ยอดหญิงแห่งวังหลัง - ตอนที่ 11.1
ตอนที่ 11-1 ยุติธรรม
ในตอนนี้ หลี่เสี่ยวหรันยังดูหนุ่มมาก ผมของเขาเป็นสีดำสนิท และกำลังสวมหมวกขุนนางสีเหลือง
ภายใต้หมวกใบนั้น มีหน้าผากที่กว้าง ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคิ้วที่ดกหนา และยาวมากอีกด้วย
ดวงตาคู่นั้นแสดงถึงความเคร่งขรึมและปากของเขากดเข้าหากันเล็กน้อย ซึ่งมองแล้ว ทำให้ดูมีท่าทีที่จริงจังเป็นอย่างมาก
หลี่เหว่ยหยางแทบจะมิเคยเห็นเขาหัวเราะด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายเลยด้วยซ้ำ
อย่างน้อยที่สุด ก็มิเคยเห็นเขาหัวเราะกับบุตรสาวผู้นี้เลย
หลี่เว่ยหยางค่อย ๆ ก้มศีรษะลงและพยายามเก็บซ่อนอารมณ์เอาไว้ในดวงตาของตนเอง
เป็นเวลากี่ปีแล้วที่นางมิได้ยินเสียงของหลี่เสี่ยวหรันผู้เป็นบิดา?
ในขณะนี้ น้ำเสียงที่เกิดจากความกังวลใจของฮูหยินใหญ่เจียงชิได้ดังขึ้น
“จางเล่อเจ้าเป็นอันใดหรือไม่?”
ในขณะเดียวกัน นางได้ดึงร่างของหลี่จางเล่อเข้ามาใกล้ตนเอง
และสำรวจด้วยสายตาอย่างละเอียดตั้งแต่หัวจรดเท้าของบุตรสาว ภายใต้ดวงตาที่ซ่อนความร้อนรน และความกังวลใจ
เพราะเกรงว่า จะมีอันใดผิดปกติเกิดขึ้นกับจางเล่อ
ทันใดนั้น ดวงตาของหลี่จางเล่อแดงขึ้น ทำให้ดูช่างน่าสงสาร และมีอาการหนาวสั่น นางใช้มือดึงชายเสื้อของเจียงชิแล้วกล่าวว่า
“ท่านแม่ ตอนนี้ข้าหนาวมาก”
เจียงชิงจึงถอดเสื้อคลุมของตนเองออก แล้วรีบนำมันมาคลุมร่างผู้ที่เป็นของบุตรสาว จากนั้นจึงจับมือของจางเล่อ และกล่าวว่า
“ไอหยา! มือของเจ้าเย็นมาก เกิดอันใดขึ้นกันแน่?”
นางหันกลับมาพร้อมกับใช้สายตาจ้องมองไปที่หลี่เว่ยหยาง
เมื่อเห็นดังนั้น หลี่เสี่ยวหรันผู้เป็นบิดาจึงขมวดคิ้วขึัน แววตาและน้ำเสียงของเขานั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา
นอกจากนี้ยังมั่นใจในความฉลาดของตนเอง ที่ดูเหมือนจะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์นี้
“เว่ยหยาง? เพิ่งกลับมาได้มิเท่าใดเหตุใดจึงก่อปัญหาให้คนในบ้าน?”
สีหน้าของทุกคนจึงเปลี่ยนไป และพวกเขาต่างก็ใช้สายตาจับจ้องไป ยังเว่ยหยาง
และสายตาเหล่านั้น ทำให้ผู้ถูกมองรู้สึกราวกับว่า ตนเองมิใช่คุณหนูสาม แต่ได้กลายเป็นมนุษย์ต่างดาวไปเสียแล้ว
นางกลับมาบ้านตระกูลหลี่ได้เพียงวันเดียว และในตอนนี้ท่านย่าใหญ่คงมิได้สนใจนางเท่าใดนัก จากนี้ไปจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้อย่างไร?
สีหน้าของหลี่ฉางซีที่แสดงถึงความกังวลใจในตอนเเรก มาถึงตอนนี้ ดูเหมือนว่า จะมีอาการผ่อนคลายมากขึ้น
เมื่อเห็นว่า ทุกคนต่างก็กำลังตั้งเป้าไปที่หลี่เว่ยหยาง
ในทางกลับกัน หลี่ฉางเซี่ยวมีรู้สึกเห็นใจ และสงสารพี่สาม จึงทำท่าจะอ้าปากเพื่อต้องการกล่าวอันใดบางอย่าง
ทันใดนั้น หลี่ฉางซีจึงหยิกไปที่แขนของนางในทันที พร้อมกับขยิบตา เพื่อส่งสัญญาณให้ผู้เป็นพี่สาวหุบปากนั้นลงเดี๋ยวนี้
จากนั้นจึงจ้องมองไปยังชุดที่แสนสกปรกของเว่ยหยาง ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความยินดีในความทุกข์ยากของอีกฝ่าย
เพราะคิดว่า ฮูหยินใหญ่จะต้องลงโทษหลี่เว่ยหยางอย่างแน่นอน
แต่ขณะนั้น หลี่เว่ยหยางกำลังหัวเราะเยาะอยู่ภายในใจ เหตุการณ์ในชาติที่แล้ว ก็เป็นเช่นเดียวกันนี้
ในสายตาของผู้คนเหล่านี้ นางเทียบมิได้เลยกับเศษดินที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขา
ช่างน่าสมเพช ที่ต้องรีบวิ่งเข้าไปในอ้อมแขนของพวกเขา
ราวกับว่าผู้คนเหล่านี้เป็นครอบครัวของตนเองจริง ๆ ! มันช่างน่าขำเสียเหลือเกิน
ขณะที่ต้องเผชิญหน้ากับผู้คนเหล่านี้ ตอนนี้นางมิได้มีความรู้สึกเจ็บปวด และทุกข์ทรมานใจอีกแล้ว มีเพียงความมุ่งมั่นที่ต้องการจะชนะเท่านั้น
เอาเถิด มาถึงจุดนี้แล้ว นางมิต้องเกรงกลัวผู้ใดอีกต่อไป
เมื่อมองไป และรู้สึกราวกับว่าตนเองเป็นเหมือนก้อนหิน และกำลังจะทุบไข่ไก่พวกนี้ให้แตกลงไปต่อหน้าต่อตา!
