ยัยคนนี้จะทำให้การเปลี่ยนแปลงตัวเองของผมเสียเปล่า - ตอนที่ 10 เปลี่ยน
ตอนที่ 10
“มีทั้งตากล้อง คณะอาจารย์ หน่วยปฐมพยาบาล ครบเลยแฮะ“
พอเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วทำการเข้าร่วมกิจกรรมเปิดที่เป็นกิจกรรมแบบรวมทุกกลุ่มเสร็จก็กลับมารวมตัวกันที่ลานกิจกรรมโดยเปลี่ยนเป็นจับคู่ของตัวเองแล้วนั่งล้อมวงเป็นวงใหญ่รอบจุดศูนย์กลาง 3 แถว พชรกับเทียร์ร่าได้นั่งแถวหน้าด้วยเหตุผลบางอย่าง
“หน้าเลอะแป้งหมดเลย…“
สาวงามยังทำใจไม่ได้กับแป้งที่เลอะเต็มหน้า เธออยากล้างออกเต็มทนทว่าโดนห้ามเสียก่อนจึงได้มาร่วมแถวกับคนอื่น ๆ ที่โดนแบบเดียวกัน
พชรหัวเราะลั่นขณะมองหน้าสาวงามที่เลอะไปด้วยแป้งเพราะโดนรินที่เป็นสภานักเรียนรับมือเองกับมือ เนื่องด้วยสภานักเรียนคนอื่นไม่กล้า ทำให้เจ้าตัวอยู่ในสภาพหน้าขาวไปทั้งหน้า
”ฮ่าฮ่าฮ่า หน้าเธอตอนนี้ตลกชะมัด หลังจากนี้คงไม่มีคนกลัวแล้วมั้ง“
”เหอะ ไม่ได้ดูสภาพตัวเองเลย นายเองก็แทบจะขาวไปทั้งตัวเหมือนกันนั่นแหละ“
ขณะที่สาวงามโดนจัดหนักโดยประธานนักเรียน พชรก็โดนเหล่ารุ่นพี่มากหน้าหลายตา ทั้งหมั่นไส้บ้าง ทั้งเอ็นดูบ้างจัดหนักจัดเต็มทาแป้งให้เต็มที่ ขณะที่เทียร์ร่ากับนักเรียนคนอื่น ๆ เลอะแค่ใบหน้า พชรกลับเลอะไปทั้งตัวจนแทบเปลี่ยนจากชุดสีดำเป็นสีขาวแล้ว อย่าว่าแต่ชุดเลย กระทั่งป้ายที่ให้แขวนชื่อของตัวเองที่เขียนว่า “N‘เพชร” ยังเลอะไปด้วยทั้งที่ควรเป็นจุดสะอาดที่สุดเพื่อให้อ่านง่าย
”ฮ่าฮ่าฮ่า ท่าทางตลกชะมัดเลยนายขี้แพ้ ! แบบนี้คงเปลี่ยนชื่อเรียกเป็นไอเปรตขาวแทนแล้วมั้ง”
“ง- เงียบน่า”
”นี่ ๆ นายรู้ปะว่าสภาพตัวเองตอนนี้น่าตลกขนาดไหนน่ะ ให้ฉันบอกพี่ช่างภาพถ่ายให้ไหม ถ้าเกิดถ่ายให้ตอนนี้นายอาจจะได้ชื่อในโลกออนไลน์ว่าไอเปรตขาวก็ได้นะ“
สาวงามที่นั่งข้าง ๆ หัวเราะคิกคักอย่างพอใจไม่ได้สนใจท่าทีคนรอบข้างที่เริ่มจ้องมองสักนิดทำเอาพชรถอนหายใจ
“นี่ เงียบน่า มันรบกวนคนอื่นนะ พี่ ๆ สภาก็จะเริ่มกิจกรรมต่อไปแล้ว เดี๋ยวก็โด-”
“สองคนนั้นน่ะ พูดคุยอะไรเสียงดัง ออกมานี่เลย“
”นั่นไง ว่าแล้วเชียว“
ยังไม่ได้เริ่มกิจกรรมจริงจังก็เหมือนจะโดนเรียกทั้งคู่เสียแล้ว คราวนี้ไม่ใช่รินที่กล้าหือกับเทียร์ร่า แต่เป็นรุ่นพี่สภาจากฝ่ายปกครองที่คอยสอดส่องมองหานักเรียนที่กระทำผิดกฎ พอโดนฝ่ายดังกล่าวเรียก ทั้งคู่จึงต้องลุกมายังใจกลางวงกลมกันสองคนโดยโดนสายตามามายจับทำเอาพชรรู้สึกอึดอัด
”เมื่อกี้พวกนายคุยอะไรกัน“
พอออกมาก็โดนตั้งคำถาม พชรยิ้มเจื่อนพยายามมองรอบ ๆ เขาพบรินที่หัวเราะเจื่อนขณะผุดรอยยิ้มแข็งกระด้างออกมา คณะสภาที่เคยร่วมกิจกรรมหน้าเสาธงด้วยกันต่างคิดในหัว ’สองคนนี้อีกแล้ว’
”เอ่อ“
”คุยอะไรก็ช่างพว-“
”ด- เดี๋ยว นี่ มีมารยาทหน่อยเซ่ !“
ก่อนที่เรื่องจะแย่ลงกว่าเดิม พชรรีบคว้าสาวงามแล้วปิดปาก เขารีบโค้งหัวขอโทษรุ่นพี่อยู่หลายที ขณะที่สาวงามผู้โดนปิดปากพยายามขัดขืน ’อี้ ! อำอะไออองอาย อ่อยอะ !’
