ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1636 โดดเด่นมากเกินไป
ตอนที่ 1636 โดดเด่นมากเกินไป
……….
ใบหน้าของนางมีรอยยิ้มประดับอยู่ น้ำเสียงกระจ่างใสและอ่อนโยน เหมือนกับกำลังพูดว่าวันนี้อากาศดีมากเลย
แต่อย่างใดก็ตามประโยคที่เรียบง่ายเหล่านี้ ทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไปในทันที
หนานอวี่สิงมีใบหน้าดำคล้ำ
หนานอีอีเบิกตากว้าง ภายในแววตาเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธและอับอาย
ผู้อาวุโสทั้งสองที่ยืนอยู่ด้านหลังพวกเขาก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา เผยจิตสังหารอันดุร้ายกระจายออกมาอยู่หลายส่วน
มีเพียงโอรสสวรรค์เท่านั้นที่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้นหลังจากได้ยิน
ชอบใจมาก
ชอบใจอย่างที่สุด
เดิมทีเขายังรู้สึกโกรธในความไร้เหตุผลของอีกฝ่าย แต่หลังจากได้ยินคำพูดนั้น ความโกรธที่มีก็จางหายไปทั้งหมด
เขาเดินเข้าไปพร้อมยื่นแขนข้างหนึ่งโอบเอวของฉู่หลิวเยว่เอาไว้
ฉู่หลิวเยว่ยังจำคำว่า ‘รสเปรี้ยว’ ที่พูดขึ้นเมื่อครู่ได้ นางจึงหันกลับไปมองหน้าเขา และพยายามจะผละออกจากอ้อมกอดของเขา
“ภรรยาพูดได้ถูกต้อง”
เอวของนางบางมากจนสามารถโอบได้ด้วยแขนข้างเดียว
หรงซิวโอบเอวนางเอาไว้แน่น จากนั้นเขาส่งสายตาบอกให้นาง “ร่วมมือ” พร้อมส่งรอยยิ้มคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
ฉู่หลิวเยว่กัดฟันกรอด
ผู้ชายคนนี้ฉวยโอกาสเก่งจริงๆ!
นางหัวเราะเสียงเบาในใจและไม่ได้ขยับเขยื้อนตัวอีก ปล่อยให้แขนของหรงซิวโอบรอบเอวของนางเอาไว้
โอรสสวรรค์รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง แม้กระทั่งมองหน้าอีกฝ่ายก็ยังรู้สึกสบายตาขึ้นมาหลายส่วน
“มีอันใดหรือ สิ่งที่ภรรยาของข้าพูดเมื่อครู่นี้ พวกเจ้ายังได้ยินไม่ชัดเจนหรือ?”
แม้ว่าตอนที่เขาพูดเช่นนั้นเขาก็พูดให้กับทุกคนได้ยิน
แต่หนานอีอีกลับรู้สึกว่าคำพูดนี้ของเขาพุ่งเป้ามาที่นางคนเดียว
เพื่อปกป้องแม่นางคนนั้น คาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่ไว้หน้ากันเช่นนี้…
ปลายจมูกของนางเปลี่ยนเป็นสีแดง ดวงตาแดงก่ำขึ้นมาในทันที
ในช่วงเวลาปักปิ่นมีคนมากมายอยากจะขอนางแต่งงาน!
และนางไม่เคยพ่ายแพ้ต่อหน้าผู้ชายคนไหนมาก่อน!
นางกัดฟันกรอด ในที่สุดก็เดินสาวเท้าออกมาหนึ่งก้าวอย่างอดไม่ได้
“เจ้าต้องตอบคำถามข้ามาหนึ่งข้อ แล้วข้าจะไปเอง!”
หรงซิวหรี่ตาลงแล้วมองไปอย่างหมดความอดทน
อีกสักแค่หนึ่งประโยคเขาก็เกียจคร้านเกินกว่าจะพูดกับแม่นางคนนี้
น่าเสียดายที่ในเวลานี้หนานอีอีกลับให้ความสนใจแต่เรื่องของตนเองเท่านั้น จึงไม่ได้รอคำตอบของหรงซิว และถามออกมาในทันที
นางยกมือขึ้นแล้วชี้ไปทางฉู่หลิวเยว่
“ข้าแย่กว่านางที่ตรงไหนกัน?”
ต่อให้เป็นภรรยากันแล้ว ใช่ว่าเขาจะมีอีกไม่ได้!
แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีความตั้งใจเช่นนี้
ตอนที่เขามองนางสามารถมองเห็นความรังเกียจและหมดความอดทนจากในแววตาของเขาได้อย่างชัดเจน
แต่ตอนที่มองแม่นางคนนั้นสายตากลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
หนานอีอีไม่เข้าใจ
หรือว่านางจะทำอันใดให้เขาไม่พอใจจริงๆ?
