ยัยคนนี้จะทำให้การเปลี่ยนแปลงตัวเองของผมเสียเปล่า - ตอนที่ 27 ชมบ้าน
ตอนที่ 27
เมื่อแยกจากเทียร์ร่าในตอนเย็น พชรก็กลับมายังบ้านด้วยอารมณ์หลากหลาย มีทั้งอารมณ์ดี ทั้งขุ่นมัวด้วยความรู้สึกบางอย่างที่สงสัยบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง แปลกใจบ้าง อารมณ์ทั้งหมดของพชรเกิดขึ้นกับแค่สองคน พชรไม่ได้กินข้าวเย็นในวันนี้ เขาเดินขึ้นห้องนอนในระหว่างทำการบ้างส่งจารย์พรุ่งนี้ก็ถอนหายใจออกมา
เป็นความไม่เข้าใจในแบบแปลก ๆ ทั้งที่เขาคิดว่าตัวเองมีความสุขดี แต่เหมือนรินจะไม่ได้มองอย่างนั้น เขาถอนหายใจรอบที่ร้อยแปดของวันเมื่อนึกช่วงไม่กี่นาทีก่อนจากกับเทียร์ร่า เธอพูด “เพชชี่ วันนี้ดูอารมณ์ไม่คงที่เลย กังวลอะไรเหรอคะ ?”
พอเห็นสองคนดูอ่านใจเขาได้ก็ถอนหายใจ สีหน้าเขามันอ่านออกได้หรือไง พชรส่ายหัวพยายามโยนเรื่องพวกนั้นออกจากหัว ไม่นานสาวงามที่เป็นน้องสาวก็ปรากฏ เธอเปิดประตูโดยไม่ได้เคาะแล้วพูด
“พี่ แม่กลับมาแล้ว ปะ กินข้าวด้วยกัน”
“แม่เหรอ โห วันนี้มาซะดึก โอเค ๆ เดี๋ยวตามไป ขอทำข้อนี้เสร็จก่อน”
“รีบ ๆ นะ แม่บอกว่าอยากเจอพี่เทียร์ร่าด้วยแน่ะ พี่ก็ลองพาพี่เค้ามาบ้านสักครั้งก็ได้นะ”
“พาเทียร์ร่ามาบ้านเรอ ? ไม่ได้เป็นอะไรกับเธอด้วยสิ คงยา-”
“แหม ไม่ได้สนิท… ช่างเหอะ เอาไว้ถ้าพี่เทียร์ร่าอยากมาบ้านก็โทรบอกด้วยแล้วกัน”
ว่าแล้วน้องสาวตัวป่วนก็ปิดประตูแล้วเงียบไป พชรถอนหายใจแล้วหัวมาทำการบ้านต่อ เขาทำไม่นานก็เสร็จ เขาวางปากกาที่เทียร์ร่าให้มาเป็นของขวัญบนโต๊ะอย่างระมัดระวังก่อนเดินลงไปชั้นล่าง
”อ้าว แม่ หวัดดี วันนี้ก็ยุ่งอีกแล้วเหรอครับ“
พอเดินลงมาด้านล่างก็พบกับแม่ของตนนั่งกินข้าวเย็นเงียบ ๆ พอพชรถามก็ยิ้มให้อย่างอ่อนล้าอย่างที่เคยเป็น
”ก็ อืม พอดีที่วันนี้บริษัทอยากรับพนักงานใหม่เข้ามาช่วยงานน่ะ แม่ก็เลยต้องอยู่ดึก ทำเอกสารซะยาวแน่ะ“
เธอบอกปัดสบาย ๆ ก่อนทำท่าเหมือนนึกบางอย่างขึ้นได้ เธอดีดนิ้วแล้วพูด
“เพชร ว่าง ๆ พาหนูเม็ด-”
“แม่ !”
