ยัยคนนี้จะทำให้การเปลี่ยนแปลงตัวเองของผมเสียเปล่า - ตอนที่ 24 ริน
ตอนที่ 24
“อือ…”
“เป็นไร ?”
หลังจากกินข้าวเที่ยงกับใช้เวลาพักเที่ยงทั้งหมดไปกับเทียร์ร่า พชรกลับขึ้นห้องมาเรียนวิชาบ่ายตามคนอื่น ๆ พอวิชาแรกเริ่มขึ้น สาวงามข้าง ๆ ก็ทำตัวแปลกไปอย่างไม่เคยทำมาก่อน
เธอนอนหน้าฟุบกับโต๊ะแล้วส่งเสียงออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายอย่างไม่เคยทำมาก่อน
“ไม่รู้อะ แค่ขี้เกียจ”
“ก็นะ สำหรับเรา ๆ ช่วงที่ไม่อยากทำไรก็ต้องมีกันบ้าง แต่คาบนี้คาบของอาจารย์วิเชียรนะ“
”อ้ะ ! ลืม“
พอรู้ว่าคาบเรียนของอาจารย์คนไหนก็ดีดตัวขึ้นอย่างน่าตลก พชรหัวเราะเอ็นดูเจ้าตัวก่อนหัวมาสนใจหนังสือแบบฝึกหัดในมือ
”ทำไม่ทันอะ ดูหน่อย“
”ไม่ได้ ทำเองสิ ก็บอกวิธีทำไปแล้วไม่ใช่เหรอ“
”บอกมาแล้วก็จริง แต่เมื่อกี้เหม่ออะ มันไม่ทันแล้ว“
”…“
‘ไทป์สาวขี้อ้อนรึไง‘
ขณะคิดก็ยอมยื่นหนังสือให้อีกฝ่ายไปแล้ว เธอยิ้มร่ากล่าวขอบคุณพชรยกใหญ่ แล้วดูหนังสือจดมือไปทั้งอย่างนั้นทั้งที่เป็นการโกงอย่างหนึ่ง
”อาจารย์วิเชียร ขออนุญาตครู่นึงนะคะ“
ระหว่างที่อาจารย์กำลังปล่อยให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดกันเงียบ ๆ ความเงียบทั้งหมดก็ถูกพังทลายลงด้วยสาวงามผมสีเงินผิวขาวหิมะผู้เป็นถึงประธานสภานักเรียน
การปรากฏอย่างกะทันหันของเธอทำให้อาจารย์วิเชียรพ่นลมหายใจออกจมูกด้วยความหงุดหงิดตามประสา
“อา มีไร ? เฮ้อ จะทำอะไรก็รีบ ๆ หน่อยนะ ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมพวกเธอชอบมารบกวนเวลาสอนฉันนัก“
”อาจารย์แกยังดุเหมือนเคยเลยเนาะ“
พชรพูดคุยกับสาวงามข้าง ๆ ที่เอาจริงเอาจังกับการลอกหนังสือพชร เธอตอบกลับ “อือ อือ” ระหว่างพยักหน้าขณะมือเร่งขีดเขียนหนังสืออย่างหนักเพราะเวลาใกล้หมด
“คือว่าหนูอยากยืมตัวพชรในคาบของอาจารย์น่ะค่ะ”
“พชรเหรอ ? ได้สิ”
พออาจารย์ตอบ รินก็ค้อมศีรษะให้อย่างสุภาพ แต่พชรที่ยังงง ๆ อยู่ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นอาจารย์ก็โพล่งขึ้น “แต่…“ เสียก่อนระหว่างหันมองหน้าพชรที่อยู่แถวหลังสุด ขณะที่รินเอียงคอไม่เข้าใจ
”ก็ต่อเมื่อพชรทำงานของฉันเสร็จแล้วล่ะนะ“
ตอนแรกก็กะจะเร่งหน่อย แต่รินเข้าใจอาจารย์ดี จึงตอบ ”เข้าใจแล้วค่ะ“ แล้วเดินไปนั่งม้านั่งริมระเบียงของอาคารด้านนอก
”นี่ เมื่อเช้ากับตอนเที่ยงก็คุณเทียร์ร่า มาตอนนี้ก็พี่ริน นายนี่มีแรงดึงดูดสาวสวยหรือไง อ้ะ เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่านายจะสร้างฮาเร็มน่ะ !“
