ยัยคนนี้จะทำให้การเปลี่ยนแปลงตัวเองของผมเสียเปล่า - ตอนที่ 29 ดัก
ตอนที่ 29
“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
พอกลับคาบเรียนมา เพื่อน ๆ ในห้องพชรก็แซวยับตั้งแต่เห็นหน้าทำเอาพชรส่ายหัว ดูเหมือนนอกจากรับมือกับเทียร์ร่าแล้วเขายังต้องมารับมือเพื่อน ๆ ตัวเองด้วย
บัดนี้ในคาบเรียนวิทยาศาสตร์ในช่วงทดลองที่ห้องปฎิการวิทยาศาสตร์ของอาจารย์สอน หัวหน้าที่ได้อยู่กลุ่มเดียวกะนกับพชรก็ปรี่เข้ากอดคอแซวก่อนใครเพื่อน
“… ขนาดไหนวะ”
“ขนาดที่คุณเทียร์ร่าคลั่งไคล้แกขนาดนั้นไง ทำได้ไงวะนั่น“
”ไม่รู้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ะ“
”ห้ะ ? เอาจริง ?“
”ก็จริง ทั้งที่เพิ่งได้คุยกันจริง ๆ แค่ 5 วันเอง แต่รายนั้นดูจะมีแต่เพิ่มความชอบเรื่อย ๆ“
‘… แรก ๆ ก็มีระแวง ไม่มีความมั่นใจหรอก พอบอกว่าทำอะไรก็ทำเท่านั้นแหละ กลายเป็นรุกไม่สนอะไรไปแล้ว‘ พชรอยากพูดต่อ แต่ก็ถอนหายใจขณะหยิบหลอดทดลองขึ้นมาตามที่อาจารย์กำลังแนะนำอยู่หน้าห้อง หัวหน้าก็เช่นเดียวกัน แม้จะคุยแต่ก็ยกหลอดแก้วขึ้นมาด้วย
“อืม… อิจฉาว่ะ”
“ห้ะ ?”
“ก็คุณเทียร์ร่านั่นน่ะ เห้ย คุณเทียร์ร่าเลยนะเว้ย นอกจากจะเป็นคนสวยสุด ๆ แล้วยังดัง มีความสามารถรอบด้านเลยนะเว้ย ถึงแฟนคลับจะหัวรุนแรงก็เถอะ แต่ก็เข้าใจได้ คุณเทียร์ร่านี่สวยน่าทะนุถนอมจริง”
“…ก็ นั่นสินะ“
ในเรื่องความสวยของเทียร์ร่า ไม่ว่าใครก็ต้องเห็นด้วยกันทั้งนั้น พชรพยักหน้าให้คำพูดหัวหน้า เขาไม่มอะไรแย้งเลยสักนิด เทียร์ร่าเป็นเด็กที่แทบจะเพอร์เฟค แม้จะดูหุนหันพลันแล่น ทำอะไรตามใจ แต่จริง ๆ แล้วในหัวเธอคิดอยู่ตลอดเวลาว่าอันไหนควร อันไหนไม่ควร
พชรรู้ว่าเทียร์ร่าเป็นอย่างนั้น พอได้นึกทบทวนเข้าจริง ๆ ก็อดชมเทียร์ร่าในใจเช่นเดียวกันกับคนอื่น ๆ ไม่ได้ นอกจากจะสวยแล้วยังนึกถึงเขา ถึงจะไม่รู้ว่านึกถึงจริง ๆ หรือเปล่า แต่นานเข้าก็เริ่มคิดแล้ว เพราะความเกรงใจที่เธอมีต่อเขาก็สูง
กับเทียร์ร่า แค่เขาแสดงท่าทางแม้เพียงเล็กน้อยออกมาก็สามารถส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของเทียร์ร่าได้แล้ว เขาเพียงแค่ชม เธอก็จะยินดี แค่ชวนกินข้าวก็จะดีใจใหญ่ แต่ถ้าเผลอดุ เธอก็จะซึมลงทันที จะเรียกว่าอารมณ์ของเทียร์ร่าโดยส่วนใหญ่แทบขึ้นอยู่กับพชรเลยว่าจะให้เป็นแบบไหน
