ยอดหญิงแห่งวังหลัง - ตอนที่ 16.1
ตอนที่ 16-1เยี่ยมมารดา
หลังจากมีเป้าหมายอยู่ในใจแล้วหลี่เว่ยหยางจึงแกล้งแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยการลังเล และมีความกังวลใจเป็นอย่างมาก
นางแสร้งทำเป็นกล่าวตะกุกตะกัก
“ชิหยินเหนียง…ชิหยินเหนียง…นางเป็นอันใดไป?”
ฮัวเหม่ยรับรู้ถึงความอยากรู้อยากเห็นของเว่ยหยาง จึงรีบกล่าวตอบไปว่า
“คุณหนูสาม เมื่อฤดูหนาวที่ผ่านมานี้อาการป่วยของชิหยินเหนียงจะทรุดลงมาก ข้ากลัวว่านางจะมิสามารถทน..”
ขณะที่กล่าวออกมา สาวใช้ผู้นี้กำลังใช้สายตาสังเกตุดูหลี่เว่ยหยางอย่างรอบคอบ
โดยมิให้คลาดสายตาเลยแม้แต่พริบตาเดียว
รอยยิ้มบนใบหน้าของเว่ยหยางเริ่มจางหายไป และแทนที่ด้วยรูปลักษณ์ที่เศร้าหมอง
“ชิหยินเหนียงเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของข้า แต่สิ่งที่ทำได้คือการเฝ้าดูนางต้องทนทุกข์ทรมาน…”
ฮัวเหม่ยกล่าวเตือนสติว่า
“คุณหนูสาม ตอนนี้แม้ว่าจะช่วยอันใดนางมิได้ แต่อย่างน้อยที่สุดท่านก็ควรไปเยี่ยมนาง”
หลี่เว่ยหยางกระพริบตาสองสามครั้ง
“แต่ตอนนี้ชิหยินเหนียงป่วยหนัก ข้าได้ยินมาว่า ท่านพ่อมิอนุญาตให้ผู้ใดเข้าเยี่ยม เพราะเกรงว่า อาจมีคนติดเชื้อจากนางได้”
ฮัวเหม่ยยิ้มกว้าง และกล่าวว่า
“คุณหนูสาม ท่านสามารถแอบออกไปเยี่ยมนางในตอนกลางคืนได้ ข้า จะช่วยดูต้นทางให้
แม้ว่ามีผูใดผ่านมา ข้าจะรีบแจ้งให้ท่านทราบทันที หากเราทำเช่นนี้ คงมิมีผู้ใดรู้แน่”
หลี่เว่ยหยางยังคงมีท่าทีลังเลใจ
“หากท่านพ่อรู้ว่า ข้าขัดขืนคำสั่งของท่าน คงจะต้องโกรธมากเเน่”
“ข้ามิมีสิทธิ์ที่จะบังคับท่าน แต่คุณหนูสามลองคิดดูสิ ชิหยินเหนียงเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของท่านนะ!
แม้ว่านายท่านจะทราบ แต่ก็คงมิกล้าลงโทษท่านหรอก เพราะท่านทำไปเพราะความกตัญญู ” ฮัวเหม่ยกล่าว
ฮัวเหม่ยต้องการยุยงให้นางไปเยี่ยมมารดาผู้ให้กำเนิด เพื่อทำให้ท่านพ่อของนางโกรธ?
เว่ยหยางหัวเราะชอบใจ ราวกับว่านางเข้าใจถึงแผนการของฝ่ายตรงข้ามทุกอย่างแล้ว
“ฮัวเหม่ยเจ้าฉลาดมาก! ให้ข้าคิดดูก่อน ว่าจะไปเวลาใดถึงจะเหมาะแล้วจะบอกเจ้าในภายหลัง”
เมื่อเห็นว่า ฮัวเหม่ยเดินออกไปแล้วสายตาของเว่ยหยางได้เปลี่ยนเป็นดุร้ายในทันที
ด้านหลังผ้าม่าน ไป๋จื่อซึ่งได้ยินเรื่องราวทั้งหมดค่อย ๆ ปรากฏกายขึ้น
“คุณหนูสาม ท่านอย่าได้เชื่อคำกล่าวของนาง!”
หลี่เว่ยหยางเหลือบมองไป๋จื่อ และเอ่ยถามว่า
“เหตุใดจึงมิควรเชื่อหรือ?”
ไป๋จือหยุดคิดชั่วอึดใจ แต่นางมิต้องการให้นายหญิงตัวน้อยของตนเองต้องทำอันใดผิดพลาด
เพราะอาจเกิดปัญหาขึ้นในภายหลังได้ นางจึงกล่าวออกมาว่า
“คุณหนู อย่าหาว่าข้ามากความเลยแต่ทุกอย่างที่ฮัวเหม่ยกล่าวมานั้น มันน่าสงสัยเกินไป ”
ดูเหมือนว่า ไป๋จือจะมิใช่ผู้ที่โง่เขลา และไร้เดียงสาอีกต่อไป
หลี่เว่ยหยางจึงยิ้มออกมาเล็กนัอยพร้อมกับกล่าวว่า
“ความโลภมิมีขอบเขตจำกัด มีบางคนที่ต้องการเห็นข้าต้องทุกข์ทรมาน”
จากนั้นเว่ยหยางได้โยนรองเท้าคู่ที่ตัดเย็บอย่างงดงามคู่นั้นทิ้งไป
ไป๋จื่อสะดุ้ง
“คุณหนูสาม ในเมื่อเข้าใจทุกอย่างแล้ว เช่นนั้นท่านมิสมควรไป!”