ไอซ์พูดโดยไม่ละสายตาจากหนังสือ เขาถอนหายใจยิ้มเจื่อนก่อนยกมือขึ้นแล้วพูด “ผมเสร็จแล้วครับ” ก่อนแย่งหนังสือจากสาวงามทำเอาไอซ์หน้าเสีย “อ- เอ้ย อย่าเพิ่ง !“ แต่ก็ไม่ทันการเพราะพชรแย่งหนังสือไปส่งให้อาจารย์แล้ว เธอทำได้เพียงพองแก้มแล้วดูหนังสือตัวเองที่ยังเขียนไม่เสร็จ ท้ายที่สุดก็ต้องทำเองไปทั้งอย่างนั้น
เธอพึมพำระหว่างพชรเดินออกจากห้องเรียน ”พชรขี้แกล้ง ชิส์“
”รุ่นพี่ มีอะไรเหรอครับ ?“
”อืม… พอดีมีเรื่องให้ช่วยน่ะ เรามารบกวนหรือเปล่า ?“
พอเดินออกมานอกห้อง รินก็เดินนำพชรออกจากหน้าห้องโดยไม่บอกอะไร พชรถามเธอในระหว่างเดิน
“ก็… ไม่ครับ วิชาอาจารย์วิเชียร ผมไปทำล่วงหน้ากับแกมาก่อนแล้ว“
”แล้วของอาจารย์ ดนตรี กับอาจารย์สมัญญาที่เหลือในช่วงบ่ายนั่นล่ะ“
“อันนั้นก็สบาย ๆ ครับ เป็นอาจารย์ที่ผมสนิทด้วย ถ้าเกิดไปขอก่อนคงไม่มีปัญหาครับ ว่าแต่จะทำอะไรเหรอครับ ? ถามล่วงหน้าซะไกล“
“ก็… อืม…”
พอถามกลับเจ้าตัวก็มีสีหน้าคิดหนัก นัยน์ตาเธอทอประกายด้วยอารมณ์บางอย่างก่อนก้มหน้าลงนึกคิด
ราวกับว่าที่มาเรียก ไม่ได้นึกมานึกมาก่อน พชรไม่ได้จะเร่งเล้าหรืออะไร เพราะไม่มีความจำเป็นต้องทำ เขาเดินข้างรินจากชั้น 3 ลงมายังชั้น 1 เจ้าตัวก็ยังคิดอยู่แบบนั้น
”พอดีคณะสภาของเราขาดคนน่ะ”
“หืม ?“
พชรแปลกใจนิดหน่อยกับคำพูดอีกฝ่าย เขาจำได้ว่ารินเป็นประธานนักเรียนมาตั้งแต่ปีก่อนแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็ใกล้จะเลือกตั้งใหม่แล้วเพราะงั้นจึงคิด ‘รุ่นพี่จะเป็นอีกปี ?‘
“ขอโทษทีนะ จริง ๆ มันมีเรื่องปัญหาภายในนิดหน่อย มันคาราคาซังมาตั้งแต่ปีก่อนแล้วล่ะ จริง ๆ แล้วที่ต้องไปเรียกตอนเรียนอยู่แบบนี้ก็เพราะอาจารย์กรรณิกาเป็นคนวานเป็นการส่วนตัวน่ะ ไม่รู้จะคุยอะไรเหมือนกัน“
‘…อืม… เหมือนเธอจะไม่พร้อมเท่าไหร่เหรอ ทำตัวแปลก ๆ อย่างกับเทียร์ร่าเวลากังวลเลยแฮะ’
อาจเป็นเพราะได้คุยกับเทียร์ร่าบ่อยเลยจับความรู้สึกได้เก่งขึ้น เขามองดูสาวงามที่ส่วนสูงพอ ๆ กับเทียร์ร่าซึ่งตอนนี้เธอดูเรียบเรียงคำพูดออกมาให้ความรู้สึกแปลก ๆ
“อืม… โอเคครับ“
ยังไงก็ตาม รินเป็นเด็กที่เก่ง การเป็นประธานนักเรียนตั้งแต่ ม.4 นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เธอจะต้องสะสมความชอบจากนักเรียนคนอื่นทั้งชั้นปีเดียวกันและชั้นปีที่สูงกว่าโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนก่อนเลือกตั้งที่ซึ่งเธอทำได้ดีเกินมาตรฐานไปไกล พชรนับถือรินในจุดนี้ของเจ้าตัวจึงไม่ตั้งข้อกังขาใด ๆ
เพราะงั้นบางทีการได้ร่วมงานกับคนเก่ง ๆ แบบนี้อาจทำให้ชีวิตในอนาคตเขาราบรื่นขึ้น
“แล้ว ? ที่เรียนเป็นยังไงบ้างเหรอ โรงเรียนนี้ถูกใจเธอไหม ?”