พอได้คิดดูแล้วบางทีก็อดนึกไม่ได้ถ้าเกิดเขายอมคบกับเธอขึ้นมาจริง ๆ เธอจะดีใจมากขนาดไหน
”อยู่ ๆ ก็ยิ้ม แหม อินเลิฟจัด ๆ เลยนะ“
”…“
”เพชชี่~ วันนี้จะกินอะไรเหรอคะ“
พอหมดคาบเรียนเดินออกมาจากห้องเรียนแยกที่ไม่ใช่ห้องเรียนหลักไม่ทันไรก็พบเทียร์ร่ายืนดักรอหน้าห้องราวกับรู้ตารางเรียนของเขา พอพบพชรก็เอ่ยเรียกเปล่งเสียงชื่อพชรอย่างร่าเริงแทบไม่สนใจเพื่อน ๆ ในห้องพชรที่เดินผ่านสักนิด
”ไม่รู้สิ เธออยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมล่ะ ?“
”ไม่มี ที่ต้องการมีแค่ได้อยู่กับเพชชี่เท่านั้น- อะ- อ้ะ ! นึกออกแล้วค่ะ ! กินก๋วยเตี๋ยวกัน !“
”นั่นคงป็นอีกไม่กี่ชื่อที่รู้สินะ“
”ค่ะ ! แต่ว่าตอนนี้ก็พยายามจำชื่อในเน็ตแล้วค่ะ ฉันไปเจอเมนูที่เพชชี่อาจจะชอบก็ได้นะคะ แบบว่าแค่เห็นเพชชี่อาจจะหิวเลยก็ได้“
”มันขนาดนั้นเชียว“
อารมณ์เหมือนอยากแสดงความรู้ให้อีกฝ่ายชมมากกว่า ระหว่างเดินไปโรงอาหาร เทียร์ร่าก็จะพูดชื่ออาหารที่ไปหาในเน็ตมาให้พชรฟัง ส่วนใหญ่เขารู้ แต่ก็มีบางอันไม่รู้เช่นอาหารประจำถิ่นฐานต่าง ๆ ซึ่งเทียร์ร่าพอได้ยินก็หัวเราะคิกคักชอบใจใหญ่แล้วอธิบายให้พชรฟังทั้งที่ตัวเองก็ไม่เคยกิน
เธอพูด ”เอ๊ะ ? เพชชี่ไม่รู้จักเมนูนี้เหรอ อืม ๆ ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังนะคะ แบบว่ามัน…“
ดูเหมือนจะชอบทีเดียว เพราะโดยส่วนใหญ่เธอจะเป็นฝ่ายถามความรู้กับพชร พอมาตอนนี้ที่เธอรู้เยอะกว่าก็หัวเราะร่า เธอถือโอกาสโชว์ความรู้ของตัวเองให้พชรอย่างน่าเอ็นดู
“ถ้างั้นวันนี้นั่งรอตรงนี้นะ เดี๋ยวถ้าเธอไปด้วยจะรบกวนคนอื่นเอา”
“ค่ะ !”
คราวนี้ยอมรับฟังแต่โดยดี เธอนั่งรอบนโต๊ะเงียบ ๆ แล้วฮัมเพลงส่ายขาอย่างอารมณ์ดี ระหว่างรอพชรก็ทำตัวเป็นเด็กดี พอรอบข้างมองเยอะเข้าก็นึกบางอย่างออก เธอยิ้มร่าแล้วค้อมศีรษะให้ทุกคนอย่างไม่เคยทำมาก่อนทำเอารอบข้างช็อตกันเป็นแถบ ๆ
“ม- เมื่อกี้คุณเทียร์ร่าโค้งหัวให้พวกเราเหรอ ?”
