั้นฉันก็เอามือจับที่หน้าตัวเองปากฎว่าตัวเองน้ำตาไหล มันไหลตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ฉันรีบเช็ดมันออก
“เปล่าค่ะ ฝุ่นมันเข้าตาหน่ะ” ฉันรีบปฏิเสธ เหตุผลมันดูปัญญาอ่อนว่าไหม
“ไหนดูหน่อยสิ” เขาพูดพร้อมกับให้ฉันเงยหน้าขึ้นแล้วเขาก็ จ้องที่ดวงตาของฉันสำรวจหาฝุ่นที่ฉันบอกว่ามันเข้าตา พอมองหน้าเขาตรงๆ แบบนี้มันยิ่งทำให้ฉันอยากร้องไห้ นี่เราจะไม่ได้อยู่กับเขาแล้วจริงๆ เหรอ
“มันออกแล้วค่ะ” ฉันบอกพร้อมกับเบี่ยงหน้าหนี กลัวว่าน้ำตาจะไหลออกมา
“น้ำ” เขาเรียกฉันหลังจากที่ฉันเงียบไป
“คะ” ฉันตอบเขาออกไปด้วยเสียงแผ่วเบา
“ไปเมกากับพี่ไหม” ฉันตกใจและดีใจมากที่เขาพูดแบบนั้น เขาชวนฉันไปด้วย
“ไปทำไมคะ” แต่ฉันยังไม่ตอบตกลง
“เอ่อ…ง พี่ต้องไปเรียนต่อที่นั่นครับ” เรียนต่อเหรอ แสดงว่าไปนานสินะ
“เหรอคะ แล้วที่นี่ละคะใครจะดูแล” ฉันถามเสียงเบาหวิว
“มัมจะส่งคนที่ไว้ใจได้มาดูแลแทน แล้วบอกให้พี่กลับไปเรียนต่อที่นั่น ส่วนผับก็คงให้พวกนั้นดูแลไป” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“ค่ะ” ฉันพูดออกไปแค่นั้น
“ไปกับพี่นะครับไปเรียนต่อที่นั่นด้วยกันเรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องเป็นห่วงพี่จะจัดการทุกอย่าง” พอเขาพูดออกมาแบบนั้นมันทำให้ฉันไปต่อไม่ถูก ฉันไม่อยากเป็นภาระให้เขา เรายังไม่ได้แต่งงานกันอีกอย่างฉันมีแต่ตัวถ้าฉันไปแล้วเขาออกค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างพ่อแม่เขาจะคิดยังไงจะไม่ว่าฉันไปจับลูกชายท่านรึไง
“เอ่อ น้ำ” ฉันอึกอักที่จะตอบ เอาไงดี
“ที่จริงพี่ไม่จำเป็นต้องไปเรียนต่อที่นู่นก็ได้ แต่มัมพี่นะสิ บอกว่าถ้าพี่ไม่ไปเขาจะไม่ให้พี่แต่งงานกับน้ำและจะจับพี่แต่งานกับคนที่เขาหาให้ พี่ไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น” เขาอธิบายเหตุผลให้ฉันฟัง
“แล้วพี่เจเลยตัดสินใจกลับไปเหรอคะ”
“ใช่ครับ มัมบอกว่าถ้าพี่เรียนจบแล้วจะจัดงานแต่งงานให้เราสองคนและก็จะให้พี่มาดูแลมหาลัยที่ไทยแบบเต็มตัว” เขาคิดใกล้ถึงขนาดจะแต่งงานกับฉันเลยเหรอ ฉันดีใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่และก็เสียใจที่เราต้องห่างกัน
“พี่คิดจะแต่งงานกับน้ำจริงๆ เหรอคะ” ฉันถามออกไปเพราะไม่คิดว่าเขาคิดจะแต่งงานกับฉันจริงๆ
“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะครับ พี่รักน้ำพี่ต้องอยากแต่งงานกับน้ำสิ” พูดพร้อมกับโอกอดฉันเอาไว้
“ก็ น้ำไม่คิดว่าพี่เจจะจริงจังขนาดนั้นนิคะ”
“นี่พี่ทำให้น้ำคิดแบบนั้นเหรอ” เขาถามออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งๆ นิดหนึ่ง อย่าบอกนะว่างอนที่ฉันพูดออกไปแบบนั้น
“ก็น้ำไม่คู่ควรกับพี่เจสักนิด น้ำเลยไม่กล้าคิดไกลถึงขั้นนั้น” ฉันตอบออกไปด้วยเสียงอู่อี้อยู่ที่อกของเขา เขาจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ
“พี่บอกแล้วว่าพี่ไม่สนใจน้ำจะจนหรือรวย พี่สนแค่ว่าพี่รักผู้หญิงคนนี้ พี่มีปัญญาเลี้ยงเมียพี่ เข้าใจไหม อย่าคิดแบบนี้อีกนะ พี่ไม่ชอบ” เขาบอกฉันพร้อมกับทำหน้าบึ้งๆ นี่โกรธฉันจริงๆ เหรอฉันเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วเอามือจับใบหน้าของเขาให้มันตรงกับหน้าฉัน