“ก็ โอเคนะครับ”
‘ไม่ถามเรื่องเทียร์ร่าแฮะ เป็นคนแรกเลยนะเนี่ย‘ ใจนึงก็ดูสนใจ แต่อีกใจนึงก็ไม่ สาวงามดูไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่นเท่าไหร่ ระหว่างพาพชรเดินไปหาอาจารย์ที่ห้องสภาซึ่งอยู่ห่างจากอาคารของพชรอยู่ไม่ไกล ทั้งสองต้องเดินออกมานอกอาคารเรียนฝั่งฟุตบาท
เดินผ่านอาคาร 3 ที่อยู่ฝั่งกว่าและสนามกีฬาหลักที่อยู่ฝั่งซ้ายไปไม่ถึงร้อยเมตร เพราะอยู่ในช่วงเรียนอยู่ รอบข้างจึงไม่ค่อยมีนักเรียนสักเท่าไหร่
ในช่วงเดินไปหาอาจารย์ การสนทนาของทั้งสองจะถูกดำเนินโดยริน เธอจะถามพชรเกี่ยวกับการเป็นอยู่ภายในโรงเรียนกับเรื่องเรียนเสียส่วนใหญ่ เธอถามว่าที่เรียนอยู่เข้าใจดีไหม ? จะไปติวหนักสือที่สถาบันอีกหรือเปล่า ? อยากเรียนวิชาอะไรเพิ่มไหม ?
บางทีอาจเป็นเพราะเธอเป็นนักเรียนตัวอย่าง ทั้งเรียนเก่ง ทั้งมีวินัย มีความรับผิดชอบที่สูง แถมยังไม่เคยทำให้คะแนนสอบตกจากอันดับ 1
บทสนทนาส่วนใหญ่จึงอยู่แต่กับการเรียน
“ถึงแล้ว… อาจารย์รออยู่ด้านใน เธอเข้าไปได้เลย“
”เฮ๊ะ ? รุ่นพี่จะไม่เข้าไปด้วยเหรอครับ ?“
รินส่ายหัว “เราจะนั่งรออยู่ด้านนอก เธอเข้าไปได้เลย”
พอได้ยินแบบนั้นก็ยอมรับแต่โดยดี พชรแอบแปลกใจมาตั้งนานแล้วทำไมถึงอยากคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว แต่ก็เพื่อคลายความสงสัยนั้นจึงต้องเข้าไปในห้องด้านหน้า
พชรเลื่อนมือค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไปด้านในพบกับอาจารย์สาวเลยวัยกลางคนไปประมาณนึงแล้ว เขามองอีกฝ่ายที่กำลังจดจ่ออยู่กับเอกสารไม่ทันให้ความสนใจเขา
สีหน้าเธอดูเครียดเล็กน้อยขณะมองเอกสาร พชรไม่รู้เนื้อหาด้านใน แต่ก็พอเดาได้ว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเธอขมวดคิ้วซะแทบจะชนกัน ขณะที่ปากเองก็เป็นเส้นตรงไม่บ่งบอกอารมณ์ที่ชัดเจน
