ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 811 รู้ทั้งรู้ว่านางมิชอบ
ตอนที่ 811 รู้ทั้งรู้ว่านางมิชอบ
หรงซิวตวัดตาชำเลืองมองฉู่หลิวเยว่เล็กน้อย
เขาสะบัดแขนเสื้อ พลันด้านนอกค่ายกลของฉู่หลิวเยว่ ก็ปรากฏชั้นแสงห่อหุ้มไว้อีกชั้น
เขายิ้มจางๆ พร้อมกล่าว
“ยามนี้นางกำลังยุ่งอยู่ อย่าเพิ่งรบกวนนางเลยจะดีกว่า”
ตู๋กูโม่เป่าขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม
เห็นได้ชัดว่าหรงซิวจงใจสร้างค่ายกลปิดกั้นพวกเขาจากนาง เพียงเพราะไม่ต้องการให้นังหนูได้ยินพวกเขากำลังคุยกัน
แง่หนึ่งก็เพื่อไม่เป็นการรบกวนนาง แต่อีกแง่หนึ่ง ก็เพราะเขามีบางอย่างที่ไม่ต้องการให้นางรับรู้
นี่เขากำลังคิดอันใดอยู่?
ตู๋กูโม่เป่าตัดบทเข้าประเด็นทันที
“ตอนนี้นางจำพวกข้าไม่ได้ และนางก็ลืมเจ้าไปแล้ว ใช่หรือไม่?”
หลานเซียวและผู้อาวุโสลำดับห้าหันมองคนทั้งคู่
หรงซิวพยักหน้าอย่างใจเย็น
ประเด็นนี้ ชัดเจนว่ามันเห็นๆ กันอยู่
และเมื่อเห็นว่าหรงซิวยอมรับอย่างง่ายดาย ตู๋กูโม่เป่าและคนอื่นๆ ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
หลานเซียวลูบคางของตน
“ขนาดเจ้านางยังลืมเลยหรือนี่… ฮูว ได้ยินเช่นนี้ก็ค่อยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย…”
ตอนแรกเขาเศร้าใจอย่างมาก แต่พอรู้ว่าหรงซิวเองก็ถูกลืมเหมือนกัน เช่นนั้นก็ไม่มีอันใดต้องน้อยอกน้อยใจแล้ว
ผู้อาวุโสลำดับห้าพยักหน้าเห็นด้วย
“ข้าก็ด้วย”
ตู๋กูโม่เป่าทำหน้าถมึงทึงทันควัน
“พวกเจ้าเลิกแข่งกันสักทีได้หรือไม่!? พวกเจ้าจะไปเปรียบเทียบกับเขาเหตุใด!?”
ก็ถูกลืมกันทั้งกลุ่ม ยังมาขยี้กันเองอีกหรือ!?
อีกอย่าง หรงซิวก็คือหรงซิว และพวกเขาก็คือพวกเขา!
สำหรับนังหนูแล้วย่อมไม่มีความแตกต่าง!
แต่อย่างน้อยสำหรับเขา…ให้ลืมหรงซิวหรือ? อย่างใดก็ได้ แต่ถ้าลืมพวกเขาหรือ? นั่นไม่ได้แน่นอน!
ผู้อาวุโสลำดับห้าลูบหว่างคิ้วของตน
การที่พี่เป่าพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก เพราะเขานั่นแหละที่ชอบลืมจุดยืนของตัวเอง
เขามักจะรู้สึกว่า ตัวเองเป็นคนที่สำคัญที่สุดของนังหนู
แต่จริงๆ แล้ว ก็เป็นเพียงแค่หนึ่งใน…
หลานเซียวขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงกับพี่เป่าแล้ว พลันถามต่อว่า
“แล้วนางสูญเสียความทรงจำไปมากน้อยเพียงใดหรือ?”
หากนางลืมไปหลายเรื่อง เช่นนั้นคงวุ่นวายเป็นแน่…
หรงซิวชะงัก
“นอกจากเรื่องของราชวงศ์เทียนลิ่งแล้ว นางก็จำอันใดไม่ได้เลย”
สีหน้าของคนทั้งหมดพลันแข็งค้างราวสติหลุด
“จะ เจ้าพูดว่าอย่างใดนะ!?”
หลานเซียวไม่อยากจะเชื่อ
“ทั้งหมด…ลืมไปทั้งหมดเลยหรือ!?”