คุณแม่พชรเหมือนกำลังจะพูดบางชื่อออกมาเหมือนอย่างน้ำ แต่น้ำก็ไม่ยอมให้พูดจบ เธอกระโดดกอด ปิดปากคุณแม่อย่างสนิทสนม เธอพูด
“พี่ คุณแม่อยากให้พาพี่เทียร์ร่ามาบ้านน่ะ”
‘เล่นปิดปากแกเลยเหรอเนี่ย‘
พชรอดทึ่งกับความขี้เล่นของน้องสาวไม่ได้ เขาส่ายหัวก่อนตอบกลับ “ผมไม่ได้สนิทกับเธอขนาดนั้น ไม่คิดว่า-“ แค่นั้นเสียงรอสายมือถือก็ดังขึ้น เขาหยิบมาไม่ทันดูก็ถูกน้ำที่ปรี่ตัวเข้าประชิดตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้แล้วแย่งมันจากมือนักเลงเก่าอย่างพชรไม่ทันรู้ตัว เธออ่านมันไม่นานก็ยกริมฝีปากขึ้นแล้วพูดอย่าดีใจ
“แม่ ! พี่เทียร์ร่าโทรมาล่ะ !“
พอน้องสาวแย่งมือถือ คุณแม่ทั้งสองก็เปิดปากดุน้ำเบา ๆ ”เดี๋ยวเถอะน้ำ อย่าแกล้งพี่แบบนั้นสิ“ แต่ก็แค่นั้น เพราะตาก็มองเข้าไปในมือถือที่ลูกสาวยื่นให้แล้วหัวเราะกันอยู่สองคนทำเอาพชรกุมขมับ
ทั้งสองมองมือถือก็ส่งสายตาอ้อนวอนจากพชรอย่างน่าปวดหัว เขาถอนหายใจแล้วตอบ “รับ ๆ ไปเถอะครับ จริง ๆ เธอก็บอกว่าอยากคุยด้วยอยู่เหมือนกัน”
พอได้รับอนุญาตก็พยักหน้าหงึก ๆ “เย่ !” ที้งสองส่งเสียงพร้อมกันอย่างร่าเริงส่งพลักบวกออกมาเล่นพชรเองก็เผลอยิ้มตามไปด้วย
พอคู่แม่ลูกกดรับมือถือก็มีเสียงร่าเริงจากสาวงามผมฟ้าในมือถือทักทายอย่างสดใส “เพชชี่- เอ๊ะ ? คุณแม่แล้วก็น้ำนี่นา สวัสดีค่า !“
“หนูเทียร์ร่า ! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ คิดถึง~”
ทั้งสองโบกมือทักทายกันเทียร์ร่าในจอมือถืออย่างร่าเริงตามประสาคนไม่ได้พบกันมานาน ทั้งเทียร์ร่าและน้องสาวของพชรต่างพูดคุยเจี๊ยวจ๊าวปล่อยอารมณ์เชิงบวกออกมากันทั้งสามคน พชรสัมผัสความสุขอันสุขล้นได้จากน้ำเสียงของทั้งสาม เขานั่งกินข้าวนิ่ง ๆ แล้วยิ้มให้ห่าง ๆ ไม่นานน้ำก็ถือมือถือมาให้พชรเข้ามุมกล้องกันสองคนแล้วพูด
“นี่~ เจ้าชายของเราจ้า~ ส่วนอีกฝั่งก็คือเจ้าหญิงของเรา ต่อจากนี้จะขอมอบหน้าที่ให้ท่านนักบวชได้กล่าวแสดงความยินดีกับทั้งสองนะค้า~”
พอพูดถึงนักบวชก็หันกล้องเข้าหาคุณแม่ พชรถอนหายใจกับความมโนของน้องสาว ดูแล้วเธอคงชอบเทียร์ร่ามากเอาจริง ๆ ทั้งคู่ดูเข้าขากันดีมากในสายตาพชร เขานั่งมองทั้งคู่โดยไม่ได้ขัดอะไร
จนเวลาผ่านไปสักพักก็หันกล้องกลับมายังพชร เธอพูด “ต่อไปจะเป็นการกล่าวยินดีจากเจ้าบ่าวก่อนขึ้นเรือนหอค่า ~ !”
