ยัยคนนี้จะทำให้การเปลี่ยนแปลงตัวเองของผมเสียเปล่า - ตอนที่ 25 แปลก
ตอนที่ 25
“อืม…”
“เธอมีอะไรแนะนำมั้ย ?”
ทั้งคู่เดินทางออกนอกโรงเรียนโดยใช้ใบอนุญาตจากอาจารย์ที่รินมี พวกเขาพูดคุยกันไม่นานก็ตัดสินใจนั่งแท็กซี่เข้าโซนช็อปปิ้ง ทั้งสองเข้าไปยังห้างสรรพสินค้าระดับประเทศที่สะสมของมีคุณภาพมากมายไว้ด้านใน
รินพาพชรมายังโซนซื้อขายอุปกรณ์การเรียน ด้านหน้าทั้งสองในตอนนี้คือชุดฟิวเจอร์บอร์ดหลากสีหลายขนาด
ที่จริงรินมีตัวเลือกในหัวอยู่แล้ว แต่เธอก็ตัดสินใจถามชายหนุ่มข้าง ๆ เสียก่อน
“ก็… ไม่มีนะครับ”
“งั้นเหรอ ? อืม…“
พอพชรไม่ได้แนะอะไร รินก็เริ่มเลือกในสิ่งที่ตนวางแผนมาก่อนตามรายการที่เขียนไว้ในมือถือ เธอพาพชรเดินไปยังร้านต่าง ๆ พอจ่ายเงินเสร็จก็ขอให้ร้านนั้น ๆ ไปส่งที่โรงเรียนถึงที่จนตอนนี้ทั้งคู่แทบไม่ต้องถืออะไรให้เยอะเว้นแต่เป็นของเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างปากกาที่รินเองก็ถือได้
พชรเดินตามหลังรินก็มองอย่างแปลกใจ เขาไม่เข้าใจเท่าไหร่ทำไมถึงเลือกเขามาเป็นเพื่อน ทั้งที่เธอมาคนเดียวไม่น่ามีปัญหา แถมที่เขามายังช่วยอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำนอกเสียจากเดินเป็นเพื่อนคอยชวนคุย
หลังจากครั้งแรกที่รินถามเรื่องความเห็นกับพชร รินก็ไม่ได้ถามอะไรจากเขาเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ต้องซื้ออีกเลย
พชรตั้งคำถามไว้ในหัวโดยไม่ได้ถามออกไป เขายังคงเดินตามรินที่พาเขาไปยังร้านต่าง ๆ ซื้ออุปกรณ์จำเป็นทั้งหมดที่เขียนไว้
“เธอกำลังสงสัยสินะ“
”ครับ ?“
พชรเอียงคอทำท่าไม่เข้าใจอีกฝ่าย
“ก็ที่เราเรียกเธอออกมา สำหรับเธอตอนนี้คงยังพยายามเชื่อมโยงข้อมูลที่มีอยู่ในหัวใช่ไหม ? ”
พชรเลิกคิ้วอย่างแปลกใจกับสาวงามผมเงินด้านหน้าที่ระหว่างพูดก็เลือกของในลิตส์รายการโดยไม่ได้มองเขา
“ก็… ประมาณนึงมั้งครับ”
“อะฮะฮะ ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกเธอไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนะ ยังคงชอบคิดมากอยู่คนเดียวตลอดเลย แบบนั้นก็ถือเป็นข้อดีอยู่นะ แต่สำหรับความรู้สึก บางทีเธอก็ไม่จำเป็นต้องคิดหาเหตุผลกับมันก็ได้”
’พูดอย่างกับรู้จักกันมานานเลยนะ เป็นคนจับความรู้สึกได้เก่งขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย ทั้งที่เจอกันแค่ในสถาบันการเรียนไม่กี่วัน แถมประโยคพูดเหมือนจะรู้กันกันดีนั้น…‘
