ยัยตัวแสบแอบปิ๊งรุ่นพี่เข้าเเล้ว น่ารักเกินต้าน! - ตอนที่ 6.2 รุ่นน้องสาวเเกลแสนซื่อ
“จำใส่หัวไว้ซะ”
“แน่นอนครับ ผมจำเก่งอยู่แล้ว”
“หึ!”
ชิราฮาตะละสายตาจากโมนากะเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหันหลังจากไป
ความเงียบโรยตัวปกคลุมทั่วบริเวณ
“ร…รุ่นพี่ เป็นเพราะฉัน…” โมนะกะทรุดลงไปกองกับพื้น เหมือนหมดแรง เช็ดน้ำตาด้วยชายเสื้อ
“โมนะกะ ถ้าจำบทเรียนได้แล้ว คราวหน้าก็เก็บมันให้มิดชิดด้วยล่ะ”
“ขอโทษ ขอโทษจริงๆ รุ่นพี่โดนอาจารย์ชิราฮาตะดุ ก็เพราะฉัน…”
“ไม่ต้องห่วงฉันหรอก”
เธอคงร้องไห้ ที่ชิราฮาตะเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ผม ตอนที่โดนดุ เธอกล้าหาญมาก แต่ตอนนี้ เธอกลับโทษตัวเอง ที่ทำให้ผมเดือดร้อน ผมจับมือโมนะกะ พยุงให้เธอลุกขึ้น พวกเราดึงดูดความสนใจมากเกินไปแล้ว รีบออกไปจากตรงนี้จะดีกว่า
“ไม่ต้องคิดมากหรอก”
“คิดมากสิ”
“ฉันทำด้วยความตั้งใจของตัวเอง ไม่ได้ทำเพื่อโมนะกะหรอกนะ”
ไม่ได้พูดเพื่อปลอบใจ แต่มันคือเรื่องจริง เหมือนกับตอนที่โมนะกะถูกใส่ร้ายว่าสูบบุหรี่ ผมแค่ไม่ชอบใจ
“…รุ่นพี่ใจดีจัง ขอบคุณนะ”
“อืม”
“ฉันไม่ควรอยู่ใกล้รุ่นพี่สินะ”
“หา? เธอหมายถึงอะไร…”
ทันใดนั้น เสียงกริ่งก็ดังขึ้น เป็นสัญญาณเตือนห้านาทีก่อนหมดเวลาพักกลางวัน
“ฉันชอบรุ่นพี่”
เสียงพึมพำของโมนะกะถูกกลืนหายไปกับเสียงกริ่ง ตลอดทั้งสัปดาห์นั้น โอโอบะ โมนะกะ ไม่ได้มาที่ห้องสภานักเรียนเลยแม้แต่ครั้งเดียว
สัปดาห์ต่อมา วันจันทร์
เวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์โดยที่ไม่ได้พบเธอ ทั้งยามเช้า และพักกลางวัน ราวกับกาลเวลาเลื่อนไหลผ่านไปอย่างไร้ความหมาย เราอยู่กันคนละชั้นปี หากไม่พยายามจะสานสัมพันธ์ บางทีอาจไม่มีโอกาสได้พบกันอีกเลยก็เป็นได้ ผมได้แต่เห็นเธออยู่ไกลๆ ไม่กี่ครั้ง โอกาสที่จะได้พูดคุยก็ไม่เคยมาถึง ห้องสภานักเรียนที่ไร้ซึ่งโมนะกะ ช่างเงียบเหงาผิดปกติ ยามเมื่อมีโมนะกะอยู่ ห้องสภานักเรียนแห่งนี้มักจะเต็มไปด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว แทบจะไม่มีช่วงเวลาเงียบสงบ ความเงียบในยามนี้จึงยิ่งเด่นชัด แต่ก่อน มันก็เป็นแบบนี้ แม้แต่มัตสึริที่แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนเป็นครั้งคราวก็ดูเงียบเหงาลงไปถนัดใจ
“ก็แค่กลับไปเป็นเหมือนเดิม”
เสียงพึมพำของผมเลือนหายไปในความว่างเปล่า แค่เพียงไม่กี่วัน แม้โมนะกะจะอยู่ที่นี่ไม่ถึงสัปดาห์ แต่กลับรู้สึกราวกับว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งของห้องสภานักเรียนแห่งนี้มาเนิ่นนาน อาจเป็นเพราะช่วงเวลาที่เราได้ใช้ร่วมกันนั้น มันช่างเข้มข้นเสียจนยากจะลืมเลือน เดิมที โมนะกะไม่ใช่คนประเภทที่จะเข้ามาข้องเกี่ยวกับคนอย่างผม เป็นเพียงโชคชะตาเล่นตลก ที่ทำให้เส้นทางของเราบรรจบกัน และเราได้พูดคุยกัน เพียงเพราะบังเอิญเข้ากันได้ แม้ไม่มีเรื่องของอาจารย์ชิราฮาตะ สุดท้ายแล้ว ก็คงเป็นแค่เรื่องของเวลาก่อนที่พวกเราจะแยกจากกันไป
“ทำงานไม่ได้เลย…”
ผมรู้ดีว่าทำไมเธอถึงไม่มา การที่ผมช่วยเธอ ทำให้ผมกลายเป็นเป้าหมายของชิราฮาตะ โมนะกะรู้สึกผิด เธอคงคิดว่า ถ้าเธอไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับผม ก็คงไม่ทำให้รุ่นพี่คนนี้เดือดร้อน…เดาไม่ยากเลย ผมไม่ได้ไร้ความรู้สึกขนาดนั้น
“ฉันทำเพื่อตัวเอง ดังนั้น ไม่ต้องห่วงหรอก”
ใช้ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ เอาตัวรอด เพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์ ตัดสิ่งที่สิ้นเปลือง ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น นั่นคือหลักการของผม
“ขอโทษนะ มาซาจิกะ พ่อคงทำไม่ได้แล้ว”
ทันใดนั้น เสียงๆ หนึ่งก็ดังขึ้นในหัว
“อึก!”