ส่วนฉู่หลิวเยว่ที่ตกเป็นเป้าหมายอีกครั้ง
น้ำเสียงเช่นนี้…เหตุใดเหมือนกับกำลังกล่าวโทษชู้อยู่เลย?
แม่นางคนนี้เหมือนว่าจะชื่อ “อีอี” อันใดสักอย่าง แต่เหมือนว่าโรคที่เป็นไม่น่าจะใช่โรคประสาทธรรมดาแล้ว
ขอเพียงแค่นางคิด ทุกอย่างบนโลกใบนี้ก็ควรจะเป็นของนางทั้งหมดอย่างนั้นหรือ?
ฉู่หลิวเยว่ยังยืนอยู่ตรงนี้ คำว่า “สามี” นางก็พูดออกมาอย่างชัดเจนแล้ว
แต่อีกฝ่ายไม่ได้ยินที่นางพูดเลยหรือ?
แม้กระทั่งโกรธฉู่หลิวเยว่ก็ยังขี้เกียจ
หากสู้กับคนโง่ ตัวเองอาจจะต้องกลายเป็นคนเช่นนั้นด้วย
อีกทั้งเมื่อหรงซิวได้ยินคำพูดนั้นก็เหมือนว่าจะไม่ได้รู้สึกโกรธเลย
เขาเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย น้ำเสียงราบเรียบ แล้วพูดออกมาทีละคำว่า
“เพราะว่าเจ้าอัปลักษณ์”
…
เพราะว่าเจ้าอัปลักษณ์
เจ้าอัปลักษณ์
อัปลักษณ์
ทันทีที่สิ้นเสียงของหรงซิว ทุกอย่างที่อยู่รอบกายก็ตกอยู่ในความเงียบทันที
หนานอีอีเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย สีหน้าของนางเหม่อลอยไปชั่วขณะหนึ่ง ราวกับสงสัยว่าตนเองนั้นหูฝาดไป
แต่คำพูดประโยคนั้นก็ยังดังก้องอยู่ในสมองของนางซ้ำไปซ้ำมา นางจะแสร้งทำเป็นหูฝาดหรือฟังไม่เข้าใจก็ไม่ได้แล้ว!
จะมีประโยคไหนโจมตีแม่นางที่เพิ่งตกหลุมรักได้รุนแรงไปกว่าประโยคนี้อีกหรือไม่?
ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเหมือนกับเซียนที่ถูกเนรเทศ และทำให้หัวใจของนางสั่นไหวไปทั้งหมด
แต่เขากลับพูดแบบนี้กับนาง
แต่ที่น่าแค้นใจยิ่งกว่า คือนางไม่สามารถโต้เถียงอันใดได้เลย!
แม้ว่านางจะงดงาม แต่เมื่อเทียบกับผู้หญิงชุดแดงที่ยืนอยู่ข้างกายของเขา นางก็ด้อยกว่าจริงๆ
คำว่า “อัปลักษณ์” เหมือนกับเป็นการตบหน้านางฉาดใหญ่
น้ำเสียงของเขาราบเรียบแต่กลับเมินเฉย เหมือนกับมีดอันแหลมคมแทงเข้าที่หัวใจของหนานอีอีอย่างแรง!
หนานอีอีหนาวสะท้านไปทั้งร่าง ใบหน้าซีดขาว ร่างกายโงนเงน จนเกือบจะล้มลงไป!
“อีอี!”
หนานอวี่สิงรีบพุ่งตัวมาด้านหน้าแล้วประคองร่างของนางเอาไว้
เมื่อเห็นท่าทางทุกข์ทรมานน่าสงสารของนาง ความโกรธภายในใจของเขาก็ปะทุขึ้นมาทันที
แบบนี้มันรังแกกันเกินไปแล้ว!
“เจ้า! พวกเจ้า!”
