ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1638 ขอความช่วยเหลือ
ตอนที่ 1638 ขอความช่วยเหลือ
……….
หัวใจของฉู่หลิวเยว่ตึงเครียดขึ้นมาในทันที จากนั้นก็หันไปมองในป่า ก่อนจะพบว่าเสียงนั้นมันดังมาจากทั้งสี่ทิศแปดทาง จนไม่สามารถแยกแยะทิศทางได้
ซั่งกวนจิ้งขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดว่า
“ไม่ต้องกังวล นั่นเป็นเพียงแค่วิญญาณอาฆาตที่อยู่ในป่าวิญญาณสีชาดเท่านั้น”
“วิญญาณอาฆาต?”
“ถูกต้อง สิ่งที่เรียกว่าวิญญาณอาฆาตนั้น คือดวงวิญญาณของผู้บำเพ็ญเพียรที่เคยเดินทางผ่านป่าวิญญาณสีชาดเพื่อเข้าไปในสุสานสังหารเทพ เพราะว่าเขาถูกขังอยู่ที่นี่จนตาย ดังนั้นจิตวิญญาณของเขาจึงเต็มไปด้วยความเคียดแค้นและไม่ยินยอม เพราะว่าวิญญาณเหล่านี้ไม่มีจิตใต้สำนึกเป็นของตนเองแล้ว ตราบใดที่ไม่โคจรพลังปราณดั้งเดิม ก็จะไม่ถูกพวกมันค้นพบ และสามารถผ่านไปได้อย่างปลอดภัย”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างครุ่นคิด
“อย่างนี้นี่เอง…”
เสียงสะอึกสะอื้นที่น่าสงสาร เหมือนว่าจะดังอยู่ที่ข้างกาย
หลังจากเสียงนั้นดังกระทบเข้ากับโสตประสาทก็ทำให้คนรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาในทันที
จินตนาการได้ไม่ยากเลยว่าตอนที่คนเหล่านี้เสียชีวิตในป่าวิญญาณสีชาด พวกเขาจะต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใด
ยังดีที่ทั้งสามคนมีจิตใจแข็งแกร่ง ไม่ได้ถูกเสียงโหยหวนเหล่านั้นรบกวน และมุ่งหน้าเดินทาง
แต่ว่าหลังจากถูกเสียงเหล่านั้นรบกวน ซั่งกวนจิ้งก็ไม่ได้เล่าเรื่องเหล่านี้ต่อ
ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ได้ถามอันใดอีก
องค์ปฐมกษัตริย์มีนิสัยเรียบง่ายและเป็นอิสระอยู่เสมอ ฉู่หลิวเยว่สามารถมองออกว่า เรื่องราวในปีนั้น ส่งผลกระทบต่อเขาเป็นอย่างมาก
มากเสียจนเวลาผ่านมาพันปี เขาก็ยังไม่อยากจะพูดถึง
เป็นไปได้อย่างมากว่าเขายังไม่ปล่อยวาง…
ในความเป็นจริงเมื่อคิดไปแล้วก็สามารถเข้าใจได้
ตอนนั้นองค์ปฐมกษัตริย์บุกมาที่อาณาจักรเสิ่นซวี่ด้วยตัวคนเดียว และได้ยอมรับคนผู้หนึ่งเป็นสหาย เขาแทบจะฝากชีวิตความเป็นความตายไว้กับอีกฝ่าย
แต่อย่างใดก็ตามอีกฝ่ายทรยศเขาเพื่อชิงของวิเศษ…
เรื่องเหล่านี้ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใคร ก็เกรงว่าจะต้องเสียใจกันทั้งนั้น
แต่ว่าภายในใจของฉู่หลิวเยว่ นางกลับมีคำถามหนึ่งปรากฏขึ้น
ในตอนนั้นองค์ปฐมกษัตริย์เป็นช่างหลอมอาวุธระดับปรมาจารย์แล้ว ฐานะเช่นนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์และเซียนหมอระดับปรมาจารย์เลย
ดังนั้นคนผู้นั้น เหตุใดถึงเลือกของวิเศษที่ทำให้ทะลวงด่านจากผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงสู่ระดับเทพศักดิ์สิทธิ์แล้วทรยศองค์ปฐมกษัตริย์ อีกทั้งยังจะสังหารองค์ปฐมกษัตริย์ด้วย?
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะองค์ปฐมกษัตริย์ไม่ได้สนใจของสิ่งนี้เลย
ส่วนอีกด้านหนึ่ง แม้ว่าเขาจะได้ของวิเศษชิ้นนี้ไปและทะลวงด่านสู่ระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จ แต่เมื่อเทียบกับองค์ปฐมกษัตริย์ก็ถือว่ายังด้อยกว่าหนึ่งชั้น
แล้วเหตุใดเขาถึงต้องกระทำการเช่นนี้?
