ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1629 ก่อเรื่อง
ตอนที่ 1629 ก่อเรื่อง
……….
ผู้อาวุโสไป๋ถงที่ถูกตำหนิก็ไม่พูดไม่จา
ระหว่างคิ้วของหนานอวี่สิงขยับไปเล็กน้อย พร้อมหันไปมองหนานอีอีด้วยสายตาสำรวจตรวจสอบ
“อีอี เหตุใดเจ้าถึงต้องเข้าข้างคนผู้นั้น?”
น้องสาวของเขาคนนี้ มีนิสัยเย่อหยิ่งตั้งแต่เด็กจนโต
โดยปกติแล้ว แม้กระทั่งคนในครอบครัว หากอยากได้ยินคำพูดจาดีๆ สักคำ เกรงว่าพวกเขายังไม่มีคุณสมบัตินั้นเลย
แต่ชายหนุ่มคนนั้นเป็นคนแปลกหน้า คาดไม่ถึงเลยว่านางจะพูดเช่นนี้ ซึ่งมันน่าเหลือเชื่ออย่างมาก
หนานอีอีถูกเขามองจนใบหน้าร้อนผ่าว นางเบนสายตาไปทางอื่น แล้วพูดขึ้นอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อยว่า
“ข้าไม่ได้เข้าข้างเขา ข้าเพียงแค่พูดความจริงเท่านั้น! พี่ใหญ่ หรือว่าท่านลืมสิ่งที่ท่านพ่อกำชับมาก่อนเดินทางแล้วหรือ เขาไม่ให้พวกเราก่อเรื่องโดยใช่เหตุมิใช่หรือ?”
หนานอวี่สิงเหลือบสายตามองเขาโดยไม่ได้พูดอันใด
หรือว่านางจะจำได้จริงๆ
น่าเสียดายที่เหมือนนางเกือบจะลืมไปแล้วว่า คำพูดเหล่านี้ท่านพ่อกำชับกับนางเพียงคนเดียวเท่านั้น
“เดิมทีแล้ว คนพวกนั้นก็ไม่ได้ตั้งใจเข้ามาหาเรื่องพวกเรา แล้วเหตุใดพวกเราต้องไปหาเรื่องเขาด้วยล่ะ?”
หนานอีอีเม้มริมฝีปาก
ตอนที่ผู้ชายคนนั้นมองมา สายตาของเขานั้นราบเรียบเย็นชาเป็นอย่างมาก ไม่แม้แต่จะเหลือบสายตามามองนางเลย
“ข้าเหนื่อยแล้ว ข้าต้องการพักผ่อน”
เมื่อเห็นว่าหนานอีอีพูดขึ้นเช่นนี้ หนานอวี่สิงก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา
“เอาล่ะ พวกเราไม่ตามไปหาเรื่องเขาก็พอใจแล้วใช่หรือไม่? สิ่งที่เจ้าพูดมาก็ถูก ตอนนี้พวกเรามาถึงป่าวิญญาณสีชาดแล้ว พรุ่งนี้ตอนเช้าก็สามารถเดินทางไปที่สุสานสังหารเทพได้แล้ว ดังนั้นไม่มีเรื่องจะดีกว่า”
เขากวาดสายตามองรอบข้าง ก่อนจะชี้ไปยังตำแหน่งหนึ่ง
“พวกเราไปพักกันทางนั้นเถอะ”
จากนั้นพวกเขาทั้งหลายก็มุ่งหน้าไปยังตำแหน่งนั้น
ขณะที่เดินไป หนานอีอีก็หันกลับไปมองอยู่สองสามครั้ง
น่าเสียดายที่ตอนกลางคืนมืดมาก ดังนั้นจึงไม่สามารถมองเห็นเงาร่างชายชุดขาวรูปร่างสง่างามที่ขาวกว่าหิมะได้อีกแล้ว
นางถอนสายตากลับมาด้วยความผิดหวัง ก่อนจะเดินตามหนานอวี่สิงไปนั่งที่ด้านหลังของหินก้อนใหญ่
หนานอวี่สิงยังเหลือบสายตามองนางอยู่เล็กน้อย ดวงตาลึกล้ำ
ความคิดเล็กน้อยของหนานอีอีจะรอดพ้นสายตาของเขาไปได้อย่างใด?
นางไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้น ตอนนี้เหมือนกับนางสนใจผู้ชายคนนั้นไปแล้ว… แปดส่วน!
หนานอวี่สิงขมวดคิ้วขึ้น
ความจริงแล้วหนานอีอีก็ถึงวัยแต่งงานแล้ว แต่นางยังคงติดเล่น ตระกูลแนะนำใครมาให้นาง นางก็ไม่สนใจท่าเดียว
มีครั้งหนึ่งท่านพ่อวางแผนการหมั้นหมายให้แก่นาง แต่สุดท้ายแผนการนี้ก็ล่มเพราะนาง
จากนั้นท่านพ่อจึงยอมรามือแต่โดยดี ไม่สนใจเรื่องนี้อีกต่อไป รอให้นางสงบลงเมื่อไรค่อยว่ากัน
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า… นางจะชอบผู้ชายที่ไม่ทราบแม้กระทั่งชื่อและฐานะที่ด้านนอกป่าวิญญาณสีชาด?
