ยัยคนนี้จะทำให้การเปลี่ยนแปลงตัวเองของผมเสียเปล่า - ตอนที่ 32 จับได้
ตอนที่ 32
“อ้ะ ! แล้วก็วันนั้นน่ะ เธอเคยร้องไห้อ้อนวอนเราด้วยนะ ! น่ารักมากเลยล่ะ ยิ่งตอนบอกว่า ’ผมไม่มีทางออกแล้ว พี่ช่วยผมทีได้มั้ย ?‘ ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่เลยล่ะ !“
”โหย นี่เธอยังจำได้อีกเหรอเนี่ย“
“แน่นอนสิ ก็ตอนนั้นหน้าพชรอ่อนไหวต่างจากตอนนี้มากเลยนะ”
กระทั่งผ่านไปจนถึง 1 ทุ่มฝนไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ก็น่าแปลกใจเช่นเดียวกันเวลานี้โดยส่วนใหญ่ภารโรงจะออกมาเดินตรวจสอบรอบโรงเรียนเพื่อปิดไฟกันแล้ว ทว่ากลับไม่เห็นเลยสักคนเสียอย่างนั้น ทั้งที่อาคารทั้งสองก็หันหน้าไปฝั่งป้อมยาม แถมในห้องยังเปิดไฟ แม้รินจะปิดผ้าม่านหน้าห้องหมดแต่ก็น่าจะเห็นอยู่สิ
โชคดีในระหว่างรอ เสียงฟ้าผ่าได้เบาลงแล้ว รินจึงไม่ได้หวาดผวาเหมือนก่อนหน้า เธอสามารถรักษาภาพลักษณ์สาวงามได้อย่างสมบูรณ์แบบหากไม่มีเสียงฟ้าผ่า ถึงอย่างนั้นกระทั่งตอนนี้ที่พชรมั่นใจว่าสาวงามหายแล้วก็ยังไม่หายดี ทุกทีที่มีสายฟ้าแลบ กับเสียงเพียงเล็กน้อย ทั่วทั้งตัวเธอก็จะสั่นสะท้านอย่างน่าเอ็นดู
“ว่าแต่เรียนจบแล้วเธออยากไปมหาลัยอะไรเหรอ ?”
“ก็… ไม่รู้สิ มหาลัยใกล้บ้านมั้ง”
“งั้นเหรอ ? งั้นก็แสดงว่ามหาลัย เซนส์เซริน่า เหรอ ?”
“อ๋อ กะจะเข้ามหาลัยรัฐน่ะ เข้ามหาลัยค่าเทอมแพง ๆ ไม่ไหวหรอก”
“อืม… งี้นี่เอง”
ทั้งคู่พูดคุยกันอย่างสนิทสนม พอพชรพูดเป็นกันเองก็เป็นอีกรอบเช่นเดียวกับเทียร์ร่าที่เหมือนปลดล็อกอะไรบางอย่าง เวลาพูดคุยรินแทบไม่ละสายตาจากพชรเลย ทั้งที่นั่งข้าง ๆ แต่เธอดันหันหน้าเข้าหาแทบตลอด
“แล้ว ? ตั้งแต่เข้าเรียนมานี่ก็นานแล้วนะ โรงเรียนของเราก็ขึ้นชื่อเรื่องแหล่งรวมทายาทมหาเศรษฐีใช่มั้ย เพราะงั้นสาวสวย ๆ บุคลิกดี ๆ ก็เยอะ ธ- เธอ… เอ่อ… ได้เจอ…”
“ได้เจอ ?”
“บ- แบบว่า เอ่อ ใช่ ! เธอเองก็อยู่ในวัยรุ่น ม.ปลายแล้วใช่มั้ย เพราะงั้นการเรียนในโรงเรียนแบบนี้ก็ต้องหาแรงจุงใจนอกเหนือจากความฝันอย่างเดียวใช่ไหม เธอก็น่าจะรู้ว่านักเรียน ม.ปลาย มักหาแรงจุงใจกันโดย เอ่อ แบบว่าหาเพื่อนเพศตรงข้ามแล้วเรียนด้วยกันไง ! อื้อ ๆ แบบนี้แหละ จนถึงตอนนี้เพชรมีใครแล้วหรือยัง ?“
”เพื่อนเพศตรงข้ามที่เรียนด้วยกันเหรอ ? อืม…“
’ทำไมต้องเป็นเพศตรงข้ามด้วยล่ะ‘
พชรอยากถามออกไปแบบนั้นแต่พอเห็นใบนัยน์ตาอีกฝ่ายทอประกายคาดหวังก็ปิดปากเสียก่อน เขาพึมพำคำถามสาวงามแล้วนึกตาม
พอนึกตามคนที่เรียนในโรงเรียนก็มีแต่ไอซ์ที่นั่งข้าง ๆ อยู่ตลอด ขณะเดียวกันถ้าเป็นนอกโรงเรียนก็จะนึกถึงเทียร์ร่าที่แทบเกาะติดอยู่ตลอดหากมีเวลาว่าง
เพราะคำถามของสาวงามไม่ได้กำหนดขอบเขตมาชัดเจนจึงใช้เวลาคิดอยู่นาน เขารำพึงในหัว
‘เธออยากได้คำตอบแบบไหนนะ ?’
