ยัยตัวแสบแอบปิ๊งรุ่นพี่เข้าเเล้ว น่ารักเกินต้าน! - ตอนที่ 2.4 ยัยรุ่นน้องตัวเเสบ
ด้วยเหตุผลบางอย่าง การแสดงละครของผมไม่ได้ผลกับอาจารย์คุเกะนุมะเมื่อดูเหมือนว่าการแสร้งทำเป็นเด็กดีต่อไปจะเป็นเรื่องไร้สาระ ในเมื่อผมถูกจับได้อย่างชัดเจน ผมจึงลดการวางท่าทีลงให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และปล่อยให้อารมณ์ที่แท้จริงของผมแสดงออกมา
“สึจิโดะ เธอพาเด็กนักเรียนหญิงรุ่นน้องมาที่นี่ทำไม? หรือว่าประธานสภานักเรียนไร้ค่าคนนี้ทำอะไรแปลกๆ กับเธอหรือเปล่า?”
“เปล่าค่ะ หนูมาที่นี่ด้วยตัวเอง! รุ่นพี่ไม่ได้ทำอะไรกับหนูเลยค่ะ”
“น่าสงสารจัง ดูเหมือนเธอจะถูกบังคับนะ”
อาจารย์มองผมเป็นคนแบบไหนกันนะ…
แน่นอน ผมทำหลายๆ อย่างในช่วงที่เป็นรองประธาน
แต่ ประโยคที่ว่า ‘ไม่ได้ทำอะไรกับหนูเลยค่ะ’ มันฟังดูแปลกๆ ไปหน่อยไหม?
ผมนั่งพิงพนักเก้าอี้ลึกๆ พร้อมกับไขว่ห้าง
“แล้วอะไรพาเธอมาที่นี่ล่ะ?”
“เอ่อ คุเกะนุเป็นที่ปรึกษาสภานักเรียน ใช่มั้ยคะ? มันก็ปกติที่เธอจะมาที่นี่ ไม่ใช่เหรอคะ?”
“ชื่อเล่นนั่นมันอะไรกัน?”
โมนะกะพูดถึงข้อเท็จจริงที่เห็นได้ชัด พร้อมกับชื่อเล่นแปลกๆ นั่น
ไม่ว่าเธอจะชอบเรียกผมว่าจิกะไป หรืออะไรก็ตาม เธอชอบตั้งชื่อเล่นแปลกๆ เป็นพิเศษหรือเปล่านะ?
เอาเรื่องนั้นไว้ก่อน เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่โมนะกะจะเอียงหัวสงสัยกับคำพูดของผม
มีเหตุผลที่ดีมากมายที่ที่ปรึกษาสภานักเรียนจะมาเยี่ยมห้องสภานักเรียน นั่นก็คือบทบาทหน้าที่ของพวกเขาในฐานะที่ปรึกษา
ในความเป็นจริงแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่นักเรียนจะจัดการสภานักเรียนด้วยตัวเอง
ในขณะที่อ้างว่าให้การสนับสนุน หลายๆ โรงเรียนมีที่ปรึกษาที่กุมอำนาจในการตัดสินใจส่วนใหญ่ ผมเคยได้ยินว่าเป็นแบบนั้นกับที่ปรึกษาก่อนหน้าที่ผมจะเข้าร่วมสภานักเรียน อย่างน้อยก็จนกว่าที่ปรึกษาคนนั้นจะถูกปลดออก อาจารย์คุเกะนุมะ ดูจะไม่เข้ากับสามัญสำนึกแบบนั้น
“เฮะๆ มันชัดขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“อ้อ?”
เธอประกาศด้วยความมั่นใจอย่างลึกลับ ผมจึงใช้มือเท้าคางและรอให้เธอพูดต่อ
“ฉันทำงานไม่เสร็จ ช่วยฉันหน่อยสิ!”
เธอโค้งศรีษะลงด้วยท่าทางที่ดูน่าเวทนาอย่างสุดกำลัง พร้อมกับพูดอะไรบางอย่างที่น่าสมเพช
มันเป็นภาพที่งดงาม ใครๆ ก็ดูออกว่าเธอชำนาญในการทำแบบนี้เอามากๆ
“เฮ้อ”
ตามคาด ฉันถอนหายใจยาวๆ
“นี่ ฉันนึกว่าเธอเป็นสาวสวยสุดเท่ซะอีก”
“โมนะกะ เธอไม่มีตาในการดูคนเลยนะ”
“ฉันจะไปรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ได้ยังไง ในเมื่อเธอมักจะดูเท่ตลอดเวลา”
โมนะกะยืนอึ้งอยู่ข้างๆ ฉัน
ก็ฉันก็แปลกใจเหมือนกันตอนที่เห็นครั้งแรก
ถึงจะดูเหมือนคนสวยที่เก่งกาจ แต่จริงๆ แล้วเธอก็ซุ่มซ่าม ฉันเบื่อที่จะเห็นมันตั้งเเต่ในช่วงที่เป็นรองประธาน
“สึจิโดะ ได้โปรด เธอคือความหวังเดียวของฉัน…”
ในขณะเดียวกัน อาจารย์คุเกะนุมะก็ยังคงก้มหน้าต่อไป ไม่สะทกสะท้านกับสายตาเย็นชาของเรา
“รองอาจารย์ใหญ่ผลักงานของเขามาให้ฉันพร้อมกับยิ้มเยาะ ”
“อืม”
” ก็แค่เพราะฉันเป็นหนึ่งในพนักงานที่อายุน้อยกว่า”
“อายุน้อยกว่า?”
