ยัยคนนี้จะทำให้การเปลี่ยนแปลงตัวเองของผมเสียเปล่า - ตอนที่ 17 พิสูจน์
ตอนที่ 17
“นี่พชร แกว่าช่วงนี้คุณเทียร์ร่าให้ความสนใจกับแกแบบแปลก ๆ หรือเปล่าวะ ?”
หัวหน้าห้องเข้ามากอดคอพชรในช่วงพักกลางวันแล้วนั่งลงโต๊ะไอซ์ที่ออกไปกินข้าวที่โรงอาหาร
”อืม… ก็นะ ก็รู้สึกงั้นเหมือนกันแหละ“
จะปฏิเสธก็ไม่ได้ เพราะตอนนี้ถ้ามองออกไปด้านนอกก็จะพบเทียร์ร่าที่ยืนหน้าห้องเรียนคอยมองเขาเป็นพัก ๆ อยู่ เขาไม่ค่อยเข้าใจการกระทำเจ้าตัวจึงปล่อยผ่านมาเรื่อย ๆ โดยคาดหวังว่าจะล้มเลิกไปเอง จนกระทั่งวันนี้เข้าสู่วันที่ 5 ซึ่งเธอเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เสร็จกิจกรรมรับน้อง
หัวหน้า และคนอื่น ๆ ในห้องพชรต่างรู้กันหมดแล้วว่าเทียร์ร่าให้ความสนใจพชรออกนอกหน้า จึงมีข่าวลือแปลก ๆ มาถูกพูดคุยต่อกันมาตลอด ตั้งแต่วันจันทร์ ซึ่งข่าวลือที่เกินจริงค่อย ๆ เป็นจริงมาเรื่อย ๆ เพราะเทียร์ร่าดูจะไม่ล้มเลิกความตั้งใจเลยสักนิด
”ว่าแต่เย็นนี้พวกเราไปเตะบอลกันดีปะวะ ฉันว่าไปพวกห้อง 3 ชักเหิมเกริมแล้วว่ะ“
พชรเปลี่ยนเรื่องคุยโดยพยายามเลิกสนใจสาวงามที่ยืนอยู่ด้านนอก
”นั่นสินะ ก็ดีเหมือนกัน เดี๋ยวนี้ทีมเราสูสีกับพวกนั้นตลอดเลย แต่ว่าวันนี้ไอไมค์มันติดไปขายเค้กที่บ้านเลยต้องรีบกลับอะดิ ส่วนไอเดี่ยวก็มีข้ออ้างบอกว่าจะอ่านหนังสือเตรียมสอบแน่ะ ทั้งที่ในมือมันยังถือหนังสือนิยายอยู่เลย ชิส์ พวกนี้ไม่เอาสังคมเลยว่าปะ“
”เอิ่ม ก็งั้นมั้ง ไม่รู้ว่ะ ถ้างั้นเราเอาไงล่ะ ในเมื่อ 2 คนนั้นไม่เอาด้วย“
”ก็… น่าจะร่วมกับห้องอื่นมั้ง“
”โอเค ก็ดี”
“จะว่าไปแกก็เล่นกีฬาเก่งเหมือนกัน นี่กะจะเอาดีทั้งเรียนทั้งกีฬาเลยอ่อวะ เว่อไป”
ทั้งสองพูดคุยกันอย่างออกรสขณะที่พชรก็พยายามเต็มที่ให้สนใจแค่หัวหน้าโดยไม่มองเทียร์ร่าที่จ้องมองเก็บข้อมูลอย่างเปิดเผยอยู่ด้านนอก อย่างไรก็ตามแม้จะเจ้าตัวจะดูเปิดเผยแต่พอพชรหันไปมอง เธอก็จะหลบตาทุกครั้งที่ประสานสายตา ทำเอาพชรถอนหายใจเล็กน้อย
จะว่ายังไงก็ตาม ในตอนนี้เทียร์ร่ายืนอยู่ด้านนอกคงแค่อยากจะเก็บข้อมูลอย่างเดียว แต่ถึงอย่างนั้นการปล่อยให้สาวงามยืนอยู่ด้านนอกคนเดียวก็รู้สึกผิดแบบแปลก ๆ
ยังไงก็ตามแม้อยากออกไปทักโดยชำเลืองมองอยู่หลายรอบ แต่ในท้ายที่สุดก็ปล่อยไว้แบบนั้นจนถึงหมดช่วงพักกลางวันแล้วเริ่มเรียนกันตามปกติ
ภายในห้องเรียน พชรก็มักถูกถามโดยสาวงามข้าง ๆ ผู้ร่าเริงแม้ไอซ์จะดูไม่สนใจ แต่ก็เก็บทุกคำพูดของอาจารย์ไว้ในหัวแล้วมาถามพชรทุกที
เพราะทุกครั้งที่เธอถามพชร เธอก็จำได้คำตอบเข้าใจง่ายจากเขา ทำให้เธอผ่านบทเรียนในแต่ละวันได้อย่างง่าย ๆ รวมไปถึงการบ้าน พออาจารย์สั่งแล้วประกาศหมดคาบเรียน เธอก็จะถามแนวทางจากพชรง่าย ๆ แล้วจดจำกลับไปทำที่บ้าน ซึ่งเธอทำเสร็จแล้วส่งคนแรก ๆ ทุกครั้งเพราะความตั้งใจและความพยายามของเธอเอง
“เฮ้ย ! พชร !”