”คู่ของพวกนายนี่ครึกครื้นกันแต่เช้าเลยนะ“
ท่าทางทั้งคู่ทำเอารุ่นพี่ที่กำลังทำหน้าขรึมเผลอหลุดขำ
”อึก เฮ้ อย่ากัดเซ่ !”
“อ- อ่อยเอี๋ยวอี้ !”
“ละขยันพูดด้วยนะ“
”เฮ้อ ยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรก จะให้ถือว่าตักเตือนก่อนแล้วกัน พวกนายกลับแถวไปซะไป จะเริ่มกิจกรรมต่อไปแล้ว“
”ข- ขอบคุณมากครับ“
พอถูกปล่อยกลับแถว พชรก็ปล่อยมือจากสาวงามในที่สุด เพราะสาวงามเล่นกัดซะแรงมือจึงมีรอยกัดสีแดงใหญ่เล่นเอาเขาถอนหายใจ ‘โชคดีที่เธอกัดได้ไม่เจ็บเท่าโดนต่อยเมื่อแต่ก่อน เลยพอทนได้’
“ใครอนุญาตให้นายมาแตะตัวฉันห้ะ !”
“น- นี่ เงียบก่อน เดี๋ยวก็โดนเรียกอีกหรอก”
พอปล่อยมือออก สาวงามก็โวยวายอีกรอบจนพชรเริ่มรำคาญ
“อือ… อา โธ่ นายนี่มัน !”
เทียร์ร่าส่งเสียงจิ๊จ๊ะอย่างไม่สบอารมณ์ เธอขมวดคิ้วด้วยความไม่สบอารมณ์ขั้นสุดดูไม่ชอบที่พชรแตะตัวตัวเองที่สุด
ใบหน้าแดงก่ำไม่ใช่เพราะความเขินอายอยู่ตรงหน้า
“เอ่อ ขอโทษ”
“ไม่ต้องมาขอโทษเลย อยู่ ๆ ก็มาปิดปาก คิดว่าสนิทกันมากหรือไง !”
‘เอ่อ มันหนักหนาขนาดนั้นเลยสินะ สีหน้าดูไม่โอเคสุด ๆ เลย’
สุดท้ายสาวงามก็ไม่คุยด้วยทั้งอย่างนั้น ทำเอากิจกรรมที่ต้องเจอผ่านไปได้อย่างยากลำบาก สาวงามไม่เปิดปากคุยกับพชรเลยแม้แต่คำเดียวจนยากจะทำกิจกรรมต่าง ๆ ทำเอาท้ายที่สุดพชรต้องคอยหาทางแก้ปัญหาในกิจกรรมต่าง ๆ จนถึงเที่ยงคนเดียวขณะที่สาวงามแทบไม่ทำอะไรเลย
หน้าตาไม่บอกบุญสุด ๆ
“นี่ ขอร้องล่ะ”
พอถึงเวลาพัก แต่ละคู่ก็ได้แยกไปรับอาหารจากเหล่าสภานักเรียนก่อนแยกนั่งคู่ละเป็นจุด ๆ เว้นแต่กลุ่มใหญ่ที่จับคู่ไม่ได้ พวกเขารวมกันอยู่ลานกิจกรรมและทำกิจกรรมต่อ
นี่คงเป็นข้อเสียอีกอย่างที่จับคู่ไม่ได้ พชรกับเทียร์ร่านั่งม้านั่งข้างสหกรณ์แบบสองต่อสองกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย ล่ะมั้ง ?
