ยัยคนนี้จะทำให้การเปลี่ยนแปลงตัวเองของผมเสียเปล่า - ตอนที่ 19 ร่าเริง
ตอนที่ 19
“ฮันแน่~ เห็นนะ ทำไรอะ ควงสาวสวยมาบ้านเชียวน้า“
พอเปิดประตูเข้ามาในบ้านก็พบน้องสาวนั่งบนโซฟาเท้าคางจ้องเขาอย่างกวนประสาทเล่นเอาพชรยิ้มเจื่อน
ตอนแรกนึกว่าจะไม่มีคนอยู่บ้านซะอีก
“ว่าแต่ นั่นน่ะ พี่เทียร์ร่าใช่ไหม”
“อืม… ก็ใช่“
”อ๋อ“
พขรมองน้องสาวของตนท่าทางเธอดูไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ก็ทำเอาเอียงคอ เขาวางกระเป๋าหนังเบาไว้บนโต๊ะแล้วนั่งลงข้าง ๆ
”ไม่แปลกใจเลยเหรอ ?“
”อืม… ก็… สงสัยนิดหน่อยแหละ แต่ก็เข้าใจได้ พี่ชายช่วงนี้ก็เสน่ห์แรงอยู่แล้วด้วย จะควงปลาตัวใหญ่มาบ้านก็คงไม่แปลก”
“… ถามจริง”
“ฮ่า ๆ แค่ล้อเล่นหรอกน่า ตอนแรกก็แปลกใจอยู่หรอกที่พาพี่เค้ามา แต่พอได้ดูใกล้ ๆ ก็มั่นใจได้ล่ะนะ ตอนแรกนึกว่าจำผิดแน่ะ ที่ไหนได้ ก็ยังคงเหมือนเดิม”
“ยังไงนะ น้ำ ?”
น้องสาวผมสีดำที่สีเดียวกันกับเขากลิ้งไปมาบนโซฟาขณะพ่นคำพูดที่พชรแปลกใจเอียงคอมองเจ้าตัว
“เอ๊ะ ? ทำไมถึงถามงั้นอะ ? นี่พี่ยังจะปิดบังอีกเหรอ เห็นงี้หนูก็ความจำดีนะ”
“ห้ะ ? หมายความว่าไง“
ตั้งแต่ก่อนหน้าแล้วที่เขาสงสัยกับตัวเทียร์ค่าที่อยู่ ๆ ก็มาเขาหา มาใกล้ชิดเขาแบบแปลก ๆ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังมีแอบคิดว่าสาวงามเข้าใจผิด ถึงจะมีข้อมูลหลายอย่างมัดตัวก็ตาม
จากที่สงสัยอยู่แล้ว พอมาถึงบ้าน ได้ยินน้องสาวของตนพูดถึงเรื่องความจำก็สกิดต่อมอยากรู้ของพชรเข้าให้ เขาถามน้องสาวของตนต่ออย่างสนอกสนใจ
น้ำมองพี่ชายตนเองที่ดูสนใจกับสิ่งที่ตนพูดแล้วผุดยิ้มขี้เล่นออกมาหลี่ตา ทำเอาพชรขนลุกซู่
”หืม ? หืม ? ดูเหมือนพี่ชายของหนูจะจำคนสำคัญไม่ได้นะเนี่ย ทำไงดีเนี่ย ถ้าเกิดหนูเป็นพี่เม็ด- เทียร์ร่า คงน้อยใจแย่“
“ห้ะ ? นั่นจะหลุดชื่อออกมาเหรอ เดี๋ยวนะ ถึงว่าทำไมไม่คุ้นชื่อเทียร์ร่า…“
พอน้ำเห็นพี่ชายแสดงออกตามคาดก็หัวเราะคิกคักกลิ้งไปมาบนโซฟาอย่างอารมณ์ดีขณะที่พชรขมวดคิ้วย่นวิเคราะห์คำพูดในหัวขณะมองน้องสาวที่เอานิ้วจิ้มแก้มแล้วพูด “อุปส์ หลุดปากจนได้” อย่างกวนประสาท
* กริ๊ง ~ *
พอเช้าวันถัดมา กริ่งบ้านของพชรก็ถูกกด เขาแต่งตัวด้วยชุดสบาย ๆ กางเกงคาโก้สั้นเสื้อยืดสีขาวแล้วสวมเสื้อแขนยาวลายตารางครอบทับกันแดด
วันนี้เขาแต่งหน้าออกมาจาง ๆ พอให้ดูดียิ่งขึ้นเพียงเล็กน้อย เขามองตัวเองในกระจกบานใหญ่พอดีตัวแล้วผุดยิ้มอย่างพอใจโดยไม่ลืมชมตัวเอง
“เรานี่ก็หล่อเอาเรื่องนะเนี่ย”
“พี่ พี่เทียร์ร่ามารอหน้าบ้านแล้วนะ !”