“เออ !”
พอมาถึงช่วงเย็นเวลา 15:50 ซึ่งหมดคาบเรียนสุดท้ายแล้ว ทั้งคู่ก็ออกมาเตะบอลกับคนอื่น ๆ โดยแต่ละคนจะคัดทีมกันมาก่อนแล้ว ซึ่งนักเรียนก็มีเยอะมาจากชั้นปีถึง 3 ปีจึงมีหลายทีม มีทั้งทีมที่จัดกันหน้างานและทีมที่เตรียมตัวมาแล้วลงสนาม
กติกาการเล่นก็ง่าย ๆ ก็คือทีมใครโดนยิงประตูก็จะถูกเปลี่ยนให้อีกทีมเข้ามาเล่นแทน ซึ่งตอนนี้พชรกับหัวหน้าเข้าเล่นในคู่แรก ผ่านไปเพียงไม่กี่ 10 นาที คู่กองหน้า พชร กับหัวหน้าก็ทำประตูไปได้ง่าย ๆ เปลี่ยนทีมเล่นอย่างรวดเร็ว
ด้วยพละกำลังของทั้งสองที่ดูมีมากกว่านักเรียนทั่วไป ทำให้วิ่งรอบสนามได้เป็นระยะเวลานาน พวกเขาสามารถวิ่งไล่ และเลี้ยงบอล ส่งบอลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำเอานักเรียนทุกชั้นปีทึ่งในความสามารถของทั้งสองเล่นเอาแต่ละทีมเริ่มเขม่นใส่กันเองเพื่อแย่งตัวกันแล้ว
‘อืม… กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่กลับแฮะ’
พอชำเลืองมองข้างสนามก็ยังพบเทียร์ร่าเหมือนในทุกวัน เขาส่ายหัวก่อนถอนหายใจแล้วกลับมาสนใจฟุตบอลต่อ เขาวิ่งไปยังกลางสนามแย่งบอลจากทีมรุ่นพี่ได้อย่างง่ายดายก่อนส่งต่อให้กับสหายแว่นเพื่อนรัก
“หัวหน้า ! ทำให้ได้นะเว้ย !”
“เออ ! ของแค่นี้ ชิลล์ ๆ น่า ไว้ใจได้“
ทั้งคู่ตะโกนข้ามฝั่งก่อนวิ่งไปยังฝั่งศัตรูผ่านเหล่ารุ่นพี่มากมายที่พยายามแย่งบอล พอคนส่วนใหญ่ไปรุมอยู่กับหัวหน้า เขาก็ส่งต่อให้กับพชรแม้มีคนกันอยู่ 2 ทาง
สำหรับพชร แค่แย่งบอลจาก 2 คนไม่ใช่เรื่องยาก เขาวิ่งตัดหน้าทั้งสองครองบอลแล้ววิ่งต่อ ก่อนยิงบอลจากระยะไกลแบบสายฟ้าแลบตรงเข้าประตูทีมรุ่นพี่ได้อย่างง่ายดาย
“แฮ่ก แฮ่ก ชักเหนื่อยแล้วว่ะ เราเล่นมาจะ ชั่วโมงนึงแล้วนะ“
อีกนิดก็จะครองสถิติทีมที่ยิงมากที่สุดในโรงเรียน หัวหน้าวิ่งเข้าหาพชรก่อนแท็กมือขณะหายใจออกมาถี่ยิบ
”วู้ว ทีมพวกนายนี่เก่งเอาเรื่องเลยนะเนี่ย ทำเอาทึ่งเลย แบบนี้ฉันคงส่งต่อทีมโรงเรียนให้ได้อย่างไม่ต้องกังวลแล้วมั้ง”
พอเปลี่ยนทีมต่อไปลงสนาม จูเนียร์ หนุ่มหล่อรุ่นพี่ที่อยู่ ม.5 ก็เดินเข้ามาทักทายทั้งสองตามปกติ พชรมองหน้าอีกฝ่ายก็ยิ้มให้ก่อนยื่นมือจับอีกฝ่าย
”ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ พวกผมไม่เก่งแบบรุ่นพี่ คงยากจะไปอยู่จุดเดียวกันกับรุ่นพี่ที่ปีนไปซะสูง“
”ฮ่า ๆ ถ่อมตัวจังนะ แต่อย่าคิดว่าแค่พูดหวานใส่ฉันจะอ่อนข้อให้ล่ะ อะ เริ่มกันเลย ฉันให้พวกนายเขี่ยบอลก่อนเลย”