“จะเงียบอะไรขนาดนั้นเนี่ย บอกว่าขอโทษแล้วไง”
แทนที่จะดีใจหลังจากที่สาวงามเงียบ กลับรู้สึกผิดแปลก ๆ เสียอย่างนั้น
“นี่ ขอล่ะ ถ้าเกิดเธอยังงอนอยู่แบบนี้เราจะทำกิจกรรมต่อไปไม่ได้นะ”
กิจกรรมต่อไปเป็นกิจกรรมค้นหาคำใบ้ซึ่งใช้ระยะเวลานานและใช้ความร่วมมือในการค้นหา หากทั้งคู่เงียบกันทั้งอย่างนี้โดยให้แค่พชรรับศึกหนักคนเดียวไม่น่าสนุกเท่าไหร่
เพราะงั้นการได้ความร่วมมือจากสาวงามจึงสำคัญ
“ใครสน”
“อา ก็ได้ ยังไงคงทำไรต่อไม่ได้อยู่แล้ว เธอกำลังหาคนที่วาดรูปนั้นอยู่ใช่ไหม ถ้าเกิดเธอให้ความร่วมมือล่ะก็ จะช่วยบอกให้ก็ได้“
ยังไม่ทันได้สิ้นเสียงพลันนัยน์ตาสาวงามทอประกาย ดูจะสนใจคนวาดรูปดังกล่าวเป็นพิเศษทำเอาพชรอดสงสัยกับเจ้าตัวไม่ได้
เขาไม่เข้าใจทำไมสาวงามถึงอยากหาคนวาดรูปนั้นที่ซึ่งเป็นเขา รูปที่วาดนั้นเป็นรูปแมวของเขา และลายเส้นที่วาดก็เป็นของเขาที่ใช้มาตั้งแต่ยังเด็ก
สิ่งที่อยากรู้ในใจก็คือทำไมสาวงามถึงได้ตามหาตัวเขา ตามด้วยเหตุผลอะไร ? แล้วเพราะอะไรทำไมถึงรู้เรื่องที่เขาเปลี่ยนชื่อ ทำไมถึงตาเธอเปล่งประกายขนาดนั้นเวลาเขาพูดเรื่องภาพที่ตนวาด ราวกับว่าเธอกำลังตามหาอะไรบางอย่างจากเขายังไงอย่างงั้น
อย่างตอนนี้กระทั่งเวลามองเข้าไปในตาเจ้าตัวก็พบเพียงแต่ความคาดหวังแม้ยังไม่พูดอะไรออกมาก็ตามที่
“ฉันรู้จักคนวาดรูปใบนั้น”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาไม่อยากบอกว่าตัวเองเป็นคนทำ
“หา !? ใช่เหรอ”
“แน่นอน ก็ในรูปนั้นเป็นแมวพันธุ์ทางใช่ไหมล่ะ เห็นงี้ ฉันน่ะ เป็นเพื่อนสนิทของหมอนั่นนะ”
“หือ !?”
พอคิดว่าพชรรู้จริง ๆ พลันในตาสว่างวาบ ราวกับที่พยายามมาโดยตลอดกำลังสัมฤทธิ์ผล เธอแสดงความสนใจเกินหน้าเกินตาออกมาเริ่มปล่อยคำถามรัว ๆ แล้ว
”หือ ? จริงเหรอ แล้วทำไมนายถึงรู้จักเขาได้ ตอนนี้เขายังสบายดีใช่ไหม เขาเลิกเป็นนักเลงหรือยัง กินดีอยู่ดีอยู่ใช่ไหม ตอนนั้นบอกอยากเป็นคนดังด้วย ถึงตอนนี้เขาไปถึงไหนแล้ว นายได้คุยเรื่องความฝันกับเขาไหม ล- แล้ว… จนถึงตอนนี้เขาหาแฟนได้หรือยัง ?“
‘ห้ะ ? เด็กคนนี้เป็นใครเนี่ย เรารู้จักกันมาก่อนเหรอ ? ห้ะ ? กับยัยคนนี้ เดี๋ยวนะ บอกเคยเป็นนักเลงด้วย …’
พชรตั้งรับไม่ทันกับคำถามมาหมายของสาวงามที่สื่อออกมาราวกับรู้จักกันมาก่อน คำถามมากมาย ต่าง ๆ นานา แสดงความรู้สึกเป็นห่วง พร้อมทั้งอยากพบเจออย่างชัดเจนทำเอาพชรไม่เข้าใจ