”แน่ะ ! เห็นมั้ย กระทั่งตอนนี้เธอยังเคลือบแคลงเราอยู่เลย“
ราวกับจับอารมณ์พชรได้จากเสียงหายใจ ตลอดเวลาที่คุยเธอไม่ได้หันมองพชรเลย กระทั่งพชรเงียบไปครู่นึงก็หันหลังกลับมองพชรแล้วเท้าสะเอวแล้วโน้มตัวจ้องสบตากับพชรทำเอาพชรแก้มเปลี่ยนเฉดสีถึงขั้นเบือนหน้าหนีเจ้าตัว เขาพูด
“ป- เปล่านะครับ”
“อะฮะฮะ เรารู้หรอกน่า ไม่เป็นไรหรอก ยังไงเธอก็อยากรู้เหตุผลใช่ไหมล่ะ ที่จริงแล้วน่ะ อืม…”
แค่ตอบสั้น ๆ ง่าย ๆ โดยบอกสาเหตุมาแค่นั้น แต่เจ้าตัวกลับลูบคางทำเหมือนคิดเสียอย่างนั้น
พชรพยายามไม่เคลือบแคลงโดยคิดหาเหตุผลเกี่ยวกับสาวงามคนนี้ แต่ทำไม่ได้จริง ๆ เพราะท่าทางเธอดูประหลาดจริง ๆ สำหรับพชร
เขายืนรอเจ้าตัวคิดคำตอบที่ควรจะเป็นคำตอบง่าย ๆ โดยเธอปล่อยความเงียบเคลื่อนตามเข็มยาวบางในนาฬิกาไปเกือบครึ่งนาทีก่อนดีดนิ้วดัง เป๊าะ ! แล้วพูดต่ออย่างน่าสงสัย
“ที่จริงจะให้มาเป็นคนคุ้มกันล่ะ !”
”คุ้มกันเหรอครับ ?“
”ก็… อือ… นี่ไง ! แบบว่า เรามีผู้ติดตามในยูทูปหลายล้านใช่ไหมล่ะ เราไม่อยากนับตัวเองเป็นคนดังเหมือนอย่างเทียร์ร่าที่เป็นคนเก่งหรอก แต่ว่าเธอก็รู้ใช่ไหมล่ะว่าพวกเรามีกลุ่มที่เป็นเฮตเตอร์อยู่ เพราะงั้นนี่ไง ก็เลยพามาเป็นเพื่อนด้วย“
เฮตเตอร์คือกลุ่มคนที่ไม่ชอบในตัวศิลปิน นั่นเป็นสิ่งที่พชรเองก็รู้จึงพยักหน้าเข้าใจ เหตุผลดังกล่าวฟังขึ้น พชรเข้าใจได้ไม่ยาก ทว่ากับท่าทีสาวงามที่ระหว่างพูดก็มักชี้นิ้วไปนู่นทีนี่ทีอย่างน่าสงสัยจึงทำพชรเคลือบแคลงไม่น้อย เขาพูดต่อโดยไม่ได้จะขัดแย้งกับอีกฝ่าย
”ถ้าแบบนั้นพี่จูเนียร์ไม่เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเหรอครับ ? รายนั้นเป็นถึงแชมป์มวยยาวชน คงจัดการได้ง่ายกว่าผ-“
”ไม่จริง- นั่นน่ะ… อ้ะ !“
พชรยังไม่ทันพูดจบก็โดนขัดโดยอีกฝ่าย รินทำท่าเหมือนจะเปิดปากพูดในรูปแบบเดียวกันกับเทียร์ร่า ทว่าระหว่างประโยคที่กำลังถูกเติมเต็มก็ปิดปากเงียบเสียก่อนแล้วหัวเราะ “แหะ แหะ” อย่างน่าสงสัย
“เอิ่ม…”
พอลองนึกในหัวในตอนที่เขาเจอกับกันรินครั้งแรกในสถาบันติวหนังสือ ในตอนนั้นเป็นตอนที่เขาเพิ่งเปลี่ยนตัวเองใหม่ ๆ และอยากเรียนรู้หลายอย่าง จึงยังไม่ได้มีความรู้มากเท่าปัจจุบัน ทำให้ตอนนั้นเขาแทบอยู่รั้งท้ายของสถาบัน
