ยัยเฉิ่มแสนเชยมัดใจนายหล่อร้าย - ตอนที่ 15
“ห๊า” อ้าปากค้างเลยสิคะ ที่ได้ยินคำตอบเขา เขาบอกว่าเขาชอบฉันทั้งๆ โอ๊ย….มันเรื่องอะไรกันเนี่ยอยากจะบ้าตาย ทั้งที่รู้ว่าฉันเป็นแฟนเพื่อนเขานี่นะ
“เธอจะว่าอะไรไหมถ้าฉันจะชอบเธอ” เขาพูดออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยและน้ำเสียงที่เรียบนิ่งมากแล้วจะให้ตอบว่ายังไงล่ะทีนี่ ฉันไม่รู้จะตอบยังไงจะทำตัวยังไง เขามาชอบฉันได้ยังไง โอ๊ยอยากจะบ้าตาย
“เออ พี่ล้อเล่นใช่ไหมคะ” ฉันถามออกไป ภาวนาให้สิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องโกหก
“เอ่อ..”ฉันไม่รู้จะพูดอะไร แทบหาเสียงตัวเองไม่เจอ
“เธอไม่ต้องให้คำตอบฉันตอนนี้หรอก”
“แต่พี่ก็รู้ว่าฉันเป็นแฟนเพื่อนพี่” ฉันพูดออกไปด้วยเสียงแข็งๆ เขายังต้องการคำตอบอีกเหรอ เขาเห็นฉันเป็นคนยังไง
“ก็ใช่”
“แล้วพี่ยังจะกล้ามาพูดกับฉันแบบนี้อีกเหรอคะ”
“แล้วไง” อ๊าย อยากจะร้องออกมาดังๆ กับผู้ชายตรงหน้าฉันอยากรู้จริงๆ ว่าเขาเป็นคนยังไงแม้แต่แฟนเพื่อนเขายังจะจีบ
“ก็ไม่แล้วไงหรอกค่ะ ฉันแค่คิดว่าฉันไม่ได้มีค่ามากพอที่จะทำให้พวกพี่ทะเลาะกันหรอกนะคะ อย่ามาเสียเวลากับฉันเลย”
ที่ฉันพูดออกไปแบบนี้เพราะว่าฉันยังไม่ได้เคลียร์กับเจสันเลย หรือบางอีกเราอาจจะไม่ต้องเคลียร์กันก็ได้
แล้วพวกเขาเห็นฉันเป็นตัวอะไรเห็นฉันเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่ไม่มีอะไร จะทำยังไงก็ได้งั้นเหรอ เห็นฉันเป็นคนที่ไม่มีความรู้สึก ไม่มีชีวิตจิตใจรึไงและอีกอย่างฉันก็ไม่อยากเป็นสาเหตุให้พวกเขาทะเลาะกันด้วย (มีความเป็นนางเอกสูงมากกกก)
“ใครบอกว่าเธอไม่มีค่า”
“พอเถอะค่ะ ฉันไม่ใช่ของเล่นของพวกพี่ กลับเถอะค่ะฉันง่วงมากแล้ว” ฉันพูดตัดบทออกไปเพราะไม่อยากจะพูดอะไรมากกว่านี้ ส่วนเขาก็ไม่พูดอะไรต่อขับรถพาฉันกลับมาส่งที่พักทันที พอมาถึงหน้าที่พักฉันเดินลงจากรถโดยไม่ขอบคุณและไม่มองหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ เขาเป็นคนยังไงกันแน่เขาเป็นเพื่อนรักกับเจสันจริงๆ รึเปล่าหรือคิดกับเจสันเป็นศัตรู
ทำไมปัญหาเหล่านี้ต้องเกิดกับฉันด้วย
