ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1650 เด็กหญิงที่ปลอมตัวมา
ตอนที่ 1650 เด็กหญิงที่ปลอมตัวมา
……….
เขารู้สึกกระวนกระวายใจอย่างมาก เลือดลมภายในพลุ่งพล่าน ทันทีที่สิ้นเสียงคำพูดนั้น เขาก็กระอักเลือดออกมาในทันที!
“พี่ใหญ่!”
หนานอีอีรีบถอนสายตากลับมา เมื่อเห็นว่าพี่ใหญ่ของตนเองนั้นมีใบหน้าซีดเซียวมากยิ่งขึ้น และมุมปากยังมีคราบเลือดสีแดง หัวใจของนางก็รู้สึกปั่นป่วนมากยิ่งขึ้น
“เป็นความผิดของข้าเอง!”
หนานอีอีพูดขึ้น น้ำตาไหลรินอีกครั้ง นางกัดริมฝีปากกรอด ระหว่างริมฝีปากและฟันมีกลิ่นคาวเลือดปรากฏขึ้น
ถ้านางไม่เอาแต่ใจตัวเองเช่นนั้น พี่ใหญ่ก็คงไม่…
“คุณชายใหญ่ ร่างกายของท่านอ่อนแอเป็นอย่างมาก การแก้แค้นไม่ใช่เรื่องรีบร้อน รอให้ท่านหายดีเสียก่อน พวกเราค่อยกลับมาฆ่าเขาอีกครั้งก็ยังไม่สาย”
สีหน้าของผู้อาวุโสอูเผิงไร้อารมณ์ แต่รอบกายปกคลุมด้วยจิตสังหารเข้มข้น
หนานอวี่สิงค่อยๆ เช็ดคราบเลือดที่มุมปากของตนเอง หลังจากจ้องเงาร่างทั้งสองอยู่นาน ในที่สุดเขาก็พูดขึ้นมาอย่างเคียดแค้นว่า
“ได้! ข้าจะให้พวกมันได้มีชีวิตต่อไปอีกสักหน่อย!”
ไม่ว่าอย่างใดก็ตามตอนนี้พวกเขาก็อยู่ที่สุสานสังหารเทพแล้ว ไม่ว่าอย่างใดก็ตามทั้งสองคนนั้นไม่มีทางหนีจากการควบคุมของพวกเขาไปได้!
ผู้อาวุโสไป๋ถงและหนานอีอีพยุงเขาให้ไปพักผ่อนที่ด้านข้าง อีกทั้งหยิบโอสถออกมาอีกหนึ่งเม็ด แล้วป้อนให้เขาทาน
“นี่คือโอสถหยกบริสุทธิ์เม็ดสุดท้าย หลังจากทานลงไปแล้ว ข้ากับอูเผิงจะโคจรพลังร่วมกัน เพื่อกำจัดสารพิษที่ตกค้าง และทำให้ร่างกายของท่านฟื้นคืนห้าหกส่วน”
ผู้อาวุโสไป๋ถงพูดขึ้น กลางฝ่ามือของเขามีเปลวเพลิงสีส้มปรากฏขึ้นมา!
ตู้ม!
อุณหภูมิความร้อนระอุแผ่กระจายไปทั่วร่างกายของเขาในทันที!
หนานอวี่สิงส่งเสียงคร่ำครวญออกมาหนึ่งเสียง เดิมทีใบหน้าของเขาไร้สี ทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที!
ในขณะเดียวกันผู้อาวุโสอูเผิงก็เดินไปที่ด้านข้างของเขา ในมือมีเข็มเงินเพิ่มขึ้นมาอีกสองเล่ม
“คุณชายใหญ่อดทนเอาไว้หน่อยนะขอรับ”
ในขณะที่พูดเขาก็เอาเข็มเงินสองเล่มนั้นแทงเข้าไปในนิ้วชี้ทั้งสองข้างของหนานอวี่สิงด้วยความรวดเร็ว!
หลังจากนั้นไม่นาน เลือดสีดำแดงก็ไหลทะลักออกมาจากนิ้วทั้งสองข้างของเขา ไหลมาตามเข็มเงินเล่มนั้น
หนานอวี่สิงหลับตาแน่น ครู่หนึ่งร่างกายก็เย็นยะเยือก อีกครู่หนึ่งร่างกายก็ร้อนผ่าว ทรมานเสียจนทำให้ร่างทั้งร่างของเขาสั่นสะท้าน
หนานอีอีที่ยืนมองอยู่ด้านข้างก็ส่งเสียงสะอึกสะอื้น
เมื่อเห็นว่าพี่ใหญ่มีท่าทางเจ็บปวด นางก็หันกลับไปมองอย่างอดไม่ได้ แววตาแดงก่ำเต็มไปด้วยความโกรธแค้น!