“ขอบคุณนะคะ จุ๊บ” ฉันดีใจและโชคดีมากที่ได้เจอกับเขา ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะโชคดีขนาดนี้ ตั้งแต่พ่อแม่ตายฉันไม่มีใครดิ้นรนชีวิตด้วยเอง แต่พอมาเจอกับเจสันเขากับทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นและอยากมีเขาอยู่ใกล้ๆ ถึงแม้เราจะเริ่มต้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่มันก็ผ่านมาได้จนถึงวันนี้
“แล้วตกลงว่าน้ำจะไปเรียนต่อกับพี่ไหมครับ” เขายังถามเรื่องเรียนต่อ
“เอ่อ น้ำว่าไม่ดีกว่าค่ะ” ฉันปฏิเสธออกไป
“ทำไม” เขาถามเสียงแข็ง
“น้ำไม่อยากให้คนอื่นมองว่าน้ำจับพี่ เกาะพี่กิน” ฉันอธิบาย
“ทำไมน้ำต้องแคร์คนอื่นด้วย” เขาพูดออกมาด้วยเสียงแข็งๆ นี่เรากำลังจะทะเลาะกันใช่ไหม
“พี่เจคะ ฟังน้ำนะคะ ที่มัมของพี่เรียกตัวกลับไปเรียนต่อที่โน่นส่วนหนึ่งน้ำคิดว่ามัมน่าจะพิสูจน์อะไรสักอย่างด้วยและเรื่องนั้นคงเป็นเรื่องของน้ำ ถึงแม้มัมเขาจะเอ็นดูน้ำสักแค่ไหน แต่น้ำเชื่อว่าไม่มีแม่คนไหนอยากจะให้ลูกชายตัวเองเจอผู้หญิงที่ไม่ดีหรอกนะคะ ยิ่งเป็นน้ำผู้หญิงที่ไม่มีอะไรเลย กับพี่เจที่มีพร้อมทุกอย่าง น้ำเชื่อนะคะถ้าเราผ่านครั้งนี้ไปได้มัมจะเชื่อมั่นในตัวน้ำ ว่าน้ำรักพี่เจจริงๆ” ฉันพูดออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจังฉันคิดว่าเหตุผลมันน่าจะประมาณนี้ ฉันเชื่อว่ามัมของพี่เจจะพิสูจน์ว่าฉันรักลูกชายของท่านจริงรึเปล่า ถ้ารักต้องรอได้ อีกในหนึ่งคือท่านเองคงอยากจะพิสูจน์ลูกชายตัวเองด้วย
“แต่ พี่คิดถึงน้ำนี่นา” เขาเสียงอ่อนลง
“น้ำก็คิดถึงพี่ค่ะ” ฉันพูดพร้อมกับกดปากลงไปจูบปากเขาหนักๆ หนึ่งที
“เฮ้อ” เสียงถอนหายใจของเขาดังขึ้น แล้วร่างหนาก็เอนตัวพิงราบไปกับโซฟา
“หรือว่าเราสองคนจะเลิกกันคะ” ฉันตัดสินใจลองพูดออกไป ถ้าเขารู้สึกเหนื่อยเกินไปฉันก็ไม่อยากทำให้เขาลำบากใจ
“น้ำ พูดอะไร” เสียงเย็นๆ แข็งๆ พูดขึ้นหลังจากที่ฉันพูดประโยชน์นั้นจบ ร่างหนารีบลุกขึ้นมาแล้วจับแขนฉันแรงๆ
“น้ำเห็นว่าพี่เหนื่อยกับเรื่องของน้ำ ก็เลยคิดว่าถ้าไม่มีน้ำพี่คงไม่ต้องมาคิดมากแบบนี้” ฉันตัดสินใจพูดออกไป ฉันรู้ว่าตัวเองเริ่มงี่เง่า แต่มันก็อดคิดไม่ได้นิ
“อย่าพูดแบบนี้อีก อย่าแม้แต่จะพูดคำว่าเลิกและห้ามคิดด้วย” เขาพูดกับฉันด้วยสายตาและน้ำเสียงที่แข็งกร้าว
“งั้นพี่เจต้องทำให้ได้ น้ำก็จะทำให้ได้เหมือนกัน น้ำจะรอพี่อยู่ที่นี่” ฉันพูดออกไปเหมือนกับจะร้องไห้แต่ก็ยังไม่ร้อง เราสองคนเงียบไปสักพัก ฉันรู้ดีว่าต้องจากคนที่เรารักมันทรมานแค่ไหน
“โอเคครับ น้ำสัญญานะว่าจะรอพี่จะไม่มีคนอื่น” เสียงเขาอ่อนลงพร้อมกับรวบตัวฉันไปกอด ฉันสิต้องกลัวเขามีคนอื่น
“พี่เจมากกว่าจะมีคนอื่น” พอคิดมาถึงตรงนี้ฉันก็เริ่มกลัว เพราะเขาไปเรียนที่นั่นต้องมีสาวๆ สวยๆ เยอะแน่
“ไม่มีหรอกน่า รักคนนี้จะตาย” เสียงอ้อนๆ ของเขาที่ดังอยู่ตรงซอกคอฉัน คำพูดมันไม่สำคัญเท่ากับการกระทำหรอกนะคงต้องดูกันต่อไป
“ค่ะ น้ำจะเชื่อใจพี่ แล้วพี่เจจะไปวันไหนคะ” ฉันพูดออกไปถึงแม้ในใจจะกลัวแค่ไหนก็ตาม
“นี่แหละครับ จบจากที่นี่ พี่ต้องไปทันที ซึ่งมันก็แค่เหลืออีกสองอาทิตย์เท่านั้น” ใช่สิ เขาเรียนที่นี้ปีสุดท้ายแล้วนิ คงจะไปต่อโทที่โน่น
“ค่ะ”
“อย่าทำหน้าเศร้าแบบนั้นสิครับ ทำแบบนี้พี่จะไปได้ยังไง” เขาพูดขึ้น ที่เห็นฉันทำหน้าเศร้าๆ มันอดไม่ได้นี่นาบอกตัวเองว่าให้เข้มแข็งแต่ก็อดใจหายไม่ได้ แค่สองอาทิตย์เองนะ
“เปล่าซะหน่อย”