ตอนนี้ฉันกำลังเตรียมตัวไปค่ายอาสา นี่ก็ผ่านมาสองอาทิตย์แล้วที่เจสันว่าจะจัดโครงการนี้ขึ้น และวันนี้ก็มาถึง เรากำลังจัดของขึ้นรถกัน โดยมีนักศึกษาที่ร่วมโครงการ สามสิบคนพอดีตามจำนวนที่รับสมัครโดยการเดินทางของเราจะใช้เป็นรถทัวร์
แต่ฉันเจสัน แล้วพี่มาร์คพี่บีมไปอีกคันแยกต่างหากโดยรถตู้ อ่อ แล้วก็ยังมีผู้หญิงคนนั้นอีกคน คนที่มาหาพี่บีมวันนั้นด้วย
“ไอ้บีม มึงมีเด็กเหรอวะ” เสียงแซวของพี่มาร์คดังขึ้นหลังจากเห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นมากับพี่บีม
“เสือก” พี่บีมตอบออกมาแค่สั้นๆ ทำให้พี่มาร์คถึงกับสะอึกเลยทีเดียวฉันได้แต่กลั้นหัวเราะเอาไว้
“ไอ้เวร กูไม่ถามมึงก็ได้ ถามสาวน้อยคนนี้ดีกว่า” พี่มาร์คเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ผู้หญิงข้างกายพี่บีมทันที
“ยุ่ง” แต่ก็ไม่สำเร็จอีกตามเคยไม่พี่บีม ดึงเธอไปไว้ด้านหลัง
“เออ มึงจะหวงอะไรนักหนา น้ำช่วยพี่หน่อยสิครับ” พี่มาร์คพูดขึ้นด้วยความขัดใจและหันมาขอความช่วยเหลือจากฉัน ซึ่งฉันได้แต่อมยิ้มกับความน่ารักของเขาที่ถูกเพื่อนขัดใจ
“มึงมายุ่งอะไรกับเมียกู อยากรู้ถามเองสิ” นี่ก็อีกคน
“เออ พวกเวร เบื่อพวกมีเมีย” เสียงน้อยใจของพี่มาร์คก็โว้ยขึ้นเมื่อเพื่อนไม่สนใจ จนฉันอดสงสารไม่ได้
“พี่บีม ไม่คิดจะแนะนำให้เรารู้จักหน่อยเหรอคะ” ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะใช่ผู้หญิงคนเดียวกันที่ทำให้พี่บีมสับสนรึเปล่า แต่ดูจากท่าทางแล้วน่าจะใช่นะ หวงซะขนาดนี้ เสียงถอนหายใจของพี่บีมก็ดังขึ้นหลังจากที่ฉันพูดจบ
“นี่หนูดี” แล้วเขาก็ดึงเธอออกมาจากด้านหลังและแนะนำกับพวกเราเพียงสั้นๆ ชื่อน่ารักจังหน้าตาก็น่ารักนะสวยเลยล่ะ
“เอ่อ สวัสดีค่ะ พี่ๆ ฉันหนูดีคะ” เธอแนะนำตัวกับพวกเราเพียงสั้นๆ ในสีหน้ามีความลำบากใจอยู่ด้วย
“ว้าว ชื่อน่ารักจังแล้วหนูดีเป็นอะไรกับไอ้บีมครับ” พี่มาร์คได้โอกาสถามต่อทันที
“เอ่อ หนูดี”
“อย่ายุ่ง” หนูดียังพูดไม่จบพี่บีมก็พูดขัดขึ้นซะก่อน
“เอาล่ะๆ เลิกเล่น แล้วไปได้แล้ว” เจสันขัดขึ้นเมื่อเห็นพี่บีมไม่เล่นด้วยส่วนพี่มาร์คก็ทำหน้าผิดหวังเมื่อไม่ได้รู้เรื่องที่ตัวเองอยากรู้ เราทั้งสี่คนเดินไปขึ้นรถ
“เจสันค่ะ” แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งเรียกเจสันจากด้านหลัง
“แนน” พอพวกหันกลับไปก็เจอกับยัยป้าแนน มาทำอะไรที่นี้