หลี่เว่ยหยางใช้นิ้วมือเคาะอย่างเป็นจังหวะลงบนโต๊ะ ขณะที่รอยยิ้มของนางกว้างขึ้น
“เราต้องไป!”
บ่ายวันนั้นหลี่เว่ยหยางบอกกล่าวกับฮัวเหม่ยว่า พวกนางจะไปเยี่ยม ชิหยินเหนียงเวลาประมาณหนึ่งทุ่ม
อย่างไรก็ตาม เมื่อดวงอาทิตย์ตกในเวลาประมาณห้าโมงเย็น หลี่เว่ยหยางได้พาไป๋จื่อไปด้วย
และทั้งสองคนได้ออกจากห้องพักอย่างเงียบ ๆ จากทางประตูหลังของบ้าน
“คุณหนูสาม ท่านกล่าวกับฮัวเหม่ยว่าจะมาพบกับนางที่นี่ตอนหนึ่งทุ่มมิใช่หรือ? เหตุใดเราจึง…”
หลี่เว่ยหยางยิ้มกว้าง ดวงตาของนางเป็นประกายด้วยเล่ห์เหลี่ยม
“หากเรารอจนถึงตอนนั้น เราก็จะก้าวเข้าไปในกับดักของพวกเขาเท่านั้น!”
การไปเยี่ยมมารดาผู้ให้กำเนิดของนางเป็นสิ่งที่ต้องทำ แต่การที่พวกนางจะไปเยี่ยมชิหยินเหนียงต้องวางแผนอย่างรอบคอบ
จะต้องไปถึงที่เกิดเหตุ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายจนเกินไป เพื่อที่จะได้ทำให้แผนการของฮูหยินใหญ่ล้มเหลว
หลี่เว่ยหยางและไป๋จือเดินไปที่ตำหนักหนานหยวนอย่างระมัดระวังและเงียบที่สุด
ตำหนักหนานหยวนตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว และมีความสงบเงียบเป็นอย่างมาก
สองทางเดินมีต้นไม้เล็กใหญ่มากมายโอบล้อมตำหนักหนานหยวน
และภายในตำหนัก มีห้องอยู่เพียงสามห้องเท่านั้น อีกทั้งยังมิเห็นสาวใช้ในที่แห่งนี้เลย
เมื่อเดินเข้ามาใกล้บริเวณประตู ได้มีกลิ่นรุนแรงของสมุนไพรโชยออกมา
หลี่เว่ยหยางได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นคนรับใช้ ก่อนที่นางจะออกมาจากห้องพักตนเอง
ตอนนี้จึงพยายามก้มศีรษะลง และเดินตามหลังไป๋จือเข้าไป
เมื่อเดินเข้ามาภายในบ้าน ได้เห็นสาวใช้เดินออกมาต้อนรับพวกนาง
สาวรับใช้สวมชุดผ้าฝ้ายสีซีดจางและมีคราบสกปรกมากมายอยู่บนชุดที่นางสวมใส่
เมื่อได้เห็นไป๋จือ ดวงตาของหญิงรับใช้ก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
“เจ้าคือ…”
ไป๋จื่อยิ้มกว้าง และเปิดภาชนะในมือให้สาวใช้ดูด้านใน
“ข้าได้รับคำสั่งจากคุณหนูสามให้นำซุปไก่นี้มาส่งให้ชิหยินเหนียง”
สาวใช้รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก คุณหนูสามส่งคนมาเยี่ยมแล้ว เหตุใดจึงมีสาวใช้ถูกส่งมาอีก สาวรับใช้จึงรีบตอบว่า
“เจ้ามิทราบหรือว่า แม่นมจ้าวมาที่นี่และบอกกับข้าว่า คุณหนูสามให้นางมาเยี่ยมชมชิหยินเหนียง ตอนนี้นางกำลังอยู่ด้านใน!”
แม่นมจ้าวหรือ?
แม่นมมิได้ทำงานอยู่ที่ตำหนักหรอกหรือ?
ราวกับว่า หลี่เว่ยหยางแทบจะหยุดหายใจกะทันหัน นางรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติเกี่ยวกับเรื่องนี้
นางเปิดประตูออก และก้าวเดินเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว
ในห้องนั้นมีเพียงเตียง โต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะไม้ และเก้าอี้ไม้สองตัว
บนโต๊ะมีแจกันดอกไม้ที่ฝุ่นเกาะหนาเตอะ หน้าต่างถูกปิดอย่างแน่นหนา ทำให้บรรยากาศในห้องนั้นมีความอึมครึมเป็นอย่างมากมาก