ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 350 ความลับ [รีไรท์]
ตอนที่ 350 ความลับ [รีไรท์]
นางไล่อ่านตั้งแต่ต้นอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ ก่อนจะพบว่านางคิดถูก
นิภาปลายนิ้วเล่มนี้ละเอียดกว่านิภาปลายนิ้วเล่มอื่น ที่นางเคยอ่านมาแล้วหลายเท่า!
เริ่มต้นมันยังไม่ชัดเจนนัก แต่ยิ่งอ่านไปเรื่อยๆ ความรู้สึกเหล่านั้นก็จะยิ่งเข้มข้นขึ้นอีก
เมื่ออ่านมาถึงกลางเล่ม ฉู่หลิวเยว่ก็สามารถจินตนาการได้เลยว่า หากฝึกฝนสำเร็จแล้ว นิภาปลายนิ้วนี่จะมีพลังที่น่าตกใจเพียงใด!
หัวใจของนางเต้นรัวอย่างควบคุมไม่ได้ เลือดในกายร้อนระอุราวหม้อน้ำเดือด!
หากการคาดเดาของนางถูกต้อง นิภาปลายนิ้วเล่มนี้ สามารถพัฒนาศักยภาพไปถึงระดับตี้ขั้นสูงได้แน่นอน
แม้แต่ในราชวงศ์เทียนลิ่ง ยังหาจอมยุทธระดับตี้ขั้นสูงได้ยากเลย
ฉู่หลิวเยว่คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าศิลปะการต่อขั้นสูงเช่นนี้ จะถูกซ่อนไว้ในหอสมุดอันต่ำต้อยของสำนักไท่เหยียนแห่งนี้!
หลังจากตื่นเต้นอยู่ครู่หนึ่ง คำถามอื่นๆ ก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นในความคิดของฉู่หลิวเยว่
นิภาปลายนิ้วนี้มีพลังที่น่าเกรงขามเทียบได้กับศิลปะการต่อสู้ระดับตี้ขั้นสูง ทว่าเหตุใดจึงถูกตัดสินให้เป็นศิลปะการต่อสู้ระดับตี้ขั้นต้นกันละ?
ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนผู้คนในสำนักไท่เหยียนจะไม่รู้เรื่องระดับที่แท้จริงของตำราเล่มนี้ ไม่เช่นนั้น มันคงจะไม่ถูกวางไว้บนชั้นสองอย่างลวกๆ เช่นนี้หรอก
ฉู่หลิวเยว่เก็บความสงสัยไว้ในใจ พลันหันกลับไปอ่านต่อ
เมื่ออ่านไปได้สองในสามของเล่ม ในที่สุดนางก็นึกบางอย่างออก
เหมือนว่าตำราศิลปะการต่อสู้เล่มนี้ยังขาดสิ่งใดไปอยู่?
แน่นอนว่าหากมองภายนอกจะเห็นว่าตำราเล่มนี้ยังอยู่ดีไม่บุบสลายหรือเสียหายแต่อย่างใด และเนื้อหาภายในก็มีความสอดคล้องกันมาก หากไม่พิจารณาให้ดี จะไม่พบปัญหาใดใดเลย
แต่ฉู่หลิวเยว่คือคนที่ผ่านการฝึกศิลปะการต่อสู้ระดับตี้มาแล้ว ใช้เวลาไม่นาน นางจึงพบว่าตำรานิภาปลายนิ้วเล่มนี้ยังไม่สมบูรณ์
นางขมวดคิ้วแล้วอ่านต่อไปเรื่อยๆ
เมื่อนางอ่านหนังสือเล่มนี้จบ ในที่สุดนางก็ยืนยันการคาดเดาในใจได้ และรู้แล้วว่าเหตุใดตำราเล่มนี้จึงจัดอยู่ในระดับตี้ขั้นต้น
เพราะทักษะนิภาปลายนิ้วจากตำราเล่มนี้เป็นศิลปะการต่อสู้ที่ไม่สมบูรณ์!
หากมีคนฝึกฝนตามตำราข้างต้น พวกเขาจะสามารถฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ระดับตี้ได้ แต่พลังที่พวกเขาปล่อยออกมานั้น จะลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับศักยภาพดั้งเดิมของพวกเขา
แต่ถ้าสามารถหาส่วนที่ขาดหายไปของนิภาปลายนิ้วเล่มนี้และเสริมให้สมบูรณ์ได้ มันจะสามารถปรับปรุงทักษะของผู้ใช้ขึ้นได้หลายระดับในเวลาที่รวดเร็ว!