หรงซิวยิ้มบางและทอดสายตาไปยังฉู่หลิวเยว่ที่อยู่เยื้องออกไป ดวงตาคมเข้มที่แสนลึกล้ำคู่นั้น ปรากฏร่องรอยความอ่อนโยนฝังลึกอยู่ในจิตใจ
“ไม่หรอก”
“นางยังจำตัวตนของนางได้”
อีกทั้ง นางยังจำได้ ว่านางรักใคร
…
ณ เมืองซีหลิง
จวนตระกูลเจียง
ทั่วทั้งจวนเต็มไปด้วยบรรยากาศอึมครึมและหนักอึ้ง ทุกคนล้วนปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างระมัดระวัง ไม่กล้าพูดอันใดสักคำ เพราะกลัวจะพูดหรือทำอันใดผิดไป แล้วจะทำให้ผู้เป็นนายไม่พอใจ และสร้างความเดือดร้อนให้กับตนเอง
ตอนแรกก็เรื่องคุณชายใหญ่ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นก็เรื่องซย่าโหวถิงอันที่เกิดสำส่อนไปเล่นชู้นอกเรือน ส่งผลให้คุณหนูสี่โกรธแค้นอย่างมาก
เกิดปัญหาขึ้นในตระกูลเจียงทีละอย่าง
ตอนนี้คนทั้งเมืองซีหลิงต่างรู้กันทั้งบางว่า เจียงอวี่จือบุกเข้าไปในหอคอยชุนเฟิง แล้วจับได้ว่าซย่าโหวถิงอันมีสัมพันธ์กับหญิงคณิกาตัวน้อยบนเตียง แถมยังเอะอะโวยวายขู่ว่าจะยกเลิกสัญญาการแต่งงานระหว่างสองฝ่าย
ตระกูลเจียงและตระกูลซย่าโหวล้วนเสียหน้ากันหมด!
คนรับใช้ของจวนตระกูลเจียงต่างหวาดผวา เมื่อจำต้องรับใช้เจียงอวี่จือ
และแน่นอนว่าเจียงอวี่จือเองก็รับรู้ข่าวฉาวนี้
หลังจากที่เจียงอวี่จือกลับมา นางก็พูดเพียงว่าอยากยกเลิกงานสมรสกับซย่าโหวถิงอัน จากนั้นก็ขังตัวเองไว้ในห้อง ทำลายข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่าง แต่ไม่ยอมออกมา
เจียงอวี่เฉิงนั้นรู้นิสัยของน้องสาวตนดี ดังนั้นเขาจึงรอ และให้เวลานางสงบสติอารมณ์หนึ่งวัน ก่อนจะมาหานางในวันถัดไป
เมื่อเขามาถึงเขตพักผ่อนส่วนตัวของเจียงอวี่จือ เขาก็บอกให้คนรับใช้กลับไป และเดินไปเคาะประตูด้วยตัวเอง
“อวี่จือ นี่ข้าเอง”
ภายในห้องไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใดๆ
เจียงอวี่เฉิงรออยู่พักหนึ่ง แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง
“พี่ชายรู้ว่าเจ้ากำลังเสียใจ และครั้งนี้พี่มาช่วยให้เจ้าได้ปลดทุกข์ เจ้าไม่อยากให้พี่เข้าไปจริงๆ หรือ?”
หลังจากพูดจบ เจียงอวี่เฉิงก็รออย่างอดทน
แน่นอนว่าหลังจากนั้นไม่นาน เจียงอวี่จือก็ลุกมาเปิดประตู
ผ่านไปแค่วันเดียว ดูเหมือนนางจะซีดเซียวไร้ชีวิตชีวาลงไปมาก
ไหนจะผมเผ้ายุ่งเหยิง ดวงตาบวมแดง ไร้ซึ่งประกายความสดใส
หมดคราบคุณหนูจอมเอาแต่ใจคนเดิมเสียแล้วหรือ?
เมื่อเห็นน้องสาวของตนเศร้าโศกอย่างมาก เจียงอวี่เฉิงก็พลอยทุกข์ไปด้วย
“อวี่จือ…”
“พี่ใหญ่จะช่วยข้าเช่นไรหรือ?”
