ยัยคนนี้จะทำให้การเปลี่ยนแปลงตัวเองของผมเสียเปล่า - ตอนที่ 22 จี้ปม
ตอนที่ 22
“โห ช่วงนี้ตื่นแต่เช้าเลยนะพี่ มีความรักแล้วล่ะสิงี้”
พอตื่นเช้าเตรียมออกนอกบ้านก็มีเสียงทักมีความแดกดันแฝงจากน้องสาวที่สิงอยู่ห้องโถงชั้นล่างประจำทุกวัน ทำเอาพชรยิ้มเจื่อน
“เปล่า ก็แค่ช่วงนี้ต้องรีบไปทำรายงานส่งอาจารย์ต่างหาก”
“หืม ? หืม ? เป็นงั้นหรือเปล่าน้า ว้าว ช่วงนี้พี่ชายดูรีบตื่นแต่เช้าไปทำงานส่งอาจารย์ด้วยแน่ะ น่าภูมิใจจัง ปกติเวลานี้จะไม่ค่อยตื่นเท่าไหร่ งี้แสดงว่าพี่ชายหนูพัฒนาขึ้นแล้วสิเนี่ย ว้าว…”
มีเรื่องให้ปวดหัวแต่เช้า พชรถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับคำพูดกวนประสาทจากน้องสาว ดูเหมือนชีวิตของเขาจะออกจากการถูกแดกดันไม่ได้จริง ๆ
“เฮ้อ จะอะไรก็ตามเถอะ ไปละ ไว้เจอกัน-“
“เดี๋ยวก่อนพี่ เห็นช่วงนี้ไปได้ดี อะนี่“
”ห้ะ ?“
พอน้องสาวพูดจบก็ยื่นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กให้
พชรรับมาแล้วมองดูก็ถอนหายใจ เขาหันมองน้องสาวพบรอยยิ้มกวนประสาทปรากฏบนใบหน้าอันน่ารักน่าชังของเจ้าตัว
เธอพูด ‘วัยพี่สามารถปั๊มลูกได้แล้วนะ เพราะงั้นกันไว้ดีกว่าแก้’ ทำเอาพชรแก้มเปลี่ยนสี เขาตอบกลับน้องสาว ‘จะบ้าเรอะ !‘ แล้วเดินออกบ้านอย่างเหนื่อยหน่าย
เขาเหนื่อยใจแต่เช้าโดยที่ยังไม่ทันได้ไปโรงเรียนด้วยซ้ำ
พชรเดินไปโรงเรียนด้วยอารมณ์หลากหลาย มุ่งหน้าเดินเรื่อย ๆ ผ่านผู้คนมากมายในยามเช้า รับรู้ถึงบรรยากาศวุ่นวายของผู้คน ทั้งเสียงรถในเมือง ทั้งเสียงประกาศขายของจากพ่อค้าแม่ขายริมทางที่เรียกเขา ‘หนุ่มหล่อ‘ หวังขายสินค้าที่เรียงรายในชั้นวาง
พชรเดินผ่านกลุ่มคนมากมายเรื่อย ๆ จนถึงหน้าประตูทางเข้าที่วุ่นวาย มีนักเรียนมากหน้าเดินเข้าออก มีทั้งรถสุดหรูขับเข้าและขับออกตลอดเวลาสะท้อนถึงฐานะของโรงเรียน
พชรผ่านประตูใหญ่สุดหรูประดับของฟุ่มเฟือยได้เพียงไม่กี่ก้าวก็มองทะลุฝูงชนพบสาวงามนั่งนิ่งบนม้านั่งริมทางถัดจากทางประตูทางเข้าไม่ไกล
‘หืม ? วันนี้ดูซึม ๆ แฮะ มารอเหรอ ?‘
เทียร์ร่าจ้องมือถือในมือสลับกับมองประตูทางเข้าเป็นครั้งคราว เธอทำแบบนั้นบ่อยครั้งแต่ดูเหมือนจะไม่พบสิ่งที่ตามหา
อาจเป็นเพราะครั้งแรกในรอบหลายวันที่เธอมานั่งตรงนี้ นักเรียนหลายคนจึงจับจ้องเธออยู่บ่อยครั้งแต่เทียร์ร่าไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไหร่ เธอเอาแต่มองหาบางอย่างหน้าประตูทางเข้าทั้งอย่างนั้น
ทางฝั่งพชรเองก็มองเธอเหมือนกับคนรอบข้าง ไม่ใช่แค่คนอื่นที่แปลกใจ กระทั่งพชรเองก็ยังมีสงสัยอยู่ในใจ ทำไมต้องมารอแต่เช้า
เขาค่อย ๆ เดินตามนักเรียนคนอื่นตามปกติ
โดยที่ก้าวขาผ่านประตูได้ไม่ถึงสิบเมตร เทียร์ร่าก็จับสังเกตเห็นได้โดยพลัน จากใบหน้าซึม ๆ ไม่มีอารมณ์ได้แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มร่าแล้วโบกมือให้พชรในยามเช้า
“เพชชี่ ! อรุณสวัสดิ์ค่ะ !”