แต่องค์ปฐมกษัตริย์ไม่ได้พูดต่อ ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ได้ถาม
สำหรับองค์ปฐมกษัตริย์แล้ว การพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเหมือนเป็นการสะกิดแผลเก่าของเขาขึ้นมาอีกครั้ง
นางเม้มริมฝีปากแน่นและหลุบสายตาลง ระงับอารมณ์และความอยากรู้อยากเห็นลง ก่อนจะติดตามองค์ปฐมกษัตริย์ต่อไป
มีหลายครั้งที่ฉู่หลิวเยว่รู้สึกเจ็บหูเพราะเสียงครวญครางเหล่านั้น นางสามารถสัมผัสได้หลายครั้งว่า ด้านข้างของนางนั้นมีคนยืนอยู่ และคนผู้นั้นพร้อมจะลงมือสังหารนางได้ทุกเมื่อ
แต่สุดท้ายนางก็สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ไม่ไปสนใจสิ่งเหล่านั้น แล้วมุ่งหน้าต่อไป
ไม่รู้ว่าพวกเขาเดินทางมานานขนาดไหนแล้ว ในที่สุดเสียงหวีดแหลมที่อยู่ด้านข้างก็ลดเสียงลงไปแล้ว
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เสียงนั้นดังขึ้นอย่างต่อเนื่องและเป็นระยะเวลานาน ไม่รู้ว่าที่นี่เคยมีผู้เสียชีวิตไปแล้วกี่คน และยิ่งไม่รู้ว่าพื้นที่ที่ดูสะอาดสะอ้านเช่นนี้ได้ซ่อนโครงกระดูกเอาไว้ภายในอยู่จำนวนเท่าใด
เมื่อลมพัดมา ใบไม้ก็สั่นไหว
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตาไปมอง
บนต้นไม้สีดำ มีใบไม้สีแดงจำนวนนับไม่ถ้วนที่กำลังสั่นไหวตามแรงลม
ยิ่งนางเข้าใกล้มากเท่าไร นางก็สามารถมองเห็นเส้นเลือดที่อยู่บนใบไม้นั้นได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
นั่นไม่ใช่เส้นใยของใบไม้ปกติแน่นอน แต่มันค่อนข้าง… มีลักษณะคล้ายกับมือของมนุษย์!
อากาศเย็นยะเยือกตีขึ้นมาจากปลายเท้าของนาง!
ฉู่หลิวเยว่ถอนสายตาออกไปอย่างไร้เสียง ภายในสมองปรากฏภาพเหตุการณ์ของเมื่อคืน ใบไม้เหล่านั้นวูบไหวตามแรงลม เหมือนกับฝ่ามือที่เปื้อนเลือดโบกมือไปมา
ที่แท้…
ป่าวิญญาณสีชาดไม่ได้อยู่ในอาณาเขตของสุสานสังหารเทพด้วยซ้ำ แต่ยังอันตรายถึงขนาดนี้แล้ว
ไม่รู้ว่าหากเข้าไปในสุสานสังหารเทพ จะมีอันตรายชนิดใดรอพวกเขาอยู่…
“ด้านหน้าคือทางออกแล้ว”
ในตอนนั้นเอง คำพูดขององค์ปฐมกษัตริย์ก็ขัดจังหวะความคิดของฉู่หลิวเยว่
นางเงยหน้าแล้วมองไปตามเสียงนั้น และเห็นชายป่าอยู่ทางด้านหน้าอย่างเลือนรางแล้ว
เดินทางไปอีกประมาณครึ่งก้านธูปก็น่าจะออกจากที่นี่ได้อย่างราบรื่น
ฉู่หลิวเยว่ไม่กล้าลดความระแวดระวังลง
จึงทำได้เพียง…
“กรี๊ด!”
ในนั้นเสียงกรีดร้องก็ทำลายความเงียบภายในป่า!
ฉู่หลิวเยว่ตกใจสะดุ้งเฮือก!
นั่นไม่ใช่เสียงของวิญญาณอาฆาต แต่เป็นเสียงของมนุษย์!
อีกทั้งฟังแล้ว… ยังรู้สึกคุ้นหูอยู่เล็กน้อย!
ฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ หันกลับไปมองตามทิศทางของเสียงนั้น จากนั้นก็ได้เห็นเงาร่างไม่กี่ร่างที่คุ้นตาเป็นอย่างมาก!
นั่นคือหนานอวี่สิงและคนอื่นๆ!
เหมือนว่าพวกเขาจะกำลังเผชิญหน้ากับอันตรายอันใดบางอย่าง และกำลังรีบวิ่งมาทางนี้ด้วยความรวดเร็ว เขาวิ่งไปพลาง และบางครั้งก็ยังหันกลับไปมองที่ด้านหลัง ราวกับกำลังกลัวว่ามีอันใดบางอย่างไล่ตามมา
องค์ปฐมกษัตริย์สบถออกมายังอดไม่อยู่
ตอนนี้พวกเขากำลังจะออกจากที่นี่ได้สำเร็จแล้ว แต่ปัญหากลับวิ่งมาหา!