หลี่เว่ยหยางมองไปยังบิดาพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้า ขณะที่นางค่อย ๆ ก้มศรีษระลง
“ท่านพ่อ วันนี้เป็นวันแรกที่เว่ยหยางกลับมา แต่ก็ได้สร้างปัญหาให้พี่ใหญ่ ข้าขอโทษจริง ๆ นี่เป็นเพราะพี่ใหญ่ตั้งใจที่จะช่วยข้า…”
สายตาของเธอจ้องมองไปยังใบหน้าของจางเล่อ ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยการแสดงความขอบคุณ
“เป็นเรื่องจริง ที่ทุกคนกล่าวว่า พี่ใหญ่เป็นเหมือนนางฟ้า
ข้ากลับมาได้มินาน แต่ได้รับความเมตตาและความห่วงใยจากพี่ใหญ่
เมื่อเทียบกับสิ่งที่ผู้อื่นกล่าวแล้ว นางเป็นผู้ที่มีจิตใจดี และมีเมตตามากกว่านั้นเป็นร้อยเท่า แต่…”
นางเปลี่ยนอารมณ์ในการกล่าวทันที และใช้แววตาที่ไร้เดียงนั้นหันไปที่หลี่ฉางซี
“น้องห้า ก่อนที่จะเดินเหตุใดเจ้ามิดูให้ดีเสียก่อน เป็นเพราะเจ้าประมาท และเดินมาชนข้า
พี่ใหญ่จึงพยายามที่จะช่วยข้า นางจึงกระโดดลงไปในสระน้ำ”
หลี่ชางซีมีความรู้สึกตกใจกลัวเป็นอย่างมาก เพราะคิดว่า ต่อหน้าท่านพ่อ และฮูหยินใหญ่คงจะมิมีผู้ใดกล้าที่จะกล่าวอันใด
จึงรู้สึกประหลาดใจมาก ที่หลี่เว่ยหยางมีลิ้นที่ว่องไว และมีเล่ห์เหลี่ยม อีกทั้งยังกล้าหาญพอที่จะกล่าวปกป้องตนเองออกมา
ทันใดนั้นใบหน้าของฉางซี ได้เปลี่ยนเป็นแดงด้วยความโกรธ ขณะที่รีบกล่าวออกมาเพื่อแก้ตัวด้วยความรวดเร็วว่า
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ฉางซีมิกล้าทำเรื่องเช่นนี้! เห็นได้ชัดว่า หลี่เว่ยหยาง อ่อ..มิใช่ พี่สามล้มลงไปเอง
และด้วยเหตุอันใดมิทราบ นางได้ลากตัวพี่ใหญ่ลงไปพร้อมกับนางด้วย! ทุกคนต่างก็เห็น!”
หลี่เว่ยยางมิได้มีความเกรงกลัวในการแสดงออกของหลี่ฉางซี
แสงแดดยามบ่ายที่อบอุ่นสะท้อนเข้ามายังดวงตาที่สดใสคู่นั้น ซึ่งแสดงออกมาด้วยท่าทีประหลาดใจ
“น้องห้า เจ้ากล่าวเช่นนั้นออกมาได้อย่างไรกัน? ท่านพ่อ หากท่านมิเชื่อคำกล่าวของเว่ยหยาง ก็เอ่ยถามพี่ใหญ่ได้ นางเป็นผู้ที่รู้ดีที่สุดในที่นี้
พี่ใหญ่เป็นผู้ที่มีความยุติธรรม คงมิมีความลำเอียง เพราะคิดว่า ข้าเพิ่งมาอยู่ที่นี่ หรือเพียงเพราะนางสนิทกับน้องห้า ใช่หรือไม่”
หลี่จางเล่อมีอาการสะดุ้งเล็กน้อย เพราะมิเคยคิดเลยว่า หลี่เว่ยหยางจะยกยอตนเองมากมายถึงเพียงนี้
หากนางเห็นแก่ความเอ็นดูที่มีต่อฉางซี ก็จะดูเหมือนว่า นางมีความลำเอียง และเข้าข้างน้องห้า
แม้ว่าท่านพ่อจะเชื่อคำกล่าวของนาง แต่จางเล่อก็ยังคงมีความสงสัยอยู่ภายในใจ