เธอยกเลิกกิจกรรมที่ทำอยู่ทุกอย่างวิ่งเข้าหาพชรด้วยความคิดถึงสั่งสม ท่าทางน่ารักสมวัยของเธอที่แสดงออกมาอย่างเปิดเผยทำเอาหลายคนรอบข้างมีเครื่องหมายคำถามผุดขึ้นเหนือศีรษะ
พวกเขาไม่เคยเห็นเทียร์ร่าร่าเริงขนาดนี้ในโรงเรียนมาก่อน ยิ่งเห็นเธอเข้าหาพชรพร้อมรอยยิ้มก็ต่างตั้งคำถามในความสัมพันธ์มากยิ่งขึ้น
“อา อรุณสวัสดิ์ ว่าแต่วันนี้มาแต่เช้าเลยนะ”
“อื้อ ! พอดีอยากเจอเพชชี่อะ ตอนแรกนึกว่าเพชชี่จะมาช่วงตอนเข้าแถวแล้วเสียอีกแน่ะ โชคดีที่มาแต่เช้าอย่างที่คิด”
“เหงาขนาดนั้นเชียว ถ้าขนาดนั้นทำไมไม่ทักหาเลยล่ะ จะได้ไม่ต้องรอไง”
“ม- ไม่ได้เหงา แต่… เอ่อ ใช่ เหงาค่ะ แล้วก็คิดถึงเพชชี่ด้วย ถ้าเป็นไปได้อยากอยู่ด้วยกันตลอดเวลาเลย แต่ยังไงก็… เกรงใจเพชชี่นะคะ เห็นแบบนี้อะ“
ความรักที่เทียร์ร่ามีให้นั้นมากล้นจนน่าสงสัย สงสัยว่าทำไมถึงได้ชอบเขาขนาดนั้น ทำไมถึงชอบตัวตนในปัจจุบันนี้ได้ทั้งที่ก่อนหน้าแทบเกลียด
พอได้เห็นท่าทีคลั่งรักขั้นสุดก็อดคิดไม่ได้ว่าหากเวลาหมุนผ่านไปตามเข็มนาฬิกาจนถึงช่วงหนึ่งแล้วเขาไม่ได้เป็นเหมือนคนในอดีตที่เธอชอบ เธอจะยังชอบเขาแบบนี้อยู่หรือเปล่า
ยังไงก็ตาม สำหรับตอนนี้นั้น ความรักที่เทียร์ร่ามอบให้เขาดูจะเยอะมาก ๆ จนไม่อาจวัดด้วยตัวเลขได้ ถ้าไม่ติดว่าอยู่ที่สาธารณะเขาคงลูบหัวเธออย่างเคยไปแล้ว
เธอน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน ขณะเดินไปรอเข้าแถวในยามเช้า เทียร์ร่าก็จะคอยพูดคุยด้วยตลอด นิ้วเรียวเล็กของเธอชี้ไปนู่นนี่นั่นอย่างร่าเริงปล่อยพลังบวกออกมามากมายจนคนรอบข้างเริ่มแปลกใจตั้งคำถามในหัวจนมีเสียงซุบซิบเข้าหูบ้างบางครั้ง
พชรค่อนข้างให้ความสนใจกับภาพลักษณ์พอประมาณขณะที่สาวงามเหมือนอยู่ระหว่างกึ่งกลาง ครึ่งนึงก็สน แต่อีกครึ่งนึงก็ไม่
บางทีอาจเป็นเพราะความเหงาและความโหยหาที่สั่งสมมาหลายปีทำให้เธอแสดงความรู้สึกออกมามากมายโดยไม่ทันกลั่นกรองให้ดีมากพอในบางช่วง
“นี่ เพชชี่คะ ตอนเที่ยงเราไปกินข้าวด้วยกันไหม ?”