พชรค่อย ๆ เดินไปหาเจ้าตัวแล้วกล่าว “สวัสดีครับ” ทำเอาเธอชะงักเล็กน้อยก่อนล้มเลิกสิ่งที่ทำอยู่ เธอมองพชร
“อ้าว พชรเหรอ มาแล้วสินะ โทษที ทำให้เห็นช่วงไม่น่าซะได้ นั่งก่อนสิ“
พออาจารย์รับรู้ถึงพชรก็วางปากกาปรับอารมณ์ให้กลับมาสงบนิ่งแล้วสบตากับนักเรียนด้านหน้า เธอพูดต่อ
”อืม… พชร เธอเข้ามาเรียนที่นี่ด้วยจุดประสงค์อะไรเหรอ ?“
พอนั่งลงก็ถูกเปิดหัวข้อสนทนาด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่ให้ความรู้สึกประหลาด พชรพยายามไม่คิดมากตอบกลับอีกฝ่าย
“ก็… ผมอยากเข้ามหาลัยดัง ๆ เลยคิดว่าการเข้าโรงเรียนดัง ๆ อาจเป็นใบเบิกทางที่ดีให้ผมครับ“
”หืม ? นั่นสินะ สำหรับนักเรียนส่วนใหญ่ที่เข้ามาในโรงเรียนการแข่งขันสูงแล้วคงมีเป้าหมายแบบเดียวกันนั่นแหละนะ… แล้ว ? อยู่ที่นี่เธอมีความสุขดีไหม ? เพื่อน ๆ โอเคดีหรือเปล่า ?“
‘เรียกมาถามแค่นี้เหรอ ?‘
พชรแปลกใจเล็กน้อยกับคำถามทั่วไปของอีกฝ่าย แม้ความรู้สึกจะแปลกไปหน่อย แต่เขาก็ไม่พยายามคิดมากโดยตอบอีกฝ่ายกลับตามนักเรียนปกติ
”ก็โอเคดีครับ เพื่อน ๆ ห้องผมนิสัยดีกันทุกคนเลย“
”งั้นเหรอ ได้ยินแบบนั้นก็ดีแล้วล่ะนะ“
เธอหัวเราะในลำคอเบา ๆ ขณะมองหน้าพชรที่แสดงออกมาชัดเจน เธออ่านสีหน้าพชรได้จึงพูดต่อ
“ตอนนี้ดูเหมือนเธอยังไม่อยากเปิดเผยอะไรสินะ เข้าใจแล้วล่ะ ถ้างั้นการสนทนาของเราขอจบลงแค่นี้แล้วกัน ขอโทษที่เรียกออกมากะทันหันนะ แล้วก็นี่เป็นสิ่งที่หนูรินขอ ฉันทำให้แล้วล่ะ”
ก่อนพชรออกห้องแบบงง ๆ อาจารย์ก็ยื่นกระดาษหนึ่งแผ่นให้กับพชร เขารับมาแล้วเดินออกจากห้องทั้งอย่างนั้นโดยมีคำถามในหัวมากมาย คำถามแรกในหัวของเขา
‘อาจารย์คนนี้คาดหวังอะไรจากเรากัน แกอยากได้คำตอบที่วิเศษหรืออยากได้คำเยินยอที่มากกว่านี้’
ไม่ว่าจะนึกอะไรก็ไม่อาจเดาความคิดหลังใบหน้านิ่งเรียบของอาจารย์ได้จึงทำได้เพียงยืนเกาศีรษะหน้าห้องอาจารย์ทั้งอย่างนั้น
“เอ๊ะ ? ทำไมออกมาเร็วจังล่ะ”