“ใช่?”
อาจารย์พึมพำเบาๆ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองผม
“ไม่ต้องห่วง คุเกะนุยังเด็กอยู่!”
“อืม ความใจดีอันบริสุทธิ์ของสาวมัธยมปลายทำให้ใจฉันเจ็บแปลบ”
เมื่อถูกคำพูดของโมนากะ สาวมัธยมปลายตัวจริง อาจารย์ก็กุมอกและทรุดลงด้วยความเจ็บปวด
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอกำลังอยู่ในสถานะที่จะขอความช่วยเหลือ เธอก็กลับมาอ้อนวอนอีกครั้ง
“เมื่องานถูกผลักลงมาจากเบื้องบน มันก็จะถูกผลักลงมาอีก… นี่มันคือภาพสะท้อนของสังคม ใช่มั้ย?”
“ผมคงเถียงเรื่องนั้นไม่ได้”
ถึงอย่างนั้น ฉันก็อดรู้สึกเห็นใจอาจารย์ไม่ได้ ที่ยังคงติดอยู่ในที่ทำงานในระบบแบบเก่าๆ
ผมเป็นหนี้บุญคุณเธอ เเม้ผมรู้สึกเหมือนผมดูแลเธอมากกว่า แต่ต้องขอบคุณเธอ ที่ทำให้มีบางส่วนในชีวิตของผมที่ฉันสามารถสนุกได้อย่างอิสระ และผมก็ไม่ได้รังเกียจที่จะช่วยเธอเพื่อเป็นการตอบแทน
โชคดีที่ผมเริ่มเคลียร์งานค้างบางส่วนได้แล้ว (ซึ่งเดิมทีก็เป็นความรับผิดชอบของอาจารย์คุเกะนุมะ)
“ได้โปรด! ไม่งั้นแบบนี้ เวลาทำงานล่วงเวลาของฉันจะมากกว่าเวลาทำงานจริงซะอีก!”
“น่าสงสารจัง”
“เอาล่ะ ผมเข้าใจแล้ว เธอต้องการให้ผมทำอะไร? หรืออย่างน้อยก็ฟังสิ่งที่เธอจะพูด”
“สึจิโดะ…!”
ขณะที่ผมถอนหายใจ อาจารย์คุเกะนุมะก็เงยหน้าขึ้นทันที
“เธอเป็นนักเรียนแบบที่ฉันคิดไว้จริงๆ!”
“ผมจะช่วยหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่ามันคืออะไร ผมจะเก็บสะสมบุญคุณไว้เยอะๆ แล้วทวงคืนพร้อมดอกเบี้ยในสักวันหนึ่ง”
เนื่องจากไม่จำเป็นต้องเสแสร้งต่อหน้าคนๆ นี้ ผมจึงพูดตรงๆ
“ตกลง! ฉันจะช่วยด้วย!”
“โมนะกะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอนะ”
“แต่มันเป็นคำขอส่วนตัวจากคุเกะนุ ใช่มั้ยคะ? ดังนั้น ฉันก็ช่วยได้เหมือนกัน ใช่มั้ยคะ อาจารย์?”
จริงอยู่ นี่เป็นสิ่งที่ผมจะรับทำในฐานะส่วนตัว ไม่ใช่ในฐานะประธานสภานักเรียน
ผมยังไม่ได้ยินรายละเอียด แต่ยิ่งมีคนช่วยมากก็ยิ่งดี ตามคาด อาจารย์พยักหน้าอย่างมีความสุขหลังจากเห็นโอกาส
“ได้ แน่นอน!”
“ตกลง ไว้ใจฉันได้เลย!”
เธอยอมง่ายเกินไปเเล้ว หวังว่ามันจะไม่ใช่งานหนักเกินไปนะ
“อุ๊ย ฝุ่นเยอะจัง”
โอบะ โมนะกะ ที่เปลี่ยนเป็นชุดวอร์มแล้ว ทำหน้าบูดบึ้ง
ผมก็พยายามหายใจเบาๆ เพื่อไม่ให้สูดฝุ่นเข้าไป
ตรวจสอบสินค้าคงคลังของห้องเก็บของ นั่นคืองานที่อาจารย์คุเกะนุมะขอให้ผมทำ
ในมุมที่ถูกทอดทิ้งของบริเวณโรงเรียน ห้องเก็บของแห่งนี้เป็นที่เก็บอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับกิจกรรมต่างๆ อาจเป็นเพราะไม่ค่อยได้ทำความสะอาด ฝุ่นจึงฟุ้งกระจายไปในอากาศทันทีที่เราเปิดประตูบานเลื่อน
“ผมคิดว่ามันไม่ได้อยู่นอกเหนือขอบเขตงานของสภานักเรียน…”
ผมพยายามโน้มน้าวตัวเองแบบนั้น แล้วเดินตามโมนะกะเข้าไปในห้องเก็บของ
“แต่มันสำหรับเกมเบสบอล ใช่มั้ย?”