ผมรีบปิดปาก ทรุดลงไปกองกับพื้น กลิ้งตกจากเก้าอี้ ผมกลืนน้ำย่อยที่ตีขึ้นมา
“สงสัยจัง ว่าถ้าฉันใจดีกว่านี้ ทุกอย่างจะเป็นยังไงนะ”
โง่เง่า พ่อควรจะเห็นเเกตัวกว่านี้ เขาเป็นคนที่มีความยุติธรรม ชอบช่วยเหลือคนอื่น จริงใจ และใจดีกับทุกคน แม้จะต้องเสียสละตัวเอง เขาก็จะช่วยเหลือคนอื่น ไม่ใช่เพราะเขามองว่ามันเป็นคุณธรรม แต่เป็นเพราะมันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขา ผมคิดว่าเขาโง่ เพราะแบบนั้น เขาถึงได้พ่ายแพ้ต่อความไร้เหตุผล
“พ่ออยากทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นน่ะ”
ถึงจะเป็นพนักงานบริษัทธรรมดาๆ แต่เขาก็มักจะพูดอะไรแบบนั้น พ่อของผมทำงานในบริษัทเกี่ยวกับสาธารณูปโภค เขามักจะพูดอย่างมีความสุขว่า งานของเขามีประโยชน์ต่อผู้คน ผมภูมิใจในตัวพ่อ บางทีอาจเป็นเพราะความขยันและบุคลิกภาพของเขา ที่ทำให้เขาได้รับการยอมรับ ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าแผนก …นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง
เมื่อได้อยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจ พ่อก็สังเกตเห็นการกระทำผิดของบริษัท เป็นการกระทำผิดที่ผู้บริหารทุกคนมองข้าม การร้องเรียนทำให้สถานการณ์ของเขาย่ำแย่ลง ไม่ได้ประโยชน์อะไร แต่พ่อมองข้ามไปไม่ได้ แต่การจะแก้ไขความผิด จำเป็นต้องมีอำนาจ ความคิดเห็นของเขาถูกเพิกเฉย ถูกปกปิด เขาถูกข่มขู่ พวกเขาส่งพ่อไปทำงานที่ไม่มีความหมาย ถึงจะอยากเปิดโปง แต่ก็ไม่มีหลักฐานมากพอ ถึงจะทำได้ เขาก็เลือกที่จะไม่ทำ เพราะมันจะส่งผลกระทบต่อพนักงานที่ไม่เกี่ยวข้อง ดูเหมือนเขาจะถูกกลั่นแกล้งด้วย เขาไม่ได้เล่าอะไรมากมายให้ผมฟัง
สุดท้ายแล้ว พ่อที่ถูกทำลายความเชื่อนั้นด้วยความไร้เหตุผล…ตอนนี้ก็ใช้ชีวิตอย่างเรื่อยเปื่อย เหมือนคนไร้วิญญาณ ผมนึกถึงภาพนั้น
“…ผมจะไม่เป็นเหมือนพ่อหรอกนะ”
ผมพยุงตัวเอง ยืนขึ้น ผมจะไม่ใช้ชีวิตอย่างซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา แบบพ่อ ผมจะใช้ชีวิตอย่างเห็นแก่ตัว มีเหตุผล และเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง แต่…ผมก็มองข้ามคนที่ถูกเอาเปรียบแบบไม่ยุติธรรมไม่ได้ เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ผมให้อภัยไม่ได้มากที่สุด
“ไอ้ความไร้เหตุผล ความไม่ยุติธรรม ไปตายซะ”
ผมไม่ได้ช่วยโมนะกะเพื่อพ่อ ผมไม่ได้ทำด้วยความยุติธรรมแบบพ่อ ผมแค่ช่วยเหลือ เมื่อสามารถทำได้ เพื่อระบายความหงุดหงิดของตัวเองเท่านั้น