รินอ่านหนังสือในห้องยังไม่ทันจบย่อหน้าแรกด้วยซ้ำ พอพชรออกมาเร็วกว่าที่คิดนัยน์ตาอันสวยของเธอก็ทอประกายความแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็วางหนังสือในมือไว้บนโต๊ะแล้วมองกระดาษในมือพชร
“ก็… ไม่รู้เหมือนกันครับ”
“อ- ฮะฮะ ขอโทษนะ เราเองก็ลืมคิดไปหน่อยว่าอาจารย์เค้าเป็นคนเข้าใจยาก เวลาเราไปคุยด้วยก็มีเรื่องให้คิดมากตลอดเลย ราวกับว่าเราอยู่คนละโลกกับแกแน่ะ”
รินหัวเราะโดยยกมือป้องปากอย่างสง่างาม พอนึกถึงอาจารย์ที่ปรึกษาผู้เข้าใจยาก กับเห็นพชรมีสีหน้าเหมือนกันในตอนที่เธอเข้าไปคุยส่วนตัวครั้งแรกก็เหมือนเจอพวกเดียวกัน เธอพูดต่อ
“อาจารย์คงถามเธอเกี่ยวกับโรงเรียนใช่ไหม แบบเปิดหัวข้อทั่วไปที่ให้ความรู้สึกไม่ทั่วไป”
“ก็… ประมาณนั้นมั้งครับ”
“อะฮะฮะ เข้าใจแล้วล่ะ ยังไงก็เถอะ ถึงแกจะดูเข้าใจยาก แต่อย่างน้อยก็ใจดีล่ะนะ“
พอพูดจบก็มองดูกระดาษในมือพชร ทำเอาพชรสงสัยเนื้อหาในกระดาษนั้นเหมือนกัน แต่ยังไม่ทันได้ถาม รินก็หัวเราะคิกคักก่อนดึงกระดาษแผ่นนั้นมาในมือ พับเก็บไว้ในกระเป๋าเป็นอย่างดี
รินมองหน้าแปลกใจของพชรออก เธอพูดต่อ
”อันนี้เป็นใบลาชั่วคราวน่ะ อาจารย์กรรณิกาแกประสานงานกับอาจารย์สองท่านที่เหลือแล้ว เพราะงั้นสบายใจได้แล้วล่ะ“
”สบายใจ… เหรอครับ ?“
”ก็… นี่ไง อืม… ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปคณะสภานักเรียนที่ลงสมัครเลือกตั้งจะเริ่มออกหาเสียงกันแล้วแต่ละพรรคเลยต้องการอุปกรณ์หาเสียงกับการตกแต่งต่าง ๆ ใช่มั้ย”
“อืม… ก็ได้ยินมาแบบนั้นอยู่เหมือนกันครับ”
“ใช่ เพราะงั้นเราจึงต้องออกไปซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ มาให้ทุกพรรคเหมือน ๆ กันเพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำน่ะ”
“หืม ? แล้วแบบนั้นให้รุ่นพี่ไปซื้อแบบนี้ พรรคของรุ่นพี่จะไม่ได้เปรียบพรรคอื่นเหรอครับ ?”