“มันเป็นของใช้ส่วนตัวของรองอาจารย์ใหญ่…”
“ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมคุเกะนุถึงอยากจะบ่นเรื่องนี้~”
ในช่วงปิดเทอมฤดูหนาว ทีมเบสบอลท้องถิ่นได้รับอนุญาตให้ใช้สนามของโรงเรียนได้
ไม่มีอาจารย์คนไหนสนใจเลย ยกเว้นรองอาจารย์ใหญ่ ที่ดูกระตือรือร้นมาก
ดูเหมือนเขาจะเห็นด้วยกับความคิดนี้ แต่ไม่มีเจตนาที่จะทำงานเอง ดังนั้นงานจึงตกมาถึงพวกเรา
“สุดท้าย คนที่เสียเปรียบก็คือลูกน้อง…”
แม้จะเป็นประธานสภานักเรียน แต่สุดท้ายผมก็เป็นแค่นักเรียนคนหนึ่ง
ถ้าผมคิดว่านี่เป็นวิธีเอาใจอาจารย์คุเกะนุมะ มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
พูดตามตรง ผมรู้สึกเสียใจแทนอาจารย์
“จริงเหรอ? ฉันคิดว่ามันเป็นผลดีสำหรับฉันนะ~”
“เอ๋ เธอชอบงานใช้แรงงานเหรอ? เธอมันไม่ใช่มนุษย์”
“ฉันคิดว่ามีคนที่ชอบทำงาน…? แต่ฉันคิดว่าไม่ใช่ฉันเเน่ๆ”
ไร้สาระ มนุษย์ทุกคนเกลียดงานใช้แรงงาน ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากนอนทั้งวัน
โมนะกะพับแขนเสื้อขึ้น แล้วมองไปรอบๆ ห้องเก็บของ
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ฉันแค่ดีใจที่ได้อยู่กับรุ่นพี่ มันให้ความรู้สึกเหมือนได้เป็นวัยรุ่น”
“ผมว่าที่นี่มันมืดมนเกินกว่าจะเรียกว่าวัยรุ่น นะ”
“เราอยู่คนละชั้นปี ดังนั้นเราคงไม่ได้ทำอะไรด้วยกันเลย ถ้าไม่มีโอกาสแบบนี้ ใช่มั้ยล่ะ?”
จริงอยู่ นอกจากกิจกรรมชมรมแล้ว มีโอกาสน้อยมากที่นักเรียนต่างชั้นปีจะได้มีปฏิสัมพันธ์กัน
ยิ่งไปกว่านั้น ผมกับโมนะกะมีสังคมที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ถ้าไม่ใช่เพราะความริเริ่มของเธอ พวกเราคงเรียนจบโดยไม่ได้คุยกัน แต่ผมก็สงสัยว่าทำไมเธอถึงกระตือรือร้นที่จะเข้ามายุ่งกับผมนัก
“นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันคิดว่าโชคดีที่คุเกะนุมอบงานนี้ให้เรา”
“เหรอ?”
“นอกจากนี้ จิกะไป รุ่นพี่ชอบงานของรุ่นพี่ ใช่มั้ยคะ? รุ่นพี่เป็นถึงประธานสภานักเรียนเลยนะ”
ด้วยชื่อเล่นที่ผมไม่แน่ใจว่าควรจะดีใจหรือไม่ เธอถามคำถามที่ผมมักจะได้ยินบ่อยๆ
คำตอบของผมก็เหมือนเดิมเสมอ
“ไม่หรอก ผมแค่อยากเข้ามหาวิทยาลัยโดยดูจากเกรดและผลการเรียนเท่านั้น โดยไม่ต้องทำอะไรที่ไม่มีประสิทธิภาพ เเบบการเตรียมตัวเพื่อสอบเข้า”
แน่นอน ผมเคารพคนที่ทุ่มเทให้กับการเรียนเพื่อสอบเข้า มันเเค่ไม่เหมาะกับผมเเค่นั้นเอง
การใช้เวลาหลายพันชั่วโมงไปกับบางสิ่งโดยไม่รู้ว่าจะได้ผลลัพธ์หรือไม่ เป็นความท้าทายที่ผมไม่มีความกล้าหรือความตั้งใจจะทำ การเป็นประธานสภานักเรียนนั้นง่ายกว่า
การทำคะแนนให้ดีในการทดสอบปกติไม่ใช่ปัญหาสำหรับผม เพราะผมเก่งในการท่องจำ ผมสามารถทำงานหนักเพื่อเป้าหมายระยะสั้นได้ ดังนั้นการได้โควต้าจึงเป็นเรื่องง่าย
เส้นทางของผมนั้นชัดเจน และมองเห็นผลลัพธ์ของมันอยู่เเล้ว เพื่อสิ่งนั้น ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ก็ย่อมยอมรับได้