แต่ทว่าในวันนึง เป็นวันที่เขาเข้าเรียนในตอนเช้าตามปกติแต่ที่นั่งในห้องดันบังเอิญเหลือแค่ข้างรินที่เดียว จึงทำให้ในวันนั้นเขาได้พบกับรินเป็นครั้งแรก
ในวันนั้นแหละ ที่รินได้สังเกตเขาอย่างใกล้ชิดจนผ่านไปได้สักพักเธอก็เป็นฝ่ายชวนคุยในหัวข้อต่าง ๆ บทสนทนาถูกรินเป็นฝ่ายนำเหมือนอย่างตอนนี้ และหลังจากพูดคุยในวันนั้นเอง ทำให้อะไรสักอย่างดนใจให้รินอาสาเป็นคนคอยช่วยเหลือเขาตลอดที่อยู่สถาบันจนทำให้เขาเข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่าง อย่างแตกฉาน จึงทำให้เขานับถือรินตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงปัจจุบัน
ทว่าตอนนั้นมันก็ฟังดูเป็นพรมลิขิต แต่หลายเหตุการณ์มันสามารถใช้คำว่าบังเอิญได้ฟุ่มเฟือยเกินไป ทั้งโต๊ะรอบห้องที่ว่างแค่ของรินครั้งเดียวทั้งที่เธอเรียนได้อันดับ 1 ไหนจะเรื่องที่รินพบเจอเขาบ่อยหลังจากนั้นในหลายเหตุการณ์อีก
“พชร ? พชร ?”
”อ้ะ โทษทีครับ“
“เป็นอะไรเหรอ ? เหม่อซะนานเชียว”
พอถูกดึงออกมาจากโลกความคิดก็มองเห็นสาวงามที่เข้ามาใกล้เขาแล้วโบกมือผ่านตาเขาไปมา เธอเอียงคอสบตาพชรด้วยแววตาคล้ายปลาอย่างน่ารักน่าชังทำหัวใจดวงน้อย ๆ ของพชรสั่นไหวไม่น้อย
“อืม… พอเข้าใจที่รุ่นพี่จะสื่อแล้วล่ะครับ ถ้างั้นตอนนี้เหลือที่ไหนที่เราต้องไปบ้างเหรอครับ”
ที่เข้าใจเพียงอย่างเดียวคือเข้าใจว่าสาวงามเรียกออกมาเป็นองครักษ์ เขาพยายามเชื่อสาวงามโดยไม่คิดอะไรให้เยอะเพราะเป็นผู้มีพระคุณ
“อืม… ที่นี่เป็นที่สุดท้ายแล้ว แต่เวลายังเหลือเยอะเลย อืม… ตั้งแต่ตอนเที่ยงเรายังไม่ทันได้กินข้าวเลย ไปกินข้าวกันไหม ? ถือว่าพักผ่อนด้วย พักหลัง ๆ มานี่เธอคงฝืนตัวเองเรียนหนักเลยใช่ไหม ?“
ท่าทางรินที่แสดงออกมาดูเข้าใจเขาจริง ๆ เธอพูดแล้วยิ้มให้พชรอย่างอ่อนโยนให้ความรู้สึกเป็นรุ่นพี่ที่ดีจริง ๆ เธอคอยช่วยเหลือพชรในตอนแรก มาจนถึงปัจจุบันก็ยังแสดงความเป็นห่วงออกมาอีก แบบนี้ต่อให้เป็นชายจิตใจเข้มแข็งก็ต้องมีหวั่นไหวกันบ้าง
”ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ แต่ก็โอเคครับ ถ้าอย่างนั้นรุ่นพี่นำเลยก็ได้”
“เอาสิ ถ้างั้นเราไปกินข้าวร้านลุงโชคที่อยู่ใกล้สถาบันที่เราเจอกันครั้งแรกดีไหม”
“จะดีเหรอครับ นั่นมันไกลมากเลยนะ”