แม้ว่าทักษะการต่อสู้ของระดับตี้ขั้นต้นจะล้ำค่า แต่ก็ไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึง เมื่อเทียบกับระดับตี้ขั้นสูง!
ตอนนี้มีโอกาสได้ไต่ระดับสู่ระดับตี้ขั้นสูงแล้ว และฉู่หลิวเยว่จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด!
นางจ้องมองนิภาปลายนิ้วเล่มนี้อีกครั้ง และจดจำมันไว้ในสมองให้ได้มากที่สุด จากนั้นจึงลุกขึ้นค้นหาต่อไป โดยหวังว่าจะพบสิ่งอื่นที่เกี่ยวข้องกับนิภาปลายนิ้วอีก
…
ด้านนอกหอสมุด
ตกกลางคืน ท้องฟ้าก็มืดสนิท
เฉิงหันที่เดินทางมาไกล เห็นเพียงความมืดมิดที่อยู่โดยรอบ เว้นเสียแต่แสงเทียนบนชั้นสองของหอสมุด ที่ส่องไสวชัดเจนเป็นพิเศษ
หัวใจของเขาพลันเจ็บแปร๊บราวกับถูกบางสิ่งกระแทกอย่างแรง!
จากนั้นเขาก็เร่งฝีเท้าและรีบวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อชายสองคนที่เฝ้ายามหน้าหอสมุดเห็นเฉิงหัน พวกเขาก็คำนับด้วยความจริงใจระคนหวาดกลัวกันพัลวัน
“คารวะ ท่านจ้าวสำนัก!”
เฉิงหันไม่สนใจพวกเขาสักนิด พลันตวัดสายตามองแผ่นศิลาอย่างเอาเป็นเอาตาย
ก่อนจะเห็นแผ่นศิลาที่เดิมทีเรียบเนียนไร้รอยขีดขวด ปรากฏจุดดาวจำนวนมากขึ้นเต็มไปหมด!
แถมยังมีจุดดวงดวงใหญ่กว่าใครเพื่อนส่องสว่างอยู่บนนั้นด้วย!
มันใหญ่และสว่างขนาดที่ว่า พอเอาดวงอื่นๆ มารวมกันแล้ว ยังไม่สุกสกาวเท่าดวงนี้เลย!
ดวงตาของเขามืดลง พลันเซถอยหลังไปทีละนิด แล้วหงายหลังล้มลงกับพื้น
“ท่านจ้าวสำนัก? ท่านเป็นอันใดหรือไม่?”
เมื่อทั้งสองเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเฉิงหัน พวกเขาจึงถามอย่างระมัดระวัง
เฉิงหันถึงกับกุมหน้าผากแน่น พลางก้มศีรษะลงและเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะระงับอารมณ์ในใจและทำให้ตัวเองสงบลง
เขาหันกลับมา พร้อมซ่อนความตื่นตระหนกในดวงตาไว้อย่างแนบเนียน
“ตอนนี้นางอ่านไปเยอะแค่ไหนแล้ว?”
“ท่านจ้าวสำนักโปรดวางใจ ตั้งแต่ฉู่หลิวเยว่เข้าไป ข้าได้จดบันทึกรายชื่อตำราที่นางอ่านทุกเล่มไว้ในสมุดเล่มเล็กสองเล่มนี้แล้ว เชิญท่านพิจารณาได้เลยขอรับ”
หนึ่งในนั้นรีบส่งสมุดเล่มเล็กให้เขาอย่างไว
เฉิงหันรับสมุดสองเล่มมาพิจารณา
เห็นได้ชัดว่า เล่มหนึ่งเป็นสถิติของตำราปกติ และอีกอันเป็นบันทึกพิเศษของศิลปะการต่อสู้ระดับตี้
เขาอ่านรายชื่อในสมุดทั้งสองเล่มอย่างรวดเร็ว
อันที่จริง ตอนนี้เขาไม่สนใจบันทึกของตำราระดับปกติแล้ว
ถึงเล่มแรกจะถูกเขียนจนเกือบหมดเล่มแล้ว แต่ก็สู้เล่มสองที่มีเพียงบรรทัดเดียวไม่ได้ และนั่นทำให้เขาตกใจอย่างมาก!