เป็นเช่นนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน
หนานอวี่สิงนั่งขัดสมาธิลง ก่อนจะเคาะนิ้วลงบนหัวเข่า
หากนางเพียงแค่ใจเต้นเล็กน้อยก็ช่างเถอะ
แต่ถ้าหากต้องการทำอันใดจริงจังขึ้นมา… เขาจำเป็นต้องพิจารณากันอีกครั้งแล้ว
“ผู้อาวุโสทั้งสองท่าน ท่านดูออกหรือไม่ว่าบุคคลเมื่อครู่นี้อยู่ในระดับใด?”
หนานอวี่สิงครุ่นคิดอยู่สักพัก แล้วถามขึ้น
ผู้อาวุโสทั้งสองมองหน้ากัน จากนั้นก็ส่ายหน้า
หนานอวี่สิงชะงักไปเล็กน้อย
ผู้อาวุโสทั้งสองมีสายตาเฉียบแหลม แม้กระทั่งพวกเขายังไม่สามารถมองออก นั่นก็หมายความว่าอีกฝ่ายมีฝีมือจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้น…
เมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้กันมากขนาดนั้น แต่พวกเขายังไม่สามารถสังเกตถึงการมีตัวตนของคนผู้นั้นได้เลย!
หากเขาไม่บังเอิญเงยหน้าขึ้นไปมอง…
สรุปแล้วว่าไม่สามารถดูแคลนคนผู้นั้นได้เลย!
“เมื่ออยู่ด้านนอกจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ!”
หนานอวี่สิงพูดขึ้น
“ยิ่งไปกว่านั้นพรุ่งนี้พวกเราจะเดินทางไปยังสุสานสังหารเทพแล้ว จะให้เกิดข้อผิดพลาดใดๆ ไม่ได้เด็ดขาด”
ผู้อาวุโสทั้งสองมีสีหน้าตึงเครียดขึ้นมาทันที
“ขอรับ!”
“และอีกอย่าง… ในเมื่อเขาปรากฏในที่แห่งนี้ มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าเขามาที่นี่เพื่อเดินทางไปยังสุสานสังหารเทพ พรุ่งนี้พวกเราจำเป็นต้องแยกการเดินทางกับเขา”
“ขอรับ!”
หนานอีอีพูดขึ้นมาอย่างกะทันหันด้วยความไม่พอใจ
“พี่ใหญ่ เหตุใดเล่า!”
หนานอวี่สิงเหลือบสายตามองนาง
“เจ้าคิดว่าอย่างใดล่ะ? พวกเรามาที่นี่ไม่ได้มาเพื่อเที่ยวเล่นนะ”
เขาต้องช่วยนางหาของสิ่งนั้นให้เร็วที่สุด และรีบกลับบ้าน
หนานอีอีรู้สึกท้อแท้ขึ้นมาในทันที
ไม่ว่านางจะทำตัวกำเริบเสิบสานหรือวางอำนาจบาตรใหญ่มากเพียงใด แต่นางก็รู้ว่าเรื่องในครั้งนี้สำคัญเป็นอย่างมาก สะเพร่าไม่ได้เด็ดขาด
ทุกครั้งที่พี่ใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ นางก็รู้ว่าตนเองไม่สามารถก่อเรื่องต่อไปได้แล้ว
“…เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
นางหลุบตาลงต่ำ แล้วเม้มริมฝีปาก
ไม่เจอก็ไม่เป็นไร
ไม่ว่าอย่างใดนางก็จดจำลักษณะท่าทางของชายคนนั้นเอาไว้ทั้งหมดแล้ว
แม้ว่านางจะมองเห็นใบหน้าไม่ชัดเจน แต่คนที่เย่อหยิ่งและดูสูงส่งเช่นนี้ จะต้องเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากแน่นอน
ตราบใดที่นางสืบเรื่องราวได้เพียงเล็กน้อย การทราบข้อมูลของอีกฝ่ายก็เป็นเรื่องง่ายดาย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็สามารถระงับความงุ่นง่านที่อยู่ภายในจิตใจลงได้
ครั้นเห็นว่าในที่สุดนางก็เชื่อฟังแล้ว หนานอวี่สิงจึงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
“เอาล่ะ ตอนนี้ก็ดึกมากพอแล้ว ทุกคนรีบไปพัก…”
เปรี้ยง!
ทันใดนั้นบนท้องฟ้าก็มีเสียงคำรามดังสนั่นขึ้น!