พอสบตากับอีกฝ่าย เจ้าตัวก็จะเอียงคอกะพริบตาสีอำพันปริบ ๆ
’บุคลิกสองคนนี้คล้ายกันจังแฮะ‘
”มีอะไรเหรอ ?“
พอมองอยู่นานก็ถามพชรอย่างแปลกใจ ทำเอาพชรชะงักไปชั่วครู่ก่อนหัวเราะแห้ง
”ก็ ไม่รู้สิ ว่าแต่คำถามก่อนหน้าที่ถามมาใช่ไหม“
”อื้อ“
เธอพยักหน้าหงึก ๆ อย่างรอคำตอบ ในขณะที่ฝั่งพชรก็ไม่ได้เข้าใจคำถามของเธอเท่าไหร่นัก แต่พอได้นึกในหัวก็มีสองคนผุดขึ้นมา
”อืม ฉันคิดว่า… ถ้าให้เลือกจริง ๆ ก็น่าจะเป็นเทียร์ร่าล่ะมั้ง ?“
พอตอบคำถามไปตามความเป็นจริง นัยน์ตาสาวงามก็ทอประกาย เธอกะพริบตาถี่ขึ้นจนจับสังเกตได้สักพัก ไม่นานก็ส่ายหัวก่อนแหงนหน้าหลุบตาก้มหน้าแล้วเล่นผมตัวเองก็เปิดปากพูดด้วยเสียงสั่น ๆ เล็กน้อย
”ท- เทียร์ร่าเหรอ… ? อือ… ก็พอเข้าใจอยู่หรอก เทียร์ร่าเป็นเด็กน่ารัก…“
ดูเหมือนอีกฝ่ายจะพูดเหมือนเข้าใจโดยพยายามคงน้ำเสียงให้นิ่งที่สุด ทว่าที่เจ้าตัวทำกลับนิ่งจนไม่สามารถจับได้ถึงอารมณ์ใด ๆ ทั้งที่ก่อนหน้าภายใต้น้ำเสียงของสาวมักแฝงไปด้วยความอ่อนหวานตลอด พชรพอจับสัมผัสได้ก็หัวเราะในลำคอ
ท่าทีน่ารักน่าชังความรู้สึกแบบนี้ก็ทำให้พชรมีความอยากลูบหัวเจ้าตัวในใจ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเพราะแม้ใช้คำพูดสนิทขึ้นแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังคงเป็นรุ่นพี่อยู่ดี
“เราก็แค่เรียนกันปกติ อยากมาเรียนด้วยกันไหมล่ะ ?”
“ด- ได้เหรอ ! แต่ว่าแบบนั้นเทียร์ร่าจะโอเคเหรอ ?”
“เทียร์ร่าไม่น่าว่-”
พชรยังไม่ทันพูดจบ เสียงมือถือเจ้ากรรมก็ดังขึ้นพอหยิบขึ้นมาก็พบเป็นชื่อเทียร์ร่า เพราะไม่ได้บอกให้กลับมารับ ตอนนี้เธอน่าจะกลับบ้านไปแล้ว พชรคิดในใจแบบนั้นระหว่างกดรับมือถือจากอีกฝ่ายที่กดโทรแบบวิดีโอมา
”เพชชี่ สวัสดีค่ะ !”