”รุ่นพี่จะประมาทเกินไปแล้วมั้ง แต่ถ้าให้โอกาสขนาดนั้นก็โอเคครับ“
พชรตอบรับอีกฝ่ายโดยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เขาส่งบอลให้คนในทีมแล้วเริ่มเป็นฝ่ายเล่นเกมรุก
“เฮ้อ ไม่ไหวแฮะ ทีมพี่แกดุเกิน“
ผ่านไปเพียงสิบกว่านาทีประตูของเขาก็ถูกยิงอย่างง่ายดาย ทั้งพชรและหัวหน้าเดินออกมาจากสนามพร้อมทั้งทีมที่ตั้งขึ้นเฉพาะกิจ พอเล่นเสร็จก็ยกเวลาขึ้นดู
“5 โมงเย็นแล้วเหรอ โห ครองไว้ได้นานอยู่นะเนี่ย”
“อืม ก็โอเคแหละ เราทำได้มากขนาดนี้ก็ดีแค่ไหนละ แต่ยังไงก็เถอะ เหนื่อยจะตายละ ไปซื้อน้ำก่อนนะเว้ย”
“อา เจอกัน”
พชรกับหัวหน้าแยกจากกันข้างสนาม พชรเดินออกมานั่งม้านั่งริมสนาม ในระหว่างนั่งก็มองหาสาวงามที่ปกติจะคอยสังเกตอยู่ไม่ไกล
“น่าจะกลับแล้วมั้ง”
เขาไม่ได้คิดอะไรมากหลังจากหาสาวงามไม่เจอ เขาหยิบมือถือขึ้นมาระหว่างนั่งพักเงียบ ๆ
“เหนื่อยมั้ย ?”
“ก็ เอาเรื่องนะ”
“อือ ถ้างั้น อะ ให้”
“หืม ? เทียร์ร่าเหรอ ?”
“อือ”
หลังจากเลื่อนมือถือผ่านไปเพียงไม่กี่นาที สาวงามก็ปรากฏพร้อมขวดน้ำขวดใหญ่ในมือ เธอยื่นขวดน้ำเกลือแร่ให้พชรด้วยมือสั่น ๆ
“ขอบคุณนะ”
“ไม่เป็นไร…“
”ว่าแต่ วันนี้กลับช้าจะไม่เป็นไรเหรอ ปกติเห็น 4 โมงกว่า ๆ ก็กลับแล้วนี่“
”เอ๊ะ สังเกตด้วยเหรอ ?“
‘ก็เธอเล่นคอยตามฉันอย่างกะสตอร์กเกอร์ทุกวันขนาดนั้น…’
พชรบ่นในใจขณะหลี่ตามองสาวงามด้านหน้าที่กำลังยืนอยู่นิ่ง ๆ เล่นซะเขาอดหัวเราะออกมาไม่ได้ก่อนทัก ”ไม่นั่งเหรอ ?“
เทียร์ร่าพอได้ยินคำเชิญของพชรก็ยิ้มร่า แต่แทนที่จะนั่งตรงข้าม คราวนี้เธอกลับนั่งลงข้าง ๆ แทนเสียอย่างนั้น ทำเอาพชรเกือบขยับตัวออกห่างแทบไม่ทัน
”แล้ว ? หมู่นี้เป็นไงบ้างล่ะ เรื่องเรียน“
”ก็เรื่อย ๆ แต่ก็ไม่เข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่างเหมือนกัน“
”เรื่องเรียนใช่ไหม ?“
”อือ… ไม่ เรื่องเพชรนั่นแหละ ทำไมถึงไม่บอกฉันล่ะว่าเป็นคนวาดภาพนั้นอะ“
”ก็ ไม่รู้สิ ?“
”แล้ว ? สรุปเพชรเป็นคนวาดจริง ๆ ใช่ไหม ?“
”โห เธอเล่นสืบมาหลายวันติดขนาดนั้น คงรู้หมดเปลือกทุกอย่างจนแทบไม่ต้องถามคำยืนยันจากฉันแล้วมั้ง”
“ก็คือใช่เหรอ ?“
ราวกับอยากรู้คำตอบและการยืนยันจากพชร เธอถามเจ้าตัวซ้ำ ๆ ตาแป๋วทำเอาพชรหลุดยิ้ม เด็กอะไรน่าลูบหัวชะมัด เขาคิดขณะมองใบหน้าเป็นกังวลของสาวงาม
”ก็ ไม่รู้สิ ฉันไม่รู้สักหน่อยว่าคนที่เธอตามหาจริง ๆ เป็นฉันหรือเปล่า“