“อะไรของเธอล่ะนั่น เรายังไม่ได้คบกันสักหน่อย”
พอพชรขัดก็พ่นลมออกปาก “บู่ว” อย่างนั้นแล้วพูดต่อ “ไม่สนุกเลย” จนได้ยินเสียงหัวเราะดังจากอีกฝั่งในมือถือ ในขณะที่น้ำชอบเทียร์ร่า ฝั่งเทียร์ร่าก็ดูจะชอบน้ำไม่น้อย พอน้ำปล่อยให้พชรพูดเสร็จ เธอก็ดึงมือถือกลับแล้วพูดกับโทรศัพท์ “เดี๋ยวจะพาพี่เทียร์ร่าทัวร์นะ เผื่อมาแล้วจะได้ไม่หลง”
เธอว่าอย่างนั้นก็เดินออกจากห้องโถง พาเทียร์ร่าไปแนะนำจุดต่าง ๆ ของบ้านอย่างร่าเริง จนในห้องเหลือเพียงแค่เขากับคุณแม่
“เพชร เดี๋ยวนี้ที่โรงเรียนมีความสุขดีไหม“
”ก็ เรื่อย ๆ นะครับ“
ข้าวบนจานยังไม่หมด ระหว่างคุยก็พูดต่อทั้งอย่างนั้น ในขณะที่คุณแม่เมื่อได้คำตอบจากลูกชายก็พยักหน้าหงึก ๆ
”ลูกมีเวลาเรียน ม.ปลาย แค่ 3 ปีนะเพชร เพราะงั้น อยากทำอะไรก็ทำให้สุด ๆ ไปเลย มีความสุขให้สุดเหวี่ยง จะทำอะไรก็ได้ไม่ต้องสนใจแม่หรอก สิ่งที่แม่คาดหวังกับเพชรอย่างเดียวแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุขเท่านั้นนะ“
”… ทำไมอยู่ ๆ ถึงพูดแปลก ๆ แบบนั้นล่ะครับ แต่ไงก็เถอะถึงอย่างนั้นผมคิดว่าตัวเองตอนนี้ก็ไม่ได้แย่นะครับ ผมเรียนดีเกือบที่สุดในห้อง แถมยังมีเพื่อนดี ๆ ด้วย เพราะงั้นแม่ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ”
“อืม ไม่ยินแบบนั้นแม่ก็ดีใจแล้วล่ะ เพราะอย่างนั้นน่ะ เพชรต้องเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ นะ ไม่ต้องห่วงเรื่องอื่นหรอก”
“เอ่อ อืม โอเคครับ ว่าแต่ ที่ทำงานแม่เป็นไงบ้างเหรอครับ ทำไมช่วงนี้ทำโอทีบ่อยจังล่ะ อายุแม่ก็แค่ 39 เองนะครับ หักโหมแบบนี้เดี๋ยวอายุสั้นเอานะครับ“
“ก็ ช่วงนี้ลูกค้าเยอะน่ะ แถมยังต้องอยู่เตรียมงานรอพนักงานใหม่ วางแผนล่วงหน้าหลายวันอีก ก็เลยเหนื่อยหน่อย แต่ก็แค่ช่วงนี้เท่านั้นแหละนะ อีกสักพักเดี๋ยวพอได้พนักงานใหม่เข้ามา หลาย ๆ อย่างก็จะดูปกติเอง“
”ได้ยินแบบนั้นก็ดีใจครับ ผมไม่อยากให้แม่ทำงานหนักนะ อีกสักพักผมก็จะหาเงินเองได้แล้ว หลังจากนั้นแม่ก็จะสบายแล้วล่ะ“