“หวัดดี โทษทีนะ ตอนนี้จะติวหนังสือใช่ไหม พอดีตอนนี้ยังไม่ได้กลับบ้านเลยน่ะ”
“เอ๊ะ ? ยังไม่ได้กลับเหรอคะ ? ถ้างั้น ด- เดี๋ยวส่งคนขับรถไปให้นะคะ ! ไม่นานค่ะ ไม่สิ… เดี๋ยวฉันไปพร้อมกับพี่พลอยเลยค่ะ อยากเจอเพชชี่ด้วย”
รินรู้อยู่แล้วว่าทั้งสองสนิทกัน สนิทกันมากกว่าหนุ่มสาวทั่วไป ทั้งในและนอกโรงเรียนก็มักได้ยินข่าวลือของทั้งสองอยู่ตลอด บ้างก็ว่าคบกันแล้ว บ้างก็ว่าไปถึงขั้นจูบกันแล้วด้วย รินรับฟังทุกข่าวลือแต่เธอก็ไม่ได้เชื่อข่าวลือใด ๆ เท่าสิ่งที่อยู่ตอนหน้าตรงนี้ที่เธอจับสัมผัสได้อย่างชัดเจน จึงผุดรอยยิ้มออกมาแล้วขยับเข้าไปในมุมกล้องกับพชรแล้วกล่าวทักทายเทียร์ร่าอย่างสนิทสนม
“หืม ? ดูสนิทกันจังเลยน้า~ เทียร์ร่า สวัสดี”
“อ- เอ๊ะ ? พี่ริน กับเพชชี่… เดี๋ยวนะคะ ! ทำไมพี่รินถึงอยู่กับเพชชี่ได้ วันนี้พี่ต้องรีบกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ !“
”อ้ะ- ฮะฮะ พอดีว่าฝนมันตกน่ะ ก็เลยกลับไม่ได้ แถมพี่ทับทิมก็ไม่ว่างด้วย จะให้เรียกแท็กซี่กลับบ้านก็ไม่ได้อีก ก็เลย-“
”หืม ? เดี๋ยวนะคะ พี่พลอย พี่ทับทิมไม่ว่างเหรอคะ ?”
ว่าแล้วเทียร์ร่าก็หันกลับไปถามพลอยที่ยืนอยู่ด้านหลังเทียร์ร่าในห้องทานอาหารของบ้าน ทางฝั่งรินพอเทียร์ร่าถามพลอยพลันเหงื่อไหลจากใบหน้า เธอหัวเราะแห้งยิ้มเจื่อนก่อนที่จะได้ยินคำตอบของพลอยเข้ามาในเสียงมือถือเสียด้วยซ้ำ
“หือ ? ทับทิมว่างนะ ไม่กี่นาทีก่อนเพิ่งโทรมาถามหาคุณหนูรินเอง บอกว่าไม่รับสายแหน่ะ”
“อ้ะ…”
“หืม ?”
พอพชรได้ยินคำตอบก็เอียงคอ ดูเหมือนสาวงามคนนี้ต้องการทำอะไรบางอย่าง เขาพยายามไม่นึกต่อโดยฟังสาวงามทั้งสองพูดคุยกันเงียบ ๆ
“แหะ ๆ”
รินหัวเราะผุดรอยยิ้มเจื่อนออกมายิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่ ก่อนหน้าเธอเพิ่งบอกไปเองว่าคนขับรถไม่ว่าง พอมาตอนนี้กลับกลายเป็นว่าว่างอยู่เสียอย่างนั้น แถมยังเป็นฝ่ายโทรหาเองด้วย
“พี่ริน…”
“อะฮะฮะ พอดีแบตมือถือเราหมดไปแล้ว นี่ไง มันเปิดไม่ขึ้นเลย”
ว่าแล้วเธอก็ยกมือถือของตนออกมาแล้วกดปุ่มเปิดย้ำ ๆ หน้าจอก็ไม่เปิดออก พชรมองตามก็พยักหน้าหงึก ๆ แบบนี้ก็น่าเชื่อถืออยู่ แต่ว่าก่อนหน้าที่เธอทำเป็นพูดคุยโทรศัพท์ล่ะ คุยกับใครอยู่เหรอ ? พอนึกถึงช่วงนั้นก็หาคำตอบไม่ได้ เขาส่ายหัวปัดความคิดนั้นออก ด้วยความนับถือเป็นรุ่นพี่ จึงไม่อยากเคลือบแคลงให้เยอะ เพราะตอนนี้มีคนที่ทำแบบนั้นอยู่แล้ว ซึ่งก็คือเทียร์ร่าที่หลี่ตาจ้องมองรินจากอีกฝั่งของมือถือ
พชรมองใบหน้าเทียร์ร่าก็พบว่าเธอจ้องมองรินเหมือนอ่านอะไรสักอย่างออก เธอเปิดปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างออกมาแต่ก็ปิดปากเงียบเสียก่อนแล้วถอนหายใจออกมายาวเหยียด
“ถ้าอย่างนั้นจะโทรบอกพี่ทับทิมให้นะคะว่าตอนนี้พี่อยู่โรงเรียน ส่วนเพชชี่หนูจะไปรับเองค่ะ”
“ไม่เป็นไร ยังไงพี่ทับทิมก็จะมาอยู่แล้ว เดี๋ยวเราขอให้พี่เค้าไปส่งระหว่างทางก็ได้ ยังไงบ้านเพชรก็อยู่ทางเดียวกันอยู่แล้ว“
‘หา ? รู้จักบ้านฉันด้วยเหรอ จำได้ว่าไม่เคยพาไปนี่ อืม… ความรู้สึกแบบเดียวกับเทียร์ร่าเลยแฮะ‘
“อือ… ถ้าอย่างนั้น พี่พลอยคะ ตอนนี้พี่ทับทิมอยู่ไหนเหรอ ?”