“เจสันคะ แนนขอติดรถไปด้วยสิคะ แนนมาไม่ทันรถค่ะ” นี่ยัยป้านี่จะไปเป็นจิตอาสากับเราด้วยงั้นเหรอ หล่อนมีจุดประสงค์อะไรรึเปล่า เพราะดูจากเธอแล้วไม่น่าจะมาทำอะไรแบบนี้
“นี่คุณลงชื่อไปกับเขาครั้งนี้ด้วยหรอ” เจสันถามออกไปด้วยความสงสัย ใช่ฉันก็สงสัยเหมือนกัน
“ก็ใช่สิคะ แนนก็อยากทำความดีบ้าง ทุกคนอย่ามองแนนอย่างนั้นสิคะ แล้ววันนี้แนนก็อยากขอโทษทุกคนด้วย โดยเฉพาะลูกน้ำที่แนนทำไม่ดีด้วย” ยัยป้าแนนทำสีหน้าเศร้าสร้อยซะเต็มประดาแล้วขอโทษเราทุกคน จริงใจแน่หรอฉันหันไปมองหน้าเจสัน ว่าเขาจะเอายังไง
“คุณต้องการอะไร” เจสันถามออกไปด้วยเสียงเย็นๆ
“แหม เจสันคะ คุณจะไม่ลองให้โอกาสแนนหน่อยเหรอค่ะ แนนสำนึกผิดแล้วจริงๆ แนนรู้แล้วว่าทำยังไงคุณก็ไม่รักแนนแน่ๆ แนนเลยบอกตัวเองว่าตัดใจซะดีกว่า” สีหน้าและน้ำเสียงของยัยป้าแนนไม่ได้ทำให้ฉันเชื่อใจเลยสักนิด แต่ไม่เป็นไรฉันจะลองให้โอกาสอีกสักครั้ง เขาว่ากันว่างูพิษถ้าเราให้โอกาสมันแล้วมันยังไม่เชื่องมาแว้งกัดเราอีก เราต้องตีมันให้ตาย (ไรท์มึงเอามาจากไหน ฮ่าๆ)
“พี่เจค่ะ ไปกันเถอะค่ะ ส่วนคุณถ้าอยากไปด้วยก็ตามมาขึ้นรถ” ฉันชวนทุกคนขึ้นรถแล้วหันไปหายัยป้าแนน
“น้ำ” เจสันเรียกฉันเสียงสูงทันทีที่ฉันพูดออกไปแบบนั้น ฉันจึงหันไปมองหน้าเขาแล้วยักหน้าเบาๆ เพื่อบอกว่าฉันไม่เป็นไร
“ขอบคุณนะคะน้องลูกน้ำ” พูดจบทุกคนก็พากันขึ้นรถ
“เชิญคุณไปนั่งข้างหลัง” เจสันบอกยัยป้าแนนเสียงเย็น นี่ก็ยิ่งกว่าผู้หญิง ฉันนั่งกับเจสัน พี่บีมนั่งกับหนูดี พี่มาร์คนั่งคนเดียว ส่วนยัยป้าแนนก็เนรเทศตัวเองไปนั่งข้างหลังคนเดียวตามคำบัญชาของเจสันเธอก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร นั่งรถมาประมาณสามชั่วโมงกว่าเราก็พากันมาถึงที่หมายก็เป็นเวลา สิบเอ็ดโมงพอดี โดยคณะรถทัวร์ของมาหาลัยมาถึงก่อนหน้าเราแล้ว เราพักที่รีสอร์ตที่ใกล้โรงเรียนที่เราจะทำการซ่อมแซมห้องสมุดให้
“เอาล่ะทุกคนแยกย้ายกันไปเก็บของเข้าห้องพักได้ แล้วเที่ยงมาเจอกันที่ห้องอาหาร” ประธานกิจกรรมในครั้งนี้ได้บอกกล่าวกับทุกคน
“ครับ/คะ” เสียงนักศึกษาทั้งชายและหญิงบอกขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ป่ะ ไปกันเถอะ” เจสันพูดขึ้นก่อนจะกอดเอวฉันแล้วพาเดินไปห้องพัก
“พี่เจ”
“ครับว่าไง”
“คือ น้ำว่าเราแยกห้องนอนกันดีไหมคะ” ฉันบอกออกไปด้วยเสียงแผ่วเบา เพราะฉันกลัวว่านักศึกษาคนอื่นจะมองเราไม่ดี
“ทำไม” เสียงเย็นๆ ดุๆ ของเจสันลอยมากระทบหูฉันดังเปี๊ยะ ทำไมต้องทำเสียงดุด้วย