พอเชยชมความหล่อตัวเองได้ไม่นานก็มีเสียงจากน้องสาวดังจากชั้นล่าง เขาตอบรับสั้น ๆ ก่อนหยิบมือถือ กระเป๋าสพาย แล้วค่อย ๆ เดินลงชั้นล่าง ทักทายน้องสาว กับแม่ของตนในวันหยุดก่อนเดินออกจากบ้านทั้งอย่างนั้น
“เพชชี่ อรุณสวัสดิ์ค่ะ !”
พชรยังคงไม่ชินกับบุคลิกร่าเริงเป็นกันเองบ้าง สุภาพบ้างของสาวงาม เขายืนตัวแข็งมองสาวงามที่กำลังเอียงคอให้อย่างน่ารักน่าชังขณะตอบสั้น ๆ แล้วมองดูชุดสาวงามในวันนี้
เธอสวมกางเกงชิโน่ขาสั้นแนบเนื้อสีครีมเผยให้เห็นช่วงขาเปลือยเปล่าที่ขาวสว่างน่าดึงดูดสายตา และสวมเสื้อแขนยาวสีขาวปกปิดส่วนบนมิดชิดและสวมเสื้อคลุมไหล่ครอบทับ ใบหน้าสวมหน้ากากอนามัยสีขาวและสวมแว่นกันแดด ขณะที่บนศีรษะก็สวมหมวกบักเก็ตสีชมพูครอบทับเรียกได้ว่าเป็นสุดยอดการแต่งตัวสำหรับปกปิดตัวตนขั้นสุดทำเอาพชรหัวเราะออกมาเบา ๆ
“อรุณสวัสดิ์ ว่าแต่นี่แต่งตัวมิดชิดขนาดนั้นไม่ร้อนเหรอ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อเทียบกับได้เจอพัชชี่แล้ว เรื่องแค่นี้สบายมาก !”
“อืม… อยู่ ๆ ทำไมถึงได้สุภาพขึ้นมางั้นล่ะ”
“ก็… แค่คิดว่าเพชชี่อาจจะชอบผู้หญิงสุภาพ…”
“เอ๊ะ… นี่เธอ ?”
“อื้อ !ใช่ค่ะ ฉันชอบเพชชี่ ! ชอบที่สุดในโลกเลยล่ะค่ะ !“
”…“
พอสาวงามพูดออกมาได้เต็มปากเต็มคำทำเอาพชรชะงักยืนนิ่งทั้งอย่างนั้นพร้อมความคิดมากมายถาโถมเข้ามาในหัวพร้อม ๆ กัน
ถึงเธอจะบอกว่ารู้จักกันมาก่อนก็เถอะ แต่แบบนี้มันไม่กะทันหันไปเหรอ เขาพอเดามาก่อนหน้ามาเหมือนกันว่าสาวงามชอบตนไม่ใช่แค่ฐานะเพื่อน แต่ก็ปัดตกไปในตอนแรก แต่พอมาตอนนี้ สาวงามตรงหน้ากำลังบอกชอบเขาออกมาตรง ๆ ไม่เขิน ไม่อายใด ๆ เลยสักนิด
“แล้วไหนบอกว่าต่อให้เกิดตายร้อยชาติ…“
แม้ในหัวจะยังมีความคิดสะเปะสะปะแต่ก็ยังไม่ลืมที่จะแกล้งสาวงาม กับคำพูดพชรพอถึงหูเทียร์ร่าทำเอาเธอชะงักตัวแข็งทื่อ ผุดยิ้มเจื่อน ๆ ภายใต้หน้ากากอนามัยก่อนค่อย ๆ ชำเลืองมองพชรที่ตัวสูงกว่า
“เอ่อ… ขอโทษค่ะ… ยอมรับผิดทุกอย่างค่ะ พอดีตอนนั้นปากพล่อย…“
”ถามจริง ?“
”ค่ะ อือ… ถ้าเพชชี่ยังติดใจเรื่องนั้นล่ะก็ เพื่อเป็นการไถ่โทษ นี่ค่ะ ร่างกายของฉัน จะทำอะไรก็ได้เลย…“
อยู่ ๆ สาวงามก็อ้าแขนให้พชรแล้วแหงนหน้าหลับตาพริ้มหน้าบ้านริมถนนที่มีผู้คนเดินผ่านพร้อมทั้งรถของวัยทำงานที่ผ่านสายอยู่ตลอด สำหรับสาวงามดูจะยอมให้พชรทำทุกอย่างจริง ๆ พชรยิ้มเจื่อนก่อนถอนหายใจอีกรอบแล้วพยายามเปลี่ยนเรื่อง