”อะฮะฮะ แหม เป็นลูกกตัญญูจริง ๆ นะ แต่ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก เดี๋ยวก็ได้เสียช่วงวัยรุ่นันล้ำค่าไปนา“
พอได้คำตอบจากลูกชายก็หัวเราะพอใจ ทั้งที่ก่อนหน้าบอกให้ตั้งใจใช้ชีวิตวัยรุ่นให้เต็มที่ไป แต่ดูเหมือนลูกชายคนนี้จะไม่ฟังเลย
สำหรับพชร เขาเห็นแม่ของตนทำงานเลี้ยงครอบครัวคนเดียวมาโดยตลอด พอโตขึ้นความคิดต่าง ๆ ก็เริ่มกว้างขึ้น มองโลกความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น นอกจากจะโดนสาวทิ้งบ่อยในช่วงก่อนหน้าแล้ว อีกเหตุผลนึงที่ทำให้เขาพยายามมาเรื่อย ๆ จนถึงตอนนี้ก็ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มรับรู้แล้วว่าตัวเองต้องทำอะไรต่อ
บรรยากาศภายในห้องเป็นบรรยากาศสุดแสนเงียบสงบ มีเสียงพูดคุยกันสองแม่ลูกในห้องจนผ่านไปสักพัก น้ำก็กลับมาพร้อมโทรศัพท์ในมือ เธอคงได้พูดกับเทียร์ร่ามาเยอะแล้วจึงมอบมือถือคืนพชรแล้วกลับไปนั่งกินข้าวของตน ขณะที่พชรก็กินข้าวหมดแล้ว ทางฝั่งคุณแม่ก็กินเสร็จแล้วจึงลุก
“เดี๋ยวแม่ไปอาบน้ำก่อนนะ ราตรีสวัสดิ์นะเพชร แล้วก็น้ำด้วย”
“เช่นกันครับแม่”
“อื้อ เดี๋ยววันนี้หนูจะตามไปนอนห้องคุณแม่นะคะ~ อย่าเพิ่งรีบนอนนะ จะพาดูซีรีส์ออกใหม่~“
ว่าแล้วก็เหลือเพียงทั้งสองในห้องกินข้าว พอคุณแม่จากไป น้ำก็รีบกินอาหารที่เหลือ พอเสร็จก็เดินตามขึ้ชั้นบนไป จนเหลือเพียงพชรที่นั่งนิ่ง ๆ คอยฟังสาวงามในมือถือพูดคุยอย่างร่าเริงหลังโทรศัพท์
เทียร์ร่าพอได้เดินชมบ้านกับน้ำก็ดูจะชอบเอามาก เธอถามพชรนู่นนี่นั่นอย่างร่าเริง
“นี่ ๆ เพชชี่ พาไปสำรวจห้องเพชชี่หน่อยสิคะ เพชชี่ไม่พาชมเลย โทรหาทีไรก็เอาแต่เรียนอะ”
“จะดูไปทำไมล่ะนั่น”
“ก็ เอ่อ อยากดูสไตล์การตกแต่งเพชชี่ไงคะ ! อ้ะ ! นี่ ๆ เพชชี่อยากชมบ้านฉันบ้างไหมคะ เดี๋ยวพาเดินดูให้ครบเลย !”
“หืม ? แบบนั้นจะไม่เหนื่อยเหรอ บ้านเธอกว้างจะตายไม่ใช่ไง“
”ฮึ่ม ! เพื่อเพชชี่ไงคะ ! ฉันไม่เหนื่อย ไม่สิ ถ้าเกิดเพื่อเพชชี่อะ เหนื่อยยากแค่ไหนก็จะพยายามค่ะ !“
“นี่ ถามจริงเหอะ นี่เธอจะเลี้ยงฝ่ายชายอย่างเดียวเหรอ ไม่คิดจะให้ฝ่ายชายเลี้ยงให้ตัวเองสบาย ๆ บ้างไง ?”