“ไม่เป็นไร นั่งแท็กซี่ไปไง ! เดี๋ยวนี้เรามีเครื่องอำนวยความสะดวกนะ เพราะงั้นระยะทางไม่สำคัญหรอก”
รินแสดงความต้องการออกมาผ่านนัยน์คาดหวังที่สบตากับพชรอยู่ เขามองเห็นประกายในดวงตาสีอำพันอันสวยงามนั้น จึงทำได้เพียงถอนหายใจตอบเจ้าตัว ”ครับ“ แค่นั้นเธอก็พยักหน้าหงึก ๆ อย่างอารมณ์ดีแล้ว
หลังจากซื้อของชิ้นสุดท้ายเสร็จ รินก็เรียกแท็กซี่มุ่งหน้าไปยังร้านอาหารริมทางที่พอได้มองก็ทำให้นึกถึงวันเก่า ๆ ที่เพิ่งผ่านมาเพียงไม่กี่เดือน เธอเดินนำพชรเข้าไปด้านในก็สั่งอาหารให้พชรและของตัวเอง
เธอรู้ว่าพชรชอบอะไร เขาจึงปล่อยให้เป็นหน้าที่รินที่ดูอาสาสั่งให้ทั้งที่ไม่ได้พูดคุยอะไร เธอทักทายเจ้าของร้านอย่างสุภาพแต่ก็เป็นกันเอง เพราะช่วงเรียนเสริมมาที่นี่บ่อย พอเจ้าของร้านเห็นหน้าเขาก็ทัก “อ้าว ! คู่นี้ยังอยู่ด้วยกันอีกเหรอเนี่ย ยินดีต้อนรับ ๆ น้าดีใจนะเนี่ยที่ยังไม่ลืมร้านเก่า ๆ ร้านนี้”
เป็นการทักทายที่ให้ความรู้สึกประหลาดแต่คนละความรู้สึกกับริน พชรเดินแยกมานั่งโต๊ะก่อนแต่ก็ได้ยินเสียงทั้งสองคุยกันอยู่
“หนูไม่ลืมร้านดี ๆ หรอกค่ะ ร้านอาหารอร่อยแบบนี้หนูหาที่อื่นไม่ได้เลยล่ะค่ะ”
ทั้งที่จริง ๆ เธอเองก็แทบไม่ได้กินอาหารข้างทาง แต่ก็พูดเอาใจเจ้าของร้านได้เก่ง เธอยิ้มแล้วค้อมศีรษะให้เจ้าของร้านอย่างสุภาพก่อนเดินมานั่งตรงข้ามพชร
”มาถึงตอนนี้ก็ยังนึกไม่ถึงจริง ๆ ว่ารุ่นพี่จะชอบกินอาหารข้างทางแบบนี้ด้วย“
พชรไม่ได้จะเหยียดร้านอาหาร อย่างไรก็ตาม รินที่อยู่ด้านหน้าเขาตอนนี้ไม่ได้เป็นแค่ประธานนักเรียนผู้อ่อนหวาน แต่เป็นถึงยูทูปเบอร์ชื่อดังที่เป็นลูกเศรษฐีขนาดแท้ ท่าทางของเธอที่แสดงออกกับทุกคนถูกขัดเกลามาด้วยครอบครัวชนชั้นสูง ทำให้ใบหน้าเดียวที่เห็นโดยส่วนใหญ่จึงเป็นใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนโยนอย่างกุลสตรี
เพราะแบบนั้นการได้เห็นสาวงามในระดับนั้นมานั่งกินร้านอาหารเก่า ๆ แบบนี้จึงทำให้พชรแปลกใจไม่น้อย แม้มาด้วยกันบ่อยในหลายเดือนก่อนก็ยังคงความแปลกใจนั้นไว้อยู่
“หืม ? อืม… ก็เราเป็นคนธรรมดานี่ แค่มาร้านอาหารทั่วไปไม่เห็นแปลกเลย เราก็รู้อยู่หรอกว่าพชรมองเราเป็นคนรวยคนสูงส่งอะไรทำนองนั้นเพราะครอบครัวของเราน่ะ แต่ว่านะพชร เราน่ะคนธรรมดานะ เพราะงั้นไม่ต้องถืออะไรหรอก อืม… เอาจริง ๆ เราก็คิดอยู่เหมือนกันถ้าเธอเรียกเราว่า ริน เฉย ๆ ก็คงดีไม่น้อยแน่ะ”