พชรพาสาวงามเดินห่างออกมาจากกลุ่มคน เขาและเธอตัดสินใจนั่งอาคารทรงไทยซึ่งอยู่ถัดจากอาคาร 3 ที่อยู่ถัดจากอาคาร 4 เข้ามาด้านในอีกที
แม้ศาลานี้จะติดกับหลายจุดที่เป็นที่นิยมอย่าง ร้านเอกสารกับลานจอดรถ อาคารศิลปะ และห้องโสตทัศนศึกษา แต่ถึงอย่างนั้นจุดทั้งสองอยู่ก็ไม่ได้กว้าง แถมในตอนเช้าตรู่ยังมีแดดส่องจึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมสักเท่าไหร่ ไม่น่ามีคนมองเข้ามามากนักแม้เป็นที่เปิด เพราะงั้นจึงเป็นที่ที่ดีในการนั่งกับสาวงามในยามเช้า
“ว่าแต่ตอน ม. ต้นเพชชี่เรียนโรงเรียนอะไรเหรอคะ”
“เอิ่ม… ก็… โรงเรียนวารีพิทักษ์“
”เอ๋ จริงเหรอคะ ?“
”ก็ใช่ ทำไมเหรอ”
“ก็โรงเรียนนั้นอยู่ห่างจากฉันแค่ไม่กี่กิโลเองอะ อือ… ตอนน้้นนึกว่าจะได้เจอเพชชี่ที่โรงเรียนข้าง ๆ เสียอีกก็เลยไม่ได้มองที่อื่นเลย… น่าจะขยายขอบเขตออกไปอีกหน่อย ไม่งั้นคงเจอกันเร็วกว่านี้ บางทีถ้าเจอกันตั้งแต่ตอนนั้นเราอาจคบกันไปแล้วก็ได้- ไม่สิ อาจหมั้นกันเลยก็ได้อะ เสียดายจัง”
อยู่ ๆ ก็พูดอะไรน่าอายออกมาได้หน้าตาเฉย เทียร์ร่าดูจะชอบอะไรที่เป็นพชรจริง ๆ ทุกคำพูดที่เปล่งออกมาล้วนมีแต่เกี่ยวกับพชร
โลกของสาวงามไม่ใช่โลกที่กว้างใหญ่ เธอแทบไม่สนใจรายละเอียดอื่นนอกเหนือจากที่สนใจเลยสักนิด
แม้สาวงามที่นั่งตรงข้ามจะแสดงความสนใจออกมามากเท่าไหร่ พชรก็เอาแต่ตอบกลับเจ้าตัวติดตลก ‘นี่เห็นฉันใจง่ายขนาดนั้นไง’ ถึงในความเป็นจริงตอนนั้นเขายังอยู่ในช่วงเกเรและหาแฟนอยู่ก็ตามที
เอาเข้าจริง ๆ หากเทียร์ร่าพบเขาในตอนนั้น บางทีเขาอาจตัดสินใจเปลี่ยนตัวเองได้ไวกว่านี้ แถมบางทีหากเธอแสดงท่าทีชอบเขาเพียงเล็กน้อย เขาคงชอบเทียร์ร่ากลับง่าย ๆ ด้วยความเหงาที่โดนสาว ๆ ปฏิเสธไม่ขาดสายไปแล้วแน่ ๆ
นอกจากนั้นช่วงก่อนหน้าเทียร์ร่าก็ยังถือว่าเป็นคนมีชื่อเสียงอยู่แล้ว มีหรือหนุ่มน้อยใจบางที่ถูกปฏิเสธเป็นประจำ ไม่เคยสมหวังอย่างพชรจะไม่ชอบ บางทีที่สาวงามคาดการณ์ว่าจะหมั้นคงไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อเสียทีเดียว
ถึงอย่างนั้นใครจะรู้ในตอนนั้นพชรอาจถูกมองข้ามก็ได้เพราะหน้าตาของเขาไม่ได้ดูดี แถมยังเกเรอีกต่างหาก
”ไม่ค่ะ เพชชี่ไม่ได้ใจง่าย แต่เพชชี่อะเกิดมาเพื่ออยู่ด้วยกันกับฉัน เพราะงั้นไม่ว่าจะเจอกันช้าหรือเร็ว เพชชี่จะต้องรักฉันอย่างแน่นอนอยู่แล้วค่ะ !”