“ช่วงนี้คุณเทียร์ร่าจะน่ารักเกินไปแล้วว”
“นี่เราต้องขอบคุณไอหน้าหล่อคนนั้นใช่ไหมเนี่ย”
“กรี๊ด น้องพชรนี่เก่งจังเลยน้า~ ทำเทียร์ร่าเปลี่ยนไปได้ตั้งขนาดนี้”
พอพชรไม่อยู่ รอบข้างก็มองเทียร์ร่าที่กำลังนั่งส่ายขากันอย่างเปิดเผย พวกเขาได้เชยชมความร่าเริงที่เป็นของจริงโดยไม่ต้องดูแค่ในจอ พอได้มองเทียร์ร่าอย่างใกล้ชิด แฟนคลับแต่ละคนก็ชอบใจใหญ่แทบอยากหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย แต่น่าเสียดายที่มันเป็นเวลาส่วนตัวของเธอ จึงทำแบบนั้นไม่ได้
บรรยากาศของนักเรียนรอบข้างเทียร์ร่าในบัดนี้จากปกติจะเงียบเชียบไม่กล้าสบตา มาวันนี้ทุกคนสามารถมองแล้วโบกมือให้กันอย่างเปิดเผยอซึ่งน่าแปลกที่เทียร์ร่าก็พยักหน้าหงึก ๆ แล้วโบกมือกลับอย่างไม่เคยทำมาก่อน
ตลอดเวลาที่พชรยืนรออาหารเขาจึงได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดของแฟนคลับเธอลั่นโรงอาหารอยู่อย่างนั้น
“ทำตัวน่ารักแบบนี้ก็เป็นอยู่นี่นา”
ผลลัพธ์มันก็เห็นอยู่ตรงหน้า หากเธอยิ้มให้ทุกคน ทักทายกันอย่างเป็นมิตรออกมา คนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับหรือไม่ก็ต่างเอ็นดู ทั้งที่เป็นแบบนั้นแต่เธอก็ไม่เคยทำมาก่อน พชรจึงไม่เข้าใจเจ้าตัวสักเท่าไหร่ ได้แต่คาดเดาในหัว ‘บางทีคงสร้างเกราะป้องกันล่ะมั้ง ?’
พอมาตอนนี้อาจเพราะเธอรู้สึกปลอดภัยที่มีพชรอยู่ด้วย จึงแสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่ เผยรอยยิ้ม ผุดคสามน่ารักออกมาจากความสึกมากมายที่ซ่อนไว้ แสดงให้คนรอบข้างได้เห็นโดยไม่ได้แสร้ง แกล้งทำเหมือนอย่างหน้าจอ
เพียงแค่ได้มอง หลายคนสัมผัสได้ในทันที รอยยิ้มอันสวยงามจากใบหน้าอันทรงเสน่ห์นั้นเป็นรอยยิ้มที่จริงใจ ไร้ซึ่งความเสแสร้ง พวกเขาสัมผัสถึงความเสแสร้งในรอยยิ้มนั้นไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
“หืม ? แฟนคลับเหนียวแน่นดีนะเนี่ย“
“อ้ะ ! เพชชี่ นี่ พวกเค้าน่ารักมากเลย”
“หืม ? ไม่ใช่ว่าเป็นงั้นมาโดยตลอดเหรอ“
”อะฮะฮะ นั่นสินะคะ“
”แต่ก็เข้าใจได้แหละนะ เวลาเป็นคนดัง ถ้าทำตัวใสซื่อมากไปเดี๋ยวจะโดนคุกคามเอาง่าย ๆ นี่”
“อื้อ ! ประมาณนั้นเลยค่ะ แต่ตอนนี้มีเพชชี่แล้ว เพราะงั้นสบายใจแล้วค่ะ !”
‘เหมือนโดนบังคับแบบกลาย ๆ เลยแฮะ‘
สาวงามข้าง ๆ ตอบกลับอย่างร่าเริง พูดคุยด้วยพลังบวกเมื่อพชรนั่งลงตรงข้าม ด้วยความอารมณ์ดีไม่มีการเสแสร้งใด ๆ แม้มีความรู้สึกคล้ายโดนบังคับกลาย ๆ จากสาวงาม แต่ก็เข้าใจอีกฝ่ายเพราะในหัวเธอ อนาคตความเป็นไปได้ที่มองเห็นเพียงอย่างเดียวคงเป็นพชรได้คบกับเธอ เธอแทบไม่มีความคิดอื่นนอกจากนี้ในหัว ประโยคพูดส่วนใหญ่ของเจ้าตัวจึงพูดเหมือนได้คบกันแล้ว
เพราะในหัวเธอคิดเช่นนั้น ความชอบที่มีต่อพชรของเธอจึงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่ได้เผื่อใจใด ๆ เลยสักนิด
ระหว่างกินข้าวก็เหมือนกับวันก่อนเทียร์ร่าเป็นคนชวนพชรคุยในหัวข้อต่าง ๆ ทักษะด้านชวนคุยของเธอเอาเข้าจริง ๆ ก็พบได้ว่าแย่ เพราะหากบทสนทนาดำเนินไปเรื่อย ๆ นานเกินไปจนใช้ประโยคที่วางแผนมาหมดไป เธอก็จะมองหารอบข้างเพื่อหาวิธีกลบเดดแอร์แล้วเปิดประโยคพูดแสนน่ารักน่าชังออกมา
“เพชชี่… เพชชี่เคยสงสัยมั้ยคะว่าทำไมต้นไม้ต้นนั้นถึงถูกปลูกใกล้โรงอาหาร”
เทียร์ร่าชี้ไปยังต้นใบหูกวางสีเขียวที่ถูกปลูกไว้รอบโรงอาหาร พชรมองตามก็เอียงหัว เขาพอมีคำตอบในหัว แต่เพราะสัมผัสได้ว่าบทสทนาของสาวงามหมดแล้ว จึงยิ้มแล้วตอบ
“ไม่รู้สิ เธอรู้ ?”