แค้นนี้… นางจะต้องสะสางให้ได้!
…
เดิมทีหรงซิวกำลังมองฉู่หลิวเยว่บำเพ็ญเพียรอยู่ แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงดังกระทบเข้าที่โสตประสาทของเขา
เขาเหลือบสายตาหันกลับไปมองด้วยความราบเรียบ
อ่า ที่แท้ก็เป็นพวกเขานั่นเอง…
เหมือนกับวิญญาณร้ายตามติดไม่ห่าง
ในดวงตาของหรงซิวมีจิตสังหารปรากฏขึ้นมา จากนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว
ในตอนนั้น เขาถอนสายตากลับมาแล้วหันกลับไปมองที่ฉู่หลิวเยว่อีกครั้ง
เมื่อเขาสะบัดแขนเสื้อขึ้น ลำแสงสีทองพุ่งผ่านออกไปอย่างรวดเร็ว!
ลำแสงสีทองนั้นบางเป็นอย่างมาก มันถูกซ่อนเอาไว้อยู่บนพื้น หากไม่สังเกตดีๆ ก็จะมองไม่เห็น
…
หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม ในที่สุดเลือดที่ไหลออกจากมือของหนานอวี่สิงก็เปลี่ยนจากสีดำเป็นสีแดงแล้ว
แต่ในตอนนี้เข็มเงินทั้งสองเล่มนั้นกลายเป็นสีดำทั้งแท่งไปแล้ว
ผู้อาวุโสอูเผิงดึงเข็มเงินออก พลังปราณดั้งเดิมบริเวณฝ่ามือพวยพุ่งออกมา เข็มเงินที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง กลายเป็นผุยผงในทันที
ในที่สุดผู้อาวุโสไป๋ถงก็ละมือออกจากแผ่นหลังของหนานอวี่สิง แล้วถอนหายใจออกมายาวๆ
“เอาล่ะ พิษที่อยู่ในร่างกายของคุณชายใหญ่ นับว่าถูกกำจัดหมดจดแล้ว หลังจากนี้ขอเพียงดูแลตนเองให้ดีๆ ภายในสิบวัน จะสามารถฟื้นตัวขึ้นได้แน่นอน”
ร่างกายของหนานอวี่สิงเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เพราะว่าความเจ็บปวดที่เขาได้รับ ทำให้เขายิ่งดูจนตรอกมากกว่าเดิม
“…สิบวัน…”
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสไป๋ถง เขาก็หลุบสายตาลงต่ำ แล้วค่อยๆ กำหมัดขึ้น
ตั้งแต่ที่เขาทะลวงด่านผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูง เขายังไม่เคยบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้มาก่อนเลย!
ทว่าครั้งนี้คาดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคนที่ไม่ทราบแม้แต่ชื่อและฐานะกลั่นแกล้ง!
ความรู้สึกนี้เขาจะกล้ำกลืนลงไปได้อย่างใด?
ผู้อาวุโสไป๋ถงติดตามเขามาเป็นเวลานาน จะไม่รู้ได้อย่างใดว่าเขากำลังคิดอันใดอยู่ ริมฝีปากของเขาขยับขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นก็พูดขึ้นว่า
“ความจริงแล้วใบไม้สีชาดในป่าวิญญาณสีชาดนั้นมีพิษร้ายแรง โชคดีที่คุณชายใหญ่อาบโอสถอยู่เป็นประจำ จึงสามารถยืนหยัดได้ถึงตอนนี้ หากเป็นคนธรรมดาทั่วไปแล้วละก็… เกรงว่ายากจะมีชีวิตต่อไปได้”
หนานอวี่สิงได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้รู้สึกดีใจอันใดขึ้นมาเลย
สำหรับเขาแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะฉู่หลิวเยว่และหรงซิว เขาก็สามารถออกจากป่าวิญญาณสีชาดได้อย่างปลอดภัยตั้งนานแล้ว จะมาได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ได้อย่างใด?
พวกเขาลืมไปทั้งหมดแล้วว่า เป็นพวกเขาเองที่หาเรื่องคนอื่นก่อน
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านภายในใจ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน และมองตรงไปด้านหน้า
ทันใดนั้นเองเขาก็ขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม
“เหตุใดพวกเขาถึงมีกันแค่สองคนล่ะ? ก่อนหน้านี้ยังมีผู้ชายอีกคนหนึ่งอยู่ด้วยไม่ใช่หรือ? จริงสิ แล้วก็เด็กน้อยคนนั้น…”
คำพูดประโยคสุดท้าย เขาพูดขึ้นพร้อมกัดฟันกรอด
เมื่อเขาพูดเช่นนี้ ผู้อาวุโสไป๋ถงและคนอื่นๆ ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ
“ใช่แล้ว หรือว่านางจะไปแอบอยู่?”