“อ- เอ๊ะ ? เพชชี่จะคบกับฉันแล้วเหรอคะ ?”
เหมือนในหัวอยากฟังแค่อยากเดียว พอพชรพูดสื่อไปถึงเรื่องต้องการก็แทบไม่จับใจความเนื้อหาอื่นแล้ว
ท่าทางน่ารักน่าชังที่ตาเป็นประกายจ้องมองเขาขณะมีดวงกะพริบในดวงตา โดยปกติถ้ามองสายตานั้นพชรจะหวั่นไหว ปฏิเสธยาก แต่ครั้งนี้กลับสามารถตอบได้เร็วทำเอานัยน์ตาเทียร์ร่าสั่นไหว “เปล่าสักหน่อย แค่สงสัยเท่านั้นเอง”
“อ- อื้อ นั่นสินะคะ มันควรเป็นงั้นอยู่แล้วนี่นา”
“อืม ว่าแล้วก็ชักอยากดูบ้านเธอเหมือนกันแฮะ ถ้างั้นช่วยเป็นไกด์พาชมบ้านหน่อยสิ เผื่อตอนไหนได้ไปเที่ยวจะได้ไม่หลงไง”
พชรพูดโดยไม่ได้คิดอะไรเพราะบรรยากาศอีกฝ่ายส่งมาแปลก ๆ เขาแทบไม่ได้นึกถึงเทียร์ร่าจริง ๆ เลยในคำตอบนี้ ทว่ากับคำพูดของเขาเองเทียร์ร่าดันตาเป็นประกายวิบวับ เธอพยักหน้าหงึก ๆ ชอบใจแล้วลุกจากเก้าอี้ หันกล้องให้เห็นห้องนอนสุดหรูกว้างหลายเมตรสีขาวเรียบ ๆ ตกแต่งด้วยของฟุ่มเฟือยของเธอเป็นอย่างแรกแล้วพูด ”นี่เป็นห้องนอนของฉันเองค่ะ- อ้ะ“
ทว่ายังหันไปได้ไม่ไกลก็พบรูปภาพพชรในปัจจุบันติดหมอนข้างอยู่บนเตียง เทียร์ร่าพยายามหันกล้องหลบแต่ก็ไม่ทันแล้ว เพราะพชรเห็นได้อย่างชัดเจนจึงยิ้มเจื่อนหัวเราะแห้ง
“เอ่อ ม- ไม่ใช่นะคะ ฉันไม่ใช่สตอร์กเกอร์นะคะ บ- แบบว่า… เอ่อ”
‘นี่มันเรียกว่าคลั่งไคล้แล้วมั้งเนี่ย แล้วนี่ฉันควรดีใจที่มีไอดอลระดับประเทศตามติดไหมเนี่ย‘
เทียร์ร่าพอเห็นพชรนิ่งก็เลิ่กลั่กใหญ่ เธออ้าปากอ้ำอึ้งพยายามแก้ตัวต่อ แต่ความคิดในหัวมันตื้อไปหมดเพราะมัวแต่คิดว่าพชรไม่ชอบ ในท้ายที่สุดจึงเห็นภาพสาวงามคอตกแล้วยอมรับอย่างน่าสงสาร
”ข- ขอโทษค่ะ อือ… ฉันคงเป็นโรคจิตใจสายตาเพชชี่จริง ๆ แหละ แต่ว่าถ้าเกิดเพชชี่ไม่ชอบล่ะก็… เอ่อ ถึงจะน่าเสียดาย… แต่ก็ทิ้งให้ก็ได้ค่ะ…“
”ไม่เป็นไร ๆ ช่างเถอะ ฉันชิลล์อยู่แล้ว“