เจียงอวี่จือมองเขาตาเขม็ง แววตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธและความเกลียดชัง
“พวกเราเข้าไปคุยข้างในเถอะ”
เจียงอวี่เฉิงสาวเท้าเข้าไปข้างใน
เจียงอวี่จือไม่ได้หยุดเขา แต่หันหลังกลับและเดินเข้าไปข้างในเช่นกัน
หลังจากปิดประตู เจียงอวี่เฉิงก็มองเห็นความยุ่งเหยิงภายในห้อง ซึ่งแทบจะไม่มีที่ให้วางเท้า
เขาขมวดคิ้วพัลวัน
เขารู้ว่าน้องสาวตัวเองชอบพอในตัวซย่าโหวถิงอันมาก
ถึงขั้นที่ว่าปกตินางจะเอาแต่ใจ แต่พอเป็นซย่าโหวถิงอัน นางถึงกลับยอมวางตัวดีและสงบปากสงบคำ
มิฉะนั้น เขาคงจะไม่ตกลงหารือเรื่องงานสมรสครั้งนี้
แต่ท้ายที่สุด ซย่าโหวถิงอันก็ไม่ใช่บุตรที่ประเสริฐที่สุดของตระกูลซย่าโหว
“อวี่จือ ครั้งนี้ซย่าโหวถิงอันทำผิดต่อเจ้า ไม่ต้องกังวล พี่ชายจะไม่ปล่อยให้เจ้าต้องทุกข์ใจอยู่ฝ่ายเดียวแน่นอน”
เสียงของเจียงอวี่เฉิงยังสงบนิ่งเช่นเคย แต่กลับแฝงไปด้วยจิตสังหาร
“เขากล้าทำให้เจ้าผิดหวังเช่นนี้ แสดงว่าเขากล้าที่จะรับผลที่ตามมา”
เจียงอวี่จือตกตะลึง
“พี่ชายจะทำอันใดหรือ?”
เจียงอวี่เฉิงลูบผมของนางเบาๆ
“เดิมทีข้าหมายตาคุณชายสามของตระกูลซย่าโหว เขาเหนือกว่าซย่าโหวถิงอันในทุกด้าน แต่เพราะเจ้าชอบซย่าโหวถิงอันมาก ข้าถึงเลือกเขา ในเมืองซีหลิงแห่งนี้ ใครก็ตามได้แต่งงานกับเจ้า ย่อมเปรียบเสมือนได้พรจากสรวงสวรรค์ หากซย่าโหวถิงอันไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี เช่นนั้นงานสมรสก็ควรถูกยกเลิก!”
เมื่อเห็นว่าเจียงอวี่จือเหมือนจะลังเล เขาก็คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า
“ถ้าเจ้าไม่เห็นด้วย ข้าก็จักไว้ชีวิตเขา และเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นคนพิการไร้ประโยชน์แทน”
เจียงอวี่จือคว้าแขนเสื้อของเขาไว้ทันที
“ไม่… ไม่ได้นะ… พี่ชาย วันนั้นข้าแค่พูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว…”
เจียงอวี่เฉิงขมวดคิ้วแน่น
“เขาทำกับเจ้าเช่นนี้ เจ้ายังไม่ตัดใจอีกหรือ? นี่เจ้าอยากแต่งงานกับเขาขนาดนั้นเลยหรือไร!?”
เจียงอวี่จือร้องไห้ออกมาอย่างสิ้นหวังและเจ็บปวด
“พี่ใหญ่ ข้าเองก็ไม่ต้องการแบบนี้…แต่…แต่…ข้า…ข้าแค่ทนไม่ได้…”
นางเสียใจที่ตอนนั้น นางพูดแบบนั้นออกไป แต่ทุกครั้งที่นางนึกถึงภาพของชายรักร่วมเตียงกับสตรีอื่น ในใจก็พลันรู้สึกอึดอัดขึ้นมาอีกครั้ง
หลายปีที่ผ่านมา มีเพียงนางที่ชอบพอซย่าโหวถิงอันอยู่ฝ่ายเดียว
ถ้ามิได้หวั่นไหวไปแล้วทั้งใจ นางคงไม่รู้สึกเศร้าขนาดนี้!
เจียงอวี่เฉิงพูดอย่างเย็นชา
“ไม่มีแต่! เขาไม่คู่ควรกับความรู้สึกของเจ้า!”
เขาสามารถใช้โอกาสนี้ ยึดโอสถเก้าสวรรค์ฟื้นคืนกลับมาได้ แต่เขาต้องเปลี่ยนตัวเจ้าบ่าว!
เจียงอวี่จือสะอึกสะอื้น
“แต่… ความรู้สึกมันเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ที่ไหนกัน? แม้แต่พี่ใหญ่เองก็เหมือนกัน รู้ทั้งรู้ว่าองค์หญิงใหญ่มิชอบเจ้า แต่เจ้าก็ยังหมั้นหมายกับนางมิใช่หรือ!?”