“ว่าแต่เธอมีที่อยากไปไหม วันนี้”
พอพชรถามออกมาโดยไม่ทำอะไรก็เอียงคอ เธอเกือบถามย้ำ ”จะไม่ลงโทษเหรอ ?“ แต่ก็ส่ายหัวข่มใจไว้ทัน
”จริง ๆ ก็ไปได้ทุกที่เลยค่ะ แต่ถ้าเพชชี่ไม่มีแผน เราไปนั่งเล่นร้านน้ำชากันดีไหม… ไม่สิ อยากไปดูหนังก่อนอะ ถ้างั้นเราไปดูหนังกันก่อนดีไหมคะ ?“
“แต่ตอนนี้โรงหนังยังไม่เปิดไม่ใช่เหรอ”
“อือ นั่นสินะคะ ถ้างั้นเราไปนั่งเล่นที่คาเฟ่ที่มีห้องส่วนตัวกันดีไหม ?“
”ก็ดีนะ ตอนนี้เพิ่ง 6 โมงเอง ไปนั่งเล่น กินอาหารเช้าหน่อยก็ดีเหมือนกัน“
”อื้อ ! ถ้างั้นเรียกแท็กซี่เลยนะคะ“
”โอเค“
โดยปกติ ถ้าเดินทางเข้าโซนช็อปปิ้ง พชรจะนั่งรถไฟไปเพราะสถานีอยู่ห่างจากบ้านเพียงไม่กี่นาที แต่สำหรับสาวงามที่ต้องการปกปิดตัวตน การเดินทางโดยใช้รถไฟที่มีผู้คนชุกชุมคงไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่ เพราะงั้น การนั่งแท็กซี่จึงเป็นเรื่องที่ดีกว่า
เทียร์ร่าหยิบมือถือขึ้นมากดเรียกแท็กซี่ เพียงไม่นาน แท็กซี่ก็มารับหน้าบ้านพชร ทั้งคู่นั่งรถมุ่งหน้าจากบ้านพชรเข้าไปยังโซนช็อปปิ้งโดยใช้เวลาเพียงแค่ 30 นาทีก็ถึง
พอลงจากรถมา เทียร์ร่าก็ยังคงเรียกสายตาจากคนรอบข้างได้อยู่ดีแม้ปกปิดใบหน้า เพราะผิวที่สวย บวกกับสีผมเด่นสง่าที่ไม่ได้ดึงขึ้นของเธอทำให้คนรอบข้างสนอกสนใจเธอเป็นพิเศษ
พชรรับรู้ถึงสายตาคนรอบข้าง ขณะที่เทียร์ร่าก็น่าจะรู้เหมือนกัน เพียงแต่ทำเป็นไม่สนใจแล้วหันมาพูดคุยกับพชรแทน
“นี่ ๆ เพชชี่ ระหว่างปากกาสีฟ้า กับสีดำ ชอบใช้อันไหนเขียนมากกว่ากันเหรอ ?”
ตลอดการเดินทาง สาวงามก็จะชวนพชรคุยประมาณนี้ เธอเปิดประโยคด้วยคำถามแปลก ๆ ราวกับไม่รู้ต้องชวนคุยอะไร
โชคดีที่พชรพอเข้าใจเจตนา จึงตอบกลับเทียร์ร่าอย่างใจเย็นเวลาสาวงามถาม
“ก็ สีน้ำเงินมั้ง เพราะใช้มาตั้งแต่ยังเด็ก ก็เลยคุ้นชินแหละ แต่จะว่าไปสีดำก็ดีเหมือนกันแหละนะ ใช้เขียนไดอารี่ก็ดูดีอยู่“
”อื้อ เหมือนกันเลยค่ะ แต่ว่า ไดอารี่เหรอ เพชชี่เขียนไดอารี่กับเขาด้วยเหรอ ?“
”ก็เขียนสิ ฉันคนขี้ลืมนี่ แต่ก็เพิ่งมาเริ่มเขียนเมื่อไม่กี่เดือนก่อนเองล่ะนะ“
“เหรอคะ ?… อืม… ฉันน่ะ เริ่มเขียนไดอารี่ตั้งแต่เมื่อ 8 ปีก่อน หลังจากแยกจากเพชชี่ อยากลองอ่านไหมคะ ?”
