ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1648 ผืนฟ้าก็แค่กำแพงกั้น
ตอนที่ 1648 ผืนฟ้าก็แค่กำแพงกั้น
……….
ทิวทัศน์แห่งนี้ ก็ไม่ได้ต่างจากที่พวกเขาเคยเห็นมากนัก
แม้กระทั่งลมปราณที่อยู่โดยรอบก็มีความเย็นชาและโดดเดี่ยวขึ้นมาเช่นกัน
แต่…
ฉู่หลิวเยว่สามารถสัมผัสได้จริงๆ ว่า ที่แห่งนี้แตกต่างจากสุสานกลุ่มของผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูง!
หรงซิวหรี่ตาลงเล็กน้อย
“เจ้าแน่ใจหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเบาๆ
หรงซิวกวาดสายตามองรอบด้าน สีหน้ายังคงเมินเฉยเช่นเดิม เขาเลิกคิ้วขึ้นแล้วหัวเราะเบาๆ
“ต่อให้ที่แห่งนี้จะเป็นสุสานกลุ่มของผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์จริงๆ แต่ดูเหมือนว่าในตอนนี้มันไม่น่าจะมีอันใดเกิดขึ้น ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวล”
ขณะที่พูดเช่นนั้น เขาก็ค้นหาสถานที่ที่สะอาดและเรียบร้อยบริเวณด้านข้าง
“อีกไม่กี่ชั่วยามก็จะถึงเวลานัดหมายแล้ว หากพวกเขาต้องการพบพวกเรา พวกเราก็รออยู่ที่นี่ก็พอแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปากขึ้น ในแววตายังมีความกังวลแฝงอยู่หลายส่วน
นางรู้ว่าสิ่งที่หรงซิวพูดนั้นถูกต้อง
อีกฝ่ายต้องการตามหาไข่มุกธาราในร่างกายของนาง และท่านพ่อก็คือตัวประกันของพวกเขา
ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะเผชิญหน้ากัน เขาจะไม่ทำอันใดท่านพ่อแน่นอน
แต่…
ภายในใจของนางก็ยังมีความกังวลอยู่
ในแคว้นเย่าเฉิน ท่านพ่อนับว่าเป็นผู้แข็งแกร่งและอัจฉริยะชั้นยอด
แต่ด้วยระดับและฝีมือเช่นนั้น หลังจากออกมาจากแคว้นเย่าเฉินแล้วก็นับว่าไม่ได้โดดเด่นอันใด
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ที่อาณาจักรเสิ่นซวี่!
ตั้งแต่ท่านพ่อถูกลักพาตัวไป จนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลานานมากแล้ว
ฉู่หลิวเยว่รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ แต่… ไม่กล้าคิดเลยว่าระหว่างนี้เขาจะเผชิญความทุกข์ทรมานมากมายเพียงใด
จนถึงตอนนี้นางได้พลังของตนเองกลับคืนมาแล้ว และสามารถสู้กับอีกฝ่ายได้อย่างสูสีแน่นอน!
แต่เวลายิ่งใกล้มากเท่าไร นางก็ยิ่งรู้สึกกังวลมากขึ้นเท่านั้น
และยังมีองค์ปฐมกษัตริย์…
ไม่รู้ว่าเขาถูกมิติที่ปั่นป่วนนั้นพัดพาไปอยู่ที่ใด
หรงซิวเดินเข้ามาแล้วลูบศีรษะนางเบาๆ ก่อนจะกดจูบลงบนหน้าผากของนาง
“หากนอนไม่หลับละก็ ข้าจะเล่นหมากรุกกับเจ้าเอง”
หัวใจของฉู่หลิวเยว่กระตุกวูบ
เมื่อครั้งอดีต ตอนที่นางรู้สึกอารมณ์ไม่ดีหรือไม่สบายใจ ขอเพียงแค่ได้เล่นหมากรุกกับหรงซิว โดยพื้นฐานแล้วนางก็จะรู้สึกดีขึ้นมา
ตั้งแต่นางได้รับความทรงจำกลับคืนมา ความจริงแล้วพวกเขาทั้งสองคนก็ยังไม่เคยเล่นด้วยกันเลยสักครั้งเลย
นางชะงักไปเล็กน้อยและพยักหน้าเบาๆ
“ได้”
…
พรึ่บ!
ทั้งสองคนเผชิญหน้ากัน พวกเขาทั้งคู่ยืนห่างกันสิบก้าว
หรงซิวสะบัดแขนเสื้อขึ้น ทันใดนั้นลำแสงสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขา!
วินาทีนั้นเองลำแสงนั้นก็กระจายออกมาเป็นลำแสงสีเงินหลายเส้น ขณะที่อยู่กลางอากาศมันก็ก่อร่างสร้างตัวกลายเป็นกระดานหมากรุกขนาดใหญ่!