ตอนนี้ฉันกำลังทำงานอยู่ที่ผับตามปกติตั้งแต่วันนั้นที่พี่บีมบอกชอบฉันเขาก็มีเข้ามาพูดคุยกับฉันบ้างเขาอาจจะพูดเยอะขึ้นหน่อย แต่ฉันก็ยังมองว่าเขาพูดน้อยอยู่ดี ส่วนฉันไม่ได้หลบหน้าหรือหลีกเลี่ยงที่จะคุณกับเขาหรอกเพราะฉันบอกเขาไปแล้วว่าฉันไม่มีวันชอบเขาหรอก เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่เขาคุยกับฉันมากขึ้นกว่าแต่ก่อนแค่นั้นเอง
จนกระทั่งพี่มาร์คสังเกตเห็นและพี่มาร์คคงรู้แหละว่าพี่บีมคิดยังไงกับฉัน พี่มาร์คเลยเอ่ยเตือนพี่บีมไปว่าฉันน่ะแฟนเพื่อน เพราะพี่บีมเขาชอบมานั่งคุยกับฉันตอนฉันพัก ถึงบางครั้งจะนั่งเฉยๆ ก็เถอะ แต่พี่บีมก็ดูเหมือนจะไม่สนใจอะไร แฟนเพื่อนงั้นเหรอแล้วเพื่อนเขามันหายหัวไปไหนซะล่ะ ถ้าฉันเป็นแฟนเพื่อนเขาน่ะ นี้ก็ผ่านมาอาทิตย์กว่าแล้วที่ฉันไม่เห็นเขา ฉันก็ไม่กล้าถามพี่บีมกับพี่มาร์คหรือแม้กระทั่งพี่เจนี่ว่าเขาหายไปไหน และดูเหมือนพวกพี่เขาจะไม่อยากบอกฉันด้วย
และตั้งแต่วันที่ฉันตกลงยอมรับชาลีเป็นเพื่อนเขาก็ไปรับไปส่งฉันที่มหาลัยแทบจะทุกวัน จนตอนนี้พวกชะนีทั้งหลายมันสมน้ำหน้าว่าโดนเจสันเขี่ยทิ้ง บ้างก็มาพูดถากถางต่างๆ นานา แต่ฉันไม่สนใจเพราะไม่อยากมีเรื่อง
อย่างตอนนี้พี่บีมเขานั่งมองฉันอยู่ข้างล่างแต่ฉันก็ไม่สนใจฉันตั้งใจเปิดเพลงไป ให้เหล้าผีเสื้อราตรีได้วาดลวดลายกันอย่างเมามันเปิดเพลงให้ได้แด๊นกันสักพักฉันก็หันมาเปิดเพลงช้าเพื่อให้ได้ผ่อนคลาย
สายตาของฉันก็หันกลับมาสนใจที่โต๊ะพี่บีมอีกครั้งแต่ครั้งนี้มันทำให้หัวใจฉันเหมือนจะหยุดเต้น ความเจ็บปวดที่ฉันเก็บซ้อนไว้มาเป็นอาทิตย์ตอกย้ำฉันลึกลงไปถึงคั่วหัวใจฉันทันทีที่ฉันเห็นผู้ชายคนนั้น
จะมีอะไรล่ะที่ทำให้ฉันรู้สึกเจ็บขนาดนี้นอกจากคนที่ฉันไม่ได้เจอหน้าเขามาเกือบอาทิตย์กว่า คนที่ทำให้ฉันคิดถึงอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วล่ะเหตุผลอะไรที่เขาหายไป ที่เขาไม่สนใจฉัน เหตุผลที่เขาไม่มาง้อฉัน เหตุผลที่พวกพี่บีมกับพี่มาร์คไม่พูดถึงเขา หึ น่าสมเพชตัวเองจริงๆ ยัยลูกน้ำสุดท้ายฉันมันก็แค่ของเล่นของเขาจริงๆ สินะ
เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะตอนนี้เขามีผู้หญิงข้างกายคนใหม่แล้วน่ะสิ ดูจากภาพที่เห็นเหมือนจะใส่ใจและเป็นห่วงผู้หญิงคนนั้นมาก ขนาดฉันมองอยู่ห่างๆ ฉันยังรู้สึกได้ ก็เธอออกจะน่ารักขนาดนั้น ท่าทางเหมือนจะเป็นลูกคุณหนูซะด้วยไม่เหมือนเธอยัยลูกน้ำที่เป็นแค่ยัยเฉิ่มจนๆ ไม่มีอะไรเทียบกับเขาได้เลย เขาจะมาจริงจังอะไรด้วย ฉันคงเป็นได้แค่ของแปลกที่มีไว้แก้เบื่อสำหรับเขาพอได้แล้วก็ทิ้ง เขาคงเห็นมันเป็นแค่เรื่องสนุก คิดแล้วสมเพชตัวเอง เธอควรจะตัดใจจริงจังซะทียัยลูกน้ำ อย่ารออะไรที่มันเป็นไมได้
ฉันได้แต่บอกตัวเองเพื่อที่จะได้ไม่เจ็บไปมากกว่านี้
ตอนนี้ฉันไม่มีสมาธิในการเปิดเพลงเลยฉันต้องการออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ฉันต้องทำอะไรสักอย่างไม่งั้นฉันต้องเป็นบ้าแน่ๆ ฉันยังไม่อยากร้องไห้ฟูมฟายให้ใครเห็น ฉันเลยตัดสินใจเปิดเพลงที่ตัวเองได้ลิสเอาไว้แล้วเดินลงมาจากเวทีเพื่อไปหาพี่เจนนี่ บอกว่าฉันจะกลับแล้ว และหาเหตุผลมาอ้างซะหน่อยคงไม่เป็นไรเพราะเขาได้หาคนมาสแตนด์บายไว้ตลอดเวลาเผื่อว่าคนใดคนหนึ่งไม่สบายจะได้มีคนมาทำแทน
ว่าแต่พี่เจนี่อยู่ไหนนะ อ่ะพี่เจนนี่อยู่ที่โต๊ะของพวกนั้น โอ๊ย….. อยากจะบ้าตายแล้วฉันจะทำไงดี ฉันเลยตัดสินใจเดินไปบอกพี่ดีเจอีกคนให้ไปทำหน้าที่แทน ฉันให้เหตุผลเขาว่าฉันไม่สบายเขาก็เข้าใจ ทีนี้ก็เหลือแต่พี่เจนนี่ทำไงดี เอาวะเป็นไงเป็นกันคิดจะตัดใจแล้วต้องกล้าเผชิญหน้ากับมัน
ฉันเลยตัดสินใจเดินไปที่โต๊ะนั่น ซึ่งตอนนี้ทุกคนกำลังคุยกันอย่างออกรสชาติพอเห็นฉันก็หยุดการกระทำทุกอย่างทันทีที่ฉัน ทุกคนหันมามองฉันเป็นตาเดียว ไม่เว้นแม้แต่เขา ฉันเม้มปากแน่นเผลอมองหน้าเจสันดูเหมือนเขาจะมีความสุขดีในขนาดที่ฉันนั้นทุกแทบขาดใจ อึดอัดชะมัด รีบพูดจะได้รีบจบดีกว่า
“เอ่อ… พี่เจนนี่ค่ะ”
“ว่าไงจ๊ะน้ำ มานั่งก่อนสิ” พี่เจนนี่ชวนฉันนั่งแต่ฉันคงนั่งไม่ลงหรอกนะ
“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่ดีกว่าค่ะ พอดีน้ำจะมาบอกเฉยๆ ค่ะ ว่าน้ำจะขอตัวกลับก่อน รู้สึกปวดหัวนิดหน่อยค่ะ”
“อ้าว แล้วเป็นอะไรมากรึเปล่าจ๊ะ” ตอนที่พี่เจนนี่พูดกับฉัน ฉันก็เผลอไปสบตากับเจสันเข้า เขาทำท่าขมวดคิ้วนิดหน่อย แต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไรฉันเลยรีบหลบสายตานั้นทันที นี้ฉันหวังอะไรอยู่ให้เขาเป็นห่วงงั้นเหรอ
“ไม่เป็นอะไรคะ กลับไปนอนพักคงจะหาย”
“เอ่อ..พี่ใช้คนที่เป็นดีเจที่อยู่บนเวทีเมื่อครู่ใช่ไหมคะ”