“ก็ น้ำกลัวว่าคนอื่นจะมองเราไม่ดีค่ะ” ฉันตอบออกไปเสียงแผ่วเบา
“เออ จริงของน้ำนะไอ้เจ ให้น้ำนอนกับน้องหนูดีของไอ้บีมก็ได้นะ ได้ไหมไอ้บีม” พี่มาร์คนี่รู้ใจฉันจริงๆ
“ไม่” อ้าว พี่บีมทำไมตอบอย่างนั้นล่ะคะ
“พี่ว่าไม่จำเป็น เพราะคนอื่นเขาก็รู้หมดแล้วว่าเราเป็นอะไรกัน”
“พี่เจคะ แต่”
“น้ำครับอย่าขัดใจพี่ น้ำก็รู้ว่าเพราะอะไร” เสียงเขาดูอ่อนลง เหมือนจะออดอ้อนฉันไปในที คงจะกลัวเสียงภาพลักษณ์ไม่กล้าอ้อนเยอะ
“เพราะอะไรวะ” พี่มาร์คเอ่ยถาม
“กุอยากกอดเมีย จบไหม”
“พี่เจ” ฉันเอ็ดเขาด้วยความเขินอาย
“ก็จริงนี่นา พี่นอนไม่หลับนะถ้าไม่ได้นอนกอดน้ำอ่ะ อย่าใจร้ายกับพี่นักสิ” เขาก้มลงมากระซิบที่กหูฉันด้วยท่าทางออดอ้อนและได้ยินกันสองคน ทำให้ฉันหน้าแดงขึ้นมาทันที
“เออไปๆ พวกคนมีเมีย” พี่มาร์คพูดจบแล้วเดินออกไป
“ป่ะ” เจสันก็พาฉันเอาของไปเก็บไว้ที่ห้องทันที ส่วนพี่บีมกับน้องหนูดีก็พากันเดินไปที่ห้องเหมือนกัน ส่วนยัยป้าแนนตั้งแต่ลงจากรถฉันก็ไม่เห็นเธออีกเลยสงสัยจะไปห้องพักแล้วมั้ง พอมาถึงห้องฉันก็จัดของนิดหน่อย ก็เดินออกมาหาเขาที่เตียงซึ่งเขานอนเล่นโทรศัพท์อยู่
“พี่เจ เสร็จแล้วค่ะ ออกไปข้างนอกกันเถอะ” ฉันชวนเขาออกไปข้างนอกเพื่อที่จะไปรวมตัวกันกับเพื่อนๆ นักศึกษา
“มานี่ก่อนรีบไปไหนเหลือเวลาอีกตั้งเยอะ”
“พี่เจ เป็นคนจัดโครงการก็ไปให้นักศึกษาเห็นหน้าหน่อยสิคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวค่อยไปมีหัวหน้ากิจกรรมดูแลอยู่แล้วไม่ต้องห่วงเหรอน่ามาๆ มากอดหน่อย” อะไรของเขาเอะอะกอดเอะอะกอด แต่ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรเดินไปหาเข้าที่นอนอยู่บนเตียง นอนลงซบอกแกร่งของเขา รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่อยู่ในอ้อมกอดนี้
“พี่เจไม่สบายใจอะไรรึเปล่าค่ะ” ฉันถามออกไปด้วยความเป็นห่วงเพราะเห็นสีหน้าเขามีความกังวล
“จะว่าไม่สบายใจก็ไม่เชิงหรอกครับ พี่แค่ไม่ไว้ใจคน” เขาพูดพร้อมกับเอามือลูบหัวฉันเล่น
“ใครคะ” ฉันถามออกไปด้วยความสงสัย
“แนนหน่ะ พี่ไม่ไว้ใจเขา พี่ไม่คิดว่าคนอย่างแนนจะตัดใจอะไรง่ายๆ น้ำก็ระวังตัวด้วยแล้วกันนะพี่เป็นห่วง”
“ค่ะ น้ำจะระวังตัว” ฉันตอบออกไปเพื่อให้เขาสบายใจ ฉันดีใจนะที่เขาเป็นห่วงมากขนาดนี้ ฉันเองก็รู้สึกไม่ไว้ใจยัยป้าแนนนั้นเหมือนกันกลัวว่าจะมาทำเรื่องอะไรหรือหาเรื่องฉันอีกแต่ในเมื่อเธอบอกว่าจะกลับใจก็เลยลองให้โอกาส
“น้ำ” พอเราสองคนเงียบไปสักพักอยู่เจสันก็เรียกขึ้น