”อือ… พ- เพชชี่จะไม่โกรธใช่ไหมคะ อ- เอาตรง ๆ ไม่อยากทิ้งไปเลย… เวลาได้นอนกอดหมอนข้างเพชชี่แล้วมันทำให้หลับสบายมากเลยน่ะค่ะ… แบบว่า มันรู้สึกเหมือนได้นอนกั- เอ่อ เหมือนมีเพชชี่อยู่ข้าง ๆ เลย…“
”…โอเค ๆ เข้าใจแล้วล่ะ ๆ“
”จ- จริงนะคะ… เพชชี่ไม่โกรธใช่ไหม ?“
”ไม่หรอกน่า ของแค่นี้ ปกติฉันควรยินดีด้วยซ้ำไป อุตส่าห์มีไอดอลชื่นชอบเลยนะ ว่าแต่จะไม่พาทัวร์ต่อแล้วเหรอ ?“
”อ้ะ ! นั่นสินะคะ ถ้างั้นต่อไปจะพาไปดูห้องทำงานของฉันก่อนเลยค่ะ อยู่ไม่ไกลนี่เอง เดี๋ยวพาไปนะคะ !“
สาวงามกลับมาร่าเริงได้ไม่ยากเพียงแค่ไม่ดุเจ้าตัวมากเกินไป เทียร์ร่ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วพาพชรไปชมที่ต่าง ๆ ของบ้านหลังใหญ่ เธอทำแบบเดียวกันกับตอนน้ำพาเทียร์ร่าทัวร์ เธอชี้ไปนู่นนี่นั่นแล้วอธิบายให้พชรได้รับรู้สิ่งต่าง ๆ อย่างอารมณ์ดี
เธอหัวเราะคิกคักพูดคุยกับพชรระหว่างเดินเล่นโดยไม่สนใจแม่บ้านที่เดินผ่านสักนิดทำเอาแต่ละคนในบ้านต่างตั้งคำถามในหัวว่าสาวงามคนนี้กำลังคุยอยู่กับใคร ทำไมถึงได้อารมณ์ดีออกนอกหน้าถึงขนาดนี้
”อ- ฮะฮะ นั่นเพชชี่ ตรงนั้นน่ะ ! เป็นจุดที่จะดูดาวได้ดีที่สุดล่ะค่ะ ! ตรงนี้ประมาณ 3 – 4 ทุ่ม วิวจะสวยมากเลยล่ะ“
”ขนาดนั้นเชียว“
”อื้อ ตรงนี้เป็นจุดที่คุณพ่อได้ปรึกษากับสถาปนิกแล้วก็วิศวะกรระดับประเทศ แถมยังมีนักดาราศาสตร์ผนวกเข้าด้วยนะคะ เลยทำให้ที่นี่เป็นที่ที่ดูดาวได้ดีที่สุดแม้จะอยู่ในเมืองค่ะ โดยปกติที่นี่จะไม่ให้คนนอกเข้าเลย แต่ถ้าเป็นเพชชี่อะ เข้าออกที่นี่ได้ทุกเมื่อเลยค่ะ !“
เทียร์ร่าพาพชรขึ้นมายังดาดฟ้าของบ้านที่อยู่สูงหลายชั้นที่มีชั้นจุดนึงที่เป็นพื้นยกระดับขึ้นมาสูงเข้าไปอีกแถมยังติดตั้งลิฟต์ไว้อย่างฟุ่มเฟือยสมเป็นคนรวย
ทั้งสองพูดคุยกันต่อหลังจากนั้นหลายชั่วโมงจนลืมวันเวลา เทียร์ร่าคอยอธิบาย ชวนคุย ตอบคำถามพชรอย่างร่าเริง ทั้งคู่พูดคุยกันได้เรื่อย ๆ โดยไม่มีเบื่ กะทั่งพชรที่ไม่ได้เปิดใจให้เทียร์ร่าขนาดนั้นยังรู้สึกดีที่ได้พูดคุยกับสาวงามคนนี้