“ไปกันเถอะ!”
องค์ปฐมกษัตริย์ตะโกนขึ้นเสียงต่ำ! จากนั้นก็คว้าแขนของฉู่หลิวเยว่รีบมุ่งหน้าออกจากป่าแห่งนี้ด้วยความรวดเร็ว!
หรงซิวก็ติดตามมาอย่างใกล้ชิด
“ช้าก่อน! พวกเจ้า!”
เดิมทีหนานอวี่สิงก็รู้สึกตกตะลึงอย่างมาก เมื่อเห็นว่ามีเงาร่างมนุษย์อยู่ที่ด้านหน้า เขาจึงรีบตะโกนออกไปทันทีโดยไม่สนใจสิ่งใด
“ช่วยข้าด้วย! แล้วข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างหนักแน่นอน!”
เพราะว่าระยะห่างของทั้งสองฝ่ายไม่นับว่าใกล้กัน อีกทั้งในป่านี้ก็เป็นต้นไม้ทึบ เขาจึงมองเห็นไม่ชัดเจนว่าผู้ที่อยู่ด้านหน้าคือพรรคพวกของฉู่หลิวเยว่
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม
เมื่อได้ยินเสียงของหนานอวี่สิงร้อนรนเช่นนี้ กอปรกับเสียงหวีดแหลมของหนานอีอี เดาได้ไม่ยากเลยว่าตอนนี้พวกเขากำลังประสบปัญหาอยู่แน่นอน
แต่เป็นเพราะว่าองค์ปฐมกษัตริย์ตอบสนองได้รวดเร็วกว่า นางจึงไม่สามารถเห็นสถานการณ์ทางด้านนั้นได้อย่างชัดเจน
และเป็นเพราะว่าองค์ปฐมกษัตริย์ตอบสนองได้อย่างรุนแรง นางจึงยิ่งแน่ใจได้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
เมื่อคิดถึงตอนที่พวกเขาเข้ามาแรกๆ คนเหล่านั้นมีท่าทีกำเริบเสิบสานมากเพียงใด
แต่ตอนนี้กลับถูกพวกเขาบีบบังคับจนกลายเป็นเช่นนี้แล้ว เกรงว่าปัญหานี้จะไม่เล็กแน่นอน!
พวกนางกำลังออกไปอย่างปลอดภัย หากถูกคนเหล่านี้เป็นคนฉุดรั้งเอาไว้ ฉู่หลิวเยว่ไม่แน่ใจว่าตนเองนั้นจะใจดีต่อไปได้หรือไม่
แต่เป็นเพราะว่าภายในป่าไม่สามารถใช้พลังปราณดั้งเดิมได้ ดังนั้นความเร็วของพวกเขาจึงไม่ได้สูงนัก
ในทางกลับกันคนเหล่านั้นที่ถูกบังคับให้อยู่บนความเป็นความตายจะมาสนใจเรื่องเหล่านี้ที่ไหนกัน? พวกเขารู้เพียงว่าต้องทุ่มกำลังทั้งหมดเพื่อหนีให้เร็วที่สุด!
ระยะห่างของทั้งสองฝ่ายลดลงอย่างรวดเร็ว
ฉู่หลิวเยว่ได้ยินเสียงสวบสาบแปลกประหลาดดังขึ้นมาจากด้านหลังของตนเองแล้ว
นางจึงหันกลับไปมองอย่างอดไม่ได้
แต่สิ่งที่เห็นทำให้รูม่านตาของนางหดเล็กลง!
หนานอวี่สิงและคนอื่นๆ ที่กำลังวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง
หนานอีอีมีสีหน้าตื่นตระหนก ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
แขนซ้ายมีบาดแผลเพิ่มขึ้นมา
แม้ว่าจะถูกพันด้วยผ้าพันแผลอย่างดีแล้ว แต่ก็ยังมีเลือดสีแดงไหลซึมออกมา
ผู้อาวุโสทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังก็กำลังทำหน้าที่คุ้มครองพวกเขาอยู่ แต่ดูเหมือนว่าสภาพจะไม่ค่อยดี
แต่ด้านหลังของพวกเขานั้น มีใบไม้สีแดงจำนวนนับไม่ถ้วนติดตามมาอย่างใกล้ชิดและรวดเร็ว!
ไม่ว่าใบไม้เหล่านั้นจะผ่านไปที่ใด รอยแยกสีดำของมิติก็ปรากฏขึ้นมาในทันที!
ราวกับว่าสามารถกลืนกินคนเหล่านั้นเมื่อใดก็ได้!
……….