“อะไรคะ” ฉันเงยหน้าขึ้นไปหาเขาทันทีที่เขาเรียก แล้วมองเขาตาแป๋ว
“จูบหน่อย” ห๊ะ ที่เรียกนี่เพราะอยากจูบเหรอ
“พี่เจ ลดบ้างเถอะค่ะความหื่นหน่ะ” ฉันเอ็ดออกไปด้วยความหมั่นไส้
“แค่จูบเองหื่นตรงไหน นะๆ อยากจูบนี่ขอแล้วนะ ถ้ารู้ว่าใจร้ายขนาดนี้ไม่ขอดีกว่าจูบเลย” เขาพูดกับฉันด้วยท่าทางงอนๆ อะไรจะปานนั้น ความน่ารักนะ ฮ่าๆ
“ถ้าไม่ให้ล่ะค่ะ” ฉันพูดออกไปด้วยใบหน้าที่อมยิ้มอยู่
“ถ้าไม่ให้จูบ จะทำมากกว่าจูบ ลองไหมครับ เวลาน้อยแต่พี่ทำได้นะ เสร็จพร้อมกันเลยด้วย” อ๊าย อิพี่เจหื่น เขาทำหน้าเจ้าเล่ห์แถมหื่นก้มลงมาหาฉัน จนจมูกของ
เราก็เตะกัน “ตุบ” ฉันจึงทุบหน้าอกเขาหนึ่งที โทษฐานหื่นได้ทุกทีj
“พี่เจ” ฉันเรียกเขาเสียงสูงด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ฉันไม่ชินสักทีกับความหื่นของเขา
“ลองไหมครับ เลือกเอาจะให้จูบหรือทำให้เสร็จเลย หึ เร็วๆ เพื่อนๆ นักศึกษาจะรอนานนะ” เขาถามพร้อมกับทำหน้าเจ้าเล่ห์มือหนาลูบไล้สะโพกมนของฉัน
“พี่เจอ่ะ น้ำมีทางเลือกเหรอค่ะ” ฉันถามออกไปด้วยความเขินอาย
“มีสิ ตั้งสองทาง จูบ กับ เสร็จ หรือจะให้พี่เลือกให้ หืม” ให้เขาเลือกให้มีหวังไม่ได้ออกจากห้องพอดี ฉันรู้ว่าเขาหน่ะไม่ได้สนใจคนอื่นหรอกถ้าเขาได้ทำ
“แต่พี่ว่าเลือกเสร็จเลยดีกว่าจะได้ไม่ค้างคา” ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเขาก็เลือกให้ฉันเสร็จสับแล้วก็ก้มลงมาจูบซุกไซ้ซอกคอฉันทันที
“พี่เจ ไม่เอา น้ำเลือกจูบค่ะ” ฉันรีบผลักหน้าอกเขาไว้ทันทีที่เขาเริ่มทำการคุกคามฉันแล้วรีบพูดออกไป
“ไม่เอาจริงอ่ะ ก็ได้ๆ ครับ น้ำต้องจูบพี่นะ ถ้าให้พี่จูบพี่กลัวว่าจะไม่หยุดแค่จูบ” เขานี่มันเจ้าเล่ห์ไม่มีใครเกินจริงๆ
“หลับตาก่อนค่ะ”
“โอเคครับ” พูดจบเขาก็หลับตาลง ฉันจึงเอาหน้าตัวเองไปใกล้กับหน้าเขาแล้วเตะปากตัวเองลงกับปากของเขาแล้วรีบผลักออกมา แต่ไม่ทันที่ฉันจะทำอย่างนั้นเขาก็รั้งท้ายถอยฉันไว้แล้วประกบปากหนาลงมาบดขยี้ปากฉันทันที ฉันได้แต่ครางประท้วงอยู่ในลำคอ ไอ้คนเจ้าเล่ห์ แต่จูบที่เขามอบให้เป็นจูบที่นุ่มนวลและอ่อนโยนมันเป็นจูบที่ทำให้ฉันรู้สึกดีที่สุดเท่าที่เราเคยจูบกันมา มันเหมือนมีความห่วงใยห่วงหาโหยหาปะบ่นกันไปหมด เขาคงห่วงฉันมากอย่าที่เขาบอก ฉันจึงจูบตอบเขาทันทีด้วยความรู้สึกเดียวกัน เราสองคนจูบกันอย่างเนิ่นนาน เขาก็ค่อยล่ะริมฝีปากฉันออกแล้วมองหน้าฉันด้วยสายตาที่หวานซึ้งฉันได้แต่หลบสายตาเขาด้วยความเขินอาย
MANGA DISCUSSION