“น่าจะยังอยู่บ้านคุณหนูรินนะ”
“อื้อ ถ้าอย่างนั้นหนูขอไปกับพี่ทับทิมได้มั้ย ?“
”อืม… ตอนนี้คุณท่านไม่อยู่ ได้สิ“
”อื้อ !“
นั่นดูเหมือนจะเป็นข้อสรุปสุดท้ายที่เทียร์ร่าสรุปได้ เธอหันมองพชรแล้วโบกมือให้อย่างร่าเริงก่อนวางสาย ‘เดี๋ยวจะไปหานะคะเพชชี่ อีกไม่กี่นาทีเท่านั้นค่ะ !‘
”อะฮะฮะ ความแตกซะแล้ว“
”…”
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเทียร์ร่าดูจะผิดแผนทั้งหมดที่วางไว้ รินหัวเราะแห้งก่อนขยับตัวนั่งเก้าอี้ของตัวเองเงียบ ๆ
พชรจ้องมองรินอย่างเอ็นดู ดูเหมือนการอยู่กับสาวงามคนนี้สองต่อสองจะคล้ายกันทีเดียว เขาส่ายหัวไปมาโดยไม่พยายามถามจี้เจ้าตัวในเรื่องก่อนหน้า
“ว่าแต่บ้านเธอใกล้กับเทียร์ร่าเหรอ ?”
ถึงจะแปลกใจหน่อยเพราะก่อนหน้าเธอบอกว่าบ้านตัวเองอยู่ไกล เขาก็นึกว่าจะอยู่ไกลแบบหลัก 10 กิโล พอมารู้จริง ๆ ก็พบว่าไม่ได้ไกลขนาดนั้น
“อื้อ เราเป็นเพื่อนบ้านกันน่ะ ครอบครัวของพวกเรารู้จักกันตั้งแต่รุ่นย่าแล้ว ก็เลยนับถือกันแบบพี่น้องในครอบครัวเดียวกัน ที่พ่อกับแม่เราไปต่างประเทศก็ไปคุยธุรกิจส่งออกในนามบริษัทใหม่ที่เป็นหุ้นส่วนกันกับคุณพ่อของเทียร์ร่าเนี่ยแหละ“
‘ถึงว่าทำไมถึงดูสนิทกัน‘
“แบบนี้นี่เอง”
สองครอบครัวมหาเศรษฐีสนิทกันสินะ พชรพยักหน้าหงึก ๆ พอเข้าใจ เพราะทั้งสองคล้ายกันหลายอย่าง พอได้ยินแบบนั้นทุกสิ่งที่สงสัยมาโดยตลอดก็คลี่คลาย เขามองหน้าปั้นยากของรินก่อนละสายตาจากรินแล้วถอนหายใจออกมา
“ไม่ต้องกลัวฉันไม่พอใจหรอก”
“ ? ”
เธอเอียงคอเงยหน้ามองใบหน้าด้านข้างของพชร
“ก็เรื่องก่อนหน้าไง ฉันสนุกมากนะ ที่ได้เห็นด้านน่ารัก ๆ ของเธอ อย่างไอที่กลัวฟ้าผ่าน่ะ ถ้าเกิดเทียบกับเรื่องที่เธอโกหกกับเรื่องนี้ ฉันว่าไงก็คุ้มค่านะ”
“แปลว่าเพชรชอบที่ได้เห็นด้านที่ไม่เคยเห็นของเราเหรอ ?”
“ก็… มั้ง ?”
“แบบนี้นี่เอง เข้าใจแล้วล่ะ”
“เข้าใจอะไรเหรอ ?”
“แหะ ๆ ไม่รู้สิ แค่พอได้ยินเพชรบอกว่าชอบที่เห็นด้านแบบนั้นของเราก็ มันดูเหมือนโดนจีบเลยน่ะ”
รินหัวเราะออกมาอย่างพอใจ ขณะที่แก้มก็เปลี่ยนสีเพราะคำชมจากพชร เธอยกมือป้องปากส่งเสียงอันน่ารักน่าชังออกมาทำเอาหัวใจพชรสั่นไหวไปกับใบหน้าสุดแสนขี้โกงของสาวงาม
พชรรับมือกับความน่ารักของอีกฝ่ายต่อไปไม่ไหวถึงขั้นเบือนหน้าหนีเจ้าตัว เขาพูดเสียงสั่นตอบกลับสาวงามออกไป
“ป- เปล่าสักหน่อย”