”แค่ถามว่าเพชรเป็นคนวาดรูปนั้นไหมแค่นั้น“
”ก็ ใช่“
“ถ้างั้นชื่อเดิมของเพชรคือพัฒเหรอ ?“
”ก็ใช่“
”เกิดวันที่ 14 กุมภาพันธ์ใช่ไหม“
”เอ่อ ใช่“
พอสาวงามถามข้อมูลส่วนตัวออกมารัว ๆ ก็เล่นทำเอาพชรทำตัวไม่ถูก ทุกข้อมูลถูกต้องก็จริง แต่มันก็ทำให้พชรรู้สึกขนลุกกับการตามติดของสาวงามที่สืบจนรู้แทบทุกอย่าง อย่างกับสตอร์กเกอร์
”แล้วก็สร้อยเส้นนั้นอะ ได้ตอนอายุ 8 ขวบใช่ไหม ?“
”เอิ่ม อันนี้ไม่รู้สิ แต่จำได้แค่ว่าได้มันมาจากใครสักคนแล้วก็รู้สึกว่ามันสำคัญกับฉันน่ะ ก็เลยใส่มาทุกวัน เอ่อ เท่าที่จำความได้ก็… มั้ง ?“
“เอ๊ะ ? รู้สึกงั้นเหรอ ?”
ในระหว่างที่ถาม ใบหน้าเจ้าตัวก็ค่อย ๆ บิดเบี้ยวด้วยความรู้สึกบางอย่างเรื่อย ๆ ซึ่งพชรก็จับสังเกตได้
นัยน์ตาทอประกายของสาวงามที่มองพชรอย่างคาดหวังทำเอาพชรกลืนน้ำลายลงคอ เขารู้สึกกดดันแปลก ๆ จากสายตานั้นของสาวงาม
“ก็… มั้ง ?”
“อื้อ… น- ในที่สุดก็เจอแล้วจริง ๆ ล่ะ ข- ขอบคุณ… ขอบคุณค่ะ”
“ห้ะ ? เอ๊ะ ? ด- เดี๋ยวสิ นี่ อย่าร้องไห้สิ อยู่ ๆ เป็นอะไรเนี่ย”
อยู่ ๆ สาวงามตรงหน้าก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ท้ายที่สุดก็ปลดปล่อยมันออกมา ปกติดวงตาเย็นชาของเธอจะเรียบเฉยตลอดเวลา มาวันนี้ดวงตาอันเข้มแข็งของเจ้าตัวพลันมีน้ำตาเอ่อล้นออกมาทำเอาพชรทำตัวไม่ถูก เขารีบหันมองข้าง ๆ แล้วรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าที่วางอยู่ข้างกายขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้เจ้าตัวอย่างอ่อนโยน
น่าแปลกที่รอบนี้เธอปล่อยให้พชรเช็ดน้ำตา กับจับใบหน้าตนเองได้อย่างง่าย ๆ
“อึก ฮือ ฉันคิดถึงพัชชี่มากเลยนะคะ ทำไมถึงปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียวนานขนาดนี้ได้ล่ะ…”
“อ- อืม ขอโทษ“
พชรพยายามปลอบสาวงามแต่ก็ทำไม่เป็นเพราะไม่เคยทำมาก่อน ที่เห็นก็มีแค่ในนิยายกับมังงะเท่านั้น พอมาอยู่ในสถานการณ์จริง ๆ เรื่องที่จำมากลับว่างเปล่าเสียหมด หัวของเขามีเพียงแค่สีขาวโพลนนึกอะไรไม่ทัน
รอบข้างทั้งสองยังคงมีผู้คนอยู่จนถึงตอนนี้ แม้จะอยู่ในที่ที่ห่างไกล แต่จุดที่ทั้งคู่อยู่ก็สามารถมองเห็นได้อยู่ดี ในหัวพชรตอนนี้จึงจดจ่อไปกับการไม่ให้คนอื่นเห็นใบหน้าอ่อนแอของเจ้าตัวเพื่อรักษาภาพลักษณ์
ทว่าเหมือนเจ้าตัวจะไม่สนใจเท่าไหร่ เธอนั่งร้องไห้ข้าง ๆ พชรโดยปล่อยน้ำตาไหลพลั่กออกมาปล่อยให้พชรเช็ดให้ทั้งอย่างนั้น
“อือ… ข- ขอบคุณค่ะ“