ผู้อาวุโสอูเผิงจ้องไปทางนั้น พร้อมกับส่ายหน้า
“ในระแวกนี้มีเพียงพวกเขาสองคนจริงๆ”
“พวกเขาพลัดหลงกันหรือ? หรือว่า…” ภายในสมองของหนานอวี่สิงมีการคาดเดาจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมา จากนั้นเขาก็หัวเราะเสียงเย็น “ไม่ว่าจะเป็นอย่างใดก็ตาม ก็สมน้ำหน้าพวกเขาแล้ว!”
คนน้อยย่อมพ่ายแพ้คนหมู่มาก ในสถานการณ์นี้การที่จะจัดการกับคนทั้งสองคนนั้นเป็นเรื่องง่ายอย่างยิ่ง!
ทุกพื้นที่ของสุสานสังหารเทพเป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะพลัดหลงหรือเกิดอุบัติเหตุก็เป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง
คนเหล่านี้ไม่รู้จักประเมินความสามารถตนเองแล้วจะไปโทษใครได้เล่า?
ตอนที่เขากำลังจะสาวเท้าก้าวเข้าไป เขาก็ถูกผู้อาวุโสอูเผิงขวางทางเอาไว้
“คุณชายใหญ่ พวกเรารออีกสักประเดี๋ยวเถอะ”
หนานอวี่สิงขมวดคิ้วขึ้น
“ยังจะต้องรออันใดอีก?”
ทั้งสองคนนั้นก็อยู่ตรงหน้าแล้ว เดินเข้าไปสังหารก็สิ้นเรื่อง ไม่มีอันใดง่ายดายไปกว่านี้แล้ว!
ยังจะต้องลังเลหรือรออันใดอีก?
ผู้อาวุโสอูเผิงเหลือบสายตามองเขา
“หรือท่านลืมแล้วว่าที่นี่คือที่ใด?”
หนานอวี่สิงหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
ใช่แล้ว ที่นี่คือสุสานกลุ่มของผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์!
หากคนธรรมดาต้องการเข้ามาที่นี่จะเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างมาก
ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ หากต้องการมาถึงที่นี่ในระยะเวลาสั้นๆ ก็ไม่มีทางทำได้เลย
แล้วทั้งสองคนนี้ล่ะ?
ประเด็นสำคัญเลยก็คือ เหมือนว่าทั้งสองคนนี้จะไม่ได้รับบาดเจ็บอันใดเลย
“หรือว่า… พวกเขาก็มีวิธีที่สามารถเดินทางมาที่นี่ได้โดยตรง? หรือว่าพวกเขาก็เดินทางมาที่นี่เพื่อตามหาของสิ่งนั้นด้วยเหมือนกัน!”
หนานอวี่สิงหน้าเปลี่ยนสีไปอีกครั้ง
ผู้อาวุโสอูเผิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“เรื่องนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ แต่ว่า… สิ่งที่สามารถมั่นใจได้เลยคือ พวกเขาก็มีความสามารถไม่น้อยเช่นกัน หรือเขาอาจจะพกของวิเศษมา”
ไม่อย่างนั้นแล้วละก็ เดิมทีพวกเขาไม่สามารถเดินทางมาที่นี่ได้อย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนแน่นอน
“แล้วอีกอย่าง ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้น ผู้เฒ่าอย่างข้าก็ยังหาต้นสายปลายเหตุไม่ได้”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ คิ้วของผู้อาวุโสอูเผิงก็ขมวดคิ้วแน่นเป็นปม
คำถามนี้กวนใจเขามาเป็นเวลานานแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้
เด็กผู้หญิงคนนั้นอายุประมาณสามสี่ขวบ แต่มีพลังในการต่อสู้ที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง
ไม่ต้องโคจรพลังปราณดั้งเดิม ยิ่งไปกว่านั้นโจมตีเพียงหมัดเดียวก็สามารถกระแทกจนหนานอวี่สิงปลิวกระเด็นออกไปได้
อีกทั้งประเด็นสำคัญที่สุด ก่อนหน้านี้เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่เคยได้แสดงตัวมาก่อน แต่ตอนที่คุณชายใหญ่กำลังจะสังหารแม่นางคนนั้น นางก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน
นี่จึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกประหลาดอย่างมาก
หนานอวี่สิงกัดฟันกรอด
“เด็กผู้หญิงคนนั้น… จะต้องปลอมตัวมาอย่างแน่นอน!”
ในตอนนี้เขายังสามารถจดจำรสชาติของหมัดนั้นได้อย่างชัดเจน!