“แน่ใจ ?“
”ไม่เชื่อก็พิสูจน์ได้ค่ะ จะพาฉันไปฝากเนื้อฝากตัวกับคุณแม่ หรือจะประกาศให้โลกรู้เลยก็ได้ แบบว่าให้ทุกคนรู้ไปเลยว่าเรารักกัน เราเกิดมาเพื่อกันและกันอะ ฉันจะสนับสนุนทุกอย่าง จะพาเพชชี่ไปออกรายการ จะพาเพชชี่ไปตอบคำถามกับสื่อต่าง ๆ หรือจะพาไปซื้อบ้านหลังใหญ่ ๆ แล้วอยู่ด้วยกันสองคนเลยก็ยังได้“
ในตาสาวงามมีเพียงรูปหัวใจเต้นกะพริบวูบไหวด้วยสีต่าง ๆ ไปมาจ้องพชรตาเป็นมัน การบอกอย่างตรงไปตรงมาว่าชอบอย่างแท้จริง
ด้วยสายตาแน่วแน่นั้นทำพชรทำตัวไม่ถูกถึงขั้นหลบสายตามองหาอย่างอื่นแทนที่จะประสานสายตากับคู่สนทนา
รอบข้างศาลาที่มีหนุ่มสาวเดินไปมา เสียงโหวกเหวกวี๊ดวิ้วในยามเช้าของหนุ่มสาวพวกนั้นไม่ทันได้เข้าหัว
ณ บัดนี้มีเพียงเสียงสาวงามก้องไปมา ทำความเสียหายให้หัวใจดวงน้อย ๆ โดยตรง
คำพูดเดิมซ้ำ ๆ ในครั้งนี้ทำเอาพชรหวั่นไหวอย่างหนัก คำพูดแสนหวานของสาวงามย้อมแก้มพชรให้เป็นสีเฉดแอปเปิ้ล
เทียร์ร่ามองใบหน้าสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของพชรได้อย่างรวดเร็ว เธอยิ้มร่าแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดีพอใจกับท่าทางหวั่นไหวนั้น
”อารมณ์ดีจังนะ“
”อะฮะฮะ เพชชี่แก้มแดงด้วยอะ นี่ ๆ เขินเหรอคะ กำลังหวั่นไหวกับฉันอยู่สินะคะ อ้ะ ๆ ! แบบนี้เพชชี่จะต้องชอบฉันแล้วแน่ ๆ เลย ถ้างั้นก็พูดออกมาดัง ๆ ซะสิคะ หรือจะกระซิบก็ได้นะ แต่ถ้าไม่สะดวกใจก็บอกผ่านแชทก็ได้นะคะ ได้หมดเลยล่ะ !“
ดูจะถูกใจเจ้าตัวพอสมควร เธอพ่นคำพูดน่าอายออกมาเสียงดัง แสดงบุคลิกที่คนอื่นไม่เคยเห็นออกมาอย่างเปิดเผย ทำเอาหนุ่ม ๆ ที่มองต่างหวั่นไหวในรอยยิ้มอันไร้เดียงสาของสาวงามทันตา
พอได้มองก็ไม่แปลกใจในความโด่งดังของเธอเลย รอยยิ้มอันน่าเอ็นดูของเธอเป็นสิ่งที่ขี้โกงราวกับเป็นยูนีคสกิลที่พระเจ้ามอบให้ด้วยตัวเอง เพียงแค่เธอเผยรอยยิ้มพร้อมหัวเราะออกมาอย่างจริงใจแค่นั้นก็ทำให้หนุ่ม ๆ เข่าทรุดกันเป็นแถบ นั่นรวมไปถึงพชรที่นั่งอยู่ด้านหน้าเข้าด้วย
พอได้เห็นแค่นั้นก็มีความรู้สึกอยากครอบครองในใจแล้ว
“อ้ะ… อืม เอ่อ…“
พอพชรเงียบไม่ตอบ ปกปิดอารมณ์ผ่านไปหน้าที่นิ่งเรียบกลบอารมณ์ไว้ในส่วนลึกของหัวใจได้อย่างแนบเนียน พลันสาวงามตัวแข็งทื่อแล้วจ้องมองใบหน้าอีกฝ่ายที่เปลี่ยนไปด้วยอารมณ์หลากหลาย