หรงซิวไพล่มือข้างหนึ่งไว้ด้านหลัง มุมปากปรากฏรอยยิ้มหลายส่วน
นี่เป็นกฎเริ่มต้นระหว่างพวกเขาทั้งสอง
ในสถานการณ์ทั่วไปที่ไม่ได้มีเงื่อนไขพิเศษ เมื่อเวลาพวกเขาประมือกัน ฉู่หลิวเยว่ก็ล้วนเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
แต่อย่างใดก็ตามฉู่หลิวเยว่ก็เป็นฝ่ายที่แพ้บ่อยกว่า
แต่ทว่า… หรงซิวอ่อนมือให้อย่างใดอย่างนั้น แม้กระทั่งฉู่หลิวเยว่ก็ยังไม่สามารถคาดเดาได้
แสงสว่างจางๆ บนกระดานหมากรุกสะท้อนเข้าที่ใบหน้าของนาง กลายเป็นความงดงามที่ไม่มีใครสามารถเทียบเทียม
ดวงตาดำขลับและสดใสคู่นั้นกลับดูสว่างเจิดจ้าอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่ยกมือขึ้น ในตอนนั้นเองตัวหมากสีชาดก็ถูกวางลงบนกระดาน
พรึ่บ!
หลังจากเสียงที่แผ่วเบานี้ พลังที่อยู่โดยรอบกระดานหมากรุกก็เกิดความผันผวนขึ้น
ทางด้านของหรงซิวก็ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย เขาวางหมากตามลงไปติดๆ!
พรึ่บ!
ครั้งนี้ก็เกิดระลอกคลื่นขึ้นอีกครั้ง คาดไม่ถึงว่าตอนที่ระลอกคลื่นบังเกิดขึ้น กลับมาทำลายระลอกคลื่นที่ฉู่หลิวเยว่เป็นคนสร้างขึ้น
ความสงบสุขกลับคืนสู่กระดานหมากรุกขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
พวกเขาเปลี่ยนพลังดั้งเดิมเป็นตัวหมากและใช้แข่งขันกันเอง นี่เป็นวิธีปกติที่พวกเขาทั้งสองคนใช้เล่นกัน
แต่การลงหมากในครั้งนี้จะต้องใช้สมาธิมากกว่าปกติ ไม่เพียงแค่จะต้องใช้พลังดั้งเดิมในการรวบรวมพลังสร้างตัวหมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องควบคุมให้หมากเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปอย่างมั่นคง ซึ่งเป็นการสูญเสียพลังมากจนคนธรรมดาต้องตกใจ
แต่ทว่าตอนนี้ ฉู่หลิวเยว่ได้กลับคืนสู่ผู้แข็งแกร่งระดับเทพแล้ว ดังนั้นนางถึงจะสามารถใช้วิธีนี้แข่งขันกับหรงซิวได้
ส่วนเรื่องแพ้ชนะนั้น… ก็ยังไม่ใช่แน่ใจ
ท้ายที่สุดแล้วหลายปีที่ผ่านมานี้ ต่อให้นางจะมีพัฒนาการไม่น้อย แต่หรงซิวก็ไม่ใช่สัตว์กินพืช
เวลาค่อยๆ เลื่อนผ่าน บนกระดานหมากรุกขนาดใหญ่มีแสงสว่างส่องเรืองรองออกมามากขึ้นเรื่อยๆ!
…
อีกด้านหนึ่ง หลังจากซั่งกวนจิ้งที่ถูกดูดเข้ามาในมิติแห่งความปั่นป่วน เขาก็ตกลงมาในห้วงความมืด ไม่สามารถมองเห็นอันใดได้อย่างชัดเจน
สิ่งเดียวที่เขาสามารถสัมผัสได้คือ เหมือนมีอันใดบางอย่างกำลังบดขยี้ร่างกายของเขาอย่างรุนแรง!
ในช่วงเวลานั้น ซั่งกวนจิ้งรู้สึกว่าเอ็นเลือดกล้ามเนื้อและกระดูกของตนเองถูกบดจนแหลกละเอียด!
ยังดีที่ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้คงอยู่นาน
หลังจากต่อสู้ดิ้นรนมาสักระยะหนึ่ง ตรงหน้าของเขาก็มีรอยแยกมิติสีดำปรากฏขึ้น เขาจึงฉวยโอกาสพุ่งตัวออกจากมิติที่ปั่นป่วนนี้
ตู้ม!
ท้องฟ้าตรงหน้าของซั่งกวนจิ้งสว่างขึ้น แสงสว่างเจิดจ้าทำให้เขาต้องหลับตาลงโดยไม่รู้ตัว
จากนั้นร่างกายของเขาก็ร่วงหล่นกระแทกพื้นทันที
โครม!
เสียงดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ทำให้เสียงนั้นดังชัดเจนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ซั่งกวนจิ้งอดกลั้นความเจ็บปวดภายในร่างกาย ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืนแล้วมองไปรอบกาย
ในตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำ ทุกสิ่งทุกอย่างดูมืดสนิท ยากที่จะแยกแยะสิ่งรอบข้างได้อย่างชัดเจน
อย่างใดก็ตามเมื่ออยู่ใต้ฟ้าสีดำ ท้องฟ้าที่อยู่ห่างไกล แต่มีกำแพงอันหนึ่งสามารถมองเห็นอย่างชัดเจน
ผนังทั้งหมดเป็นสีดำมีความสูงเป็นอย่างมาก และทอดยาวตลอดแนว เมื่อมองด้วยสายตา ก็ไม่สามารถมองเห็นปลายสุดของทั้งสองข้างได้
เมื่อเห็นกำแพงนั้น หัวใจของซั่งกวนจิ้งก็เต้นระรัวขึ้นอย่างรุนแรง!
เขาเคยเห็นกำแพงนี้มาก่อน!
เมื่อพันปีก่อนตอนที่เขามาถึงอาณาจักรเสิ่นซวี่เป็นครั้งแรก เขาก็ได้เห็นกำแพงนี้ได้อย่างบังเอิญ
ตอนนั้นเขาแค่รู้สึกประหลาดใจ ไม่รู้ว่าเหตุใดสุสานสังหารเทพแห่งนี้ถึงมีกำแพงที่ดูไกลสุดลูกหูลูกตาแบบนี้ได้
แต่ท้ายที่สุดแล้วทุกคนต่างก็รู้ดีว่า สงครามเลือดเมื่อหมื่นปีที่แล้วมีความโหดร้ายเป็นอย่างมาก
ผู้แข็งแกร่งระดับเทพจำนวนนับไม่ถ้วนจะต้องมาตายตกพร้อมกัน ซึ่งมันแทบจะทำให้ฟ้าดินผิดหวัง
แต่ทว่าคาดไม่ถึงว่าที่แห่งนี้จะมีกำแพงแบบนี้ด้วย มันช่างน่าประหลาดใจอย่างยิ่ง
น่าเสียดายที่ตอนนั้นเขาเพิ่งโดนหักหลัง เดิมทีจึงไม่มีแก่ใจไปคิดเรื่องอื่น ดังนั้นหลังจากกวาดสายตามองแล้ว เขาก็รีบจากไปที่อื่นอย่างรวดเร็ว
คิดไม่ถึงเลยว่าพันปีต่อมาเขาจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง และ… ได้มาเจอกับภาพเหตุการณ์เดิมๆ
รอบข้างไม่มีใครอยู่
มันเงียบเสียจนเขาสามารถได้ยินเสียงหัวใจของตนเอง
ซั่งกวนจิ้งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็สาวเท้าก้าวเข้าไปด้านหน้า!
สุสานสังหารเทพมีขนาดกว้างใหญ่ หากเขาเดาไม่ผิดแล้วละก็ สถานที่แห่งนี้จะต้องอยู่ห่างไกลจากที่ที่เขาจากมาแน่นอน
หากเขาอยากจะไปรวมตัวกับเยว่เออร์อีกครั้ง เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายดายแล้ว…
แต่ในถิ่นรกร้างว่างเปล่าเช่นนี้ มีเพียงกำแพงเช่นนี้ที่เป็นจุดสังเกตเดียวที่เห็นได้ชัด
ถ้าพวกนางสามารถมองเห็น บางที… ก็จะสามารถเจอกันที่นั่นได้!
ซั่งกวนจิ้งเดินตรงมาด้านหน้า ในขณะเดียวกันก็พยายามสำรวจลมปราณของฉู่หลิวเยว่และหรงซิวไปพร้อมกันด้วย
โชคดีที่ระหว่างการเดินทางเขาไม่พบอุปสรรคใดๆ อีก
แม้ว่าไม่สามารถสัมผัสลมปราณของทั้งสองคนได้ แต่ซั่งกวนจิ้งก็ไม่ย่อท้อ
ด้านหนึ่งฉู่หลิวเยว่มีไพ่ไม้ตายจำนวนมาก และฝีมือการต่อสู้ก็แข็งแกร่ง
และหรงซิวก็อยู่กับนางด้วย เขาสามารถปกป้องนางได้อย่างแน่นอน
หากเป็นก่อนหน้านี้ซั่งกวนจิ้งอาจจะยังมีความรู้สึกกังวลอยู่บ้าง
แต่หลังจากได้เห็นว่าหรงซิวใช้เวลาไม่ถึงสิบวันก็สามารถหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชาได้แล้ว เขาก็รู้ว่า ก่อนหน้านี้เขาประเมินอีกฝ่ายต่ำเกินไปแล้ว
……….