“อ้อ ไม่หรอก ปีนี้พรรคของเราไม่ได้หาเสียงน่ะ”
รินส่ายหัวตอบกลับพชรระขณะลุกขึ้นแล้วเดินนำพชร “ตามเรามาทีนะ เดี๋ยวจะอธิบายระหว่างเดินเล่น” พชรยอมทำตามอีกฝ่ายโดยมีคำถามในหัวประมาณหนึ่ง เขาไม่ทันได้ถาม รินก็เปิดปากขึ้นขณะเคลื่อนผ่านนักเรียนรอบข้างที่เดินไปมาตามทางเพราะถึงเวลาสับเปลี่ยนคาบเรียน
สายตามากมายจับจ้องเฉกเช่นเดียวกันเหมือนตอนที่อยู่กับเทียร์ร่า รินก็คล้ายกันกับเทียร์ร่า เธอไม่มีท่าทีสนใจใด ๆ เธอพูดกับพชรตามปกติ เพียงแต่ถ้าถึงช่วงคนมองเยอะก็จะโบกมือให้
”ที่จริงทางโรงเรียนของเราจะเปิดโอกาสให้พรรคเกิดใหม่ได้หาเสียงกันน่ะ ปกติที่เป็นสภานักเรียนจะเป็น ม.5 โดยส่วนใหญ่ แล้วพวกเขาก็จะเป็นกันแค่ปีเดียว ก็เลยไม่ค่อยเป็นปัญหาสักเท่าไหร่ แต่ว่าพรรคเราดันเป็นตั้งแต่ ม.4 น่ะ… ถ้าเกิดพวกเราหาเสียงต่อโดยยกผลงานเก่า ๆ มาหาเสียงเพื่อซื้อใจนักเรียนใหม่เดี๋ยวก็เกิดการเหลื่อมล้ำทางคะแนนเสียงอีก ถึงมันจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ในจุดที่ว่าเรายังคงอยู่ในรายชื่อเลือกตั้งอยู่ดีก็เถอะ แต่ถึงอย่างนั้นที่ทำได้ก็มีแต่เอาใจช่วยให้พรรคอื่นได้หาเสียงกันเต็มที่น่ะ”
พอได้ฟังที่อีกฝ่ายอธิบายยาวเหยียดก็พยักหน้าเข้าใจ ถ้าเกิดเป็นในโรงเรียน ความนิยมและอิทธิพลของรินนับว่าสูงมาก ถ้าเกิดเธอไปร่วมหาเสียงด้วยกันกับนักเรียนคนอื่นก็มีแต่จะเอาเปรียบเสียเปล่า เธอเข้าใจตรงนี้ดีจึงไม่ค้านอะไร
“ว่าแต่รุ่นพี่อยากเป็นสภานักเรียนต่องั้นเหรอครับ ?“
”ใช่ เราอยากเป็นต่อมากเลยล่ะ อะฮะฮะ เห็นแบบนี้เราก็มีความต้องการของตัวเองสูงนะ ถ้าเกิดไม่โดนอาจารย์สั่งห้ามเราคงไปหาเสียงกับคนอื่นแล้ว“
”หืม ? ทำไมรุ่นพี่ถึงอยากเป็นสภานักเรียนเหรอครับ พอดีนักเรียนส่วนใหญ่มักหลีกเลี่ยงสภานักเรียนในปีแรกกันเพราะต้องสะสมความรู้กับความนิยมกันก่อนเลยไม่ได้สมัครกัน แต่รุ่นพี่กลับเลือกสะสมแล้วหาเสียงกันตั้งแต่ ม.4 เลย ก็เลยสนใจหน่อยน่ะครับ“
”ไม่แปลกหรอกที่จะสงสัย แต่ว่าขอโทษนะ ตอนนี้เราคงให้คำตอบไม่ได้น่ะ คิดดูแล้วก็ฟังดูเอาแต่ใจหน่อย ๆ นะ ทั้งที่เป็นคนเสนอชื่อเธอที่เป็นคนนอกให้เป็นคนไปซื้อของด้วยกัน แต่ดันบอกอะไรมากกว่านี้ไม่ได้“
”มันเป็นเรื่องส่วนตัวเหรอครับ ?“
รินทำหน้าปั้นยากพอพชรถามแรงจุงใจ ในช่วงแรกเธอเกือบเปิดปากตอบตามปกติ แต่เหมือนนึกบางอย่างออกกลางคัน เธอปิดปากลงคล้ายกันกับเทียร์ร่า
”ใช่”
‘สีหน้าดูเปลี่ยนไปนิดหน่อยแฮะ น่าจะถามลึกไม่ได้สินะ‘ พอถามเรื่องส่วนตัวเพียงเล็กน้อยเธอก็ทำหน้าหนักใจออกมาอย่างชัดเจนทำให้พชรอ่านออกได้ง่าย เขาเพียงแค่ชำเลืองมองเจ้าตัวเล็กน้อยก่อนถอนหายใจแล้วตอบ
“ถ้างั้นไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ใช่พวกที่จะยุ่งเรื่องชาวบ้านด้วยสิ”