ใบหน้าของเขาแข็งทื่อราวกับสวมหน้ากากแข็งๆ แม้ว่าจะไม่มีการแสดงออก แต่ก็ยังดูผิดธรรมชาติอย่างอธิบายไม่ถูกและดูเย็นชาจนน่าขนลุก
“จ้าวสำนักขอรับ ตอนแรกฉู่หลิวเยว่ค้นหาเร็วมาก แต่พอนางเจอตำราศิลปะการต่อสู้ระดับตี้แล้ว นางก็เงียบไปเลยขอรับ…”
ชายอีกคนเหลือบมองเฉิงหันอย่างรวดเร็ว และพยายามทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย
ทว่าพริบตา เขาก็เห็นสีหน้าที่น่าเกลียดของเฉิงหัน
“หุบปาก!”
เฉิงหันตวาดอย่างเกรี้ยวกราดพลันโยนสมุดบันทึกเล่มนั้นใส่หน้าคนพูดเมื่อครู่!
ชายคนนั้นตกใจกลัวและคุกเข่ายอมรับความผิดพลาดของเขาในทันที
“ขออภัยท่านจ้าวสำนัก! ขออภัยท่านจ้าวสำนัก!”
เมื่อเห็นเช่นนั้น ชายอีกคนก็รู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งใจ และรีบคุกเข่าลง
เขาไม่เคยเห็นจ้าวสำนักโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนี้มาก่อนเลย…
ดูเหมือนว่าท่านจ้าวสำนักจะใส่อารมณ์กับเรื่องนี้อย่างมาก?
ขณะเดียวกัน ในที่สุดผู้อาวุโสมั่วชังก็ตามมาทัน
เขาปราดมองไปที่ชายเฝ้าห้องหอสมุดสองคนที่กำลังคุกเข่าลงบนพื้นเพื่อขอความเมตตา พลันหยุดฝีเท้าลง
แม้ว่าเฉิงหันจะหันหลังให้เขาอยู่ แต่เขาก็สามารถเดาสีหน้าของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
ขณะที่กำลังลังเลว่าจะพูดอันใดออกไปดี จู่ๆ ก็มีตัวอักษรปรากฏขึ้นบนแผ่นศิลาอีกครั้ง
“ไร้มวลสาร ระดับซวนขั้นกลาง”
ฉู่หลิวเยว่เอาอีกแล้วรึ!?
เขารีบพูดทันที
“มัวทำบ้าอันใดอยู่? ยังไม่รีบจดอีก!”
เมื่อได้ยินเสียงนั้น ชายที่คุกเข่าอยู่บนพื้นต่างตกใจ พลันเงยหน้าขึ้นมองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเห็นถ้อยคำบนแผ่นศิลา!
พวกเขาหน้าซีดเผือด
ฉู่หลิวเยว่เปิดผนึกตำราระดับตี้ไปหนึ่งเล่มแล้วมิใช่หรือ เหตุใดจึงเปิดเล่มอื่นต่ออีกเล่า!
เฉิงหันที่สังเกตเห็น รีบก้าวเท้าฉับๆ เข้าไปดูทันควัน
เมื่อเห็นว่าสิ่งที่ปรากฏบนนั้นเป็นเพียงตำราระดับซวน หัวใจที่ห้อยเคว้งคว้างอยู่ ก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
ผู้อาวุโสมั่วชังก้าวไปด้านหน้า พอเห็นว่าการแสดงออกของเขาไม่ได้เครียดนัก จึงเกลี้ยกล่อมด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ศิลปะการต่อสู้ระดับตี้นั้นคลุมเครือและเข้าใจยาก ตามขอบเขตและความแข็งแกร่งในปัจจุบันของฉู่หลิวเยว่ มันยากที่นางจะอ่านและเข้าใจเนื้อหาทั้งหมด และดูเหมือนว่านางจะยอมแพ้แล้ว”
เฉิงหันขมวดคิ้วมุ่น
“ข้าเองก็หวังเช่นนั้น…”
ทว่าวินาทีต่อมา จู่ๆ เขาก็นึกอันใดบางอย่างขึ้นได้ พลันเบิกตากว้างแล้วตวัดตามองชั้นสอง!
ถ้าฉู่หลิวเยว่ไม่หยุดแค่นี้ล่ะ!?
และราวกับการคาดเดานั้นได้รับการยืนยัน เพราะไม่นานตัวอักษรก็ปรากฏขึ้นบนแผ่นศิลาอีกครั้ง
มันเป็นตำราระดับซวน
ดวงดาวบนแผ่นศิลายังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ!
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ฉู่หลิวเยว่ยังคงมองหาบางสิ่งบางอย่าง!
ก้อนพลังแห่งความกลัวขนาดใหญ่ขยายตัวขึ้นในใจของเฉิงหัน
ไม่แน่ว่า ฉู่หลิวเยว่อาจค้นพบความลับที่ซ่อนอยู่ในหอสมุดแห่งนี้ก็เป็นได้!?