‘ย้ำว่าคนธรรมดาถึงสองรอบ…‘
พชรหัวเราะในลำคอกับประโยคพูดที่เหมือนอ่านใจได้ พอได้อยู่กับสาวงามคนนี้ก็เหมือนได้ปลดปล่อยอะไรหลาย ๆ อย่างออกจากอก เขารู้สึกโล่งใจเวลาได้อยู่กับสาวงามคนนี้
อาจเป็นเพราะท่าทางเป็นกันเองที่ทำกับทุกคนอย่างเท่าเทียม กับท่าทีเอาใจใส่ที่ไม่มีความเสแสร้งแม้สักนิดเวลาพูดละมั้ง จึงทำให้พชรผ่อนคลายเวลาได้อยู่ด้วย
เขาหัวเราะแห้งแล้วตอบ ”ถึงจะว่างั้นก็เถอะนะครับ เรียกรุ่นพี่แค่ชื่ออย่างเดียวแบบนี้ ถ้าเกิดมีคนเห็นมีหวังโดนสั่งเก็บชัวร์”
“ไม่เชื่อว่าเธอจะกลัวเรื่องพวกนั้นหรอก หลายวันมานี้ก็ไปไหนมาไหนกับเทียร์ร่าที่แฟนคลับหนาแน่นกว่าเรา ฐานะก็ดีกว่าเราอยู่นี่- อ้ะ ! เอ่อ อืม พชร ! ช่วยลืม ๆ มันไปทีนะ“
”…“
‘ลืม ? ลืมอะไรเหรอ ? เอ๊ะ รุ่นพี่แกพูดเรื่องน่าอายเหรอ ? ไม่เห็นเข้าใจ’
พอได้เห็นท่าทีลนรานของรินก็แปลกใจ เธออายเพราะอะไรเหรอ ? ความรู้สึกของสาว ๆ เป็นสิ่งที่เข้าใจยากจริง พชรไม่เข้าใจรินจึงทำเพียงพยักหน้าหงึก ๆ แล้วตอบเสียงเบา “เข้าใจแล้วครับ…” โดยไม่ได้เข้าใจจริง ๆ
“ว่าแต่ อืม… พรุ่งนี้จะเป็นวันเขียนรายชื่อสมาชิกพรรคแต่ละพรรคเป็นวันสุดท้ายแล้ว… เพราะงั้นพชรสนใจเป็นสภานักเรียนไหม ?”
พออาหารมาเสิร์ฟแล้วเวลาเคลื่อนไปประมาณนึงพร้อมความเงียบ รินก็เปิดปากถามคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบจากพชรตั้งแต่ก่อนหน้า
“อืม… ไม่รู้เหมือนกันครับ”
“อืม… ยังเหลือเวลาอีกเยอะอยู่ เพราะงั้นพชรไม่ต้องรีบตัดสินใจก็ได้ แต่ถึงยังไงก็ตามล่ะนะ ถ้าเกิดเธออยากเข้าร่วมกับพวกเราล่ะก็ติดต่อมาได้เลย อืม… ถ้างั้นเอาเป็นเพิ่มเพื่อนใน IG เฟซบุ๊ค แล้วก็เพิ่มเบอร์เราไว้ก็ได้”
คงเป็นธรรมเนียมสาว ๆ เธอยกหน้าที่เพิ่มเพื่อนให้แก่พชรหลังจากเขาตอบรับ “โอเคครับ” เธอมอบรายชื่อหลักที่ใช้เป็นประจำให้กับพชรพร้อมทั้งเพิ่มเบอร์ส่วนตัวให้ เรียกได้ว่าหากมีหนุ่มแฟนคลับรินมาเห็นคนอิจฉาไม่น้อย รินหัวเราะคิกคักพอใจแล้วพูด
“เวลาก็ยังเหลืออีก เราไปไหนกันต่อดีนะ”
“เอ๊ะ ? รุ่นพี่จะยังไม่กลับเหรอครับ”
“ก็เราขอเวลาทั้งคาบบ่ายนี่นา ถ้าเรากลับก่อนก็จะเป็นการเสียมารยาทสิ เพราะงั้นต้องกลับให้พอดี”
“อืม… ? กลับก่อนก็ไม่ดีเหรอครับ ?”
“ใช่ ๆ เพราะงั้นเราไปเที่ย- อืม เราไปเดินเล่นรอบ ๆ กันดีกว่าเนอะ”