เมื่อก่อนเขาไปมีเพื่อนเป็นเด็กผู้หญิงตอนไหน ? เมื่อก่อน ตั้งแต่เด็กจนถึงช่วง ม. ต้น กระทั่งปีสุดท้ายเขายังเกเรอยู่เลย เขาจะไปพบสาวงามคนนี้ได้ยังไง ? แถมยังดูสนิทออกนอกหน้าด้วย เขาจำไม่ได้เลยว่าสนิทกันตอนไหน
ดูเหมือนจะจำผิดคนมากกว่ามั้ง แล้วแบบนี้เขาต้องทำยังไงล่ะเนี่ย นึกไม่ออกเลย
”เอิ่ม… ฉันจะตอบยังไงดีล่ะ ถามมาขนาดนั้น“
‘เดี๋ยวนะ ก่อนหน้าเธอบอกว่าในห้องเหลือแค่ 2 คนที่ยังไม่ได้ถามนี่หว่า ชิบหายละ’
”ถ้าไม่ตอบก็แค่บอกมาว่าเขาอยู่ไหน“
”ถ้างั้นก็ให้ความร่วมมือก่อนเดะ“
”สัญญานะ“
‘อยากเจอขนาดนั้นเชียว ? อืม เด็กคนนี้น่าแกล้งแฮะ‘
พอเห็นอีกฝ่ายยื่นนิ้วก้อยให้พร้อมแสดงสีหน้าคาดหวังเหมือนเด็กทำเอาพชรอดหัวเราะในลำคอไม่ได้ อะไรทำให้สาวน้อยผู้ไม่เคยคบหากับใครเป็นเพื่อนสักคนถึงได้อยากเจอเขาขนาดนั้นกันนะ
“ทำหน้าน่ารักแบบนี้ก็เป็นนี่นา แต่มาเกี่ยวก้อยตอนคนมองเยอะแบบนี้เดี๋ยวก็มีข่าวลืออีกหรอก”
“คิดว่าสนหรือไง”
“ก็… ไม่”
“ถ้างั้นสัญญาสิ ถ้าเกิดหมดวันนี้ นายต้องบอกนะ“
”ได้ แต่เธอต้องให้ความร่วมมือนะ“
”ถ้าเกิดนายไม่บอก ฉันจะทำให้นายอยู่โรงเรียนนี้ไม่ได้อีกเลย“
”จะดีเหรอ ? ถ้าทำงั้นเดี๋ยวไม่ได้เจอคนที่อยากเจอนะ“
จนแน่ใจประมาณนึงแล้ว ในที่สุดก็เข้าใจที่อีกฝ่ายต้องการ สาวงามตรงหน้าดูจะสลัดคลาบเด็กสาวน่ากลัวตามข่าวลือออกไปแล้ว บรรยากาศที่ปล่อยออกมาเหลือเพียงสาวน้อยธรรมดาผู้น่าเอ็นดูทั่วไป
พชรมองมือที่อีกฝ่ายยังคงยื่นเข้าหาตัวเอง ใบหน้าเทียร์ร่าแสดงความคาดหวังออกมาสูงจนน่าตกใจ
”อือ… ไม่สนใจหรอก ฉันยังสืบไม่หมด ถ้าเกิ-“
”คน ๆ นั้นรู้จักแค่กับฉันคนเดียว เธอแน่ใจนะว่าถามมาหมดแล้ว หมอนั่นเป็นพวกขี้อายซะด้วย คิดว่าหมอนั่นจะตอบเหรอ“
”เอ๊ะ ? ไม่ใช่นาย ก็เหลือแค่คนที่เรียกตัวเองว่าหัวหน้าไม่ใช่ไง ?“
”ไม่รู้สิ ถ้าเธอคิดว่าจะรู้จากหมอนั่น… เอ่อ ไม่สิ เดี๋ยวนะ”
‘หมอนั่นมันรู้ว่าใครวาดนี่หว่า ชิบหายละ‘
“ถ- ถ้างั้น โอเค หมดวันนี้เดี๋ยวฉันบอกก็ได้”
ท้ายที่สุดก็ต้องรีบเปลี่ยนคำพูด หัวหน้าของเขาขี้แกล้ง ถ้าเกิดหมอนั่นเป็นคนบอกว่าเขาเป็นคนวาดทันทีมีหวังไม่ได้เป็นฝ่ายถือเกมนำแน่
“เปลี่ยนใจเร็วจังนะ ถึงจะไม่เข้าใจ แต่ก็ดี ฉันจะให้ความร่วมมือกับนายทุกอย่างเลย”