จากที่มีความมั่นใจพลันตัวสั่นเทิ้มด้วยความกังวล ดูเหมือนเธอจะไม่สามารถอ่านอารมณ์ด้านหลังใบหน้าได้เก่งเท่าไหร่ พอเห็นใบหน้าพชรนิ่งเรียบก็หวั่นไหวเสียอย่างนั้นทั้งที่ก่อนหน้ายังมั่นใจว่าอีกฝ่ายชอบอยู่เลย
พอเห็นใบหน้านิ่งเรียบของพชร เทียร์ร่าพลันเห็นสีหน้าพ่อของตนครอบทับพชรชั่วครู่ทำเอาเธอตัวแข็งทื่อด้วยอารมณ์หลากหลาย
”อา อืม… ขอ- เอ่อ ถ้าเกิดเล่นแรงไป ขอโทษนะคะ…“
สาวงามอ้าปากพะงาบ ๆ ทำตัวไม่ถูก พชรเพียงแค่มองเจ้าตัวโดยชำเลืองมองเพียงเล็กน้อยก็ทำเอาตัวเธอสั่นเทิ้มมากกว่าปกติจนน่าแปลกใจ
”เอ่อ… ส- สายตาแบบนั้น น- น่ากลัวอะ ขอโทษค่ะ…“
’ห้ะ ?‘
ตอนแรกพชรคิดแค่ว่าอีกฝ่ายอาจแกล้งทำตัวขี้กลัวแล้วตลบหลังก็เลยปล่อยผ่าน แต่พอนานเข้า เหมือนสีหน้าพชรสะกิดปมบางอย่างของสาวงาม พชรดูจะสัมผัสมันได้ จึงตบแก้มสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามปรับเปลี่ยนใบหน้าให้กลับมาปกติ
”เอ่อ โทษที พอดีเมื่อกี้มัน เอ่อ เขินจนทำตัวไม่ถูกน่ะ เมื่อกี้หน้าฉันน่ากลัวขนาดนั้นเชียว ?“
”ม- เหมือนคุณพ่อตอนเห็นฉันทำพลาดเลยอะ… อือ… พ- เพชชี่… ย- อย่าทำหน้าแบบนั้นอีกเลยนะคะ“
จากตอนแรกอารมณ์ดีพอได้เห็นใบหน้าข่มอารมณ์พชรอยู่ ๆ ก็หม่นลงจนน่าหนักใจ อารมณ์ของสาวงามดูจะไม่ค่อยคงที่สักเท่าไหร่ สามารถสวิงได้ตลอดเวลาเพราะยังคงไม่มั่นใจในหลายเรื่องเกี่ยวกับพชร
แม้ใจนึงคิดว่าชอบ แต่ขณะเดียวกันอีกใจนึงก็คิดว่าอาจจะยังไม่ชอบ หรืออาจจะไม่ชอบเลย เพราะงั้นการเปลี่ยนอารมณ์เพียงเล็กน้อยของพชรจึงทำให้เทียร์ร่าที่คอยสังเกตอารมณ์เขาอยู่ตลอดเกิดคิดไปไกลคนเดียวได้ง่าย ๆ อย่างที่ปรากฏตรงหน้า
พชรไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์ดังกล่าวของสาวงามเท่าไหร่ จึงทำได้เพียงเก็บคำพูดเธอไว้ในใจแล้วยตอบรับเจ้าตัวอย่างว่าง่าย
”โทษที ทำให้เธอกลัวสินะ“
”ม- ไม่ค่ะ… เอ่อ อือ…“
ใจนึงก็จะปฏิเสธ แต่อีกใจนึงก็ไม่ จึงทำได้เพียงก้มหน้า หลุบตาลงเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ในใจทำเอาพชรหัวเราะในลำคออย่างเอ็นดู ตอนนี้เขาก็ปรับอารมณ์กลับมาปกติแล้ว เธอก็น่าจะกลับมาได้แล้ว แต่ยังเสียอย่างนั้น พชรจึงใช้สมองอันชาญฉลาดที่ทำให้เขาสอบเข้าเรียนได้อันดับ 2 ของชั้นปีประมวลผลอย่างหนักจนอุณหภูมิในหัวแล่นสูงปี๊ด
แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงก็คิดไม่ออก จึงนั่งเงียบทั้งอย่างนั้นเหมือนสาวงามที่นั่งตรงกันข้าม
ทว่าขณะนั้นเหมือนสวรรค์ทรงโปรด เสียงออดโรงเรียนดังแจ้งถึงเวลาเข้าแถวเคารพธงเช้าในช่วง 8 โมงตรงดังขึ้นขัดอารมณ์ของทั้งสอง
พอได้ยินเสียงออด พชรก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ในตอนนี้นักเรียนคนอื่น ๆ รอบตัวต่างเดินและพุ่งความสนใจไปหน้าเสาธงกันหมดแล้ว พชรมองรอบข้างสังเกตสายตาพวกเขาสักพักก่อนตัดสินใจเดินไปอ้อมโต๊ะไปตรงข้ามที่ตนนั่งซึ่งเป็นจุดที่สาวงามขดตัวอยู่
เขาตัดสินใจวางมือหนัก ๆ ที่มีความหยาบกระด้างเล็กน้อยไว้บนศีรษะสาวงามแล้วลูบไปมาปลอบใจเจ้าตัว
เทียร์ร่าส่งเสียงตอบรับ ”อือ…” อย่างรู้สึกดีแสดงความเคลิบเคลิ้มผ่านน้ำเสียงอันอ่อนไหว
“วันนี้ขอโทษนะ ไม่นึกว่าจะทำหน้าน่ากลัวให้เธอเห็นเสียได้”
พชรปล่อยเงียบ เทียร์ร่าเองก็ไม่ตอบกลับ พชรจึงพูดต่อ “ยังไงก็ขอบคุณที่ทำให้ยิ้มได้แต่เช้านะ เอ่อ…”
“…”
เทียร์ร่ายังคงตั้งใจฟัง ไม่ตอบสนองต่อคำพูดที่เปล่งออก พชรทำท่าอ้ำอึ้งอยู่อย่างนั้น ไม่นานก็ตัดสินใจสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใส่ราวกับเป็นการเตรียมใจ เขาพูดต่อ
“อืม… วันนี้เราไปกินข้าวด้วยกันไหม อืม… ตอนเย็นก็เหมือนจะว่างพอดีด้วย…”
นั่นเป็นสิ่งที่นึกออกได้ดีที่สุดแล้วสำหรับตอนนี้
“…”
สาวงามยังคงไม่ตอบ ความเงียบถูกปล่อยยาวไปหลายวินาทีเล่นหัวใจพชรเต้นแรงจนแทบกระเด็นออกมาด้วยความกดดัน เขาตัดสินใจเปิดปากอีกรอบ
”ถ้า-“
“อ้ะ- จ- จริงเหรอคะ ? ถ- ถ้างั้นวันนี้เราไปร้านพะแนงหมูที่กินวันนั้นกันดีไหมคะ อืม มีตอนเย็นด้วยสินะ งั้นตอนเย็นเราไปนั่งเล่นคาเฟ่กันดีไหม ?”
อารมณ์ของสาวงามพลันปรับเปลี่ยนกะทันหัน จากซึมเศร้าเป็นร่าเริงฉับพลันอย่างน่าประหลาด ทำเอาพชรที่ไม่เก่งด้านนี้ยังสังเกตเห็น แถมก่อนหน้ายังเห็นเทียร์ร่าสูดหายใจคล้ายกับเขาด้วย ท่าทางนั้นทำพชรเองก็คิดหนักว่าเธอโอเคดีแล้วจริงเหรอเปล่า ?
แต่ไม่อาจทำอะไรได้มากกว่านี้ ทักษะปลอบใจสาวเขายังคงเข้าขั้นติดลบอยู่ดี จึงทำได้เพียงทำหน้าปั้นยากมองสาวงามครู่นึงแล้วเร่งปรับเปลี่ยนอารมณ์
“นั่นสินะ เอาสิ วันนี้ให้นำเลย“
‘ดูเหมือนจะปรับอารมณ์ได้แล้วสินะ มันคงดีแล้วล่ะมั้งที่ปล่อยไว้แบบนี้‘
“อื้อ ! จะตั้งตารอเลยค่ะ”