“หืม ?”
เพราะอยากบอกเรื่องของตัวเองให้พชรรู้ ก็เลยถาม พอพชรตอบเธอก็จะเออออ แล้วเนียนแอบเล่าเรื่องตัวเองแฝงไว้ในบทสนทนาให้พชรฟังอยู่เสมอ
พชรก็ตอบรับด้วยการรับฟังแต่แล้วเก็บข้อมูลไว้ในหัวแต่โดยดี ทำเอาคุยกับสาวงามเพียงไม่กี่ชั่วโมงรวมไปถึงเมื่อวาน ในหัวเขาตอนนี้จึงแทบจะเต็มไปด้วยเรื่องของสาวงาม ทั้งของที่ชอบ และไม่ชอบที่เธอเล่าออกมาตรง ๆ
“อ้ะ ! นั่นไงเพชชี่ ถึงแล้ว !”
ระหว่างพูดคุยก็เดินอยู่ตลอด พอใกล้จะถึงร้าน สาวงามก็ชี้ด้วยนิ้วเรียวงามไปด้านหน้าที่เป็นคาเฟ่ 2 ชั้น จัดแต่งด้วยดอกไม้ทั่วร้านดูสวยงาม
“มาที่นี่บ่อยเหรอ”
“ช่าย ร้านนี้บรรยากาศดีมากเลยล่ะค่ะ ที่นี่น่ะ นอกจากจะเสิร์ฟเครื่องดื่มอย่างเดียว ยังเสิร์ฟอาหารด้วยนะ เห็นว่าเพชชี่ยังไม่กินอาหารเช้า ก็ถือโอกาสพาเพชชี่มาร้านโปรดของฉันพอดีเลย เพราะช่วงเช้าคนไม่ค่อยเยอะ“
“อืม… โอเค”
ว่าแล้วก็เข้าไปยังคาเฟ่ที่มีผู้คนอยู่เพียงเล็กน้อย เทียร์ร่าพูดคุยที่เค้าน์เตอร์ไม่นานก็กวักมือเรียกพชรแล้วเดินขึ้นชั้นสองพร้อมกับพนักงาน
ห้องที่ทั้งคู่จองเป็นห้องสุดหรูหรา รอบห้องตกแต่งด้วยสีโทนอุ่นให้รู้สึกสบาย ๆ มีต้นไม้ประดับรอบห้องให้ความรู้สึกผ่อนคลายเป็นธรรมชาติ ทั้งนี้ภายในห้องยังมีทั้งโต๊ะคอม มีโต๊ะอ่านหนังสือชั้นดี ทุกอย่างถูกตกแต่งเพื่อให้มีบรรยากาศให้เหมาะกับการทำงานและการพักผ่อน
เทียร์ร่าถอดอุปกรณ์ปกปิดตัวตนทุกอย่างออกเผยให้เห็นใบหน้าอันน่ารักน่าชังในระยะประชิดทำเอาพชรเผลอกลืนน้ำลาย ตกในภวังค์รอบที่รอยแปดของวัน
เทียร์ร่าสัมผัสอารมณ์รอบข้างเก่งโดยกำเนิดอยู่แล้ว เพียงแค่เธอมองเห็นท่าทางพชรนิดหน่อยก็จับสังเกตได้ จึงหัวเราะคิกคักมองพชรที่ทำตัวไม่ถูกเวลามองเห็นใบหน้าอันสวยงามของเธอในระยะประชิดสองต่อสองในห้องปิด
พชรกับเทียร์ร่านั่งลงโต๊ะริมหน้าต่างที่เปิดออกให้เห็นวิวด้านนอกภายในเมืองยามเช้าอันแสนจะชุลมุน
”กอดไหมคะ ? ช่วยลดความกังวลได้นะ“
พอนั่งลงคนละฝั่ง เทียร์ร่าก็หลับตาอ้าแขนให้พชรอีกรอบทำเอาพชรทำตัวไม่ถูก เอาจริง ๆ เขายังคงไม่ชินในหลาย ๆ อย่างกับสาวงาม แม้จะบอกว่าในอดีตเคยสนิทกันมากขนาดไหน หรือต่อให้มีคนในครอบครัวยืนยันมากเท่าไหร่ เขาก็ทำใจสนิทกับสาวงามแบบทันทีไม่ได้อยู่ดี