“นางไม่ได้ต้องการคำตอบนี้ พูดความจริงออกมา”
หรงซิวขมวดคิ้วมุ่น
“เหตุใดหรือฟังความจริงแค่หนึ่งประโยค ถึงกับรับไม่ได้เช่นนี้เลยหรือ? แบบนี้มันอ่อนแอเปราะบางมากเกินไปแล้ว พวกเจ้าจะไม่พานางกลับไปพักรักษาตัวที่บ้านจริงๆ หรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ลอบยกนิ้วโป้งให้กับโอรสสวรรค์ภายในใจ
โดยปกติแล้วผู้ชายคนนี้เป็นคนที่พูดน้อยและเย็นชามาโดยตลอด
ยากนักที่จะได้เห็นเขาพูดยาวขนาดนี้ อีกทั้งคำพูดแต่ละคำล้วนแสบทรวงทั้งนั้น
หึ
ฉู่หลิวเยว่เกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจหนานอีอีอยู่หลายส่วน
แม่นางทั่วไปเมื่อเห็นหรงซิวก็จะได้รับแรงกดดันอย่างไม่รู้ตัว จนไม่กล้าเข้าใกล้ ได้แต่มองในระยะไกลเท่านั้น
แต่หนานอีอีไม่เหมือนกัน
นางอาจจะรู้สึกว่าตนเองดีมากพอ ดังนั้นจึงดื้อรั้นเป็นอย่างมาก และเข้ามาปะทะโดยตรง
แต่แน่นอนด้วยสมองอย่างนาง หากวันนี้นางไม่โดนหรงซิวจัดการ วันหลังนางก็จะต้องก่อความวุ่นวายเพิ่มขึ้นมาอีกแน่นอน
ซั่งกวนจิ้งที่ยืนอยู่ด้านข้างก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
ไม่เลว
เจ้าเด็กคนนี้พูดได้ดีทีเดียว
สามารถเอาชนะใจเขาได้ขาดลอย!
…
หนานอวี่สิงมีใบหน้าเขียวคล้ำ ตรงหน้าผากมีเส้นเลือดสีเขียวปูดโปน ในตอนนั้นเขาอยากจะสับอีกฝ่ายเป็นพันๆ หมื่นๆ ชิ้น!
แต่ว่าการกระทำเมื่อครู่นี้ของหนานอีอี พูดได้เพียงว่า “ทำตัวเอง”
เดิมทีเขาอยากจะขัดขวาง แต่ขวางเอาไว้ไม่ทัน แต่เมื่อคิดไปคิดมาแล้ว ปล่อยให้นางได้พูดออกไปจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องมีอันใดติดค้าง
แต่ใครจะรู้เล่าว่าผู้ชายคนนี้จะโหดร้ายถึงเพียงนี้!
ด้านหนึ่งหนานอวี่สิงก็โกรธหนานอีอีที่ไม่มีใจสู้ อีกด้านหนึ่งก็โกรธที่อีกฝ่ายทำเกินไป เพลิงโกรธภายในใจของเขาจึงปะทุขึ้น!
“เมื่อตอบไปแล้ว ตอนนี้พวกเจ้าก็ไปได้แล้วสินะ?”
หรงซิวยังคงคิดว่ามันไม่เพียงพอจึงแทงซ้ำเข้าไปอย่างรวดเร็ว
หนานอีอีมีใบหน้าซีดขาว น้ำตาไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็ผละตัวออกมาจากหนานอวี่สิง ก่อนจะหมุนตัวแล้ววิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ต่อให้นางหน้าหนามากกว่านี้ แต่ก็ไม่สามารถอยู่ที่แห่งนี้ต่อไปได้อีกแล้ว
“อีอี!”
หนานอวี่สิงตกใจเป็นอย่างมากและรีบวิ่งตามไป
เมื่อวิ่งออกไปได้สองก้าว เขาก็หันกลับมาแล้วกัดฟันพูดว่า
“ดี! บัญชีในวันนี้ข้าจะจดจำเอาไว้! พวกเจ้ารอคอยให้ดีเถอะ ขณะที่อยู่ในสุสานสังหารเทพก็อย่าได้มาบังเอิญเจอพวกเราก็แล้วกัน! ไม่อย่างนั้น…”
คำพูดที่เหลือไม่ต้องพูด ทุกคนก็รู้ว่ามันหมายความว่าอย่างใด
หรงซิวพยักหน้า
“ไม่ส่งนะขอรับ”
มีน้องสาวเป็นตัวถ่วงเช่นนี้ เมื่อเข้าไปในสุสานสังหารเทพ คนที่น่าจะเป็นอันตรายน่าจะเป็นพวกเขามากกว่า
หนานอวี่สิงสำลักไป พร้อมมองหรงซิวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร จากนั้นก็หมุนตัวออกไป ก่อนจะวิ่งไล่ตามหนานอีอีไป
อาวุโสทั้งสองท่านก็ติดตามไป
เงาร่างของพวกเขาหลายคนก็ห่างไกลออกไปอย่างรวดเร็ว
…
ในที่สุดก็เงียบเสียงลง
ฉู่หลิวเยว่ถอนสายตากลับมา แล้วหันไปมองหน้าหรงซิวด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“หรือว่านี่เป็นข้อดีข้อเดียวที่ข้าเหนือกว่านางอย่างนั้นหรือ?”
หรงซิวหัวเราะเสียงต่ำ
“ไม่ แต่เป็นเพราะว่าเจ้าโดดเด่นมากเกินไป ข้าอยากเก็บเอาไว้ดูคนเดียว”
……….