พวกเขาทั้งหลายรีบเงยหน้ามองโดยพร้อมเพรียง!
จากนั้นก็เห็นว่ากลางอากาศมีเมฆดำมารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว แสงจันทร์อันสุขสกาวก็ถูกบดบังในทันที
หลังจากนั้นก็มีแสงสว่างสายหนึ่ง ทัณฑ์สวรรค์ที่มีรูปร่างคล้ายงูสีเงินก็ปรากฏขึ้นภายในชั้นเมฆ!
ทันใดนั้นเองแสงสว่างที่เหมือนมีดก็ฉีกความดำมืดยามราตรีออก!
ผู้อาวุโสไป๋ถงพูดขึ้นมาว่า
“ดูนั่นสิ! เหมือนว่าคนผู้นั้นกำลังเตรียมตัวจะหลอมอาวุธโบราณ!”
คนทั้งหลายหันมองไปอย่างตั้งใจ จากนั้นเขาก็เห็นว่า ชายชุดขาวที่เขาพบอยู่เมื่อครู่นี้ ในตอนนี้กำลังยืนอยู่ในพื้นที่โล่งและห่างออกไป
ท้องฟ้าเหนือศีรษะของเขา เป็นที่ที่มีทัณฑ์สวรรค์ปรากฏขึ้นมา!
ที่แห่งนั้นมีกองหินถมซ้อนกัน กอปรกับความมืดมิด ดังนั้นเมื่อครู่นี้พวกเขาจึงไม่เห็นอีกฝ่าย
หนานอีอีรู้สึกดีใจขึ้นมาก่อน จากนั้นนางก็หันไปถามผู้อาวุโสชุดดำด้วยความสงสัยว่า
“ผู้อาวุโสอูเผิง เขากำลังจะหลอมอาวุธจริงหรือ?”
ผู้อาวุโสอูเผิงเป็นช่างหลอมอาวุธ ดังนั้นจึงมีสิทธิ์พูดในเรื่องเหล่านี้
แม้ว่าผู้อาวุโสอูเผิงจะมีใบหน้าเย็นชาเช่นเดิม แต่เขาก็พยักหน้า
“คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นช่างหลอมอาวุธ… ผู้อาวุโสอูเผิง ท่านสามารถบอกได้หรือไม่ว่าเขาอยู่ในระดับใด?”
หนานอีอีถามขึ้นอย่างสงสัย
ผู้อาวุโสอูเผิงเงยหน้ามองท้องฟ้า ก่อนจะครุ่นคิดแล้วพูดขึ้นว่า
“ตอนนี้ยังไม่ค่อยมั่นใจนัก… แต่ว่าคนผู้นี้สามารถอัญเชิญทัณฑ์สวรรค์ได้อย่างรวดเร็วมาก ดังนั้นเขาน่าจะแข็งแกร่งอยู่ไม่น้อย”
ดวงตาของหนานอีอีเปล่งประกาย
เปรี้ยง!
หลังจากนั้นไม่นาน ทัณฑ์สวรรค์ที่อยู่บนท้องฟ้าก็รวมตัวอย่างรวดเร็ว!
เมื่อผ่านไปสักพักบนท้องฟ้าก็มีทัณฑ์สวรรค์จำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น แทบจะกลายเป็นทะเลอัสนีบาตแล้ว!
“… อย่างน้อยนี่ก็คืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงใช่หรือไม่?”
หนานอีอีถามขึ้นอย่างสงสัย
แม้ว่านางไม่ใช่ช่างหลอมอาวุธ แต่ตั้งแต่เด็กนางก็เคยเห็นการหลอมอาวุธมาไม่น้อย ดังนั้นนับว่านางก็มีประสบการณ์อยู่บ้าง
ผู้อาวุโสอูเผิงพยักหน้า
“มันเป็นเพียงแค่การหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงเท่านั้น มีอันใดน่าดูกัน”
เมื่อหนานอวี่สิงเห็นปฏิกิริยาของหนานอีอีเขาก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก และทำปากยื่นปากยาว
หนานอีอีหัวเราะเสียงเบา
“ไม่มีอันใดน่าดู แต่ร้ายดีอย่างใดเขาก็เป็นช่างหลอมอาวุธ! เพียงแค่เรื่องนี้ เขาก็แข็งแกร่งมากกว่าข้าแล้ว!”
ดูเหมือนว่าชายหนุ่มผู้นั้นจะอายุไม่มาก
อายุยี่สิบกว่าได้เป็นช่างหลอมโอสถระดับสูง ซึ่งก็นับว่าไม่เลวเลย
และในตอนนั้นเอง ผู้อาวุโสอูเผิงก็สาวเท้าก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ
หนานอีอีถามขึ้นด้วยความประหลาดใจว่า
“ผู้อาวุโสอูเผิง เป็นอันใดไปหรือ?”
……….