“แน่นอนค่ะ !”
ต้นหูกวางที่มีอยู่รอบโรงอาหารโดยส่วนใหญ่ จุดประสงค์ก็แค่ให้ร่มกับความสวยงามเพราะใบสามารถเปลี่ยนสีได้ตามฤดูกาล มันจึงเป็นตัวเลือกที่ดีในการปลูก
ทว่าเทียร์ร่าตัวน้อยนั้นวิเคราะห์แบบเฉพาะหน้าแล้วตอบคำถามของพชรไปอย่างไหลลื่น ซึ่งพอบทสนทนามันจบลงตรงนั้น บรรยากาศก็กลับมาเงียบเชียบเช่นเดิม
เพราะเทียร์ร่าไม่อยากให้บรรยากาศดูกร่อย จึงเป็นอีกครั้งที่เธอพยายามชวนพชรคุย แต่เพราะแต่เดิมก่อนจะคุยกับพชร เธอต้องวางแผนที่บ้าน คิดหาประโยคดี ๆ มาก่อนเพื่อคุยกับอีกฝ่าย มาตอนนี้ทุกประโยคที่เตรียมมาได้หมดไปแล้ว เธอจึงส่งเสียง “อือ…“ อย่างน่าเอ็นดูออกมา
‘พยายามเอนเตอร์เทนอยู่สินะ‘ พชรเองก็คอยสังเกตมาตั้งแต่ก่อนหน้าก็พอสัมผัสได้ เทียร์ร่าที่นั่งมองหารอบข้างนึกประโยคคุยอย่างกระสับกระส่ายอยู่ตอนนี้ดูจะนึกถึงเขาจริง ๆ
“เทียร์ร่า”
“หือ ? อ- เอ๊ะ ? ค- คะ ? เพชชี่ มีอะไรเหรอคะ ?”
พออยู่ ๆ ได้ยินชื่อของตัวเองจากปากชายที่รักในขณะที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พลันเทียร์ร่าชะงักงันไปดเวยความรู้สึกหลากหลาย ใบหน้าเธอประสับกระส่ายแต่ก็พยายามทำตัวให้นิ่งโดยยืดหลังตรง สบตากับอีกฝ่าย แต่หารู้ไม่ว่าท่าทางเธอตอนนี้น่าเอ็นดูในสายตาอีกฝ่ายมากขึ้นเสียอีก
‘ทำไมถึงได้ชอบฉันขนาดนั้นล่ะ ? ไม่เข้าใจเลย…’
พชรกำลังจะเปิดปากถามออกไปด้วยความสงสัยที่เก็บมานาน อยากถามออกไปอย่างจริงจังมาตั้งนาน ทว่าบรรยากาศตอนนี้ที่มีคนจับตาดูอยู่แทบทุกจุดรอบตัว หากถามออกไปคงได้เกิดข่าวใหญ่แน่ถ้าเทียร์ร่าให้คำตอบแสนโรแมนติกกลับมา
“เพชชี่คะ ?”
พอรอนานเข้าก็เอียงคอแล้วเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจโดยบนหัวมีเครื่องหมายคำถาทตัวใหญ่ลอยอยู่
“อ- โทษที ไม่มีไร“
พชรตอบปัดอีกฝ่ายอย่างน่าสงสัย ทำเอาเทียร์ร่ายิ่งคอเอียงลงแล้วส่งเสียงอันน่ารักน่าชังออกมา “หือ ?” ขณะสังเกตสีหน้าพชรจนผ่านไปสักพัก พอจับสังเกตบางอย่างได้ก็ส่งเสียง ”อ้ะ !“ อย่างน่ารักน่าชังออกมา ก่อนหัวเราะคิกคักแล้วพูดกับฝ่ายชายตรงหน้า
“เดี๋ยวตอนเย็น เอาเป็นตอนกลับบ้านด้วยกันค่อยถามก็ได้ค่ะ ฉันจะให้คำตอบที่ดีที่สุดกับเพชชี่เลยล่ะ”