พอสาวงามกางแขนออกมา พชรก็เบือนความสนใจเข้ามือถือ แล้วอ่านหนังสือผ่านหน้าจอแทนทำเอาเทียร์ร่าที่นั่งตรงข้ามพองแก้ม
“อือ…”
พอพบว่าพชรยังคงเว้นระยะห่างกับตนก็กลับมาวิเคราะห์พชรอีกรอบ ในขณะที่พชรเข้าสู่โลกความคิด เธอก็นึกคิดหาทางออกในหัวตรงข้ามกับพชร
จากตอนแรกที่นั่ง ผ่านไปสักพักก็เดินไปหยิบนู่นที่นั่นภายในห้อง ปรับอุณหภูมิห้องลดลงบ้าง เดินไปกดสวิตช์คอมเล่นบ้าง หยิบหนังสือมุมห้องขึ้นมาแล้วเปิดเล่นโดยไม่ได้อ่านบ้าง
เวลาผ่านไปสักพักความเงียบที่ปกคลุมก็ถูกทำลายด้วยเสียงกริ่งหลังประตู พชรรู้ว่าสาวงามปกปิดตัวตนอยู่จึงเดินออกไปรับเมนูที่สั่งเข้ามาในห้องแทน ภายในถาด เทียร์ร่าสั่งเครื่องดื่ม 2 แก้ว ช็อกโกแลตบาร์ และกะเพราที่เป็นเมนูซึ่งรู้จักดีที่สุดมา
สำหรับเทียร์ร่า เธอไม่ค่อยได้ทำอาหาร ไม่รู้ว่าสิ่งที่กินในแต่ละวันชื่ออะไร โดยส่วนใหญ่ ตั้งแต่ประถมจนถึง ม.ต้น เธอเรียนที่โรงเรียนลูกคุณหนูขนานแท้ที่ค่าเทอมแพงหูฉี่ เมนูอาหารส่วนใหญ่จึงมีมากมายนานาประเทศ ซึ่งตลอดเวลาที่เรียนหากอยากกินอาหารไทย เธอก็จะสั่งแค่กะเพรา เพราะรู้จักแค่อย่างเดียว และไม่รู้ว่าอันอื่นที่สั่งจะมีรสชาติประมาณไหน ชีวิตจึงวนลูปอยู่กับกะเพราเฉกเช่นเดียวกันกับตอนที่พชรนึกอาหารไม่ออก
เวลาอยู่โรงเรียนก็จะสั่งแค่นั้น พอเวลาอยู่บ้านยิ่งแล้วใหญ่ เธอไม่เคยเข้าครัวเลยสักครั้ง ไม่เคยแม้แต่ฟังชื่อเมนูอาหารที่กิน ที่บ้านเธอกินอาหารไทยเยอะ เพียงแค่ไม่รู้ชื่อของมันเพราะไม่มีโอกาสถามแม่บ้าน
พอมาตอนนี้ สิ่งที่ทำได้อย่างเดียวก็คือสั่งเมนูโปรดของพชร นั่นคือกระเพราหมูสับใส่ผักแค่กะเพรา ไม่ใส่ถั่วกับข้าวโพดอ่อน
เมนูดังกล่าว พชรบอกว่าชอบมันตั้งแต่ยังเด็ก เธอจดมันในไดอารี่กันลืม ก่อนออกมาเที่ยวกับพชรก็ใช้เวลาอ่านมันทั้งคืนเพื่อให้จำรายละเอียดของพชรได้ทุกอย่างในตอนเด็กแบบไม่ตกหล่น
ในตอนนี้เธอจำทุกเรื่องของพชรเมื่อตอนยังเด็กได้ทุกอย่าง ทว่ากับปัจจุบันพชรดันเป็นเหมือนคนละคน เขาเย็นชา แต่ก็ขี้เล่น เขาชอบแกล้ง แต่ก็ชอบวิเคราะห์ทุกอย่างให้แน่ใจก่อนลงมือทำ เขาเก็บรายละเอียดเก่ง แต่ดันความจำไม่ดี ทุกอย่างดูขัดแย้งกันไปหมดจนเธอไม่อาจตอบสนองทุกอย่างได้ตามต้องการ
ทำให้เธอทำได้เพียงนั่งจ้องมองพชรเงียบ ๆ แล้ววิเคราะห์อย่างใกล้ชิดแค่นั้น